ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนาน Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่11 วันโลกาวินาศแร็กนาร็อก(Ragnarok)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.79K
      1
      2 ธ.ค. 49

    บทที่11 โลกาวินาศแร็กนาร็อค-Ragnarok
    อวสานแห่งเทพและโลกทั้ง 9
    ความตายของบาลเดอร์และการพันธนาการที่เล่ามาในบทก่อนนี่ละครับ ทำให้โอดินรู้ว่าเวลาแร็กนาร็อคอยู่ไม่ไกล เมื่อแสงสว่างและความจริงถูกทำลาย ความชั่วก็จะได้รับการปลดปล่อย และความชั่วที่ว่าก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากโลกินั่นเอง ถึงเขาจะพยายามดึงโลกิไว้ใกล้ตัวเพื่อไม่ให้เจ้าจอมแสบไปเผยแพร่เชื้อพันธุ์ในโลกมนุษย์ แต่เมื่อบาลเดอร์จากไป ไม่มีอะไรคานอำนาจความชั่วไว้ได้ มันหมายถึงเวลาชะตาลิขิตที่เขาก็ไม่อาจฝืนให้ทุกอย่างกลับมาดีดังเดิม
    พระองค์นั่งรออวสานอย่างใจเย็น
    ตอนนี้โลกิถูกพันธนาการอยู่ในมิดการ์ด โอดินแน่ใจว่าความชั่วร้ายของโลกิจะค่อยๆ ซึมลงไปในใจมนุษย์อย่างช้าๆ ไม่นานนักมันก็เริ่มพ่นพิษ โอดินนั่งมองจากบัลลังก์ฮลิดสเกียฟเห็นคนเริ่มฆ่ากันอย่างไร้เหตุผล และไร้เกียรติ หัวใจทุกดวงเต็มไปด้วยความชั่วและความพยาบาทและทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มสับสน
    พ่อฆ่าลูกชาย เอาลูกสาวมาทำเมีย ลูกชายลอบฆ่าครอบครัวในตอนกลางคืน พี่น้องสมสู่กันเอง กระทั่งแม่ก็ยังเกิดความใคร่ในตัวลูกชาย มันเป็นยุคตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดาบต่อดาบ ความโกรธความเกลียดแม้เพียงน้อยนิดก็ไม่มีการอดทนให้อภัย แผ่นดินมิดการ์ดแดงเดือดด้วยเลือดทา มันเป็นเวลาที่มนุษย์ไร้ศีลธรรมและอารยธรรมของความเป็นคน กลับไปมีชีวิตเหมือนสัตว์ เข่นฆ่ากันเยี่ยงสัตว์จะเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งอาวุธก็คงไม่ผิด
    เมื่อช่วงเวลาแห่งอาวุธผ่านไป ก็ถึงช่วงน้ำแข็ง โลกมนุษย์ตกอยู่ในฤดูหนาวแสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี มันเป็นความหนาวที่สุดทนทาน น้ำแข็งและน้ำค้างแข็งปกคลุมแผ่นดินมิดการ์ดสุดลูกหูลูกตา สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วนอดอยาก คนที่โชคดีคือคนที่ตายเพราะความหนาวก่อนจะอดตาย ดวงอาทิตย์ไม่ฉายแสง แผ่นดินแห้งแต่ปราศจากความอบอุ่น ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง กระทั่งคน ก็เปลี่ยนไปเป็นคล้ายสัตว์ โหดร้าย ป่าเถื่อน เมื่อสิ้นหน้าหนาว ความรัก ความเมตตาก็หายไปจากทุ่งมิดการ์ด มีแต่ความดำมืดและความโหดร้ายเท่านั้นที่เหลืออยู่
