เรื่องสั้นพิเศษ : " Cry of the Forgotten " - เรื่องสั้นพิเศษ : " Cry of the Forgotten " นิยาย เรื่องสั้นพิเศษ : " Cry of the Forgotten " : Dek-D.com - Writer

    เรื่องสั้นพิเศษ : " Cry of the Forgotten "

    โดย TonyMao_NK51

    สะท้อนปัญหาการศึกษา บางทีปัญหาเล็กๆ อาจจะใหญ่สำหรับใครบางคนก็เป็นได้

    ผู้เข้าชมรวม

    626

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    626

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ค. 50 / 20:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      มิถุนายน พ.ศ.2550 ( ค.ศ.2007 )

      " ไอ่หนุ่ย เมิงจะเอาจริงๆ หรอวะ? "

      ณ บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ย่านชานเมืองหลวง เด็กหนุ่มวัย 18 ปีสองคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำบางสิ่งบางอย่าง เด็กหนุ่มผมแสกกลาง รูปร่างผอม สูงราวๆ 173 เซนติเมตร ผิวขาวเพราะมาจากครอบครัวเชื้อสายจีน สวมแว่นตาเลนส์สีชากรอบเล็กๆ สีน้ำตาลเข้ม ท่าทางเหมือนเด็กคงแก่เรียนกำลังต่อวงจรไฟฟ้ากับวัตถุบางอย่างที่อยู่ในช่องเก็บของท้ายรถ สายไฟระโยงระยางไปทั่วบริเวณนั้น และผมเองก็กำลังช่วยเขาอยู่โดยอ่านแบบแปลนวงจรดังกล่าวที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คให้ฟังเพื่อให้เขาตรวจสอบระบบว่าต่อผิดพลาดหรือไม่

      " ไอ่โจ้...เมิงก็รู้ว่ากุเอาจริง กุทนมานานแล้วกับระบบบ้าๆ นี้ และกุจะไม่ทนมันอีกต่อไป "

      หนุ่ยหรือเด็กหนุ่มคงแก่เรียนผู้นั้นหันมาตอบผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ในความรู้สึกของผมแล้ว เขาเป็นเพื่อนที่นิสัยดีมาก ในสมัยมัธยมปลาย เขาเป็นเด็กเรียนเก่งที่สุดในรุ่นขณะที่ผมเรียนแค่กลางๆ เท่านั้น เขาเรียนสายวิทย์ - คณิตหากแต่ผมเรียนได้แค่เพียงสายศิลป์ - คำนวณ แต่แม้ว่าเขาจะเรียนเก่งกว่าคนทั่วไป เขาก็ยังชอบช่วยสอนการบ้าน ช่วยหาข้อมูลรายงานให้กับเพื่อนๆ อยู่เสมอ ผมและเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเขารักเพื่อนคนนี้มาก เพียงแต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เป็นข้อเสียของเขา

      " กุเข้าใจเมิงนะโจ้ เมิงจะเลิกตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ อนาคตเมิงยังมี "

      " แล้วเมิงล่ะไอ่หนุ่ย เมิงเรียนเก่งกว่ากุนะ "

      " เรียนเก่ง? เก่งไปก็เท่านั้น ระบบมันไม่เอื้อนี่หว่า ไอ่พวกผู้ใหญ่เฮงซวยนั่นมันก็ดีแต่ปรับระบบแบบโง่ๆ เพื่อเข้าข้างลูกหลานมัน ไม่ก็แค่เพื่อทำคะแนนให้ตัวมันเองทั้งนั้น "

      นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเหมือนเขา แม้ผมจะไม่ได้เป็นเด็กอัจฉริยะหัวดีมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมกับเขาเหมือนกัน คือการสนใจเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ บนโลก พวกเราสองคนเปรียบเสมือนพวกหัวรุนแรง พวกหัวปฏิวัติอะไรเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเราเริ่มมาไกลกว่าที่เราคิดไว้มาก จากแต่ก่อนที่เราสองสหายเที่ยวตระเวณแจกใบปลิวโจมตีรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการว่าดำเนินนโยบายผิดพลาดมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ทว่า...วันนี้เรามาไกลกว่าเดิมมากไปเสียแล้ว

