ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ...11... ร่วม... มือหรือรัก?
11
ร่วม... มือหรือรัก?
ด้วยความหิวโหยของทั้งสอง อาหารสำเร็จรูปทั้งหลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากมือขวาของเธอถูกล๊อคไว้กับมือซ้ายของเขา จึงอ้างว่ากินไม่ถนัด เด็กขี้โกงงอแงแกมอ้อนให้เขาตักอาหารป้อน สารวัตรหนุ่มก็จำยอม คำสองคำแรก ลูกโทนไม่เคยป้อนน้องอย่างองค์อาตม์แอบรู้สึกเขิน หากไปๆ มาๆ ก็เพลินกับการตักอาหารใส่ปากน้อยๆ อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ที่เห็นเธอกินเข้าไปมากเท่าไร เขาก็มีความสุขมากเท่านั้น
คงเป็นความสุขใจไม่ต่างจากการป้อนอาหารสัตว์ตามสวนสัตว์ละมัง... เขาพยายามนึกหาเหตุผล แต่จนใจที่ตอบไม่ได้ว่า ถ้าเธอเป็นลิงน้อยที่เขาดินจริงๆ เขาจะยังอยากหอมแก้มป่องที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ นี่อยู่อีกหรือไม่
“ปกติเธอกินแต่อาหารแบบนี้เป็นประจำหรือ?”
เขาเปิดตู้ในครัวเธอ เต็มไปแต่ขนมขบเคี้ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปทั้งเครื่องกระป๋องและกล่องต่างๆ รู้สึกเจ็บปวดใจ อดไม่ได้ที่จะเตือนไม่ได้ด้วยความหวังดี...
“กินอาหารสดๆ ดีกว่านะ”
“ก็ฉันทำอาหารเองไม่เป็นนี่คะ”
“เป็นสาวเป็นนางสมควรต้องฝึกไว้บ้าง วันหลังแต่งงานไปจะดูแลสามีกับลูกๆ ได้อย่างไร?” เขาสั่งสอนราวกับตาแก่ แต่คนฟังกลับรู้สึกอุ่นๆ ในอก
“คุณตำรวจทำอาหารเป็นไหมคะ?” เธอย้อนถาม
“เป็นสิ ฉันถูกฝึกให้ช่วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แค่ทำอาหารได้ แต่ทำอร่อยด้วย” เขาอวด
“ดีจัง ลูกๆ จะได้ไม่อดตาย” เธอเอ่ยลอยๆ ไม่ได้ระบุว่าลูกใคร แต่ต่อประโยคนั้นในใจว่า ...ไม่ต้องฝึกทำอาหารเลี้ยงลูกกับสามีแล้วเรา!
“อยากชิมฝีมือท่านสารวัตรจังค่ะ”
จริงๆ เธออยากเห็นคนดุโหดมาดเข้มในชุดผ้ากันเปื้อนยืนถือทัพพีอยู่หน้าเตามากกว่า คงจะน่ารักน่าดู
“ได้สิ ไว้ฉันจะทำให้กินนะ” เขาตอบอย่างใจดี “...เธอชอบกินอะไรล่ะ ข้าวผัดกับโอเลี้ยงไหม?”
เอ๊ะ... เมนูนี้ คุ้นๆ นะ
“เดี๋ยวฉันทำใส่ห่อไปเยี่ยม!” เขาอมยิ้ม
ปกติเขาเป็นคนจริงจัง ไม่เคยแกล้งแหย่ใครเล่น เพิ่งจะมารู้เดี๋ยวนี้เองว่า มันทำให้สุขใจแบบนี้นี่เอง
“อ๊ายยย!!! คนใจร้าย!”