    หลังยุคโลหะ ยุคแห่งความหนาวก็มาถึงยุคของหมาป่า ท่านผู้อ่านยังจำยักษ์อังกรโบดาเมียของโลกิที่ถูกพรากลูกประหลาดไปได้ไหมครับ นั่นละคนนั้นละ เมื่อนางเสียลูกไปหมดนางก็เลยไปเอาหมาป่าสกอลล์และฮาติ หมาป่าที่มีความอยากกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มาตั้งแต่เกิดนั่นละครับ มาฟูมฟักแทนลูก นางเอาศพคนที่ตายเกลื่อนในยุคฆ่าพี่ฆ่าน้องให้มันกิน ศพพวกนี้มีมากมายเสียจนหมาสองตัวไม่เคยอดอยากเหมือนสัตว์อื่น แต่สิ่งที่ประหลาดก็คือ มันทั้งสองเติบใหญ่ขึ้นแข็งแรงขึ้นจนเป็นหมาขนาดยักษ์
    เมื่อเวลามาถึง สกอลล์และฮาติไล่งับดวงตะวันและดวงจันทร์อย่างที่มันอยากทำมาเป็นเวลานาน สกอลล์อ้าปากอันมโหฬารงาบดวงอาทิตย์ทั้งราชรถและคนขับกร้วมเดียว ดวงอาทิตย์หายไปจากท้องฟ้า ฮาติไล่ตามดวงจันทร์ใช้กรามอันใหญ่โตขย้ำดวงจันทร์ไว้ในปากเช่นเดียวกับสกอลล์ เมื่อดาวทั้งสองหายไป หมู่ดาราที่เหลือก็หมดกำลังใจจะส่องแสง ทั่วทั้งโลกตกอยู่ในความมืดดำ
    ความมืดมนอนธการไม่ได้ทำลายแต่ความหวังของดวงดาวเท่านั้นครับ แต่ทำลายพลังเวทย์ของเครื่องพันธนาการต่างๆ พวกที่ถูกขังถูกกัก ได้รับอิสรภาพในทันที
    เฟนริสหมาป่าลูกของโลกิและอังกรโบดารู้สึกว่าจู่ๆ ริบบิ้นไกล์ปเนียร์ก็หลุดจากตัว ฝ่ายโลกิก็รู้สึกว่าโซ่ตรวนที่ตรึงอยู่หลุดออกไปเอง ไฟแห่งความเกลียดชังไหลบ่าเข้ามาท่วมหัวใจสิ่งชั่วทั้งสอง ดวงตาของโลกิและเฟนริสแดงด้วยความเกลียดชัง
    ความมืดยังทำให้นิดฮอก พญางูที่นอนขดล้อมรากต้นอิกดราซิลมีกำลังมากขึ้นอย่างที่มันต้องการ นิดฮอคกัดรากต้นอิกดราซิลทะลุ ทำให้ต้นไม้แห่งโลกต้นนี้สั่นสะเทือนสูงขึ้นไปถึงแอสการ์ด วินาทีที่เขี้ยวของมันทะลุราก ไก่บนยอดไม้ก็ขันเตือนภัยเทพว่า จุดจบมาถึงแล้ว เวลาเดียวกันไก่สีแดงเหมือนเลือดของเฮลก็ร้องขันเรียกนายก้องอยู่ในดินแดนนิฟล์เฮม เสียงของมันทำให้ไก่กัลลิงคัมบิของแอสการ์ดขันรับอีกทอดหนึ่งจากคอนที่มันเกาะเหนือวัลฮัลลา คราวนี้เสียงของมันได้ยินไปทั่วอาณาเขตเอนเฮเรียร์
    เสียงไก่กัลลิงคัมบิคือสัญญาณอันตราย นอกจากโอดินจะได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ไฮล์มดาลซึ่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งบนสะพานรุ้งก็ได้ยิน เขาเห็นความเป็นไปในมิดการ์ดตลอดมา หลังจากยุคแห่งเลือดอันทุกข์ทรมาน ยุคแห่งความหนาวเย็นอันขาวโพลน เขาก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องเป่าแตรศักดิ์สิทธิ์กจาลเรียกเทพอีเซอร์และนักรบเอนเฮเรียร์ทั้งหมด ประชุมพลเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้แล้ว