      " ไอ่หนุ่ย กระทรวงน่ะทหารตำรวจเฝ้าเต็มเลยนะโว้ย เมิงก็รู้ช่วงนี้เขาระแวงอยู่ว่าพวกม็อบกับพวกโจรก่อความไม่สงบจะเข้ามาก่อกวนในกรุงเทพฯ เมิงยังคิดว่าจะเข้าไปได้หรอวะ? "

      " ถ้าเข้าไม่ได้ กุก็จะขอตายอยู่หน้ากระทรวง กุสาบาน! "

      คราวนี้แววตาของไอ่หนุ่ยมันแข็งกร้าวกว่าเดิมมาก ตลอดสามปีที่ผมและเพื่อนคนอื่นๆ รู้จักเขา เราทุกคนจะรู้กันดีว่าแววตาแบบนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อยหนัก เพราะปกติเขาเป็นคนขี้เล่น สนุกสนานจนไม่มีใครได้สังเกตเลยว่า เพื่อนคนนี้มีอะไรซ่อนอยู่ในใจ

      " แล้วมันจะได้อะไรวะ? " ผมถามอีกครั้ง

      " ชีวิตกุไม่เหลืออะไรนานแล้ว กุแค่อยากจะประกาศให้โลกรู้บ้าง ว่าเสียงของคนๆ นึง ไม่ควรจะถูกลืมเลือน "

      " อืม! "

      ผมตอบพร้อมกับพยักหน้าสั้นๆ แล้วทำหน้าที่ช่วยงานที่รู้ว่าโอกาสสำเร็จแทบไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่สิ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยดีกว่าที่เด็ก 2 คนที่ไม่ใช่นักก่อวินาศกรรมอาชีพที่ถูกฝึกมาอย่างดีจะเข้าไปทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้นได้ แต่จะให้ผมถอนตัวไปบอกตำรวจ นั่นก็ไม่ใช่นิสัยของผม ยิ่งผมมีความคิดหัวรุนแรงเช่นเดียวกันแล้ว เมื่อเริ่มมาด้วยกัน มันก็ต้องสานต่อให้จบ

      พฤษภาคม 2550 ( ค.ศ.2007 )

      " เฮ!.................. "

      เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นรอบบริเวณสถานที่ๆ ใช้ประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย รุ่นพี่ทั้งหลายในแต่ละสถาบันต่างเข้ามายินดีกับว่าที่นิสิต - นักศึกษาใหม่ หลายคนที่มีพ่อแม่ผู้ปกครองไปด้วยยิ่งดูอบอุ่นนัก แต่แน่นอนว่า ท่ามกลางภาพแห่งความน่ายินดีและเสียงแห่งความปลื้มปีตินั้น ในอีกมุมหนึ่งยังมีคนอีกไม่น้อยที่ปวดร้าวและผิดหวัง ไอ่หนุ่ยก็เป็นหนึ่งในนั้นทั้งๆ ที่มันเป็นเด็กที่เรียนดีและตั้งใจเรียนมากเท่าที่ผมรู้จักมา มันใฝ่ฝันอยากจะเข้าสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยที่ตั้งอยู่ ณ ย่านที่วัยรุ่นนิยมไปรวมตัวกันมากที่สุด สถาบันที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน

      วันต่อมา

      " สลดเด็กสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติด ผูกคอตายดับอนาถประชดระบบชุ่ยๆ "

      สื่อมวลชนทุกแขนงต่างลงข่าวนี้กันถ้วนหน้าว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พลาดหวังจากการสอบเข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเป็นสถาบันที่คนส่วนใหญ่ของประเทศใฝ่ฝันอยากจะเข้าเรียน เพราะเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศ แต่เมื่อรับจำนวนจำกัด มันก็ต้องมีทั้งผู้สมหวังและผู้ผิดหวัง แต่กับผู้ตายนั้น จากข่าวที่นำเสนอเขาเพียงต้องการ " สังเวย " ให้กับความไม่ยุติธรรมมากกว่า เพราะปีแรกที่การแอดมิดชั่นส์ หรือระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบใหม่ออกใช้นั้น ได้ใช้เลยแบบไม่เตรียมการล่วงหน้า ทำให้ผลการตรวจข้อสอบนั้นผิดพลาด และเมื่อต้องตรวจใหม่ ผู้ตายก็ต้องผิดหวังเพราะชื่อของตนนั้นตกไปจากความผิดพลาดในครั้งแรกที่ทำให้มีชื่อเป็นผู้สอบผ่าน

