ดอกกรรณิการ์
ผู้เข้าชมรวม
885
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
ดอกกรรณิการ์
กรรณิการ์เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง โดยจะบานตอนกลางคืน ออกดอกตลอดปี นอกจากจะเป็นไม้ที่หอมแล้ว กรรณิการ์ยังเป็นสมุนไพรอีกด้วย และฐานรองดอกก็สามารถนำมาทำสีย้อมผ้าและสีทำขนมได้ด้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nyctanthes Arbortristis Linn.
วงศ์ : OLEACEAE
ชื่อสามัญ : Night Blooming Jasmine (มะลิบานราตรี), Night
Flower Jasmine, Coral Jasmine
ชื่ออื่นๆ : กณิการ์, กรณิการ์
ถิ่นกำเนิด : อินเดีย ลังกา พม่า ไทย
ประเภท : ไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง
เมื่อโตเต็มที่มีความสูงประมาณ 3-4 เมตร แต่ถ้าปล่อยให้สูงไปเรื่อยๆ
โดยไม่ตัดกิ่งออกบ้าง ตันไม้จะขึ้นโอนเอนไปมาไม่เป็นระเบียบ แถมจะเก็บดอกไม่ถึง
อยู่สูงเกินไป
ลักษณะทั่วไป
ต้น : สูงประมาณ 2 - 4 เมตร
ตามลำต้นจะมีรอยเป็นเส้นคาดรอยต้นเป็นช่วงๆ ไปตามข้อต้น เปลือกของลำต้นนั้นมีสีขาว
ลักษณะของลำต้นและกิ่งก้านโดยเฉพาะส่วนที่เป็นแขนงและกิ่งอ่อนจะเป็นสี่เหลี่ยม
บริเวณแนวสันเหลี่ยมของกิ่งหรือลำต้นมีตุ่มเล็กๆ ประเป็นแนวอยู่ด้วย
ใบ :
เป็นไม้ใบเดี่ยวแต่ออกเป็นคู่ๆ สลับกันไปตามข้อของต้น มีรูปมนรี ปลายใบแหลม
สีเขียวและมีขนอ่อนเป็นละอองปกคลุมอยู่ทั่วใบ ลักษณะสากคายมือ
ดอก : ดอกสีขาว ออกเป็นช่อดอกเล็กๆ กระจายที่ปลายกิ่ง ประมาณช่อละ 5 - 8
ดอก ดอกมี 6 กลีบ กลีบดอกจะบิดเวียนไปทางขวาคล้ายกังหัน วงในดอกเป็นสีแสด
หลอดดอกเป็นสีแสด เกสรเป็นเส้นเล็กละเอียดซ้อนอยู่ในหลอดดอก
ขนาดของดอกบานเต็มที่ประมาณ 1.50 - 2 ซ.ม. หลอดดอกยาว 1.50 ซ.ม. ปลายแยกเป็น 5 - 8
แฉก ก้านช่อดอกมีใบประดับเล็กๆ 1 คู่ ดอกของกรรณิการ์มีกลิ่นหอมแรง บานกลางคืน
พอรุ่งเช้าก็โรยราร่วงหล่นหมด และก็ตูมขึ้นมาใหม่อีกจนกว่าดอกจะหมดในทุกๆ กรวย
ออกดอกตลอดปี และจะออกมากในช่วงย่างเข้าหน้าหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ต้นมกราคม
ผล
: เป็นแผ่นแบนๆ ภายในมีเมล็ด 2 เมล็ด
การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่งหรือปักชำกิ่ง
-การปลูกกรรณิการ์
ควรปลูกกลางแจ้ง (ใบจะเล็ก ใบจะสีเขียวอมเหลือง) หรือแดดครึ่งวันเช้าก็ได้
(ใบจะใหญ่ ใบจะสีเขียวเข้ม) แตกกิ่งก้านมากมายไม่เป็นระเบียบ จนดูเหมือนปะการัง
จนมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Coral Jasmine”
- หากต้องการให้กรรณิการ์ออกดอกดกๆ
จึงควรหมั่นตัดแต่งกิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกะกะทิ้งไป
