คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เสน่หาไร้ปราณี - Prologue - ริเอะจัง 110 %
Prologue
ริเอะจัง
ณ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองธุรกิจของประเทศญี่ปุ่น
ทันทีที่รถไฟจอดเทียบชาญชลา พนักงานออฟฟิศสาว 'ริเอะ อายูคาวะ' ก็ก้าวเข้าในขบวนรถที่มีผู้คนคราคร่ำเป็นจำนวนมากมาย
หญิงสาวพาร่างกายตัวเองเบียดเสียดไปกับผู้โดยสารหลายสิบชีวิตเพื่อหาที่ยึดเกาะ แต่ขณะที่รถไฟออกตัวด้วยแรงกระชากเล็กน้อยนั้น ริเอะที่ยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงก็แทบล้มคว่ำหน้าขมำเนื่องจากตั้งหลักไม่ทัน แต่ก็นับว่าโชคยังดีที่มีชายกลางคน...คนหนึ่ง ใจดีคว้าแขนของหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน
ริเอะยิ้มให้ชายคนนั้นแทนคำขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ ก่อนจะรีบใช้มือข้างหนึ่งเกาะห่วงที่ว่างอยู่เหนือศีรษะเพื่อประคองตนเองไม่ให้ล้มคว่ำยืนซวนเซจนพาลคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยอีก
ขณะที่รถไฟกำลังมุ่งหน้าไปยังปลายทางและริเอะกำลังจิตใจจดจ่ออยู่กับการสัมภาษณ์งานครั้งสุดท้ายของวันนี้นั้น หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของชายต่างวัยกันหลายสิบคู่ทอดมองมายังเรือนร่างที่แน่นตึงภายใต้เสื้อสูทพอดีตัว และกระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขายาวน่ามอง
ริเอะเป็นหญิงสาววัยที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ และกำลังหางานที่มั่นคงทำ เธอเป็นสาวที่ค่อนข้างมีสัดส่วนชัดเจน สูงในระดับมาตรฐานของหญิงสาวทั่วไป ทว่าหน้าอกกับสะโพกที่นูนเว้าชัดเจนเผยความเป็นหญิงนั้น ทำให้เรียกสายตาของต่างเพศได้อย่างดี
และไม่ใช่แค่เพียงรูปร่างที่ชวนให้เหลียวหลังเท่านั้น แต่หน้าตาที่น่ารัก ดวงตากลมโตเปล่งประกาย ขนตางอนล้อมกรอบตาในแบบฉบับสาวญี่ปุ่น จมูกโด่งนิดหน่อย กับเรียวปากที่เผยยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ก็ทำให้ชายหลายคนอยากได้เธอไปเป็นคู่ควงด้วยกันทั้งนั้น แม้กระทั่งชายบางคนที่มองมา ก็เผลอไผลคิดเตลิดกับเธอไปไกลจนยากจะกู่กลับแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นริเอะจังก็ไม่ได้สนใจความหื่นกระหายของผู้ชายคนไหนเลย
ความใฝ่ฝันสูงสุดของริเอะจังคือการยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร นั่นเพราะครอบครัวของเธอไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่น พ่อของเธอเป็นชาวญี่ปุ่นมีนิสัยชอบเล่นการพนัน หรือจะเรียกว่านักพนันตัวยงก็คงไม่ผิดนัก แม้ปัจจุบันท่านจะเปิดร้านขายอูด้งเล็กๆ เพื่อส่งเสียเธอเรียนและหาเลี้ยงชีพก็ตาม
‘เอจิ อายูคาวะ’ พ่อของเธอเลิกรากับแม่ที่เป็นสาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นไปตั้งแต่เธออายุได้เพียง 5 ขวบ ทีแรกริเอะจังอาศัยอยู่กับ ‘ฮานาโกะ’ ผู้เป็นมารดา...หลังจากที่แม่กับพ่อแยกทางกัน
เธออยู่กับฮานาโกะจนกระทั่งตนเองอายุ 12 ปี แต่ก่อนหน้านั้นหลังจากฮานาโกะเลิกรากับเอจิได้ไม่นาน ฮานาโกะก็แต่งงานใหม่กับนักธุรกิจรุ่นราวคราวพ่อคนหนึ่ง เขารวยมาก มีทั้งตึก และกิจการมากมายในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีที่ดินผืนงามราคาแพงอยู่ในมือแบบนับไม่ถ้วน
ริเอะจังยอมรับว่าในตอนที่เธอยังเด็กนั้น เธอตื่นเต้นกับชีวิตที่ร่ำรวยหรูหรามาก เธอหลุดพ้นจากความยากจน เบื่อที่ต้องคอยหลบเจ้าหนี้ของพ่อ จากขุมนรกบนดินเหมือนแม่จับมือเธอพาเดินไปยังเส้นทางแห่งสรวงสรรค์ที่มีอยู่จริงและจับต้องได้
บ้านของพ่อเลี้ยงใหญ่โตราวกับปราสาทราชวัง มีห้องว่างมากมายให้เธอกับแม่ได้อยู่อาศัย ของใช้ในบ้านก็ล้วนแต่มีราคาแพง บางสิ่งบางอย่างเธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอกับแม่มีชีวิตสุขสบายหลังจากย้ายเข้ามา อยากได้อะไรก็ได้สมดั่งใจปรารถนาไปทุกอย่าง
แต่ที่ริเอะจังไม่ชอบคือแม่รักเธอ...แต่ก็น้อยกว่าสามีใหม่ที่สามารถหาเงินให้ใช้ได้อย่างสบายใจ แม่ไม่ต้องเหนื่อยทำงานก็มีเงินใช้ราวกับลูกสาวในตระกูลคนรวย ได้เจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่ ลบอดีตตอนที่ใช้ชีวิตทนอยู่กับพ่อไปจนหมดสิ้น