    เสียงแตรกจาลปลุกให้เทพอีเซอร์และนักรบเอนเฮเรียร์แต่งตัวเตรียมรบอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างคว้าดาบคู่กาย ทั้งดาบขวานและค้อนกรูออกจากโต๊ะเลี้ยงในวัลฮัลลา วิญญาณเอนเฮเรียร์ทั้ง 800 วิ่งผ่านประตู 540 บาน ตั้งทัพยกข้ามสะพานไบฟรอส สู่ทุ่งวิกฤต (Vigrid-วิกริด ฟังแล้วเหมือนวิกฤตเลยนะครับ และความหมายก็แทบจะคล้ายกันด้วย) ทันก่อนที่ยักษ์เซิร์ทจะจุดไฟเผาสวรรค์แอสการ์ดและสะพานรุ้งน้ำแข็ง
    สมาชิกแอสการ์ดไม่ใช่พวกเดียวที่ได้ยินเสียงแตรเรียกทัพ แต่ลึกลงไปในมหาสมุทร พญางูจอร์มุนกานด์ งูที่ขดตัวล้อมมิดการ์ดก็ได้ยินเช่นกัน มันเริ่มบิดตัวกระตุก การเคลื่อนไหวของสัตว์ยักษ์อย่างมันทำให้เกิดคลื่นสูงเท่าภูเขาและพายุก็ตามมา คลื่นยักษ์ปลดปล่อยเรือนาจิลฟาร์-Nagilfa ที่แสนจะน่ากลัวขึ้นบนผิวน้ำ มันเป็นเรือที่เกิดจากเล็บของคนตายซึ่งญาติๆ ลืมตัดให้ก่อนจุดไฟเผาศพ เมื่อเรือนาจิลฟาร์เกยหาดก็เป็นเวลาเดียวกับที่โลกิเป็นอิสระจากพันธนาการ โลกิขึ้นเรือนำมันลงน้ำบังคับให้แล่นสู่ทุ่งวิกริด

    เขาลูกๆ ประหลาดของเขาคือ จอร์มุนกานด์และเฟนริส ระหว่างทาง ทั้งสองว่ายขนาบข้างเรือ เฟนริสสวาปามทุกสิ่งทุกอย่างที่ไหลเข้ามาในทางของมัน ข้างงูก็พ่นพิษไปตลอดทาง
    ใกล้ทุ่งวิกริด โลกิเห็นเรืออีกลำแล่นมาจากโจตันไฮล์ม เรือลำที่ว่าบรรทุกยักษ์มาจนเพียบแปร้ มียักษ์ฮริม-Hrym ทำหน้าที่บังคับเรือ บนเรือโลกิยังได้เห็นยักษ์เซิร์ทที่เพิ่งทำลายสวรรค์และสะพานรุ้งมาหยกๆ โดยสารมาด้วย ทั้งหมดมุ่งหน้าไปขึ้นฝั่งทุ่งวิกริดพร้อมกัน จอร์มุนกานด์ดีดตัวขึ้นจากทะเลที่กำลังเดือดขึ้นไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤต พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง
    สิ่งที่ทำให้โลกิจอมลวงดีใจมากที่สุดเมื่อขึ้นยังทุ่งนั้นก็คือ เฮลลูกสาวลอยตัวขึ้นจากรอยแยกของแผ่นดิน ตามมาด้วยกาม-หมาเฝ้าประตูวังของหล่อน และบรรดาวิญญาณขึ้นมาจากนรก จากนั้นงูนิดฮอคก็เลี้อยขึ้นมาจากรอยแยกปากของมันยังมีเศษรากอิกดราซิลหักห้อยคา มันค่อยๆ คลี่ปีกพังผืดหนังกระพือสะบัดแล้วบินขึ้นฟ้า ซากศพมนุษย์ที่มันเก็บไว้ใต้ปีกเป็นเสบียงเคี้ยวเล่นหล่นเป็นสายลงมาบนพื้น เป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด (งูนิดฮอคนี้เชื่อกันว่ารอดจากแร็กนาร็อคเหมือนกัน)
