ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องตรวจ คุณตำรวจต้องรัก

    ลำดับตอนที่ #12 : ...12... กุญแจหัวใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.22K
      24
      8 เม.ย. 55

    12
    กุญแจหัวใจ
     
     
     
                “เป็นเพราะเธอคนเดียว!”
                    สารวัตรหนุ่มหันมาโทษคนตัวติดกัน
                    “เอาน่า... ถึงผู้กำกับตุ๊กติ๊กอะไรนั่นจะไม่เข้าใจท่านสารวัตร แต่ก็ยังมีผู้กำกับพญาสาวแสนสวยคนนี้ที่เข้าใจ คอยอยู่เคียงข้างท่านสารวัตรเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ...คิคิ” พญามารร้ายยิ้มหวานปลอบใจ พลางชูข้อมือข้างที่สวมกุญแจให้เขาเห็นว่า ‘มีเธอเคียงข้างเสมอ’ จริงๆ
                    “ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
                    ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มีหวังเขาคงจับเธอมาล้วงไส้หาไอ้ลูกกุญแจบ้านั่นแน่ๆ
                    แต่พอลากคนตัวเล็กกว่ามาถึงหน้าโถสุขภัณฑ์ เธอกลับใช้นิ้วบีบจมูกน้อยๆ บนหน้าตัวเองแล้วบอกเขาเสียงอู้อี้ว่า...
                    “ประกอบกิจเร็วๆ นะคะ ฉันไม่อยากสูดเอาอะตอมของท่านสารวัตรเข้าไป เดี๋ยวจะซึมซาบภาพพจน์ที่ไม่ดีของพระเอก ทำให้หมดศรัทธา”
                    ก็พระเอกเรื่องไหนๆ ไม่เคยมีฉากนั่งอึ๊นี่นา...
                    “ไม่ใช่ฉัน... แต่เป็นเธอ... ถ่ายออกมาเดี๋ยวนี้นะ” สารวัตรหนุ่มเดือดจนแทบจะควักเอาปืนขึ้นมาจี้
                    คิดแล้วก็น่าเวทนาตัวเอง นี่เอฟบีไอเก่าอย่างเขาต้องอับจนหนทางถึงขนาดคิดใช้อาวุธขู่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ให้นั่งส้วมเชียวหรือ แต่เขาก็ไม่รู้สมควรใช้วิธีการอื่นใด จะใช้กำลังบังคับถอดกางเกงเธอออกแล้วจับกดลงนั่งบนโถก็ไม่กล้า ไม่ได้กลัวเธอแจ้งข้อหาอนาจาร แต่กลัวตัวเองจะทำอะไรบ้าๆ มากกว่านั้น...
                    “อย่าขืนใจฉันสิคะ”
                    แล้วดูเธอใช้ศัพท์แสงเข้า ‘ขืนใจ’? ...นี่ขนาดเขายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยนะ
                    “ปากอย่างนี้ระวังเถอะ เดี๋ยวโดนฉันขืนใจจริงๆ จะร้องไม่ออก!”
                    “อุ๋ยโย๋ น่ากลัวจัง...”
                    ปากน้อยๆ สีชมพูระเรื่อยื่นออกมาชวนให้เขารู้สึกมันเขี้ยว อยากทำอะไรสักอย่างนัก!
                    แต่พญามารสาวไม่กลัว เธอเคยเม้าสารวัตรหนุ่มกับพี่ชายซึ่งเป็นสหายผู้แสนดี จากเรื่องราวที่ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนอย่างไร ประกอบกับประสบการณ์ที่เธอได้ ‘สัมผัส’ เขามากับตัว...
