ลำดับตอนที่ #30
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : บุกศาสนจักร!!! [6]
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ตกลง...ว่ายังไงล่ะครีอุส”เนเฟลถาม
“อะไรคือว่ายังไงของเจ้า เทพอัศวินเนเฟล”ครีอุสทำหน้าสงสัย
“เรื่องลูฟ”เนเฟลพูดสั้นๆ
“เหอะๆ”เท่านั้นล่ะ สีหน้าของครีอุสก็เปลี่ยนไปเป็นแบบที่เนเฟลไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นสีหน้าหนักใจอย่างแท้จริง แม้จะแค่แวบเดียวก็มากพอจะทำให้เทพแห่งสายลมตกใจจนเกือบช็อคได้
“เชื่อข้า...เจ้าไม่อยากรู้หรอก”ครีอุสตอบ
“หา!?!”
“อะไรนะ! ครีอุสเห็นร่างจริงของเจ้า!?!?!”ลอเรนตกใจแทบสิ้นสติ
“เออสิ ดีที่มันไม่พูดอะไรเทือกๆนั้น ก็เลยยังรอดมาได้อยู่อย่างที่เห็น”ลูฟเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ซึ่งลอเรนก็รู้ดีแก่ใจว่าอะไรคือ “เทือกๆนั้น” ที่ลูฟพูดถึง
“แล้ว...เจ้าไปทำยังไงกันล่ะถึงได้เผยร่างจริง ไหนว่าเกลียดนักเกลียดหนาไง”ลอเรนถาม
“เจ้าอย่ารู้เลย”ลูฟตัดบท
“ทำไมล่ะ? ข้าไม่เข้าใจ???”
“บอกว่าอย่ารู้ก็อย่ารู้ แค่นั้น จบ”ลูฟชิ่งหายตัวไปเสียก่อนที่จะโดนเค้นคอมากกว่านี้
“อะไรของเขากันนะ?”ลอเรนพึมพำ
“น่าอับอายขายหน้าที่สุด ชริๆๆๆๆๆ”ร่างบางกระฟัดกระเฟียดอย่างคับแค้นใจ
ตอนนี้ลูซิเฟอร์กลับมายัง “บ้าน” ของตัวเองในโลกต่างมิติอีกครั้ง ในสภาพร่างจริงๆของตนเอง ผมยาวสยายสีม่วงเข้มแผ่เต็มเตียง ร่างบางนอนแผ่หลาอยู่กับเตียงอย่างหมดแรง
“บ้าที่สุด เจ้าครีอุสสารเลว!!!”
“อะแฮ่ม เจ้าว่าผิดคนอีกแล้วนะ”
“ข้าจะว่าใครจะทำไม! ถึงพูดผิดคนแต่จริงๆเจ้าก็เลวจริงๆนั่นแหละครีอุส! เข้าบ้านคนอื่นไม่เคาะประตูได้ยังไง!!!”ลูฟลุกขึ้นนั่งโวยวาย
“ตอนแรกเจ้าจะด่าเกรเซียสไม่ใช่เหรอ ไหงพาลมาโดนข้าด้วยล่ะ”ครีอุสหัวเราะกับอาการงอนเป็นเด็กๆของลูซิเฟอร์
“ไม่รู้ไม่สน! คนที่ใช้ชื่อครีอุสเลวๆๆๆๆๆเลวกันหมดทุกคนนั่นแหละ!!!”ลูฟสะบัดหน้าหนี
“อ้าว แบบนี้มันพ่วงเอาพวกข้าไปหมดเลยนา”ไซนาสอ้าปากค้าง
“คนเขาอุตส่าห์มาเยี่ยมเพราะเป็นห่วง โดนด่าซะงั้น”เดเมียสบ่นอุบอิบ
“เจ้าไม่เป็นไรมากนะลูฟ?”เอมไพร์ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร...ตรงไหนกันล่ะ!!!”ลูฟโวยลั่น “ข้าโดนเห็นร่างจริงนะ! เห็นร่างจริง!!! อ๊า~~~ จะบ้าตาย”ลูฟเอนตัวลงไปนอนแปะกับเตียงต่อ
“เอาน่า เกรเซียสไม่พูดว่าเจ้าหน้าตาเหมือนผู้...แว๊ก!!!”