      " เฮ้ย! ไอ่หนุ่ย อย่าเสียใจนะโว้ย เมิงเรียนเก่ง เรียนที่ไหนเมิงก็เรียนได้แหละน่า "

      " ไอ่โจ้! เพื่อนของเราคนนี้สมควรตายเปล่างั้นหรือ? " ไอ่หนุ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

      " เมิงหมายความว่าไงวะ? "

      " เมิงเชื่อไหม ว่าโลกนี้จะมีคนที่เหมือนกัน แม้แต่สอบรอบแรกก็ติด แต่ก็ถูกปรับชื่อออกเพราะความผิดพลาดเหมือนกัน ตอนนี้คนที่เหมือนกุ เขาสังเวยชีวิตตัวเองให้กับระบบชุ่ยๆ นั่นไปแล้ว แต่กุคิดว่าอีกไม่นาน พวกผู้ใหญ่โง่ๆ และเลวๆ นั่นมันก็ต้องลืม และเรื่องของเขาก็จะถูกกระแสอื่นๆ กลืนหายไปในที่สุด เมิงว่าไหมวะ? "

      " อย่าบอกนะว่า? "

      " ใช่! แผนที่กุเคยระงับไปเมื่อ 1 ปีก่อน วันนี้ในเมื่อกุไม่เหลืออะไรแล้ว กุก็จะสานต่อให้จบ กุจะวางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ไอ่พวกผู้ใหญ่เลวๆ ตายกันให้หมด "

      " ...ฮ่าๆๆ เมิงพูดเล่นใช่ไหมวะไอ่หนุ่ย กุรู้เมิงล้อเล่น "

      ผมพยายามหัวเราะต่อหน้าเพื่อนผมทั้งที่ในใจลึกๆ แล้วเพื่อนผมไม่ได้พูดเล่น เพราะเมื่อ 1 ปีก่อน ครั้งเมื่อไอ่หนุ่ยถูกคัดชื่อออกจากรายชื่อผู้เอ็นท์ติด มันโกรธมากจนขนาดจะไปหาปืนเถื่อนบุกไปยิงที่กระทรวงฯ แต่ผมห้ามมันไว้โดยพูดทำนองว่าเป็นไปไม่ได้เพราะสถานที่ราชการมีการตรวจตราหนาแน่น ผมพูดอธิบายไปเรื่อยเปื่อยจนนึกว่ามันจะยอมเลิกคิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้น แต่เปล่าเลย

      " ไอ่โจ้! เมิงเคยได้ยินชื่อหลิวเซินบ้างไหมวะ? "

      " หลิวเซิน! นักก่อการร้ายข้ามชาติที่ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงนั่นอ่ะนะ? "

      ไม่ผิดจากที่ผมคิด ไอ่หนุ่ยเอาบทความหลายอย่างที่ " หลิวเซิน " หรือที่มีอีกฉายาหนึ่งว่า " Evil Meteor ดาวหางมรณะ " เขียนลงเป็นภาษาอังกฤษในหลายเว็บไซด์ทั่วโลก มันไม่ยากอะไรหากเด็กที่ใฝ่หาความรู้ไม่ว่าทางด้านสว่างหรือด้านมืดคนหนึ่งจะค้นหามันผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อทั่วโลก บทความของหลิวเซินนี้เน้นโจมตีการแข่งขัน และการแบ่งชนชั้นในสังคม แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือเขามักจะเขียนบทความถึงประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ ราวกับว่าเขาเป็นคนไทยทั้งๆ ที่เขาอ้างตัวว่าเป็นคนจีนที่ไปอยู่อเมริกา แต่เหนืออื่นใด บทความของเขานั้นผู้ที่ได้อ่านราวกับว่ากำลังถูกสะกดจิต ยิ่งหากเป็นผู้ที่ตกอยู่ในวังวนที่ไร้ทางออก เต็มใจด้วยความโศกเศร้าในจิตใจแล้ว หลายคนที่เคยอ่านบทความของเขาในหลายประเทศตัดสินใจฆ่าตัวตาย ไม่ก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องจนกว่าจะถูกวิสามัญจากตำรวจ แต่จนบัดนี้ผ่านมาสามปีกว่า ก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนของหลิวเซิน เพราะเขาเป็นอัจฉริยะ บ้างก็ว่าเขาเป็นปีศาจมาจุติ แต่สำหรับคนบางกลุ่ม เขาเป็นดุจพระเจ้าผู้ปลดปล่อยคนพวกนั้นจากสิ่งที่เรียกกันว่า " ระบบแห่งพันธนาการ "