                    เขาเคยลงโทษเธอก็จริง แต่ความรู้สึกลึกๆ ของเธอเชื่อว่าเขาแค่แกล้งขู่ ที่สำคัญ เขาหยุดยั้งตัวเองได้ทุกครั้ง... ถ้าเธอเป็นฝ่ายรุก เขาจะยอมอ่อนข้อให้ ไม่ว่าจะแกล้งแหย่ยั่วเย้าอย่างไรเขายังทนไหว ทำให้เธอก็ยิ่งได้ใจ ...กล้า ‘ลองของ’ ครั้งแล้วครั้งเล่า และเล่นเขาหนักขึ้น… หนักขึ้นเรื่อยๆ
                    หนึ่งนั้น... เพราะความรู้สึกลึกๆ มั่นใจว่า ถึงอย่างไรเธอก็ปลอดภัย เสือร้ายตัวนี้ไม่มีวันทำอันตรายเธออยู่แล้ว
                    สองคือ... อยากรู้นักว่า ขันติของเขาแกร่งกล้าสักปานใด มันจะไม่มีวันแตกได้เลยจริงๆ เชียวหรือ
                    จนมาถึงตอนนี้ เธอมี ‘แผนเด็ด’ ที่คิดว่าน่าลอง แม้ต้องเดิมพันหมดเนื้อหมดตัว เธอก็จะขอเสี่ยงดูสักตั้ง!
                    “ฉันอยากขึ้นไปใช้ห้องน้ำชั้นสองได้ไหมคะ?” เธอต่อรองแล้วจูงเขาเดินไปทางบันไดโดยไม่ฟังเสียง
                    จะห้องน้ำห้องไหนก็ได้ ขอให้ถ่ายเอากุญแจออกมาก็พอ... องค์อาตม์คิดขณะเดินตามเธอขึ้นบันไดแต่โดยดี หากนึกไม่ถึงว่า ประตูที่เธอเปิดเข้าไปนั้นจะไม่ใช่ประตูห้องน้ำ แต่เป็นห้องนอน!
                    “นี่... นี่มัน... ไหนเธอบอกฉันว่าจะเข้าห้องน้ำไง” เขาท้วง
                    “ก็ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนนี่คะ” เธอหันมาตอบแล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินเข้าห้อง แต่กลับรู้สึกตึงที่ข้อมือซึ่งถูกพันธนาการรั้งเอาไว้ เพราะคนตัวใหญ่ไม่ยอมขยับตัว
                    “เข้ามาสิคะ นี่ห้องนอนฉันเอง ไม่เป็นไรหรอกน่า รับรองว่าสะอาดปลอดภัย” พญามารสาวโฆษณา แต่สารวัตรหนุ่มไม่โง่
                    ห้องนอนเธอน่ะหรือ ‘ปลอดภัย’ ?! …ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!
                    เจ้าของห้องเห็นผู้มาเยือนยืนตัวแข็งเป็นหินอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้ามึนตึงแต่ดูก็รู้ว่าเขากระอักกระอ่วน สุดๆ รู้สึกสุขใจเหลือเกินที่ได้เห็นหนุ่มโหดมาดเข้มอย่างเขาในท่าทางกลัวๆ กล้าๆ ผิดหูผิดตานัก
                    “กลัวอะไรคะ ท่านสารวัตร?” เธอถามยิ้มๆ เป็นยิ้มยั่วยวนชวนโมโหที่สุด
                    นั่นสินะ... เขาจะต้องกลัวอะไร? เธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อ่อนแอกว่าเขาตั้งเยอะ จะทำอะไรเขาได้ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา เธอไม่มีทางสู้แรงเขาได้แน่ แต่...
                    เขากลัวตัวเอง!
