สปอยนะครับ ใครไม่ได้ดูไม่ต้องอ่านก็ได้
" ไม่มีใครยอมฟังผมบ้างเลย! "
ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อน บทความนี้มิได้หมายความว่าผมจะเข้าข้างฝ่ายไหนในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นชินระฯ หรือสนฟิรอธก็ตามที แต่เป็นเรื่องที่ว่าด้วย " ชนชั้น " ที่ปรากฏอยู่ทุกๆ ที่บนโลกไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ปกครองแบบไหนก็ตาม
" สั.ตว์ประหลาดปรากฏตัว รัฐบาลออกประกาศเตือนไวรัส? "
ต้องบอกกันไว้ก่อนว่า The Host นี้เป็นหนังเกาหลี และเป็นหนังแนวแปลก เพราะทุกทีหนังเกี่ยวกับตัวประหลาดทั้งหลาย ไม่ว่าจะญี่ปุ่นหรือฝรั่ง ก็จะว่าด้วยการปรากฏตัวของตัวประหลาด และจะมีผู้กล้าซึ่งต้องเป็นหน่วยอะไรสักอย่างออกมาปราบมัน แต่ใน The Host นี้ เราจะไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้น แต่ที่เราเห็น คือการหนี และหลังจากนั้น หนังได้ค่อยๆ ลดบทบาทของสั.ตว์ประหลาดลง แล้วมาเน้นที่เรื่อง " ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น " มากขึ้น โดยเริ่มจากชนชั้นมหาอำนาจต่างชาติ ผู้ทำตัวเป็นเจ้าของโลกใบนี้ เข้ามาปิดข่าว โฆษณาชวนเชื่อว่ามีไวรัส และจับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไปกักตัวไว้หมด
ทว่า...ยังมีครอบครัวหนึ่งที่เชื่อว่าลูกของตนยังไม่ตาย ตัวเอกผู้เป็นลูกคนโตและมีพฤติกรรมไม่สนโลก ( นอนทั้งวัน และอาการคล้ายออทิสติก ) , พ่อผู้เป็นเจ้าของร้านค้าเล็กๆ , น้องชายคนรอง ปัญญาชนตกอับ ( จบมหาลัยแต่ไม่มีงานทำ ) และน้องสาวคนเล็ก นักแม่นธนูทีมชาติ
ตลอดทั้งเรื่อง หนังไม่ได้เน้นที่ตัวสั.ตว์ประหลาดเสียเท่าไรนัก แม้ว่าจะมีการตัดไปดูมันคาบเหยื่อมาเก็บไว้กินเป็นระยะๆ ก็ตาม แต่ทั้งเรื่องจะว่าด้วยปัญหาต่างๆ ในสังคมเกาหลี โดยมีมหาอำนาจบางชาติเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รัฐบาลก็ต้องทำตาม เริ่มจากตำรวจที่พูดจากับประชาชนเหมือนประชาชนไม่ใช่คนเหมือนกับเขา และพวกมหาอำนาจที่เป็นตัวก่อเรื่องด้วยการทิ้งสารเคมีลงในน้ำทำให้เกิดตัวประหลาดขึ้นมา แถมยังจะจับคนไปทดลองหาเชื้อโรคเสียอีกเพื่อปิดข่าวความผิดของพวกตน
ตรงนี้จริงๆ แล้ว มันก็มีปรากฏให้เห็นเป็นจริงอยู่เรื่อยๆ ในทุกสังคม ไม่ว่าจะโดยคนชาติเดียวกันที่มาในรูป " กลุ่มการเมือง " ก็ดี " นายทุน " ก็ดี " ศักดินา " ก็ดี หรือแม้แต่กลุ่มที่มาจากต่างชาติ ไม่ว่าใครก็หาได้มีความจริงใจกับประชาชนตัวเล็กๆ สักนิดเดียว แม้ว่าตอนมาจะโปรโมต ขอคะแนนสักเท่าไรก็ตาม