ทว่าชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่ใฝ่ฝันไปซะทุกอย่าง เพราะเมื่อริเอะเริ่มโตขึ้น พ่อเลี้ยงอย่าง ‘ตาเฒ่าไดจิ’ ก็ยิ่งมีทีท่าเปลี่ยนไปจากเดิม ท่านทั้งเอาอกเอาใจเธอ ซื้อข้าวของราคาแพงมาให้มากมายทั้งที่เธอไม่เคยร้องขอ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ริเอะจังกลัว
ไดจิแอบย่องเข้าหาเธอในกลางดึกของคืนหนึ่ง ในวันที่แม่อย่างฮานาโกะไปสังสรรค์ระเริงราตรีอยู่ในเมืองอย่างสนุกสนาน
ตาเฒ่าไดจิหวังลิ้มรสความสด ความสาวของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ในค่ำคืนที่อสูรกายมาเยือน...ริเอะจังดิ้นจนสุดแรง พยายามเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต บ้านที่ใหญ่โตหรูหราแต่หาความรักความอบอุ่น ความจริงใจไม่เจอ มีแต่เปลือกนอกที่สวยงามเคลือบฉาบเอาไว้ทำให้เด็กที่เริ่มเป็นสาวต้องต่อสู้ดิ้นรนให้ผ่านคืนโหดร้ายเพียงลำพัง
ริเอะทั้งหวาดกลัว ทั้งตัวสั่น น้ำตาไหลพราก แต่ยังดีที่สติยังอยู่ครบ เธอใช้มือควานหาของแข็งใต้เตียง ก่อนจะคว้าดัมเบลที่เพื่อนซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดทุ่มหนักๆ ลงที่ศีรษะของตาแก่คราวปู่ เพียงแค่ครั้งเดียว! ไดจิก็สลบเหมือดอยู่บนพื้นพรหมในห้องนอน
ริเอะถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ตนทำลงไป ทว่าในใจกลับไม่มีความรู้สึกผิดเจืออยู่เลยสักนิด เธอมองดูตาแก่ที่มีเลือดไหลนองออกมาจากหัว มือของริเอะชุ่มไปด้วยเหงื่อ
วินาทีนั้นริเอะจังใช้ความคิดอย่างหนัก เธอวางดัมเบลลงข้างตัว ก่อนจะรีบหยิบเสื้อผ้าที่ถูกไดจิกระชากออกขึ้นมาสวมใส่ แต่ด้วยความโกรธจัด...วูบหนึ่งเธอเกือบพลั้งมือฆ่าพ่อเลี้ยงตัวเองด้วยการหยิบหมอนหนุนใบหนามาปิดหน้าไดจิไว้
แม้จะเป็นความคิดชั่ววูบ แต่ริเอะก็เอามอนปิดหน้าของพ่อเลี้ยงนานเกือบนาที ทว่าคนชั่วช้ามักตายยากอย่างที่ใครเขาว่ากัน ไดจิไม่ตายอย่างที่คิด เธอจึงแสยะยิ้มให้กับความหนังหนา ก่อนจะเปลี่ยนใจ เก็บเสื้อผ้า กระเป๋า หยิบฉวยเอาของมีค่าทั้งหมดที่พอจะหยิบได้ รวมถึงกล้องวงจรปิดขนาดพกพาไปด้วย
ในค่ำคืนที่เหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นจับเธอเหวี่ยงลงนรกอีกครั้งนั้น ริเอะหนีออกจากบ้านแล้วตรงไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะโทรศัพท์ไปที่บ้านของคุณย่า
นับว่ายังโชคดีที่แม้สะใภ้อย่างฮานาโกะเลิกรากับเอจิไปแล้ว แต่สายใยระหว่างย่าหลานยังไม่ได้ถูกตัดขาดเสียทีเดียว อาจเพราะในช่วงตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างยากลำบาก ทุกครั้งที่เอจิก่อเรื่อง คุณย่า ‘โยเนะ’ ก็จะคอยตามเก็บกวาดปัญหาของลูกชายตลอด ทำให้ฮานาโกะไม่กล้ากีดกันลูกสาวของตนกับครอบครัวอดีตสามี
ฮานาโกะยอมให้ริเอะจังได้เจอกับพ่อและย่าบ้างตามโอกาสสำคัญต่างๆ เรียกว่าไปมาหาสู่กันบ่อย บางปีในช่วงปิดเทอมริเอะจังก็ไปอยู่บ้านคุณย่า ดังนั้นพอเกิดเรื่องขึ้นคนที่ริเอะคิดถึงคนแรกจึงได้เป็นคุณย่า
ริเอะโทรไปร้องไห้ฟูมฟายกับโยเนะ บอกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โยเนะร้อนใจรีบลากตัวลูกชายออกไปตามหาหลานสาวทันที คุณย่าของริเอะมาถึงโรงแรมตอนที่ฟ้ายังไม่ทันสางด้วยซ้ำ ก่อนจะพาหลานสาวกลับไปอยู่ด้วยกัน
เอจิโกรธฮานาโกะจนควันออกหูและแทบตามไปเอาเรื่องสามีใหม่ของอดีตภรรยาถึงบ้านไดจิ จนลืมคิดไปเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีอิทธิพลมากพอสมควรเหมือนกัน แต่โชคดีที่แม่อย่างโยเนะห้ามเอาไว้
ทว่าเรื่องของริเอะที่เอจิยอมอยู่อย่างสงบ ไม่อยากมีเรื่องมีราว ก็มีอันให้คนเป็นพ่อและย่ามีอันปะทุขึ้นมาอีก เมื่อฮานาโกะตามมาลากตัวริเอะกลับบ้านตาเฒ่าไดจิ แถมยังมาต่อว่าลูกสาวยกใหญ่ที่ทำให้พ่อเลี้ยงอย่างไดจิต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวนานร่วมครึ่งเดือน
“หึ! ที่ริเอะจังทำ มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” เอจิยกมุมปากขึ้นด้วยความสาแก่ใจที่ลูกสาวปกป้องตัวเองจนตาแก่นั่นน่วมไปทั้งตัว “ที่จริงริเอะจังน่าจะฆ่าไอเวรนั่นให้ตายด้วยซ้ำ!”