                    “ฉันเป็นผู้ชายนะ จะเข้าห้องนอนเธอกลางค่ำกลางคืนได้อย่างไร”
                    ผู้ชายกับผู้หญิง... สองต่อสอง... ในห้องนอน... ยามราตรี... เขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เคยเผลอใจไปก็หลายครั้ง ทั้งจับ ทั้งจูบ ทั้งลูบ ทั้งคลำเธอก็เคยมาแล้ว ไม่รู้จะยับยั้งชั่งใจได้ถึงเมื่อไร
                    “ก็ไหนเขาว่าท่านสารวัตรเด็กนอก ส่วนพี่ชายฉันก็บอกว่าเพื่อนคู่หูเขาสาวตรึม แล้วไหง FBI เนื้อหอมถึงได้กลายเป็นลุงเชยหัวโบราณแบบนี้ได้?” เธอเย้ยแกมท้า
                    จริงอยู่... ถึงเขาจะเติบโตในต่างแดน เคยเดินเข้าห้องสาวจนชินชา บ้างก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจในแบบมิตรสหายแท้ๆ แค่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน เช่นซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ บ้างก็ถูกเชิญเข้าไปร่วมกิจกรรมพิเศษที่ไม่ต้องการความบริสุทธิ์ใจใดๆ อยู่ค้างอ้างแรมชั่วข้ามคืนแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไปด้วยความสมัครใจ แต่สำหรับเธอคนนี้... เขายังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ที่มี หัวใจตัวเองก็ใช่ว่าจะสะอาดบริสุทธิ์กับเธอสักแค่ไหน เผลอทีไรเป็นได้เรื่อง
                    ที่สำคัญ... นี่ไม่ใช่เวลาเหมาะสมสำหรับเรื่องความรัก เขาเป็นตำรวจ ส่วนเธอเป็นผู้ร้าย โดยหน้าที่ เขาควรต้องจับตัวเธอไปทำคดีให้เร็วที่สุด
                    ถ้าลำพังตัวเขาเอง องค์อาตม์มั่นใจว่า สามารถข่มกลั้นอารมณ์ปรารถนารักษาความเป็นสุภาพบุรุษได้แน่ ต่อให้สวยระดับนางฟ้ามาเปลือยกายตรงหน้า ถ้าเขาไม่คิดจะมีอะไรด้วย ถึงจะยั่วยวนเก่งกาจขนาดไหนก็ไม่อาจทำให้เขาขันแตกได้
                    หากเธอ... พญามารร้าย แม้มิได้ยั่วยวนกวนกิเลสตัณหาชายอย่างสาวทั่วไป แต่การยั่วโทสะ กวนโมโหของเธอกลับมีผลต่อขันติเขายิ่งกว่าอย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะนัยน์ตากลมพราวระยับคู่นั้น กับรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนปากเล็กๆ นั่น ไม่รู้ว่าเมื่อไร จะทำเขาขันระเบิดขึ้นมา!
                    ไม่... ไม่ควรเสี่ยง!
                    “อย่าคิดมากไปเลยน่า ท่านสารวัตร... บ้านนี้ทั้งหลัง ก็มีเรากันอยู่แค่สองคน จะห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องไหนๆ ก็เหมือนกันแหละน่า”
                    ใช่... ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล
                    “หรือว่า จะให้ฉันโทรเรียกเพื่อนๆ มาค้างด้วยช่วยเป็นไม้กันหมา?”
                    “ไม่!”
                    สารวัตรหนุ่มรีบปฏิเสธ เพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็นสภาพ ‘ตัวติดกัน’ ของเขากับผู้ต้องหาสาวเลยแม้สักครึ่งคน!
                    “งั้นก็อย่าคิดมากสิคะ ไหนว่าจะให้ฉันเข้าห้องน้ำไง คุณตำรวจอยากได้กุญแจคืนไม่ใช่หรือ?”
                    เพราะคำว่า ‘กุญแจ’ ทำให้เขายอมเดินเข้าประตูห้องนอนเธอในที่สุด แม้ว่าสัญชาตญาณเตือนภัยในหัวจะดังไม่หยุดก็ตาม
                    ขอแค่ได้กุญแจดอกนั้นมา เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนตัวติดกันแหย่จนขันแตกระเบิดแล้ว!
                    ทว่า... เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังคาด
     
                “เธอ... เธอ... นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ?” สารวัตรหนุ่มโวยลั่นห้องน้ำ
                    ความจริงเขาหันหลังให้โอกาสพญามารสาวมีความเป็นส่วนตัวในการคายกุญแจแล้ว แต่มือข้างที่มีพันธนาการถูกอีกฝ่ายดึงรั้งไปทางทิศที่ไม่ใช่โถสุขภัณฑ์ อีกทั้งยังมีผ้าอะไรมาแขวนไว้บนแขนข้างนั้นของเขา?
                    เมื่อก้มลงมองก็พบกว่าเป็นเสื้อยืดตัวที่เธอสวมใส่กับยกทรงลายจุดสีฟ้า!