      " คู่มือทำระเบิดจากวัสดุที่หาซื้อได้ทั่วไป By Liuzhen?....อย่าบอกนะว่า! "

      แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ไอ่หนุ่ยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาไม่ออกไปสังสรรค์กับใครอีก งานเลี้ยงรุ่นที่จัด 2 ครั้งต่อปีไม่มีเขาไปทั้งสองครั้ง เมื่อเพื่อนๆ ไปเยี่ยมที่บ้านก็เหมือนไม่มีใครอยู่ แต่วันหนึ่งผมก็สังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติ เพราะในโรงรถหลังบ้านของเขานั้นมักจะมีแสงไฟออกมาตอนดึกๆ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ผมเดาได้ว่าไอ่หนุ่ยมันคิดจะทำอะไรอยู่แน่ๆ ดังนั้นผมจึงปีนเข้าไปดูในอีกหลายคืนต่อมา

      " เมิงเห็นแล้วสินะไอ่โจ้! แต่กุรู้ว่าเมิงจะไม่บอกตำรวจหรือใครทั้งนั้น เพราะลึกๆ แล้ว เมิงก็คงจะคิดแบบที่กุคิด "

      " ไอ่หนุ่ย! เมิงบ้าไปแล้วใช่ไหมวะ "

      ผมเข้าไปกระชากคอเสื้อมัน แต่มันไม่โต้ตอบ หากแต่เพียงจ้องตาผมด้วยแววตาที่น่ากลัวจนผมเหมือนถูกมนต์สะกด ผมค่อยๆ ปล่อยคอเสื้อลง มันยิ้มและตบไหล่ผมก่อนที่จะเดินเข้าไปทำการออกแบบการวางระเบิดไว้ตามจุดต่างๆ ที่รถเก๋งคันหนึ่งจะวางได้

      " ไอ่โจ้! กุรู้ว่าเมิงไม่อยากทำ เมิงเป็นห่วงกุ กุขอบใจมาก เมิงกลับไปเถอะ "

      แต่แม้ว่าไอ่หนุ่ยจะบอกให้ผมออกไป แต่ผมก็เหมือนถลำลึกเข้ามาเสียแล้ว ผมคงโดนสะกดจิตให้ความต้องการเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ในใจออกมาแล้วกระมัง ความรู้สึกโกรธเกลียดพวกผู้ใหญ่เลวๆ ที่เอาเด็กมาสร้างภาพเพื่อหาคะแนนให้กับตัวเอง ในที่สุดผมก็อยู่ร่วมมือในการหาวัตถุดิบทำระเบิด ติดต่อพวกนักเลงเพื่อหาปืนเถื่อนไว้ใช้ยามจำเป็น และอยู่ช่วยมันทำโน่นนี่มาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา

      ต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2550 ( ค.ศ.2007 )

      ในที่สุดทุกอย่างก็พร้อม รถทั้งคันเต็มไปด้วยวัตถุระเบิดที่พร้อมจะทำงานเพียงแค่กดรีโมตที่อยู่บนแผงคอนโซลหน้าพวงมาลัย แต่นอกจากนั้น ไอ่หนุ่ยยังผูกระเบิดไว้ที่ลำตัวของมันอีกราวกับว่าเป็นแผนสองของมันที่อย่างน้อยจะต้องมีคนตายไปด้วยกัน

      " เมิงไม่เปลี่ยนใจแน่หรอวะ " ผมยังคงถามคำเดิม

      " ทุกอย่างเริ่มแล้วมันก็ต้องต่อให้จบ กุขอบใจเมิงมาก วันนี้มาเลี้ยงฉลองกันหน่อยหลังจากที่เหนื่อยมานานว่ะ "