“มันจะมากไปแล้วนะ!” ฮานาโกะแผดเสียงอย่างทนฟังไม่ได้ “ริเอะจังต่างหากที่ผิด เด็กทำผิดก็ต้องขอโทษผู้ใหญ่สิยะ ที่ผ่านมาไดจิซังก็เลี้ยงริเอะจังดี รักริเอะจังราวกับลูกในไส้ไข่ในหิน แต่ริเอะทำแบบนี้มันไม่อกตัญญูไปหน่อยหรือไง!”
ทว่าการโวยวายกล่าวหาลูกสาวตัวเองอย่างหน้าไม่อายก็มิอาจทำให้ฮานาโกะเป็นผู้ชนะได้ เพราะเอจิอดีตคนเคยรักนั้นสวนกลับด้วยคำพูดรุนแรงเสียจนฮานาโกะได้แต่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความโกรธขึง
“ไอเวรนั่นมันคิดจะเลี้ยงดูฟูมฟักให้เป็นเมียอีกคนของมันน่ะสิ” เอจิโต้กลับคอเป็นเอ็น “ให้ตายเถอะ! เธอเป็นแม่ประสาอะไรวะ ที่ผ่านมาฉันก็นึกว่าจะพาลูกไปอยู่สุขสบาย ดูแลลูก ทำให้ริเอะจังมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ที่ไหนได้...เธอมัวแต่เที่ยวกลางคืนอวดความร่ำรวย จนไม่รู้ว่าผัวใหม่จะจับลูกทำเมียอีกคนอยู่รอมร่อ เป็นแม่ที่ชั่วช้าสิ้นดี!”
การที่ริเอะเห็นพ่อยืนตะโกนด่าทอใส่หน้าแม่ ตอนนั้นเธอเองก็รู้สึกเหมือนบ้านกำลังแตกเป็นหนที่สอง แต่ก็ใจหนึ่งก็พูดได้เต็มปากเลยว่าเธอเชียร์ที่พ่อได้สั่นสอนแม่เสียบ้าง เพราะตั้งแต่คบกับไดจิซังพฤติกรรมของแม่เธอก็ดิ่งลงเหวลงจนกู่ไม่กลับ อีกอย่างไดจิพ่อเลี้ยงของเธอก็มัวแต่ให้ท้ายแม่จนแม่เองลืมว่าตัวเองเป็นใคร เคยมีพื้นฐานชีวิตเป็นยังไง แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่าแม่กล่าวหาเธอ โดยไม่คิดเข้าข้าง ไม่ออกโรงปกป้องเธอแม้แต่นิดเดียว
“ริเอะจัง แม่ถามจริงๆ นะว่าลูกแอบไปให้ท่าไดจิซังหรือเปล่า?” คำกล่าวหารุนแรงที่ปาใส่ลูกสาวยังไม่ทันสิ้นสุดลงดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อฉาดใหญ่ก็ดังลั่น จนริเอะกับเอจิผู้เป็นพ่อถึงกับอ้าปากค้าง
เพี๊ยะ!