“เธอนับว่ามีบุญจริงๆ ยังไม่เคยมีนักโทษคนไหนได้กินอาหารฝีมือตำรวจอย่างฉันเลยนะ”
“นี่ฉันต้องติดคุกจริงๆ หรือคะ? ไม่เอานะ...” พญามารสาวโวยวาย “...ฉันไม่ได้เป็นคนวางระเบิดสักหน่อย มันเป็นความเข้าใจผิด”
“แต่เธอคือต้นเหตุ... ช่วยไม่ได้ อยากทำอะไรบ้าๆ เอง”
“ไม่บ้านะคะ ฉันก็แค่มีความฝัน การทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มันผิดด้วยหรือ?”
“แต่ ‘สิ่งที่เธอรัก’ มันสร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนนี่นา”
“ ‘ตำรวจใจซื่อมือสะอาด’ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนตรงไหนคะ?”
ประโยคที่เธอย้อน ทำให้ คนเป็น ‘ตำรวจใจซื่อมือสะอาด’ อึ้ง...
‘สิ่งที่เธอรัก’ ไหงกลายเป็น ‘ตำรวจใจซื่อมือสะอาด’ ได้?
“ฉันอุตส่าห์เขียนบทให้พระเอกเป็นตำรวจตงฉินไม่โกงกินนะคะ”
อ้อ... อย่างนั้นเองหรือ? ตำรวจตงฉินรู้สึกแอบละอายที่เขาร้อนตัวไปเอง
“ฉันไม่ใช่แค่อยาก ‘สร้างหนัง’ แต่ฉันอยากจะ ‘สร้างค่านิยม’ ปลูกจิตสำนึกที่ดีให้แก่เจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชนค่ะ!”
ท่านสารวัตรได้ยินแล้วต้องมองพญามารสาวใหม่ด้วยสายตาชื่นชมแกมเอ็นดู รู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นอีกอักโข ไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวแสบที่ทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างเธอก็มีความคิดดีๆ กับเขาด้วย
แต่ว่า...
“แล้วเวลาเจอตำรวจตัวจริง ทำไมผู้กำกับสาวที่อยากสร้างค่านิยมดีถึงได้รีบยื่นแบงค์ร้อยให้เจ้าหน้าที่ทันทีไม่ทราบ?!” เขาตั้งถามดักคอ
“แหะๆ... ก็แค่ทดสอบดูน่ะค่ะ... ไม่งั้นจะรู้หรือคะว่า ท่านสารวัตรเป็นตำรวจใจซื่อมือสะอาดจริงๆ” แม่ปลาไหลน้อยเริ่มสะบัดหางอีกครั้งพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้ แล้วรีบเนียนเข้าเรื่อง...
“ฉันถึงอยากจะเชิญตำรวจตัวจริงมาร่วมกันสร้างค่านิยมไงคะ ท่านสารวัตรช่วยมาเป็นพระเอกของฉันเถอะค่ะ”
ท่านสารวัตรได้ยินคำว่า ‘พระเอกของฉัน’ แล้วรู้สึกอาการคันหัวใจกำเริบนิดๆ ต้องรีบปั้นเสียงดุ
“ตำรวจไปเป็นดารา แล้วใครจะทำคดีเธอ?
ผู้กำกับอยู่ในคุก อย่างไรก็ไม่มีทางปั้นพระเอกได้อยู่ดี”
“ท่านสารวัตรก็อย่าจับผู้กำกับสิคะ”
นั่นอย่างไรล่ะ พญามารร้ายออกลายอีกแล้ว
“ไม่ได้! อย่างไรฉันก็ต้องรักษาหน้าที่”
มีหน้าที่จับคนร้ายส่งดำเนินคดีก็ต้องทำหน้าที่ ส่วนจะสามารถช่วยเหลือเธอได้อย่างไรแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง... ถึงคนใจซื่อมือสะอาดอย่างเขาต้องลำบากใจแค่ไหน ก็จะขออยู่ฝ่ายผู้ร้ายรายนี้ ต่อสู้คดีเคียงข้างเธอ แต่ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ร้ายอย่างเธอลอยนวลเพราะเหตุผลส่วนตัวแน่
“งั้นลาออกจากราชการมาเป็นพระเอกดีไหมคะ? เป็นสารวัตรในหนังก็ไม่มีหน้าที่ต้องจับผู้กำกับแล้ว”
เธอนี่มันแสบจริงๆ เลย มีการมายุให้ตำรวจลาออก เพื่อจะได้ไม่ต้องดำเนินคดีที่เธอก่อ
“นี่ก็เสียเวลามามากพอแล้ว เธอจะคายกุญแจออกมาได้หรือยัง? ไปเข้าห้องน้ำเสียทีสิ”
“ฉันยังไม่ปวดนี่นา ปกติฉันอึ๊ตอนตื่นนอนค่ะ สงสัยท่านสารวัตรจะต้องตัวติดกันกับฉันตลอดทั้งคืนจนถึงเช้ามังคะ”
อา... ตัวติดกันกับเธอตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า!!!