                    ถ้านี่เช่นนั้นเธอใส่อะไร? ด้วยคำถามนั้นและเสียงน้ำไหลดังขึ้นใกล้ๆ ท่านสารวัตรอดที่จะแอบเหลียวมองไปทางเบื้องหลังไม่ได้... ไล่จากลำแขนแข็งแรงของเขาไปหามือใหญ่ที่บัดนี้ถูกดึงหายเข้าไปในม่านผ้าร่มกันน้ำบางๆ ที่มีเงาร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวในสายน้ำที่ไหลลงมาเป็นละอองจากฝักบัว โค้งเว้าสีดำตัดขาวนั้น เป็นภาพที่ทำให้เปลือกตาของเขาแข็งค้างกระทันหัน!…
                    “ทำอะไรหรือ... ก็อาบน้ำไงคะ”
                    อา... พญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์เปลื้องผ้า แต่ติดกุญแจมือไม่สามารถถอดออกมาได้ จึงรูดทั้งชิ้นนอกชิ้นในผ่านกุญแจมือไปคล้องใส่เขา ใช้ร่างสูงใหญ่ต่างราวตากผ้าหน้าตาเฉย!
                    “เดี๋ยวสิ... ไหนเธอว่าจะคืนลูกกุญแจฉันไง”
                    “ใครว่าจะคืนกุญแจ? ฉันแค่บอกว่าขอเข้าห้องน้ำข้างบนได้ไหม เพราะฉันอยากอาบน้ำต่างหากล่ะคะ”
    พญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์เล่นขี้โกงหน้าตาเฉย “...ส่วนลูกกุญแจ ฉันคืนแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
                    เสียงใสจากหลังม่านกลั้วหัวเราะน้อยๆ ทำเอาเลือดที่หน้าท่านสารวัตรร้อนเหมือนจะเดือดได้ ไม่รู้โมโหหรืออาย อยากฆ่าคนในม่านให้ตายหรือว่าอยากทำสิ่งใดอื่น?
                    ความจริง เครื่องกีดขวางที่กั้นกลางระหว่างเขาและเธอบางเบาจนเห็นเงากันและกันอย่างชัดเจน แค่กระชากเบาๆ เขาก็สามารถเข้าไป ‘จัดการ’ กับยัยตัวร้ายได้แล้ว อย่าว่าแต่มือข้างหนึ่งของเขาถูกดึงเข้าไปภายในนั้นด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่มีปัญญาทำอะไร ราวกับม่านผ้าบางๆ เป็นปราการแกร่งจนไม่สามารถทำลายได้ ได้แต่ถอนหายใจระบายความโมโห
                    หลังจากปล่อยให้แขกผู้มาเยือนยืนนับหนึ่งถึงล้านอยู่นอกม่านเป็นนานสองนาน พญามารสาวเจ้าของบ้านก็ออกมา พันกายด้วยผ้าขนหนูสีชมพูผืนใหญ่ แม้ความหนาของผ้าจะปิดบังส่วนสงวนของหญิงสาวมิดชิดไม่เห็นอะไร แต่ก็ทำให้หัวใจใครบางคนหล่นวูบได้อย่างแรง
                    เธอส่งยิ้มพร้อมฝักบัวให้เขา
                    “ถึงตาคุณตำรวจอาบบ้างแล้ว”
                    “จะบ้าหรือ ฉันไม่อาบ” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
                    “อี๊... ซ๊กม๊ก! ฉันไม่ยอมให้คนตัวเหม็นขึ้นเตียงนะคะ”
                    ถ้ามีใครมาได้ยินที่เธอพูดกับเขา คงต้องเดาว่าภรรยาสาวรักสะอาดกำลังดุสามีหนุ่มจอมสกปรกไม่ยอมอาบน้ำก่อนประกอบกิจเป็นแน่
                    “ใครจะขึ้นเตียงกับเธอไม่ทราบ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้ ใบหน้าหรือก็ร้อนจนแทบจะลุกเป็นไฟ       
                    “อ้าว... ก็ตัวติดกันอยู่แบบนี้ ถ้าท่านสารวัตรไม่ขึ้นเตียงแล้วจะให้ฉันนอนอย่างไรล่ะคะ? ...อาบน้ำเดี๋ยวนี้น้า”
                    “ไม่!”