“ถ้าหลุดปากพูดออกมาระวังเงาหัวจะไม่มี!!!!!”ลูฟแยกเขี้ยว แต่ไม่ได้แค่ขู่ เพราะสายฟ้าสีดำเพิ่งแผลงฤทธิ์ไปหมาดๆ
“ไซนาส สงบปากสงบคำหน่อย”ครีอุสเอ่ย
“คร้าบ ท่านครีอุส”ไซนาสชักสีหน้าแหยๆ
“ที่ข้าถามน่ะคือเอาจริงๆนะลูฟ เจ้าไม่เป็นไรตรงไหนใช่มั๊ย”เอมไพร์ถาม
“เอาจริงๆก็ไม่มีอะไรบาดเจ็บ แค่ข้าขายหน้า!”ลูฟแหว
“นั่นก็ยังดีแล้วกัน ดีกว่าเจ็บตัวกลับมา”เอมไพร์บอก
“นั่นสิๆ”เดเมียสเห็นด้วย
“แต่ข้าไม่ชอบให้ใครเห็นนี่ พวกเจ้าก็รู้”ลูฟนอนหันหลังให้ทุกคนเสียเลย
“แต่ลอเรนยังไม่พ้นอันตรายนะ ท่าทางเกรเซียสจะยังไม่จบแค่ลูกกระจ๊อกพวกนั้นหรอก เพราะในคฤหาสถ์นั่นยังมีตัวหลักอยู่อีกตัวนี่นา”ครีอุสพูดลอยๆ
“อะไรนะ! เจ้าจอมมารนั่นยังไม่ออกมาจากคฤหาสถ์อีกเหรอ!?!”ลูฟสะดุ้ง
“ก็ใช่น่ะสิ”ไซนาสพยักหน้า
“...อึก...”ลูฟชักหน้าเสีย
......ไม่ไปก็ไม่ได้...ลอเรนตกอยู่ในอันตราย แต่......
“ข้าไม่อยากไปง่ะ”ลูฟทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
“อะโอ๋ๆ อย่าร้องไห้สิ เจ้าเป็นประมุขแห่งความตายนะ มาขี้แยได้ไง”เดเมียสเริ่มลนลาน
“เอาไงล่ะท่านครีอุส”เอมไพร์ถาม
“เฮ้อ...ช่วยไม่ได้นี่นะ”ครีอุสถอนหายใจ “ยังไงนั่นก็เป็นทายาทของเจ้า แถมยังเป็นผู้สืบทอดของลูฟ จะปล่อยทิ้งไปคงไม่ดี งั้น...ไซนาส!”
“ครับ”ไซนาสรับคำ
“กลับไปที่บ้าน เรียกตัวชาเพรย์ไปแทนที”
“ชาเพรย์!!!!!”ทุกคนสะดุ้ง
“ไม่ได้นะ! เจ้าก็รู้ว่าชาเพรย์เกลียดประมุขแห่งความตาย! เขาได้ฆ่าลอเรนกันพอดี!!!”ลูฟลุกพรวด
“ก็ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครว่างนี่นา”ครีอุสทำท่าไม่ใส่ใจ
“หยุด! ไม่ต้องให้ชาเพรย์ไป ข้าไปเองก็ได้!!! พอใจรึยังเจ้าจอมเจ้าเล่ห์!!!!!”ลูฟตะโกนลั่น
“อ้าว ก็ข้าคิดว่าจะ...”
“ไม่ต้องพูดเลย! อย่ามาสวมเป็นเทพอัศวินฮาเดสจอมโฉดตอนนี้!”ลูฟตะโกน “ข้าไปเองก็ได้! ข้าไม่ได้กลัวเจ้าจอมมารขนาดนั้นซักหน่อย!!!”
วูบ~
ร่างเล็กเลือนหายไปทันที
“กลับไปหาลอเรนแล้วเหรอครับ”เดเมียสถอนใจเฮือก “ข้าคิดว่าท่านจะให้ชาเพรย์ไปจริงๆเสียอีก”
“เขาเป็นเทพอัศวินครีอุสที่สิบสองที่เกือบจะฆ่าประมุขแห่งความตายรุ่นที่สี่ไม่ใช่เหรอครับ ท่านน่าจะรู้ว่าเขา...”เอมไพร์คราง
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ ไซนาส ทำไมเจ้าไม่ไปตามชาเพรย์เสียทีล่ะ”
“ท่านครีอุส!!!!!”