แค่ฟัง เขาก็ทรมานแทบจะคลั่งตายทั้งเป็นแล้ว!
“มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งหลายชั่วโมง ช่วยสอน ‘ท่านั้น’ ให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ท่านั้น??? มันหมายความว่าอย่างไร?
“ท่านั้นไงคะ ที่คุณดึงขาฉันกางออกแล้วขึ้นคร่อมทับบนตัว...”
นี่เธอพูดอะไรออกมา? ถ้าเขาไม่ติดกุญแจมือคงทนฟังต่อไปไม่ไหวเดินหนีไปถึงไหนๆ แล้ว แต่นี่หนีไปไหนไม่ได้ จึงฟันฉับตัดบทอย่างเหลืออด
“หยุดล้อเล่นกับฉันเสียทีได้ไหม”
ถ้าเธอยังพูดอะไรพล่อยๆ ต่อไป มีหวังเขาคงทนไม่ไหวได้ใช้กำลังรุนแรงปิดปากน้อยๆ นั่นแน่!
“ดุจังเลย... ฉันก็แค่อยากให้ช่วยสอนศิลปะการต่อสู้หน่อยเท่านั้นเอง...”
พญามารสาวสุขใจเป็นที่สุดที่ได้กระตุกหนวดเสือเล่น พอมันทำท่าจะแยกเขี้ยวก็รีบลูบหลังเกาคาง
“จำได้ไหมคะ คราวที่แล้ว คุณตำรวจจับฉันสู้ไม่ได้ เตะขาก็โดนดึง แล้วคุณก็บิดตัวอีท่าไหนไม่รู้ กลายเป็นฉันโดนทับอยู่ข้างล่าง ฉันก็อยากทำเป็นบ้างนี่นา”
อ้อ... ‘ท่านั้น’ เองหรือ นึกว่าอะไร สารวัตรหนุ่มถอนใจ... แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ท่านั้น เขาโดนเธอจับกุมอะไรบ้างก็รู้สึกร้อนรุ่มดั่งไฟสุมอยู่ลึกๆ ในอก
ยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่พญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์แอบอมไว้ในปาก ก็คนตรงอย่างเขาจึงคิดตามทันว่า เธอจงใจพูดจากำกวม ใช้ภาษาปั่นหัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า อาการคันยุบยิบในหัวใจก็ลุกลามไปคันมือคันไม้ อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อสั่งสอนเธอ แต่ก็ไม่รู้จะสั่งสอนเธอด้วยวิธีไหนดี ที่ผ่านๆ มาไม่เห็นเธอจะเข็ดเสียที มีแต่เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสีย ยิ่งถึงเนื้อถึงตัวก็ยิ่งเข้าทางเธอ เผลอเป็นต้องโดนเธอเล่น!
ขนาด Water Boarding ที่สยบผู้ก่อการร้ายมานับไม่ถ้วนยังเอาเธอไม่อยู่ เขาถึงกับเสียท่าโดนเธอหลอกจูบได้เลย!