                    ยังพูดไม่ทันขาดคำ น้ำจากฝักบัวในมือพญามารร้ายก็พ่นเข้าใส่ปากที่อ้าค้างอยู่เต็มๆ จนแทบสำลัก!
                    ในเมื่อเขาไม่ยอมอาบเอง เธอก็คงต้องอาบให้ พูดไม่ฟังเอง ช่วยไม่ได้!
                    “กรี๊ดดด! อย่าน้า... เดี๋ยวผ้าหลุด!”
                    กว่าสารวัตรหนุ่มจะแย่งฝักบัวจากมือแม่ปลาไหลน้อยมาถือไว้ได้ เขาก็เปียกปอนไปหมดทั้งตัว
                    สุดท้าย... ไม่อาบ ก็ต้องอาบจนได้!
     
                “นี่... เธอ!!! หันไปทางโน้น”
                    มือใหญ่จับหัวคนตัวเล็กกว่าบิดหมุนไปอีกทางระหว่างที่เขาทุลักทุเลเปลี่ยนเสื้อผ้า กางเกงนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่เสื้อที่เขาสวมอยู่ติดกุญแจมือ จำต้องใช้กรรไกรตัดบางส่วนเพื่อให้ถอดออกได้
                    นับว่ายังโชคดีที่เสื้อเครื่องแบบของเขาโดนพญามารสาวเทยาสลบใส่ ซึ่งเขาตากแห้งไว้ไม่ได้สวมติดตัว ก็รอดไป ไม่ทำเขาต้องขายหน้า ตกเป็นขี้ปากใครๆ คาดเดาไปต่างๆ นานาว่าท่านสารวัตรใส่เสื้อขาดกลับสถานีเพราะเหตุใด ที่เขาตัดนี่ก็แค่เสื้อยืดคอกลมที่เขาใส่ไว้ในเครื่องแบบ
                    ส่วนของเธอก็เป็นเพียงเสื้อยืดเช่นกัน ซึ่งเจ้าของตัดสินใจไม่เก็บไว้ให้เกะกะ แต่พอเขาจะตัดสายเจ้าลายจุดสีฟ้าชิ้นน้อย...
                    “อย่าค่ะ อย่า... นี่มันตัวโปรดของฉันเลยนะคะ”
                    คนตัวโตเป่าปากอย่างหัวเสีย เขาเกือบจะไม่สนใจฟังเสียงเธอแล้ว แต่...
                    “เดี๋ยวฉันจะไปป่าวประกาศบอกคนทั้งโรงพักเลยว่า ท่านสารวัตรเป็นโรคจิตใช้กรรไกรตัดยกทรงฉันด้วย”
                    ยอมแพ้ให้แก่ความสามารถทางปากของเธอเลยจริงๆ
                    ถ้าใครมาได้มาเห็นสารรูปท่านสารวัตรองค์อาตม์ตอนนี้ เขามีชีวิตอยู่มิสู้ตายเสียดีกว่า!
                    ด้วยความที่ตัดติดกัน เขาจำเป็นต้องเปลือยอก เพราะไม่สามารถรับความปรารถนาดีที่เธอหามาให้ เสื้อเกาะอกตัวกระจ้อยร่อยขนาดนั้น จะให้เขาสวมเข้าไปได้อย่างไร แค่ขาแข็งแรงของเขาข้างเดียวก็คงทำมันปริขาดเป็นแน่
                    “หรือจะพันผ้าขนหนูเป็นกระโจมอกคะ เดี๋ยวฉันไปหาเข็มกลัดมาทำให้”
                    “ไม่ๆ... ไม่ต้อง” แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว
                    เขาคงยอมรับแค่กางเกงขาสั้นของไอ้หมอนพเพื่อนรักที่น้องสาวขโมยจากห้องพี่ชายมาให้เขาใส่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ว่า...
                    “ไม่มีตัวอื่นแล้วหรือ?”
                    “พี่เค้าขนไปที่โรงพยาบาลหมดแล้วค่ะ เหลือตัวนี้ เขาไม่เอาไปเพราะอายพี่สะใภ้ ชิ... ไม่เห็นต้องอายเลย น่ารักออก ฉันอุตส่าห์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ...พี่ชายแต่งงานก็หมดรักน้องสาวแล้ว!” เธอบ่นน้อยใจในขณะที่ท่านสารวัตรส่องกระจกตรวจเช็คสภาพตัวเอง...