      ผมดื่มฉลองกับมัน เบียร์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกซดเข้าปากอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าเพื่อนผมเพียงแค่ค่อยๆ จิบทีละเล็กน้อย ในที่สุดผมก็เริ่มง่วงนอนแล้วก็เผลอหลับไปโดยไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ในที่สุด

      เช้าวันต่อมา

      " ไอ่โจ้! เมิงเป็นเพื่อนที่กุไว้ใจที่สุด กุขอบใจเมิงสำหรับทุกอย่าง เมิงไม่ควรจะตายไปพร้อมกับกุ ไม่ควรจะมาซวยกับกุ ขอโทษนะที่ต้องทำให้เมิงหลับ เพราะไม่งั้นเมิงต้องตามกุมาแน่ ให้กุตายคนเดียวก็พอ ในการปฏิวัติ คนที่ตายไปจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่อยู่ต่อไม่ว่ากุจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม กุหวังว่าเมิงจะมีอนาคต และเด็กรุ่นหลังก็เช่นกัน ขอบใจสำหรับทุกอย่าง ลงชื่อ...สหายหนุ่ย "

      ผมอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายที่ไอ่หนุ่ยเขียนแล้วทิ้งไว้ข้างๆ ร่างของผมที่ถูกพามาส่งที่ป้อมยามหน้าโรงเรียนเก่าของพวกเราสมัยมัธยม พวกเราสนิทกับยามมากแต่ผมต้องรีบเก็บจดหมายฉบับนี้ไม่ให้ใครรู้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วแผนการของเพื่อนผมคนนี้อาจจะไม่สำเร็จ

      " ขณะนี้มีรายงานด่วนว่ามีคนร้ายท่าทางเหมือนวัยรุ่นกำลังจอดรถอยู่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยคนร้ายไม่ยอมออกจากรถและจับกุมเด็กสาววัย 14 คนหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน "

      ข่าวทุกช่องรายงานพร้อมกัน ผมรู้ทันทีว่านั่นต้องเป็นไอ่หนุ่ยแน่นอนเพราะผมจำรถคันดังกล่าวได้ รอบด้านนั้นเต็มไปด้วยหน่วยเก็บวัตถุระเบิดและหน่วยคอมมานโดของตำรวจเป็นจำนวนมากแต่ยังไม่มีใครกล้าผลีผลามทำอะไรเพราะมีเด็กเป็นตัวประกัน

      ณ ถนนกระทรวงศึกษาธิการ

      " นี่เป็นรายงานสดจากสถานที่เกิดเหตุนะคะ ตอนนี้คนร้ายได้เสนอเงื่อนไขมาแล้วนะคะว่าต้องการให้รัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยหรือปลัดกระทรวงออกมาเจรจา โดยคนร้ายต้องการพูดคุยเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่ผิดพลาดในทุกเรื่องมาแต่กระทรวงไม่เคยคิดจะแก้ไขมาตลอด โดยบอกว่าถ้ายอมออกมาพบก็จะปล่อยเด็กที่ถูกจับออกมาทันทีค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากในกระทรวงเป็นที่แน่ชัดนะคะว่าจะส่งใครออกมา รายละเอียดถ้ามีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป ตอนนี้กลับไปที่สถานีกันก่อนค่ะ "

      ข่าวทุกช่องยังคงรายงานอย่างต่อเนื่อง ผมรีบไปร้านเน็ตที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อดูความคิดเห็นและรายงานออนไลน์ต่างๆ เพราะต้องมีการรายงานผ่านเว็บไซต์ต่างๆ แน่นอน แล้วก็เป็นจริงดังคาด เว็บบอร์ดต่างๆ เริ่มมีการพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวกันแล้ว บ้างก็ว่าคนร้ายเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน บ้างก็ว่าเป็นพวกการเมืองในตอนแรก จนกระทั้งมีรายงานข่าวยืนยันอีกครั้ง