ฟ้าช่างส่งพญามารสาวมาเป็นดาวข่มของเขาจริงๆ... คุยกับเธอทีไร เขารู้สึกเหมือนเธอเป็นนางพญาผึ้งตัวน้อย บินฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัว ส่วนตัวเขา แม้จะเป็นเสือร้ายที่ใครๆ กลัวเกรง แต่กลับสู้ไม่ได้ ไม่รู้จะจัดการกับแม่ผึ้งตัวดีอย่างไร พยายามปัด มันก็ดื้อไม่ยอมไปไหน จะหนีก็หนีไม่พ้น อยากตะปบมันให้ตาย แต่เอาเข้าจริง ก็ใจอ่อน ได้แค่ตบเบาๆ ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือ ตบโดนหน้าตัวเองทุกที!
อย่าให้เขาอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาล่ะ น่าดู!
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่แน่ เสือร้ายอย่างเขาอาจจะแลบลิ้นตวัดเอาพญาผึ้งสาวเข้าปากเคี้ยวกลืนลงท้องไปก็ได้ สังหรณ์เร้นลึกเตือนว่า ระดับขันติของเขาเหลืออยู่น้อยเต็มทีแล้ว เวลาที่ความอดทนสิ้นสุดลงคงอีกไม่นาน สมควรรีบเร่งทำคดีนี้ก่อนที่จะสายเกิน!
แต่ตัวติดกันแบบนี้ เขาจะผ่านพ้น ‘อันตราย’ ในค่ำคืนนี้ไปได้อย่างไร เขาภาวนา ขออย่าให้ถูกเธอแหย่จนขันแตกเสียก่อนก็แล้วกัน
ดูสิดู... ดูตากลมโตพราวระยับวิบวับนั่น เผลอๆ จะมีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่อีก ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกแล้ว ยังไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังจะมีหน้ามาขอให้เขาสอนศิลปะการต่อสู้อีกหรือ
“ร้ายขนาดเธอ ฉันไม่โง่ต่อเหล็กในให้พญาผึ้งหวนกลับมาต่อยฉันหรอกนะ”
“ใจร้าย!”
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ!
ท่านผู้กำกับโทรเข้ามา... ไม่ใช่ ‘ผู้กำกับพญา’ แต่เป็นผู้บังคับบัญชาของเขา!
“สวัสดีครับ” สารวัตรหนุ่มรับสาย
“ได้ยินข่าวว่า จับคนร้ายได้แล้วรึ?”
“จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยยังไม่สารภาพครับ” เขารีบแก้ตัวแทนเธอ เน้นคำว่า ‘ผู้ต้องสงสัย’ หมายความว่า ยังไม่แน่ว่าจะใช่ ‘คนร้ายตัวจริง’ หรือไม่ ตราบใดที่ยังไม่ผ่านกระบวนการพิจารณา “
ผมคงต้องขอเวลาสืบหาหลักฐานและพยานแวดล้อมเพิ่มเติมก่อน ถึงจะสามารถทำคดีนี้ได้”
องค์อาตม์คิดว่า เขาคงต้องรีบขอคำปรึกษาจากเพื่อนทนาย ก่อนจะดำเนินตามขั้นตอนกฎหมาย แต่คิดไม่ถึงว่านายของเขาจะรู้ทัน!