และตัดแต่งกิ่งให้เป็นทรงพุ่มสวยงามอยู่เสมอ จะทำให้แตกยอดใหม่ได้มากขึ้น
นั่นหมายถึงจะมีช่อดอกได้มากขึ้น (เพราะดอกกรรณิการ์จะออกดอกที่ปลายยอด)
และออกดอกได้รอบทรงพุ่ม ดูสวยงามยิ่งขึ้นนั่นเอง
การดูแลรักษา :
ขึ้นได้ในดินทั่วไป แต่ต้องการความชุ่มชื้น และปลูกที่กลางแจ้ง
- ต้นกรรณิการ์เป็นไม้ชอบแดด
ออกดอกไม่หวาดไม่ไหว ดอกร่วงเร็วมาก แต่ถ้าอยากจะเก็บดอกให้ทัน
ให้เก็บในตอนกลางคืน หรือก่อนเวลา 6 โมงเช้า
- กรณีต้องการดอกที่ไม่ช้ำ เวลาเก็บต้องใช้ปลายนิ้วค่อยๆ
จับตรงก้านสีส้มแล้วค่อยๆ ดึงออกมา อย่าถูกกลีบใบ
เพราะกลีบใบอ่อนนุ่มมากแถมช้ำเร็ว ถ้าเก็บหลังเวลา 6 โมงเช้า ดอกเริ่มร่วงแล้ว
แต่ถ้าต้องการเก็บดอกแบบเร็ว ไม่สนใจความช้ำ
เพราะอาจจะต้องการใช้แต่ก้านเพียงอย่างเดียว ให้ใช้มือเขย่าที่กิ่ง
ดอกจะร่วงหล่นลงมา ถ้าปลูกที่แสงแดดรำไร จะไม่ออกดอกและไม่ค่อยโต
ไม่เหมาะปลูกในกระถางเพราะเป็นไม้ต้นขนาดกลาง อย่าปลูกตรงบริเวณสนามหญ้า
เพราะเวลาดอกร่วงหล่นลงพื้นสนามหญ้า ดอกเหี่ยวเฉาเร็ว
จะเก็บดอกที่ร่วงออกจากสนามหญ้าลำบากมาก
- เวลารดน้ำให้รดที่โคนต้นก็เพียงพอแล้ว
ถ้ารดทั้งต้น ดอกกรรณิการ์จะช้ำและร่วง เน่าเร็วกว่าเดิมอีก
นอกเหนือจากการรดน้ำธรรมดา ยังมีวิตามินสำหรับต้นกรรณิการ์
ขอแนะนำสูตรประหยัดไม่เปลืองน้ำ
โดยใช้น้ำที่ล้างกระป๋องนมข้นหรือน้ำล้างกล่องนมสดแท้ 100%
หรือน้ำชาที่เหลือใช้ในประจำวันผสมน้ำ รดตรงโคนต้นแล้วแต่สะดวก
เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ได้อย่างดี
ข้อดีของพันธุ์ไม้ : 1.ออกดอกให้ชมได้บ่อย
2.ดอกใน
1 ช่อจะทยอยบาน จึงทำให้ได้ชมดอกหลายวัน
3.ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน
สรรพคุณ :
-เปลือก
เปลือกชั้นในมีสารฝาดสมาน นำไปต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้วิงเวียนศีรษะ
-ใบ นำใบสด 1 กำมือไปตำ ใส่น้ำ 1 แก้ว
แล้วคั้นเอาแต่น้ำหรือผสมกับน้ำตาลมาดื่ม ใช้เป็นยาเจริญอาหาร แก้ไข้ บำรุงน้ำดี
ถ้าดื่มมากจะเป็นยาระบาย โรคปวดตามข้อ
-ดอก
นำมาใช้แก้ไข้ แก้ลมวิงเวียน บำรุงหัวใจ
นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการกลั่นด้วยไอน้ำไปใช้ทำน้ำหอม
-ก้านดอก เมื่อคั้นเอาน้ำกรองแล้วจะได้สารสีเหลืองชื่อ Nyctanthin
ใช้เป็นสีทำขนมและสีย้อมผ้าได้ดี
-ราก
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ผมหงอก บำรุงผิวหนังให้สดชื่น
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ tonkaowkp ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ tonkaowkp
ความคิดเห็น