ใช่! คุณย่าโยเนะที่ทนฟังคำพูดของคนเป็นแม่โวยวายมานาน ถึงขั้นเดินเข้าไปขวางหน้าริเอะหลานสาว แล้วฟาดมือใส่ใบหน้าสวยของอดีตลูกสะใภ้เต็มแรง ก่อนจะพูดจาจนหน้าสั่นด้วยความโกรธจัด
“นังผู้หญิงทุเรศ! นี่เลือดเนื้อเชื้อไขแกแท้ๆ ลูกสาวทั้งคน แทนที่จะปกป้องศักดิ์ศรีให้ลูกสักนิดก็ไม่มี แกคิดว่าริเอะโกหกอย่างนั้นเหรอ หึ...นี่แกคงโดนกลิ่นคาวเงินของไอชาติชั่วนั่นล้างสมองไปแล้วมากกว่า แม่หมามันยังรักลูกตัวเอง แต่นี่อะไรกัน..แกขายทั้งศักดิ์ศรีตัวเอง ขายทั้งความเป็นแม่ไม่พอ ยังจะขายลูกให้ผัวตัวเองอีกหรือไง ถ้าแกคิดจะเอาริเอะจังกลับไปอยู่กับแกล่ะก็ ข้ามศพย่าอย่างฉันไปก่อนเถอะ” โยเนะถลึงตาลุกวาวใส่หญิงตรงหน้า เสื้อผ้าราคาแพง ผมเผ้าที่ทำมาอย่างดี การแต่งหน้าแบบประณีต รวมทั้งของประดับวาววับไปทั้งตัว ไม่อาจทำให้ฮานาโกะดูสวยได้เลย ตรงกันข้าม..ฮานาโกะดูร้ายกาจยิ่งกว่าปีศาจในเทพนิยายเสียอีก
“ริเอะจัง..” ในเมื่อกดดันคนทางฝั่งสามีให้ยอมปล่อยตัวลูกสาวกลับมาไม่ได้ คนเป็นแม่จึงส่งสายตาแข็งกร้าว พลางเชิดหน้าขึ้นมองลูกสาว บังคับริเอะจังด้วยสายตาแทน
“ถ้าแกอยากใช้ผัวคนเดียวกับแม่ตัวเองก็เชิญกลับไปเถอะ!” เอจิผู้เป็นพ่อพูดขึ้น “แม่แกน่ะตอนนี้ไม่ใช่แม่แล้ว แต่เป็น ‘แม่เล้า’ ต่างหาก นังปีศาจในคราบผู้ดีนี่รักเงิน รักความสุขสบายของตัวเองมากกว่าแกเป็นไหนๆ”
คำพูดเรียบนิ่ง ไม่ได้โวยวายเหมือนตอนที่ทะเลาะกับฮานาโกะในตอนแรกของพ่อนั้นช่วยฉุดดึงให้ริเอะจังเข้มแข็งแล้วคิดต่อต้านคนเป็นแม่กลับ ด้วยการส่ายหน้าไปมารัวๆ
“หนูไม่กลับไปอยู่กับคุณแล้วค่ะ เชิญคุณกลับไปเสวยสุขกับไอเลวนั่นเถอะ!” การที่ริเอะจังใช้คำพูดห่างเหินไม่เหมือนก่อน ไม่เรียกฮานาโกะว่าแม่อีก ทำให้ใบหน้าสวยของคนเป็นแม่บึ้งตึงยิ่งกว่าเดิมหลายสิบเท่านัก
“นังลูกไม่รักดี!” ฮานาโกะกำลังจะเดินเข้าไปกระชากแขนริเอะ แต่กลับโดนโยเนะผลักออกไปแทน
“แกไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก ทั้งแก ทั้งผัวใหม่” โยเนะย้ำชัดเจนพร้อมกับชี้หน้า “ต่อไปนี้สิทธิ์ขาดในการดูแลริเอะคือฉัน ถ้ายังมาวุ่นวายกับริเอะจัง ฉันยอมเอาเงินเก็บทั้งชีวิตจ้างยากูซ่าแถวนี้ฆ่าปิดปากพวกแกทิ้งแน่ หรือไม่ฉันก็จะยอมเป็นฆาตกรฆ่าแกกับไอชั่วนั่นด้วยมือของตัวเอง”
“ต้องถึงขนาดนั้นเลยหรือคะคุณแม่” ฮานาโกะแหวออกมา “ยังไงฉันก็ยังเป็นแม่ของริเอะจัง จะห้ามไม่ให้แม่ลูกเจอกันเลยหรือคะ”
“ขนาดริเอะจังยังไม่เรียกแกว่าแม่ แล้วจะให้ฉันมองแกว่าเป็นอะไรอีกล่ะ” โยเนะยิ้มเยาะ “แล้วฝากบอกผัวใหม่เธอด้วยล่ะว่าต่อให้มีอิทธิพลล้นฟ้า ฉันก็ไม่กลัวหรอก เพราะฉันมีหลักฐานเอาผิดเต็มมือไง ถ้าไม่อยากแลกกับคนที่ไม่มีอะไรจะเสียล่ะก็..อยู่ห่างริเอะจังไว้จะดีกว่า”
เมื่อเอจิกับแม่สามีร่วมมือกันและเธอไม่สามารถกดดันให้ริเอะจังกลับมาอยู่ด้วยได้ ฮานาโกะก็จำเป็นต้องยอมกลับไปมือเปล่า แต่ยังไม่ทันเดินพ้นจากประตูบ้านหลังซอมซ่อความเปียกชุ่มและกลิ่นเหม็นคลุ้งก็ลอยเข้ามาปะทะตัวเธอ
โครม!
ฮานาโกะหันไปมองก็เห็นอดีตแม่สามียกถังน้ำสาดเข้ามาที่เธอเต็มเปา ก่อนจะแกล้งหันไปคุยกับหลานสาว
“เดี๋ยวริเอะจังไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปตลาดกับย่านะ ย่าได้หลานคืนมาแล้วสงสัยวันนี้จะขายปูขายปลาได้ดีแน่เลย” โยเนะหันไปยิ้มแย้มกับหลานสาว คุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งที่มือข้างหนึ่งนั้นยังหิ้วกระป๋องน้ำที่เพิ่งใส่น้ำล้างคาวปูปลาสาดมา “ไม่ต้องกลัวนะ ย่าเอาน้ำล้างซวยให้แล้ว”
ฮานาโกะได้แต่กัดฟัน ทว่ายังไม่ทันไรเธอก็ถูกน้ำอีกถังสาดเข้าหาตัวเองอีกโครมเบ้อเริ่ม
โครม!