“หน่วยข่าวกรองส่วนตัวของฉันกระซิบว่า คนร้ายเป็นผู้หญิงของนายงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ครับ” เขารีบปฏิเสธ แต่นายของเขาไม่เชื่อ
“เฮ่ย... เรื่องพรรค์นี้ พวกเราเป็นผู้ชายไม่เห็นต้องอายเลย ฉันสนิทกับพ่อนาย เห็นนายมาตั้งแต่ยังตัวกะเปี๊ยก จะปิดบังกันไปทำไมเล่า”
“เอ่อ...” เขาพยายามจะอธิบาย แต่ท่านผู้กำกับตัวจริงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดสักคำ
“เอาเป็นว่าฉันเข้าใจนายนะ ถ้าเมียฉันเกิดบ้าลุกขึ้นมาวางระเบิดซี๊ซั๊วล่ะก็ ฉันคงปวดขมองน่าดู... แบบนี้ก็แล้วกัน ฉันว่านะ นายจับตัวเธอมาก่อน จะได้มีผลงานโชว์ชาวบ้าน ให้พวกนักข่าวมาถ่ายรูป สัมภาษณ์นายพอเป็นพิธี ใส่สีตีไข่ออกข่าวไปสักสองสามวัน คนไทยลืมง่าย ไม่นานเรื่องก็จบ ไม่มีใครสนใจหรอกว่า ตำรวจจัดการกับคนร้ายต่อไปอย่างไร... แล้วเดี๋ยวพวกเราหาช่องช่วยกันเอาออกจากระบบ” ท่านผู้กำกับมาแรงเป็นชุด!
สารวัตรหนุ่มคาดคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำสั่งแบบนี้
“นั่นจะได้อย่างไรครับ” เขาท้วงผู้บังคับบัญชา เพราะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“ได้สิ... เล่นมันทุกเส้นสายที่เรามี ความจริงแค่เส้นพ่อนายก็เหลือเฟือแล้ว! ช่วยลูกสะใภ้หน่อยเดียว ไม่เห็นยากเลย”
องค์อาตม์ฟังแล้วอึ้ง แต่ที่ทำให้เขาอึ้งยิ่งกว่า...
“ชื่อถูกขังอยู่ในคุก ตัวถูกขังอยู่ในห้องนอนลูกชายให้นายนอนกกก็ยังได้สบายๆ”
ถึงเขาจะรู้สึกไม่พอใจคำพูดนั้นอย่างแรง แต่นึกภาพตามที่เจ้านายแสนดีช่วยชี้ช่อง... ขังพญามารสาวอยู่ในห้องนอนแล้วก็อดไหววูบลึกๆ ในอกไม่ได้
เอาน่า... อย่างน้อยท่านผู้กำกับก็ส่งเสริมให้เขาช่วยเธอ ไม่ขัดแย้งห้ามปรามใดๆ ก็ดีแค่ไหนแล้ว... ไม่ใช่แค่ส่งเสริมธรรมดา ต้องเรียกว่า เชียร์สุดใจถึงขั้น ‘ยัดเยียดผู้ต้องหา’ มาใส่ปากเขาด้วยซ้ำ!
“ลองค้นหาดูว่า ในบ้านเธอมีระบงระเบิดอะไรที่พอใช้เป็นหลักฐานได้บ้าง ก็รีบกวาดมาให้หมด แล้วรวบตัวผู้ร้ายด่วนเลย ฉันจะรออยู่นี่” คดีดังอย่างนี้ มีหรือที่ท่านผู้กำกับจะพลาดปล่อยให้ลูกน้องสร้างผลงานคนเดียว ว่าแล้วท่านก็หันไปสั่งการ... “ใครช่วยโทรไปตามพวกนักข่าวมาหน่อยซิ”
“เดี๋ยวๆๆ... เดี๋ยวครับอย่าเพิ่ง!” สารวัตรหนุ่มร้องห้ามเสียงหลง...
ก็จะให้เขา ‘รีบกลับไปเร็วๆ’ ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า
“ตอนนี้ไม่ได้ ขอเวลาให้ผมสักคืนหนึ่ง เป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหม?”