“ข้าแค่ต้องการความแน่ใจเท่านั้น ถึงชาเพรย์จะเกลียดประมุขแห่งความตายแต่เขาก็ยึดมั่นในคำสั่งของข้าน่า”ครีอุสยิ้ม
“...ก็ได้...ครับ...”ไซนาสตอบด้วยน้ำเสียงแห้งผาก
“ข้าไปด้วย เผื่อเจ้าจะกล่อมเจ้าหัวแข็งนั่นไม่ไหว”เดเมียสเสนอ
“ข้าด้วยดีกว่า ท่านอาจารย์”เอมไพร์เองก็เห็นด้วยเหมือนกัน
ฟุ่บ!
ทั้งสามรีบหายตัวไปทันที
“...เอ...เขาจะเชื่อฟังข้าจริงๆรึเปล่านะ? คิดไปคิดมาข้าเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิ”
......ก็ชาเพรย์...เกลียดประมุขแห่งความตายเข้าใส้เลยนี่นา......
วูบ...
“อ๊ะ”
“มีอะไรเหรอเคเรส?”
“อืม...ไม่รู้สิ”เคเรสพึมพำ
“เจ้าเห็นอะไรรึเปล่า?”ครีอุสถาม เพราะเคเรสสายตาดีกว่าคนปรกติเกือบเท่าตัวแล้วในตอนนี้
“ข้าเห็น...เหมือนข้างหน้า...มีเงาคน”เคเรสตอบ
“เห...จะได้ลงมือแล้วล่ะสิ”เฮฟเตตัสทำตาเป็นประกาย
“ใครจะเอา”เทอร์มิสถามสั้นๆ
“ข้า!!!”เฮฟเตตัส เอกอน และไทรอนเสนอตัวแทบจะทันที
“งั้นตามสบาย พวกเราจะล่วงหน้าไปก่อนนะ”เทมเพสยิ้มบางๆ เกือบหลุดเสียงหัวเราะ
......อืม...สามคนจอมเลือดร้อน...แบบนี้พวกนั้นไม่ตายดีแน่......
“ว่าแต่ เจ้าคาดเอาไว้รึเปล่าว่าใครเป็นตัวการใหญ่”อาร์เมลถาม
“ข้าไม่แน่ใจ แต่เขาต้องมีตำแหน่งสูงในศาสนจักรแน่ และข้าคิดจะ “เกลี้ยกล่อม” เขาอย่างละมุนละม่อมที่สุดเท่าที่จะทำได้...น่ะนะ”ครีอุสยิ้มด้วยรอยยิ้มแห่งแสงสว่างเต็มพิกัด
“โอ้~ ข้าล่ะชอบคำนี้จัง”เฮฟเตตัสหัวเราะ
“จะถึงแล้ว เหยื่อของข้า~”เอกอนหัวเราะ มีดสั้นในมือควงไปมาอย่างน่าหวาดเสียว [เอกอนใช้มีดสั้นเป็นอาวุธนะคะ]
“งั้นก็...แข่งเก็บจำนวนกันมั๊ย?”ไทรอนเสนอ
“น่าสน!”
“นี่พวกเจ้า อย่าพูดเรื่องไม่สง่างามได้มั๊ย”ครีอุสทำหน้าเหมือนซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนอย่างยิ่ง “พวกเจ้าต้องพยายามทำตัวให้ดีๆ อย่าใช้ความรุนแรงก่อนแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรู เราก็ต้องใช้พระเมตตาของเทพแห่งแสงสว่างเข้าปราบให้พวกเขาเข้าถึงหลักความจริงของการมีชีวิตอยู่”
“อ๋อ จะบอกว่าให้ล่อให้พวกมันลงมือก่อนค่อยจัดการใช่มะ จะได้มีข้ออ้างทีหลัง”เฮฟเตตัสหัวเราะ
“และจะบอกอีกว่าต้องเล่นงานให้เละอย่าให้ลุกขึ้นมาได้อีกล่ะสิ จะได้เอาเวลานอนไปซาบซึ้งกับการมีชีวิตที่เจ้าว่า”ไทรอนเสริม
“...เฮ้อ...”ครีอุสไม่พูดอะไร แต่ทำหน้าแปลกๆ ทั้งๆที่ในใจ...
......โอ้! พวกเขาเริ่มแปลความหมายของข้าออกแล้ว! ขอบคุณพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างจริงๆที่ข้าไม่ต้องมาแปลให้พวกเขาฟังซ้ำสอง......