    กำลังสองฝ่ายประจันหน้ากันบนทุ่งวิกริด และแล้วเสียงโห่ร้องก็ทำให้ต่างเข้าประจัญบาน กองทัพวิญญาณของเฮลและกำลังของยักษ์เขาห้ำหั่นกับกองทัพเอนเฮเรียร์ เทพอีเซอร์และวาเนอร์โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิตจับคู่กับเฟนริสคู่อาฆาตเก่า ธอร์กับจอร์มุนกานด์ เฟรย์เทพแห่งแสงสว่างกับเซิร์ทยักษ์แห่งไฟ ไทร์เทพแห่งสงครามกับกาม-หมานรก และไฮล์มดาลกับคู่ปรับตลอดกาล โลกิ
    การต่อสู้ระหว่างโอดินกับเฟนริสเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและยาวนาน แต่สุดท้ายหมาป่าก็ได้ทีอ้าปากอันใหญ่โตของมันขย้ำโอดินคำเดียว ปิดชีวิตอันขมขื่นของเทพบิดรทันที
    ส่วนธอร์ โอรสของโอดิน แม้จะสังหารจอร์มุนการ์นได้ แต่พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ แต่เฟนริสก็ไม่ได้ดีใจกับชัยชนะของตัวเองนานเท่าไหร่ วิดาร์เทพผู้เงียบขรึมก็โดดเข้าใส่หมายักษ์ จับปากของมันฉีกกว้าง กรามล่างอยู่ที่พื้นโลก กรามบนยันท้องฟ้า เขากระแทกตัวเพิ่มพลังอีกครั้งเดียว หมาป่าเฟนริสก็ถูกฉีกเป็นสองส่วน
    ธอร์กับจอร์มุนกานด์ เป็นคู่ต่อสู้ที่มีความฉกาจฉกรรจ์พอๆ กันอีกคู่หนึ่ง แต่ในที่สุดค้อนมจอลเนียร์ก็เป็นฝ่ายมีชัยเหนือพญางู มันถูกทุบจนตายแทบเท้าของธอร์ แต่ธอร์ก็โดนพิษของมันที่พ่นราวกับห่าฝนอยู่ตลอดเวลาจนอ่วม ทำให้เขาก้าวขามาได้อีก 9 ก้าวก็ล้มลงตาย
    ต่างจากเฟรย์และยักษ์เซิร์ท คู่นี้ต่อสู้กันด้วยอาวุธเป็นสามารถ แต่เนื่องจากเฟรย์ยกดาบวิเศษของตนให้สเคอร์เนียร์ไปแล้ว เขาจึงไม่มีอะไรป้องกันตัวเองไปมากกว่าดาบธรรมดา ยักษ์เซิร์ทจึงมีชัยเหนือเทพเป็นฝ่ายแทงเฟรย์จนตาย
    คู่ไทร์กับกามก็สู้กันถึงตายทั้งคู่ เช่นเดียวกับโลกิและไฮล์มดาล เทพอารักษ์คู่ปรับ ต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพหรือยักษ์ต่างไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำแก่กัน แต่ก็กลับตายไปด้วยกัน ครั้นแล้วเมื่อสงครามแผ่วลงทุกขณะ ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ เซิร์ทยักษ์แห่งไฟก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ ขว้างลูกไฟจากมัสเปลไฮล์มจุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินโจตันไฮล์มของยักษ์ แผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ และตัวยักษ์เซิร์ทเอง หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวเหนือ

    โลกใหม่
    ชาวเหนือเชื่อว่าเมื่อโลกถูกทำลายล้างไปแล้ว แผ่นดินจะผุดขึ้นอีกครั้งจากทะเล คราวนี้โลกใหม่จะเขียวสดอีกครั้งหนึ่ง ลูกสาวของโชลผู้ขับรถดวงอาทิตย์ซึ่งเกิดก่อนที่แม่ของเธอจะถูกหมาป่าสกอลกลืนกิน ได้รับหน้าที่แทนแม่ ขับรถพระอาทิตย์ขึ้นฟ้าอีกครั้ง ดวงอาทิตย์ในโลกใหม่เป็นดวงอาทิตย์ที่ไม่ร้อนแรงเท่าดวงเดิม จนลูกสาวของโซลไม่ต้องใช้โล่กัน