“อ๊ะ อ๊ะ... ฉันบอกให้นายรวบตัวผู้ต้องหากลับมาสน. ไม่ได้บอกให้รวบหัวรวบหางโว้ย... อดทนอีกหน่อย ไอ้น้อง... ทำข่าวให้เสร็จเสียก่อน ไม่อย่างงั้นเดี๋ยวจะโทรม ถ่ายรูปลงหน้าหนึ่งไม่งาม ชาวบ้านเห็นแล้วอาจจะเกิดคำถามว่าผู้ต้องหากับสารวัตรทำอะไรกันมา”
“แต่ว่าตอนนี้ผมยังไปไม่ได้จริงๆ ครับ ปัญหาคือ ผมกับเธอตัวติดกันอยู่”
ด้วยความที่เขารีบร้อนอยากให้ผู้บังคับบัญชาเข้าใจเหตุผล แต่ต้องเก็บเรื่องที่เขาเสียท่าโดนเธอกินกุญแจมือเป็นความลับ ในยามกระทันหันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงเผลอหลุดปากเอาคำศัพท์ของพญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์มาใช้ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงร้องของอีกฝ่ายดังทะลุโทรศัพท์ออกมาทำแก้วหูเขาแทบแตก
“อ่ะจ๊าก... ตัวติดกัน!!!”
สนั่นลั่นโลกขนาดนี้ แทบไม่ต้องเดาเลยว่า ทุกชีวิตในสน. ทั้งตำรวจและผู้ร้ายต้องได้ยินอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวสิครับ ฟังผมอธิบายก่อน...”
เขาตัดสินใจรายงานท่านผู้กำกับตามตรง ดีกว่าปล่อยให้เรื่องบานปลาย แต่สายเสียแล้ว
“ไม่ฟังโว้ย... นายอย่ามาบรรยายให้ฉันเห็นภาพสยิวกิ้วนะ เดี๋ยวใจแตก...”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...” สารวัตรพยายามแก้ความเข้าใจผิด แต่คนตัวติดกันกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
พญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์ได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับเจ้านายก็พอจะเดาเรื่องราวได้ รีบยื่นหน้ามาแกล้งทำเสียงกระเส่าใส่โทรศัพท์ พร้อมพากย์เสียงในฟิลม์
“โอว... อา... อ๊า... อิไตอิไต...”
ไม่ต้องมีซับไทย หนุ่มๆ แม้ไม่รู้คำแปลแต่พอจะรู้ความหมาย โพลสำรวจพบว่า ชายไทยกว่าครึ่งประเทศที่ไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นคุ้นเคยคำเหล่านี้ดี
สารวัตรหนุ่มอุดปากยัยตัวแสบแทบไม่ทัน!
“ยัยบ้า รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” เขากระซิบถามเสียงเครียด
เธอตอบเขาด้วยการส่ายหน้า ปากน้อยๆ ในอุ้งมือเขาขยับยุกยิกหัวเราะคิกๆ จั๊กกะจี้ฝ่ามือ
ความจริงพญาแปลไม่ออกหรอก เธอแค่เลียนแบบสาวหมวยในหนังที่ยืมชาวบ้านมาศึกษาเท่านั้น แต่นั่นก็ยิ่งพาให้ท่านผู้กำกับซึ่งอยู่ห่างออกไปจินตนาการไกลจนกู่ไม่กลับ!
“ฉันควรสั่งพักราชการนายไหมนี่ โทษฐานทำฉันเลือดกำเดาพุ่ง! เอาเป็นว่า... เสร็จเมื่อไรก็ให้รีบมาก็แล้วกัน” ก่อนที่ท่านผู้กำกับจะวางสาย ยังไม่วายเตือนเขา... “อย่าลืมจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนเจอสื่อล่ะ!”
“เดี๋ยวก่อนครับพี่ติ๊ก...”
ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตำรวจไทย องค์อาตม์พยายามไม่เรียกชื่อผู้บังคับบัญชาของเขา ทั้งๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน เพื่อเลี่ยงภาพพจน์เด็กเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอด แต่ครั้งนี้ เขาลืมตัวจริงๆ
ทว่า... ท่านผู้กำกับติ๊กกลับชิงตัดสัญญาณไปโดยไม่ฟังเสียง แม้แต่ชื่อตัวเอง ท่านก็ยังไม่ได้ยิน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น