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ตกลง...ว่ายังไงล่ะครีอุส”เนเฟลถาม
“อะไรคือว่ายังไงของเจ้า เทพอัศวินเนเฟล”ครีอุสทำหน้าสงสัย
“เรื่องลูฟ”เนเฟลพูดสั้นๆ
“เหอะๆ”เท่านั้นล่ะ สีหน้าของครีอุสก็เปลี่ยนไปเป็นแบบที่เนเฟลไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นสีหน้าหนักใจอย่างแท้จริง แม้จะแค่แวบเดียวก็มากพอจะทำให้เทพแห่งสายลมตกใจจนเกือบช็อคได้
“เชื่อข้า...เจ้าไม่อยากรู้หรอก”ครีอุสตอบ
“หา!?!”
“อะไรนะ! ครีอุสเห็นร่างจริงของเจ้า!?!?!”ลอเรนตกใจแทบสิ้นสติ
“เออสิ ดีที่มันไม่พูดอะไรเทือกๆนั้น ก็เลยยังรอดมาได้อยู่อย่างที่เห็น”ลูฟเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ซึ่งลอเรนก็รู้ดีแก่ใจว่าอะไรคือ “เทือกๆนั้น” ที่ลูฟพูดถึง
“แล้ว...เจ้าไปทำยังไงกันล่ะถึงได้เผยร่างจริง ไหนว่าเกลียดนักเกลียดหนาไง”ลอเรนถาม
“เจ้าอย่ารู้เลย”ลูฟตัดบท
“ทำไมล่ะ? ข้าไม่เข้าใจ???”
“บอกว่าอย่ารู้ก็อย่ารู้ แค่นั้น จบ”ลูฟชิ่งหายตัวไปเสียก่อนที่จะโดนเค้นคอมากกว่านี้
“อะไรของเขากันนะ?”ลอเรนพึมพำ
“น่าอับอายขายหน้าที่สุด ชริๆๆๆๆๆ”ร่างบางกระฟัดกระเฟียดอย่างคับแค้นใจ
ตอนนี้ลูซิเฟอร์กลับมายัง “บ้าน” ของตัวเองในโลกต่างมิติอีกครั้ง ในสภาพร่างจริงๆของตนเอง ผมยาวสยายสีม่วงเข้มแผ่เต็มเตียง ร่างบางนอนแผ่หลาอยู่กับเตียงอย่างหมดแรง
“บ้าที่สุด เจ้าครีอุสสารเลว!!!”
“อะแฮ่ม เจ้าว่าผิดคนอีกแล้วนะ”
“ข้าจะว่าใครจะทำไม! ถึงพูดผิดคนแต่จริงๆเจ้าก็เลวจริงๆนั่นแหละครีอุส! เข้าบ้านคนอื่นไม่เคาะประตูได้ยังไง!!!”ลูฟลุกขึ้นนั่งโวยวาย
“ตอนแรกเจ้าจะด่าเกรเซียสไม่ใช่เหรอ ไหงพาลมาโดนข้าด้วยล่ะ”ครีอุสหัวเราะกับอาการงอนเป็นเด็กๆของลูซิเฟอร์
“ไม่รู้ไม่สน! คนที่ใช้ชื่อครีอุสเลวๆๆๆๆๆเลวกันหมดทุกคนนั่นแหละ!!!”ลูฟสะบัดหน้าหนี
“อ้าว แบบนี้มันพ่วงเอาพวกข้าไปหมดเลยนา”ไซนาสอ้าปากค้าง
“คนเขาอุตส่าห์มาเยี่ยมเพราะเป็นห่วง โดนด่าซะงั้น”เดเมียสบ่นอุบอิบ
“เจ้าไม่เป็นไรมากนะลูฟ?”เอมไพร์ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร...ตรงไหนกันล่ะ!!!”ลูฟโวยลั่น “ข้าโดนเห็นร่างจริงนะ! เห็นร่างจริง!!! อ๊า~~~ จะบ้าตาย”ลูฟเอนตัวลงไปนอนแปะกับเตียงต่อ
“เอาน่า เกรเซียสไม่พูดว่าเจ้าหน้าตาเหมือนผู้...แว๊ก!!!”