                    มันช่างเป็นภาพที่ดูไม่จืดจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธร่างสูงใหญ่มาดเข้มในชุดกางเกงขาสั้นลายกระต่ายน้อยสีชมพู (เข้าใจนะ ที่ไอ้หมอนั่นมันไม่เอาไปด้วย) เปลือยอก ใส่กุญแจมือที่มียกทรงลายจุดสีฟ้าห้อยต่องแต่งอยู่
                    เอาน่า... ดีกว่า ต้องกลายเป็นไอ้โรคจิตชอบตัดยกทรงก็แล้วกัน อย่างน้อย ภาพอุบาว์ทของเขาตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เห็น นอกจาก...
                    “คิคิ... เท่ห์สุดๆ ไปเล้ย คุณพระเอกตำรวจของฉัน”
                    นั่นไง... มีอยู่คนเดียว ตัวก่อเรื่อง! ...เป็นคนที่เขาไม่อยากให้เห็นมากที่สุด!
                    นัยน์ตากลมโตพราวระยับที่มองแผงอกแกร่งเปลือยเปล่าของเขา แทบจะทำให้เปลี่ยนใจยอมนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอกด้วยก็ได้!
                    “ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้นะ” เขากระชากเสียงสั่งเธอแก้ขวยแล้วรีบสะบัดหน้าหันไปมองอีกทาง
                    นี่ถ้าเธอไม่อยู่ในฐานะ ‘คนร้าย’ ส่วนเขาไม่ใช่ ‘ตำรวจ’ ที่ไล่จับเธอมาจนเจอหลักฐานมัดตัวอยู่ในบ้านนี้ และไม่ต้องกลัวเสียรูปคดีล่ะก็... อย่าหวังเลยว่า เขาจะยอมถอย ปล่อยให้เธอได้ใจรุกเอา... รุกเอาข้างเดียวแบบนี้
     
                    ตอนเขาจัดการกับร่างกายตัวเอง พญามารสาวชอบขี้โกงแอบเหล่มองจนเขาต้องปราม ตรงกันข้าม... ยามเมื่อเธอทำธุระส่วนตัว ไม่ว่าจะเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้า ทาโลชั่น หรือทำอะไร เขาไม่กล้าแม้แต่ชายตาดู ต้องรีบทำทีเป็นสำรวจดูสิ่งอื่นๆ...
                    ห้องของพญามารสาวตกแต่งด้วยโทนสีขาวดูสว่างตาแต่ไม่โพลน เพราะถูกแต่งแต้มด้วยสีสรรของชั้นหนังสือขนาดใหญ่เกือบเต็มผนังด้านหนึ่ง ซึ่งมีหนังสืออยู่เพียงไม่กี่ชั้น แต่อัดแน่นไปด้วยแผ่นซีดี ดีวีดี และวีดิโอเทปที่มีสันปกหลากสี ช่วยให้สายตาของเขาเพลินอยู่พักใหญ่ หากเมื่อเลยไปยังเตียงกว้าง คลุมด้วยผ้าห่มนวมสีขาวลายลูกไม้ยับยู่ยี่เอียงกระเท่เร่บ่งบอกถึงความเป็นกุลสตรีของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี มันทำให้หัวใจของชายหนุ่มไหววูบจนต้องรีบเมินหน้าหนี
                    ยังดี ในห้องของพญามารสาวมีอีกสิ่งที่น่าสนใจสามารถดึงดูดสายตาเขาได้ นั่นก็คือฉากโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ แขวนอยู่บนผนังด้านปลายเตียง พร้อมชุดโฮมเธียเตอร์สุดหรู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า นอกจากหลับนอนแล้ว เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียงทำอะไร... เธอเปลี่ยนบ้านทั้งหลังเป็นสตูดิโอถ่ายหนังยังทำได้ ก็คงไม่แปลกอะไรถ้าเธอจะมีห้องนอนเป็นโรงหนังด้วย
                    สารวัตรหนุ่มมัวเพลินอยู่กับการคาดเดาพฤติกรรมเจ้าของห้องด้วยความเคยชินตามสัญชาตญาณของคนทำงานสืบสวนมาตลอดหลายปี มารู้ตัวอีกครั้ง ก็เมื่อเจ้าของห้องตัวเป็นๆ ที่ติดอยู่กับเขาโชว์พฤติกรรมให้เห็นโดยไม่ต้องเสียเวลาเดา
                    พญามารสาวทำโน่นทำนี่ไม่รู้ไม่ชี้ราวกับมีเธออยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง ยิ่งเขายอมปล่อยตัวโอนอ่อนผ่อนตามความเคลื่อนไหวของเธอเท่าไร เธอก็ยิ่งได้ใจ ใช้ชีวิตเหมือนปกติโดยไม่สนว่ามืออีกข้างมีใครอีกคนติดอยู่ด้วยกัน และเขาคนนั้นต้องหมั่นเพียรนับหนึ่งถึงล้านในใจเพื่อดำรงไว้ซึ่งขันติ!