    แสงอาทิตย์ดวงใหม่แตะต้องทุกมุมโลกที่เพิ่งผุดจากทะเล ความอบอุ่นทำให้เกิดชีวิตอีกครั้ง ต้นอีกดราซิลที่รอดมาจากแร็กนาร็อค เริ่มเขียวและให้ผลอีกครั้ง รากของมันหยั่งลึกกว่าเดิมสร้างจักรวาลให้มั่นคงกว่าที่เคยเป็นในโลกเก่า
    ไม่น่าเชื่อว่ายังมีมนุษย์สองคน ลิฟผู้หญิงและลิฟธราเซอร์ผู้ชาย แอบไปกำบังตัวอยู่บนต้นไม้แห่งโลก อีกดราซิล (Yggdrasil) เมื่อตอนแร็กนาร็อค กระทั่งโลกใหม่ (แผ่นดินใหม่) ผุดขึ้นจากน้ำ เขียวชะอุ่มงดงามอีกครั้ง ทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสร้างพลเมืองให้โลก
    นอกจากมนุษย์สองคนยังมีเทพชั้นลูกชั้นหลานของเทพเดิมอีกหลายองค์ที่เหลือรอด เช่นลูกของโอดินคือ วิดาร์ผู้ฆ่าเฟนริส วาลีผู้แก้แค้นให้บาลเดอร์ สองคนเป็นตัวแทนของธรรมชาติที่รอดมาได้ ทั้งคู่ได้พบโมดิและแมกนิซึ่งสามารถคว้าค้อนของธอร์จากกองไฟ
    ความแข็งแกร่งของแมกนิและโมดิพวกกับพลังของค้อนมจอลเนียร์และพลังชีวิตของวิดาร์และวาลี เทพทั้งสี่ยังได้พบบาลเดอร์และโฮเดอร์ผู้กลับมาจากความตาย โดยที่ทั้งสองมีความแตกต่างจากในอดีต ไม่มีความผูกพยาบาทมีแต่ความรักให้กัน
    เทพอีเซอร์ที่เหลืออีกองค์หนึ่งคือโฮเนอร์ (หรือวิลี)น้องของโอดินผู้ที่ช่วยพี่ชายสร้างโลกครั้งก่อนจากร่างของยีเมียร์
    เทพทั้งเจ็ดนั่งลงบนทุ่งไอดาโวล-Idavoll ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของแอสการ์ด ต่างคนต่างนึกถึงญาติพี่น้องที่ตายไป นึกถึงเกียรติยศชื่อเสียงของบรรดาวีรบุรุษที่ล้มตาย ช่วงนั้นเองเทพได้ค้นเจอสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ บริเวณเล่นเกมของเทพที่จากไป (บางตำราว่าเป็นกระดานหมากรุกทองคำ บางตำราว่าเป็นกระดานทอดเต๋าทองคำสำหรับเปลี่ยนข้างเกมครับ)
    เทพทั้งเจ็ดสร้างสวรรค์ขึ้นใหม่ ณ ตรงบริเวณที่เคยเป็นแอสการ์ด วังใหม่นี้ชื่อกิมลี-Gimli (แหม เหมือนชื่อคนแคระในเรื่องของคุณตาโทลคีนจัง) สร้างให้สูงกว้าวังใดๆ ที่ชาวแอสการ์ดเดิมเคยเห็น ความสูงของวังจะทำให้เทพทุกองค์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องล่างได้ชัดเจนโดยไม่ต้องอาศัยบัลลังฮลิดสเกียฟแม้แต่น้อย
    โลกใหม่สดใสขึ้นอีกครั้งความชั่วร้าย ความเกลียดชัวระหว่างกันถูกทำลายไปกับไฟจนหมด ไม่มียักษ์เหลืออยู่ คงมีก็แต่มนุษย์ลูกหลานของลิฟและลิฟธราเซอร์ ซึ่งก็เป็นโลกที่เราอยู่กันในปัจจุบัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×