“แม่ผมถูบ้านเสร็จแล้วนะ วันนี้อากาศดี๊ดี เลยขยันพิกล” ถึงปากจะตะโกนบอกโยเนะ แต่เอจิกลับปรายตามองไปที่อดีตภรรยาแล้วเบะปากใส่ ก่อนจะยักคิ้วให้ทำหน้าเย้ยหยันฮานาโกะอย่างไม่ปิดบัง
ฮานาโกะได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ก่อนจะเดินสะบัดสะบิ้งตัวเปียกโชกราวกับตกบ่อน้ำเน่าออกจากบ้านไป
วินาทีนั้นฮานาโกะสาบานกับตัวเองเลยว่าความเคารพนบนอบและความเกร็งอกเกร็งใจที่เคยมีต่อโยเนะอดีตแม่สามีนั้น...มันจบสิ้นลงหมดแล้ว ยิ่งอดีตสามีนักพนันอย่างเอจิ...เธอยิ่งไม่มีวันเหลียวหลังกลับมามองแน่
ที่สำคัญไปกว่านั้น ริเอะจังก็ไม่ใช่ลูกสาวในปกครองของเธออีกแล้ว นับจากวันนี้...เธอตัดแม่ตัดลูกกับริเอะจังอย่างเป็นทางการ!
ทว่าถึงอย่างนั้น ไดจิซังกลับเป็นคนที่กัดไม่ปล่อยเสียเอง เพราะพอได้ออกจากโรงพยาบาลปุ๊บ อีกฝ่ายก็ถือไม้เท้าเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาขอเจรจากับทางโยเนะและเอจิ แม้ไม่มีเงาของฮานาโกะตามมาคอยดูแลสามีเฒ่าข้างกาย แต่ไดจิก็หน้าด้านหน้าทนมากพอ ถึงได้กล้าเอ่ยปากขอเลี้ยงดูริเอะจังให้มาเป็นภรรยาอีกคน
แต่ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เอจิก็อดรนทนฟังความทุเรศไม่ไหว ถึงได้ออกหมัดเข้าไปที่ใบหน้าย่นๆ ของไดจิเข้าอย่างจัง แถมยังตามไปรัวเท้าลงบนตัวอีกฝ่ายจนคราวนี้ต้องหามตัวไดจิส่งเข้าไปนอนในโรงพยาบาลอีกรอบ
“เห้อ...”
ริเอะจังพ่นลมหายใจออกมา จะว่าไปแล้วชีวิตของเธออลหม่านตั้งแต่เด็ก จบเรื่องนั้นก็มีเรื่องนี้ แทบหาความสงบสุขไม่เจอ แต่อดีตอันเลวร้ายก็ต้องถูกพับเก็บลงกล่องความทรงจำเอาไว้เท่านั้น เมื่อเสียงประกาศภายในรถไฟดังขึ้น ซึ่งเป็นที่หมายของริเอะจังที่ต้องลง
การสัมภาษณ์งานรอบสุดท้ายทำให้ริเอะจังรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอเตรียมตัวตอบคำถามมาอย่างดีแล้ว รอบสุดท้ายทางบริษัทแจ้งว่าเธอจะต้องสัมภาษณ์งานกับเจ้าของบริษัทโดยตรง นั่นเพราะเธอเลือกที่จะสมัครเป็นเลขาฯ ของเขา
และที่สำคัญไปกว่านั้น ตำแหน่งนี้เงินเดือนสูงลิบลิ่วทีเดียว สวัสดิการก็เลิศมาก นั่นเพราะเจ้าของบริษัทคือ ‘เดน นาโอกะ’ เป็นหนึ่งในลูกชายบุญธรรมของตระกูลนาโอกะ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น มีกิจการในครอบครองมากมายหลายอย่าง อาทิ...สินค้าอุปโภคบริโภคไปจนกระทั่ง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ธนาคาร สถานบันเทิง แกลอรี่ คาสิโน อาคารที่แบ่งพื้นที่ให้เช่าทำกิจการต่างๆ และของใช้ประเภทความงามแฟชั่น
เพราะกิจการของนาโอกะค่อนข้างครอบคลุมตลาดแทบทั้งประเทศ เปิดเอาไว้รองรับลูกค้าหลากหลายชนชั้น จับลูกค้าทุกกลุ่มที่มี ถึงทำให้นาโอกะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งและร่ำรวยติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศญี่ปุ่น
นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาตำแหน่งงานในเครือนาโอกะกรุ๊ปเปิดรับสมัครพนักงานเข้าทำงาน ถึงได้มีผู้คนหลั่งไหลแห่มาสมัครกันเป็นจำนวนมาก แข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญแบบนี้ ริเอะจังได้เป็น 1 ใน 10 ที่ผ่านเข้ารอบรอให้เดนคัดเลือก เพียงเท่านี้..หญิงสาวก็ภูมิใจในตัวเองมากแล้ว แต่จะให้ดีขึ้นไปคือเธอต้องเป็นที่หนึ่ง ต้องได้งานนี้เท่านั้น
ริเอะจังเดินเข้าตึกสูงตรงหน้า นี่เป็นสำนักงานใหญ่ของนาโอกะ หญิงสาวตื่นเต้นจนใจเต้นเร็ว คู่แข่งที่ผ่านเข้ามาแต่ละคนนั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลย ทุกคนเก่งและมีความสามารถมาก ฉะนั้นในรอบสุดท้ายนอกจากจะต้องพกความสามารถ ความรู้มาเต็มกระเป๋าแล้ว เธอยังต้องพึ่งพาสติตัวเองให้มากที่สุดด้วย ถ้าสติหลุดเมื่อไหร่ทุกอย่างก็เป็นอันจบกัน