                    สารวัตรหนุ่มที่กลายเป็นตุ๊กตาชักใยหลับตา ยอมให้มือน้อยๆ ลากไปมาทางโน้นทีทางนี้ทีอย่างอดทน จนกระทั่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดลง จึงลืมตาขึ้นมอง...
                    จุดที่เขายืนอยู่คือหน้าเตียงกว้างซึ่งเขาพยายามหลีกเลี่ยง แม้ทางสายตาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ และเจ้าของเตียงในชุดเสื้อเกาะอกตัวที่ให้เขายืมกับกางเกงผ้าสำลีขาสั้นลายหมีน้อยสีฟ้า (รู้สึกจะเข้าชุดกับลายกระต่ายน้อยสีชมพูที่เขาใส่อยู่) กำลังนอนแผ่หราอย่างสบายอกสบายใจ ไม่มีเค้าของผู้ต้องหาที่มือข้างหนึ่งสวมกุญแจคล้องไว้กับตำรวจเลยแม้แต่น้อยนิด!
                    “นี่เธอ! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ”
                    พญามารสาวลุกขึ้นตามสั่ง แต่ไม่ได้ลุกออกจากเตียง กลับขยับตัวเลื้อยไปนอนกลางเตียงกว้าง เหลือที่ว่างข้างๆ เพียงพอสำหรับคนตัวใหญ่...
                    “โทษทีค่ะ ลืมเว้นที่ไว้ให้คุณตำรวจ!”
                    “ลุก ขึ้น มา เดี๋ยว นี้!!!” เขาเค้นเสียงเข้มทีละคำเหมือนจะสำลักออกมาเป็นเลือด หัวใจเดือดพล่านด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย
                    ทว่า... คนตัวเล็กกว่าหาได้สะทกสะท้านต่อเสียงขู่ตะคอกแต่อย่างใดไม่ ร่างบางหดหายเข้าไปใต้ผ้าห่มในขณะที่นัยน์ตากลมพราวระยับก็หายวับเข้าไปใต้หนังตาที่หลับลงอย่างรวดเร็ว
                    “คร่อกฟี้.........”
                    “นี่... เธอ... เธอ...”
                    ไม่ว่าเขาจะเขย่าอย่างไร ก็ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากผ้าห่มขยับขึ้นลงช้าๆ ตามจังหวะการหายใจ
                    ไม่ว่าเขาจะตะโกนอย่างไร ก็ไร้เสียงตอบ นอกจากเสียงกรนเบาๆ ราวลูกหมูตัวน้อยๆ
                    ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการอย่างไร... อุ้มร่างบางขึ้นมา ขู่ว่าจะจับโยนออกไปนอกหน้าต่าง เธอก็ยังคงไม่ยอมลืมตา แต่กลับกระตุกมือข้างที่ผูกติดกันเขาเบาๆ เป็นเชิงว่า... ‘ชิ ฉันไม่กลัวหรอก มือติดกันอย่างนี้ จะโยนได้อย่างไร ถ้าลง ก็ลงไปด้วยกันนั่นแหละ!’