      " ตอนนี้คนร้ายได้แสดงจุดยืนมาแล้วนะคะ เขาบอกผ่านเครื่องขยายเสียงติดรถยนต์ออกมาว่าที่มาวันนี้ไม่ใช่ใครจ้างหรือเป็นสมาชิกของกลุ่มใด เพียงแต่อยากให้ผู้ใหญ่และสังคมเข้าใจและให้ความยุติธรรมกับเขาและคนอีกหลายๆ คนบ้าง ทำไมระบบที่ออกมาใหม่ถึงไม่เริ่มใช้กับนักเรียนเข้าใหม่ แต่กลับรวมใช้ทั้งหมดทำให้เด็กเก่าไม่มีโอกาสแก้ตัว และเมื่อใช้แล้วยังผิดพลาด มันควรแล้วหรือ ตอนนี้คนร้ายพูดเพียงเท่านี้นะคะ ล่าสุดมีรายงานด่วนมาแล้วค่ะว่าคนร้ายปล่อยตัวประกันออกมาแล้วนะคะ......ปัง!..ปัง!....ตูม! "

      ด้านหลังของผู้ประกาศข่าวมีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ก่อนที่จะมีระเบิดเกิดขึ้นในรถทันทีที่เด็กสาววิ่งออกมาจากรถได้ไม่ถึงร้อยเมตร ชุดเฉพาะกิจของตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ทันทีท่ามกลางควันไฟที่ลุกโชนขึ้นมาจากรถ ผมแปลกใจมากที่ไม่มีระเบิดเกิดขึ้น ไอ่หนุ่ยไม่น่าจะทำพลาด เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าฉีดสารเคมีเพื่อควบคุมเพลิงแล้ว เหตุการณ์ก็จบลงด้วยดีอย่างที่หลายคนคิด

      ค่ำวันเดียวกัน

      " ไอ่เด็กเวร เอ็นไม่ติดแค่นี้จะฆ่าคนอื่น ไปตายซะไป "

      " คนอื่นเขายังอยู่กันได้ กะอีแค่ถูกปรับตก จะมาโทษระบบ แล้วคนอื่นล่ะ คนที่เขาถูกปรับตกรอบแรก ถ้าไม่แก้ไขพวกเขาจะได้เรียนไหม? "

      " ไอ่โง่ อย่างเมิงตายๆ ไปก็ดีแล้ว "

      ผมไม่อาจจะทนอ่านคำก่นด่ามากมายที่รุมประณามเพื่อนผมตามเว็บบอร์ดต่างๆ พวกเขาไม่มีวันเข้าใจเลยว่าเรื่องบางเรื่องที่ว่าเล็กน้อยสำหรับพวกเขา แต่กับใครบางคนอาจจะเป็นเรื่องใหญ่มาก คนส่วนมากไม่เข้าใจ และต่างก็รุมด่าอยู่เช่นนั้นไปไม่มีที่สิ้นสุดเฉกเช่นคนอื่นอีกไม่น้อยที่จบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย

      " ตอนนี้มีรายงานสรุปออกมาแล้วนะคะ คนร้ายชื่อนายวราวุฒิ วรสุทธิชัยวงศ์ อายุ 19 ปี เป็นทายาทเจ้าของธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งทั่วประเทศ ได้ขับรถที่อ้างว่าบรรทุกระเบิดมาเต็มคันรถหมายจะระเบิดอาคารกระทรวงศึกษาธิการเพื่อต้องการให้สังคมรู้ว่ายังมีคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมอีกมากมาย และเพื่อประท้วงรัฐบาลและกระทรวงที่บริหารงานผิดพลาดแต่ไม่รับผิดชอบโดยจับเด็กสาววัย 14 ปีคนหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน แต่ในที่สุดตำรวจก็เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หลังจากเด็กสาวโดดออกจากประตูรถฝั่งซ้ายก่อนที่คนร้ายจะยิงตัวตายก่อนจะกดระเบิดที่ผูกกับร่างของตัวเอง แต่หลังตรวจสอบรถคันดังกล่าวกลับไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด เราลองมาฟังสัมภาษณ์จากเด็กสาวใจเด็ดกันนะคะ "

      ผมดูข่าวไปพลางส่ายหัวทั้งน้ำตา เพื่อนผมจากผมไปแล้วด้วยอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่แต่กลับถูกผู้คนมากมายที่ไม่รู้จักเขาดีพอประณามไม่รู้จบสิ้น แต่อีกด้านหนึ่งผมก็ยังแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่มีระเบิด ในเมื่อผมกับมันเป็นคนที่ทำมาด้วยกัน พวกเราตรวจสอบทุกขั้นตอน จนกระทั่งผมได้ฟังสัมภาษณ์จากเด็กสาวนั่น ผมจึงเข้าใจ