“ถ้าหลุดปากพูดออกมาระวังเงาหัวจะไม่มี!!!!!”ลูฟแยกเขี้ยว แต่ไม่ได้แค่ขู่ เพราะสายฟ้าสีดำเพิ่งแผลงฤทธิ์ไปหมาดๆ
“ไซนาส สงบปากสงบคำหน่อย”ครีอุสเอ่ย
“คร้าบ ท่านครีอุส”ไซนาสชักสีหน้าแหยๆ
“ที่ข้าถามน่ะคือเอาจริงๆนะลูฟ เจ้าไม่เป็นไรตรงไหนใช่มั๊ย”เอมไพร์ถาม
“เอาจริงๆก็ไม่มีอะไรบาดเจ็บ แค่ข้าขายหน้า!”ลูฟแหว
“นั่นก็ยังดีแล้วกัน ดีกว่าเจ็บตัวกลับมา”เอมไพร์บอก
“นั่นสิๆ”เดเมียสเห็นด้วย
“แต่ข้าไม่ชอบให้ใครเห็นนี่ พวกเจ้าก็รู้”ลูฟนอนหันหลังให้ทุกคนเสียเลย
“แต่ลอเรนยังไม่พ้นอันตรายนะ ท่าทางเกรเซียสจะยังไม่จบแค่ลูกกระจ๊อกพวกนั้นหรอก เพราะในคฤหาสถ์นั่นยังมีตัวหลักอยู่อีกตัวนี่นา”ครีอุสพูดลอยๆ
“อะไรนะ! เจ้าจอมมารนั่นยังไม่ออกมาจากคฤหาสถ์อีกเหรอ!?!”ลูฟสะดุ้ง
“ก็ใช่น่ะสิ”ไซนาสพยักหน้า
“...อึก...”ลูฟชักหน้าเสีย
......ไม่ไปก็ไม่ได้...ลอเรนตกอยู่ในอันตราย แต่......
“ข้าไม่อยากไปง่ะ”ลูฟทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
“อะโอ๋ๆ อย่าร้องไห้สิ เจ้าเป็นประมุขแห่งความตายนะ มาขี้แยได้ไง”เดเมียสเริ่มลนลาน
“เอาไงล่ะท่านครีอุส”เอมไพร์ถาม
“เฮ้อ...ช่วยไม่ได้นี่นะ”ครีอุสถอนหายใจ “ยังไงนั่นก็เป็นทายาทของเจ้า แถมยังเป็นผู้สืบทอดของลูฟ จะปล่อยทิ้งไปคงไม่ดี งั้น...ไซนาส!”
“ครับ”ไซนาสรับคำ
“กลับไปที่บ้าน เรียกตัวชาเพรย์ไปแทนที”
“ชาเพรย์!!!!!”ทุกคนสะดุ้ง
“ไม่ได้นะ! เจ้าก็รู้ว่าชาเพรย์เกลียดประมุขแห่งความตาย! เขาได้ฆ่าลอเรนกันพอดี!!!”ลูฟลุกพรวด
“ก็ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครว่างนี่นา”ครีอุสทำท่าไม่ใส่ใจ
“หยุด! ไม่ต้องให้ชาเพรย์ไป ข้าไปเองก็ได้!!! พอใจรึยังเจ้าจอมเจ้าเล่ห์!!!!!”ลูฟตะโกนลั่น
“อ้าว ก็ข้าคิดว่าจะ...”
“ไม่ต้องพูดเลย! อย่ามาสวมเป็นเทพอัศวินฮาเดสจอมโฉดตอนนี้!”ลูฟตะโกน “ข้าไปเองก็ได้! ข้าไม่ได้กลัวเจ้าจอมมารขนาดนั้นซักหน่อย!!!”
วูบ~
ร่างเล็กเลือนหายไปทันที
“กลับไปหาลอเรนแล้วเหรอครับ”เดเมียสถอนใจเฮือก “ข้าคิดว่าท่านจะให้ชาเพรย์ไปจริงๆเสียอีก”
“เขาเป็นเทพอัศวินครีอุสที่สิบสองที่เกือบจะฆ่าประมุขแห่งความตายรุ่นที่สี่ไม่ใช่เหรอครับ ท่านน่าจะรู้ว่าเขา...”เอมไพร์คราง
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ ไซนาส ทำไมเจ้าไม่ไปตามชาเพรย์เสียทีล่ะ”
“ท่านครีอุส!!!!!”