                    สารวัตรหนุ่มไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าผู้ต้องหาสาวจอมแสบแกล้งทำเป็นหลับ หากท่าทางคอพับคออ่อนราวตุ๊กตาผ้านุ่มนิ่มในวงแขนเขา ทำให้หัวใจคนดุอ่อนลงด้วยความสงสาร ยิ่งเห็นรอยแผลถลอกและฟกช้ำดำเขียวเป็นจ้ำตามเนื้อตัวที่อยู่นอกร่มผ้าราวกับจะเตือนเขาว่าวันนี้เธอได้ผ่านเหตุการณ์อะไรมา ร่างกายอ่อนล้าแค่ไหน แม้ว่าเธอคือตัวต้นเหตุ แต่เขาก็ยังอดเวทนาไม่ได้
                    ในเมื่อทำอย่างไร เธอก็ไม่ยอมตื่น เขาก็ได้แต่ถอนใจ...
                    ถ้าเธอหลับไปจริงๆ เสียได้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ซนซ่าหาเรื่องมาให้เขาปวดหัว ตัวเขาเองก็เหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย ถ้าได้นอนหลับสักหน่อยก็จะดีไม่น้อย ตื่นมาจะได้สดใสใช้สมองคิดหาทางแก้ไขคดีที่เธอก่อไว้...
                    ดูสิดูเธอทำ... ทิ้งร่างทั้งร่างไว้ในมือเขาอย่างวางใจ แถมปัญหาหนักอกมาให้กลุ้ม ปล่อยให้ตำรวจอย่างเขาวิตกกังวลเรื่องคดีอยู่คนเดียว เหมือนเป็นหน้าที่เขา จับกุมเธอแล้ว ก็ต้องคิดหาทางช่วยเหลือเธออีกด้วย!
                    ว่าแต่ว่า... หาเหตุผลสมควรนอนได้แล้ว ก็คงต้องหาที่นอนที่เหมาะสมด้วย
                    มีที่ไหนที่ตำรวจหนุ่มกับผู้ร้ายสาวซึ่งสวมกุญแจมือคนละข้างสามารถนอนด้วยกันโดยไม่ต้อง ‘ร่วมเรียงเคียงหมอน’ ให้กลายเป็นว่า สารวัตรองค์อาตม์ฉวยโอกาสขึ้นเตียงผู้ต้องหาทั้งๆ ที่ยังมีระเบิดอยู่ในบ้านได้?
                    หลังจากอุ้มร่างนุ่มนิ่มเดินไปเดินมาอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่พบ ยิ่งนานไปก็ยิ่งรู้สึกว่า สัมผัสอุ่นระอุที่อยู่ในอ้อมแขนเขา ทำให้หัวใจชายหนุ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนแทบลุกเป็นไฟ ในที่สุด ก็จำต้องตัดสินใจ กลับมาวางร่างบางลงตรงที่เดิมแล้วผละออกอย่างรวดเร็วราวกับเธอเป็นวัตถุอันตราย
                    แต่จะหนีไปที่ไหนได้เล่า ในเมื่อเขาและเธอตัวติดกันอยู่แบบนี้  
                    สารวัตรหนุ่มได้แต่ยืนเหม่อมองผู้ต้องหาสาวนอนอมยิ้มอยู่ข้างเตียงเนิ่นนาน... นับหนึ่งถึงล้านอย่างอดทน รอให้คนแกล้งหลับหลับจริงๆ เสียก่อน
                    เมื่อเห็นว่าร่างบางไร้การเคลื่อนไหว และเสียงกรนจอมปลอมก็กลายเป็นความเงียบแล้ว จึงค่อยคลายใจ ทิ้งร่างสูงใหญ่ลงนั่งบนเตียงกว้างข้างๆ เธอ แล้วเริ่มนับเลขย้อนกลับจากล้านถึงหนึ่ง...
                    หากนับไป... นับไป... ไม่ถึงครึ่ง หนังตาที่แต่แรกมั่นใจว่าน่าจะตึงค้างไปถึงเช้า ก็เริ่มหย่อนลงมา... ค่อยๆ ปิดนัยน์ตาคมดุของเขาช้าๆ...
                    สุดท้าย... ไม่นอน ก็ต้องนอนจนได้!
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×