หญิงสาวเดินเข้าไปติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านใน ก่อนจะถูกส่งตัวขึ้นไปยังชั้นบน...ซึ่งเป็นชั้นทำงานของคนที่ดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารเท่านั้น ชั้นนี้เงียบสงบมาก แต่ที่น่าแปลกใจคือริเอะจังแทบไม่เห็นผู้สมัครคนอื่นเลย ทั้งที่นี่คือรอบ Final ที่จะต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดแท้ๆ
“เดี๋ยวเชิญผู้สมัครนั่งรออยู่ในห้องก่อนนะคะ ท่านผู้บริหารฯ กำลังเดินทางมาค่ะ” พนักงานต้อนรับที่ทำงานอยู่ชั้นนี้แต่งตัวแตกต่างจากพนักงานคนอื่น อีกฝ่ายอยู่ในชุดยูนิฟอร์มที่เป็นระเบียบเดียวกับโรงแรมในเครือของโอนากะ รวบผมเรียบร้อย ดูสวยสง่า เดินเข้ามาเรียกริเอะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะผายมือเชิญให้หญิงสาวเข้าไปนั่งรออยู่ในห้องกระจกใส ซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก
ริเอะจังได้แต่ยิ้มตอบกลับ แล้วพาตัวเองย้ายเข้าไปนั่งด้านในห้องประชุม เวลานัดสัมภาษณ์ของเธอราว 10 โมงเช้า แต่นี่ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง อย่างน้อยก็มีเวลาให้ได้เตรียมตัวรับมือกับการตอบคำถามสุดหิน และมีเวลาเดาทางผู้สมัครคนอื่นอีกหน่อย
ทว่ายิ่งใกล้เวลาสำคัญ ความตื่นเต้นก็ยิ่งทวีคูณ และยิ่งตกประหม่า..ร่างกายของริเอะจังก็เริ่มประท้วงด้วยการอยู่ไม่สุข มิหนำซ้ำยังเกิดปวดห้องน้ำขึ้นมาเสียดื้อๆ
หญิงสาวพยายามตั้งสมาธิครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอตกประหม่าเกินกว่าจะนั่งเฉยๆ ไหวถึงได้เดินออกจากห้องประชุมไปยังห้องน้ำ อย่างน้อยการได้เช็คบุคลิกภาพตัวเองอีกครั้งมันก็น่าจะทำให้เธอมั่นใจขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่
ริเอะจังเข้าห้องน้ำจัดการธุระของตนเอง ก่อนจะออกมาเช็คสภาพเครื่องหน้า และการแต่งตัวในกระจกอีกรอบ แต่ในระหว่างที่ตนกำลังหมุนตัวดูความเรียบร้อยอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านไป
ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ริเอะจังสนใจเขา อาจด้วยความสูงสง่าโดดเด่น กลิ่นน้ำหอมในแบบผู้ชายที่หอมแบบรัญจวน เลยทำให้เธอยากมองเขาให้เต็มตาสักครั้ง จนใจแอบเผลอคิดไปถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องว่าถ้าหากตนได้เข้ามาทำงานที่นี่ก็คงมีโอกาสได้เจอผู้ชายที่ดีสักคนเป็นแน่
การมีแฟนในที่ทำงาน คงเป็นอะไรที่ดีต่อใจมาก
ริเอะจังมัวแต่คิดอะไรเพ้อเจ้อจนเผลอยิ้มคนเดียว ก่อนจะหยิบลิปสติกขึ้นมาเติมปากให้ดูสดชื่นขึ้นพร้อมรับทุกสถานการณ์ แต่ทันทีที่สายตามองกระจก...ผู้ชายคนที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่ก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านหลัง
ภาพในกระจกสะท้อนเห็นเขาชัดเจน ชายหนุ่มที่สูงกว่า 180 เซนติเมตร อยู่ในชุดสูทสีเทา เครื่องหน้าคมชัด คิ้มเข้ม จมูกโง ตาคม มือสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินเข้ามาหา
เขาและเธอสบตากันผ่านกระจกครู่หนึ่ง ก่อนที่ริเอะจังจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูง ถึงอีกฝ่ายจะดูเป็นคนที่มีรสนิยมดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่ริเอะจังก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน และที่สำคัญไปกว่านั้นนี่เป็นห้องน้ำผู้หญิง การที่อีกฝ่ายกล้าย่างสามขุมเข้ามาหาแบบนี้ แสดงว่าเขามีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่เป็นแน่
ไอโรคจิต!