      " หนูไม่ได้หนีนะคะ พี่เขาบอกให้ออกไปต่างหาก บอกว่าในนี้มีระเบิดเต็มรถ ก่อนที่จะไล่หนูออกมา พี่เขาก็บอกอีกว่าตั้งใจเรียนนะ แล้วทุกอย่างที่พี่ทำเพื่อทุกคนจะไม่เสียเปล่า เขาบอกแค่นั้นค่ะแล้วก็ผลักหนูออกมาเลย พอหนูวิ่งออกมาได้สักพักก็มีเสียงปืนกับเสียงระเบิดดังสนั่น แล้วตำรวจก็วิ่งเข้าไปที่รถของพี่เขาแล้วก็พาตัวหนูออกมาค่ะ "

      ผมเข้าใจในทันที ทางตำรวจออกมาให้สัมภาษณ์อีกว่าเดิมทีรถคันนี้ถูกเตรียมพร้อมไว้ทำระเบิดหรือคาร์บอมบ์อย่างสมบูรณ์ หากแต่แล้ววงจรระเบิดกลับถูกตัด และวัตถุระเบิดก็ถูกถอดออกทำให้ไม่มีการระเบิดขึ้นอย่างที่คนร้ายกล่าวอ้างมา

      " เมิงเป็นคนดี แล้วก็เป็นคนดีตลอดจริงๆ ว่ะ ไอ่หนุ่ย! "

      หลายวันต่อมา งานศพของเขาถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ผู้เป็นพ่อแม่ไม่ต้อนรับนักข่าวไม่ว่ามาจากไหนทั้งสิ้น มีเพียงครูอาจารย์และเพื่อนๆ สมัยมัธยมไม่กี่คนเท่านั้นรวมทั้งผมที่ได้ไปร่วมงานในครั้งนี้

      ผมไม่รู้หรอกว่าไอ่หนุ่ยมันคิดอะไรถึงได้เปลี่ยนใจ ปกติแล้วเพื่อนผมคนนี้บอกจะทำอะไรแล้วไม่มีใครเปลี่ยนใจได้เด็ดขาด แต่สุดท้ายแล้ว มันก็กลับเลือกที่จะไม่พาคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปด้วย ผมว่ามันรู้ดีว่าไม่มีทางทำสำเร็จ แต่มันไม่ยอมถอย มันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

      และผมหวังว่า ความพยายามของชายผู้นี้จะ " ไม่สูญเปล่า " ไปกับกาลเวลา

      หลายเดือนต่อมา

      " ลาก่อน เพื่อนที่รัก ลาก่อน เพื่อนที่แสนดี หลับอย่างสงบเถิด เรื่องของนาย เราจะสานต่อเอง "

      ผมกำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาเพราะผมบังเอิญสอบชิงทุนเอกชนจากที่แห่งหนึ่งได้ ผมเองก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมผมจึงสอบได้ แต่ในเมื่อโชคชะตานำพาแล้ว ผมก็ต้องเดินไปตามทางของมัน

      และหวังว่า วันนึงมันจะให้คำตอบกับผมได้เช่นกัน

      ~จบบริบูรณ์~

      ------------------------

      Write By : TonyMao_NK51

      mail to :
      tonymao_nk51@hotmail.com

      หมายเหตุ : เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นมิใช่เรื่องจริง ผมมิได้มุ่งหวังให้ใครไปก่อวินาศกรรมหรืออัตวินิบาตกรรมด้วยเหตุดังกล่าว แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์กับรัฐบาลว่าการกระทำการใดๆ ให้พิจารณาให้รอบคอบและควรรับฟังผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่าจะเอาหน้าเพื่อหาคะแนนหรือเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเป็นอุทาหรณ์แก่เยาวชนทุกคน ว่าการเอ็นทรานซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต มีคนมากมายที่ไม่ได้เอ็นท์ หรือเอ็นท์ไม่ติด แต่ก็สามารถเติบโต มีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคงได้

      ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เจ็บปวดนี้ไปได้ด้วยดีครับ

      TonyMao_NK51

      15/5/2007 กรุงเทพฯ ประเทศไทย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×