“ข้าแค่ต้องการความแน่ใจเท่านั้น ถึงชาเพรย์จะเกลียดประมุขแห่งความตายแต่เขาก็ยึดมั่นในคำสั่งของข้าน่า”ครีอุสยิ้ม
“...ก็ได้...ครับ...”ไซนาสตอบด้วยน้ำเสียงแห้งผาก
“ข้าไปด้วย เผื่อเจ้าจะกล่อมเจ้าหัวแข็งนั่นไม่ไหว”เดเมียสเสนอ
“ข้าด้วยดีกว่า ท่านอาจารย์”เอมไพร์เองก็เห็นด้วยเหมือนกัน
ฟุ่บ!
ทั้งสามรีบหายตัวไปทันที
“...เอ...เขาจะเชื่อฟังข้าจริงๆรึเปล่านะ? คิดไปคิดมาข้าเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิ”
......ก็ชาเพรย์...เกลียดประมุขแห่งความตายเข้าใส้เลยนี่นา......
วูบ...
“อ๊ะ”
“มีอะไรเหรอเคเรส?”
“อืม...ไม่รู้สิ”เคเรสพึมพำ
“เจ้าเห็นอะไรรึเปล่า?”ครีอุสถาม เพราะเคเรสสายตาดีกว่าคนปรกติเกือบเท่าตัวแล้วในตอนนี้
“ข้าเห็น...เหมือนข้างหน้า...มีเงาคน”เคเรสตอบ
“เห...จะได้ลงมือแล้วล่ะสิ”เฮฟเตตัสทำตาเป็นประกาย
“ใครจะเอา”เทอร์มิสถามสั้นๆ
“ข้า!!!”เฮฟเตตัส เอกอน และไทรอนเสนอตัวแทบจะทันที
“งั้นตามสบาย พวกเราจะล่วงหน้าไปก่อนนะ”เทมเพสยิ้มบางๆ เกือบหลุดเสียงหัวเราะ
......อืม...สามคนจอมเลือดร้อน...แบบนี้พวกนั้นไม่ตายดีแน่......
“ว่าแต่ เจ้าคาดเอาไว้รึเปล่าว่าใครเป็นตัวการใหญ่”อาร์เมลถาม
“ข้าไม่แน่ใจ แต่เขาต้องมีตำแหน่งสูงในศาสนจักรแน่ และข้าคิดจะ “เกลี้ยกล่อม” เขาอย่างละมุนละม่อมที่สุดเท่าที่จะทำได้...น่ะนะ”ครีอุสยิ้มด้วยรอยยิ้มแห่งแสงสว่างเต็มพิกัด
“โอ้~ ข้าล่ะชอบคำนี้จัง”เฮฟเตตัสหัวเราะ
“จะถึงแล้ว เหยื่อของข้า~”เอกอนหัวเราะ มีดสั้นในมือควงไปมาอย่างน่าหวาดเสียว [เอกอนใช้มีดสั้นเป็นอาวุธนะคะ]
“งั้นก็...แข่งเก็บจำนวนกันมั๊ย?”ไทรอนเสนอ
“น่าสน!”
“นี่พวกเจ้า อย่าพูดเรื่องไม่สง่างามได้มั๊ย”ครีอุสทำหน้าเหมือนซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนอย่างยิ่ง “พวกเจ้าต้องพยายามทำตัวให้ดีๆ อย่าใช้ความรุนแรงก่อนแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรู เราก็ต้องใช้พระเมตตาของเทพแห่งแสงสว่างเข้าปราบให้พวกเขาเข้าถึงหลักความจริงของการมีชีวิตอยู่”
“อ๋อ จะบอกว่าให้ล่อให้พวกมันลงมือก่อนค่อยจัดการใช่มะ จะได้มีข้ออ้างทีหลัง”เฮฟเตตัสหัวเราะ
“และจะบอกอีกว่าต้องเล่นงานให้เละอย่าให้ลุกขึ้นมาได้อีกล่ะสิ จะได้เอาเวลานอนไปซาบซึ้งกับการมีชีวิตที่เจ้าว่า”ไทรอนเสริม
“...เฮ้อ...”ครีอุสไม่พูดอะไร แต่ทำหน้าแปลกๆ ทั้งๆที่ในใจ...
......โอ้! พวกเขาเริ่มแปลความหมายของข้าออกแล้ว! ขอบคุณพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างจริงๆที่ข้าไม่ต้องมาแปลให้พวกเขาฟังซ้ำสอง......
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น