ถึงความคิดนี้จะผุดวาบเข้ามาในหัวสมองจนผลักไสความอยากรู้จักมักจี่เขาในทีแรกออกไป แต่เพราะความหวาดกลัวเลยทำให้ขาที่จะก้าวขยับหนีนั้นแข็งอยู่กับที่ราวกับมีตะปูตัวใหญ่มายึดตรึงเอาไว้
ริเอะจังตัวสั่นเทา ปากเกร็งค้างไม่สามารถเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือได้ ขณะที่เธอกำลังหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ชายร่างสูงคนนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยความใจเย็น ความหล่อเหลาของเขาไม่อาจทำให้จิตใจของคนที่กำลังกลัว อิ่มฟูขึ้นมาได้เลยสักนิด หญิงสาวช็อกจนทำอะไรไม่ถูก กระทั่งอีกฝ่ายขยับขาเข้าหาจวนตัว ขาที่แข็งราวกับถูกสาปให้เป็นหินก็ขยับหนีโดยอัตโนมัติ
พื้นที่ไม่ได้มากมายนัก ทำให้ริเอะถอยหลังจนสะโพกของเธอไปชนเข้ากับขอบเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ แสงไฟที่สลัวสาดส่องใบหน้านวลใส ขณะที่ใบหน้าของชายคนนั้นอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ
ริเอะกลั้นหายใจ ทันทีที่อีกฝ่ายโน้มตัวเข้าหา ชายหนุ่มคนที่เธอไม่รู้จักกักขังร่างกายบอบบางเอาไว้ในสองแขนของเขาที่ยกขึ้นเท้าเคาน์เตอร์กันเธอหนี
หญิงสาวรวบรวมพลังแล้วเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา ทว่าในตอนนั้นเองชายตรงหน้าก็โน้มตัวเข้ามา แล้วใช้ปากของเขากลืนเสียงที่กำลังจะแผดออกของเธอไปจนหมด
ริเอะจังตกใจมาก มือไม้ที่สั่นเทาออกแรงทุบเข้าที่อกของอีกฝ่ายแรงๆ หลายที เธอพยายามผลักดันให้ร่างสูงใหญ่พ้นจากตัวแต่กลับไม่เป็นผล นอกจากชายหนุ่มจะไม่ขยับถอยหนีแล้ว เขาเข้ายังดันตัวเองเข้ามาใกล้ แนบชิดเสียจนทุกสัดส่วนในร่มผ้าสัมผัสถึงไออุ่นของกันและกันอีกต่างหาก
ในขณะที่ริเอะมึนงงจนความคิดที่เห็นเป็นภาพชัดนั้นค่อยๆ ขาวโพลนเลือนหายไป ชายผู้นั้นก็ช่วยฉุดรั้งสติของหญิงสาวขึ้นมาอีกรอบด้วยการใช้ท่อนแขนแข็งแรงยกเธอขึ้นไปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แขนข้างหนึ่งกอดรัดเธอเอาไว้แน่น ขณะที่เรียวปากมอบจูบดูดดื่มให้จนริเอะจังเมามัวราวกับตนดื่มหนักจนเมามายขาดสติ
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ...มือของเขาอีกข้างกำลังลูบคลำเรือนร่างที่อัดแน่นอยู่ภายใต้ชุดสูตร เขาจับทุกส่วนบนร่างกายเธอราวกับว่ารู้จักริเอะดี ก่อนที่มือที่กำลังลูบๆ คลำๆ นั้นจะหยุดอยู่ตรงหน้าอก
“เฮือก~”
ริเอะจังสูดเอาลมหายใจเข้าปอดหอบใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายปล่อยเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวหอบจนหน้าแดงก่ำ แต่ทันทีที่เธอมองเขา...สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นรอยลิปสติกสีอ่อนที่ติดอยู่บนเรียวปากอีกฝ่าย
เธอทั้งอาย ทั้งโกรธ แต่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขากำลังคุกคามเธอเยี่ยงโจรหื่นกระหายที่หวังปล้นรสสวาท การที่เขาไม่คิดจะหนีมันก็หมายความว่าเขายอมรับผิดจากการกระทำของตัวเอง
“โตขึ้นเยอะเลยนะริเอะจัง..”
ริเอะกำลังจะเงื้อมือหมายฟาดใบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง แต่เธอก็ต้องระงับความคิดนั้นไว้แทน เพราะการที่เขาชิงเอ่ยทักทายก่อนด้วยรอยยิ้มและแววตาเอ็นดูเต็มประดา มิหนำซ้ำยังเอามือข้างหนึ่งวางบนศีรษะเธอ ทำให้หญิงสาวถึงขั้นพูดไม่ออก
เขารู้จักชื่อเธอ งั้นก็แสดงว่าเขารู้จักกับเธอน่ะสิ แต่จะว่าไปริเอะกลับไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิดเดียว
“ระ..เรารู้จักกันหรือคะ?”
คำถามของริเอะทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะร่วนออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับ
“อืม แต่เธอคงจำฉันไม่ได้หรอก”
“งั้น คุณเป็นใคร?”
ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ตอบเธอในทันที เขาโน้มตัวเข้ามาหาก่อนจะจูบซ้ำที่เรียวปากอ่อนนุ่มของหญิงสาวอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ไม่ได้แนบชิดอย่างจงใจมอบความคิดถึงให้เหมือนครั้งแรก
“ฉันคือ ‘จูบแรก’ ของเธอสาวน้อย”
คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาริเอะอ้าปากเหวอ หน้าตาตอนนั้นของเธอคงดูไม่ได้แน่ๆ แต่ที่เหวอไปกว่านั้นคือเขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยความเลอะเทอะของคราบลิปสติกที่เปื้อนอยู่ออกให้อย่างเอาใจใส่ ก่อนจะยิ้ม แล้วพูดส่งท้าย
“ขอโทษนะ ฉันทำหน้าเธอเปื้อนหมดเลย” เขามองกระจกแล้วจัดการเช็ดรอยลิปสติกที่เปื้อนอยู่บนปากของตัวเองออกบ้าง “กำลังจะสัมภาษณ์งานนี่นา ไปเถอะ...เพราะอีกเดี๋ยวเราก็คงได้เจอกัน”
อีกฝ่ายทิ้งคำพูดชวนสงสัยไว้แค่นั้น แล้วเดินออกไป ปล่อยให้ริเอะมัวแต่นั่งงง หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นส่ำ ทว่าพอตั้งสติได้หญิงสาวก็วิ่งตามออกไป
ทว่าเพียงไม่ถึงนาที เขาคนนั้นกลับหายวับไปแล้ว..
เมื่อราวอาทิตย์ก่อน
โอคาตะพี่ชายคนโตซึ่งเป็นลูกชายบุญธรรมคนแรกของ ‘คามิน โอนากะ’ และ ‘จิน โอนากะ’ แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมน้องชายคนรองที่สำนักงานใหญ่ของโอนากะ กรุ๊ป ในห้องทำงานกว้างขวางที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ สีที่ใช้ตกแต่งห้องทำงานเป็นโทนขาวฟ้าแลดูสะอาดตาชวนสบายใจนั้น มีเดนนั่งอยู่หลังคอมพิวเตอร์จอใหญ่ บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างยุ่งยาก
คนเป็นพี่ชายนั่งเก้าอี้ตรงหน้า พลางยกขาขึ้นไขว่ห้าง กาแฟร้อนถูกเสิร์ฟด้วยเลขาฯ คนสนิทของเดน ขณะที่เดนเองเหลือบมองเลขาฯ ของตนที่ทำงานกันมานานแล้ว ก็ทำหน้าห่อเหี่ยว
“ไม่เปลี่ยนใจเหรอครับ?”
เลขาฯ ของเดน ส่ายหน้าก่อนจะตอบเจ้านายตัวเองยิ้มๆ
“งอแงแบบนี้เสียทรงผู้บริหารนะคะ” เลขาฯ สาวที่อายุมากกว่าเดนไม่กี่ปีถึงกับยิ้มในความน่ารักของเจ้านายตัวเอง “แต่ดิฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาส”
กระทั่งเลขาฯ สาวคนนั้นเดินออกนอกห้องแล้ว พี่ชายถึงได้เอ่ยถาม
“นี่ยังเลือกเลขาฯ ใหม่ไม่ได้อีกเหรอ?”
“เหลือสอบรอบสุดท้ายนั่นแหละ” เดนทำหน้ายุ่งก่อนจะวางแฟ้มในมือลงบนกองแฟ้มที่พะเนินเกือบสูงท่วมหัว “นี่ไงเหล่าผู้เข้าสมัคร นี่เหลือสิบคนแล้วนะ แต่ไม่รู้จะเลือกใครเลย จะหาคนใหม่ที่รู้ใจเท่าคนทำงานกันมานานหลายปีมันก็ไม่ชิน”
เดนบ่นอุบ การเลือกเลขานุการประจำตัวคนใหม่เป็นงานที่น่าปวดหัวยิ่งกวาเรื่องไหนๆ กว่าจะทำงานเข้าขากัน กว่าจะรู้ใจมันต้องอาศัยเวลาในระยะหนึ่งเลยทีเดียว และที่สำคัญฝีมือการทำงานที่สมบูรณ์แบบมันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเลขาฯ ที่ถูกใจเขาไปซะทุกอย่างได้
แต่ในตอนที่กำลังปวดหัวตุบๆ อยู่นั้น แฟ้มที่กองพะเนินก็พากันไถลลงมาเต็มโต๊ะของเดน ผู้บริหารหนุ่มถึงกับพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะยกมือลูบใบหน้า ขณะที่พี่ชายช่วยเก็บขึ้นให้ ทว่ากลับมีแฟ้มหนึ่งที่เปิดออก เผยให้เห็นโฉมหน้าของผู้สมัครสาวคนหนึ่ง
“สนใจหรือไง เอาสักคนมั้ยล่ะ นายมีแต่เลขาฯ ผู้ชายทั้งนั้นนี่นา ได้ผู้หญิงไปช่วยงานสักคน ก็น่าจะทุ่นแรงไปได้เยอะนะ”
โอคาตะไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรน้องชาย เขาอ่านทั้งประวัติและผลงานที่อีกฝ่ายส่งเข้ามา ดูทั้งคะแนนในการสอบรอบต่างๆ พลางคิดในใจ
เติบโตมาอย่างดีเลยสินะ...ริเอะจัง
ความคิดเห็น