แม้แต่ตอนท้ายของหนังเรื่องนี้ ก็มิได้มีหน่วยงานใดมาปราบเจ้าตัวประหลาดอย่างจริงๆ จังๆ เราไม่เห็นกำลังตำรวจ ทหาร หรือหน่วยพิเศษอะไรเลย นอกจากควันพิษสีเหลือง ( ตอนแรกที่ดู ผมนึกว่าฝนเหลืองที่ใช้ในเวียดนาม ) แต่กลับกลายเป็นแค่คน 3 คน ( ครอบครัวของตัวเอก ที่พ่อของพวกเขาถูกตัวประหลาดฆ่าไปแล้ว )
อีกประเด็นหนึ่งที่หนังพยายามนำเสนอแม้จะไม่เด่นชัดก็คือเรื่อง " ครอบครัวเป็นหนึ่ง " เช่นตอนแรกที่ 3 พี่น้องไม่สามัคคีกัน ไม่ว่าจะน้องรองเกลียดพี่ใหญ่ที่เหมือนคนฟั่นเฟือน หรือสองพี่ชายที่ดูถูกน้องสาวคนเล็กว่าเชื่องช้า แต่ผู้เป็นพ่อนั้นจะคอย " ประสานรอยร้าว " ตลอดจนแม้แต่ตอนจะตาย ตรงนี้ผมว่าน่าจะโยงไปถึงประเด็นภายในเกาหลีเอง ที่การทำ FTA กับมหาอำนาจตะวันตกชาติหนึ่งนั้นมีเงื่อนไขว่า " ให้ลดจำนวนรอบฉายหนังเกาหลี และเพิ่มรอบหนังฝรั่ง " ซึ่งทำให้เกิดการออกมาพาเหรดประท้วงกันในหมู่คนบันเทิงเกาหลีมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้ เพราะตลอดมานั้น หนังจากตะวันตกแทบไม่มีโอกาสชนะหนังเกาหลีได้เลย เพราะคนเกาหลีชาตินิยมสูง + หนังเกาหลีมีคุณภาพมากมายด้านเนื้อเรื่อง แม้เทคนิคจะไม่อลังการแบบตะวันตกก็ตาม ซึ่งถ้าผู้สร้างมีจุดประสงค์เพื่อ Strike Back ตะวันตกจริงๆ ผมว่าน่ากลัวทีเดียว
ก่อนจะจบในบทความตัวนี้ ผมไม่เถียงว่าประเทศหลายประเทศในโลกนี้ยังเป็นเผด็จการ ไม่มีประชาธิปไตย ซึ่งนั่นก็สมควรเปลี่ยนแปลง แต่ทว่า....น่าเสียดายว่าเปลี่ยนแปลงแล้ว ประเทศเหล่านั้นกลับกลายเป็น " อาณานิคม " ของตะวันตกบางชาติไปเสียได้
น่าเศร้าครับ ที่สุดท้าย ไม่ว่ากลุ่มการเมืองใดจะเป็นใหญ่ แต่คนที่ต้องลำบากก็ยังเป็น " ประชาชน " วันยังค่ำ
เฉกเช่นครอบครัวในเรื่องนี้ ที่ต้องสู้กับตัวประหลาดเองแบบไม่มีใครช่วย
ตามแบบฉบับ " รากหญ้าที่ไร้ผู้เหลียวแล " เท่านั้นเอง
TonyMao_NK51 ( เจ้าลัทธิแห้ว )
Mail To :
tonymao_nk51@hotmail.com---------------------
ปล.แอบขำฉากสุดท้ายนิดๆ ผมคิดว่ากำลังโปรโมต Ragnarok อยู่นะนั่น ดูจากการต่อสู้ของตัวละครได้เลย มากันเป็นตี้เห็นๆ
- พี่ชายคนรองทำระเบิดเพลิงปาใส่ ( Alchemist )
- น้องสาวคนเล็กยิงธนูไฟ ( Hunter )
- พี่ชายคนโตเอาด้ามของป้ายที่แหลมๆ มาเสียบทะลุปากเจ้าตัวประหลาด ( Knight )
เออนะ มาล่า MVP กันจริงๆ ด้วย ^_^!
หุๆ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น