คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 สาส์นจากวัง
“กิ่ง ลงมาช่วยแม่ยกของหน่อย”
“จ้าาา”
เมื่อได้ยินเสียงแม่ หญิงสาวที่เพิ่งขึ้นไปทำธุระส่วนตัวบนบ้านจึงรีบวิ่งลงบันไดมาหา ก่อนจะกระโดดรวดเดียวเมื่อเหลืออีกแค่สามขั้น
“แกนี่มันห้าวจริงๆ ลงมาดีๆ เหมือนคนน่ะเป็นไหม”
ผู้เป็นแม่ต่อว่า แต่มีหรือคนอย่างกรณาราจะสะทกสะท้าน เธอยิ้มแฉ่งให้ดาราหนึ่งทีแล้วหยิบถุงลูกชิ้นขึ้นมาจิ้มกินอย่างหน้าตาเฉย ดารามองภาพตรงหน้าอย่างเหนื่อยในอารมณ์ ลักษณะท่าทางการกินของลูกสาวช่างขาดความเป็นกุลสตรีอย่างหนัก นี่เธอเลี้ยงลูกให้เป็นคนหรือเป็นลิงกันแน่!
“เออ แม่” กรณาราพูดทั้งๆ ที่ลูกชิ้นยังเต็มปาก “เมื่อกี้มีชายชุดดำแปลกๆ มาหาแม่ด้วย”
คราวนี้ดาราขมวดคิ้ว กรณาราเห็นดังนั้นจึงอธิบายต่อ
“เขาฝากไอ้นี่มาให้แม่น่ะ รอแปบนึง” ลูกสาวตัวดีวิ่งขึ้นไปบนบ้านอีกรอบก่อนจะลงมาพร้อมกับซองจดหมายสีขาวสะอาด
“อะ เขาฝากซองนี่มาให้ แม่เปิดอ่านไปก่อนนะ เดี๋ยวหนูเอาของขึ้นไปเก็บแปบ”
ดารายื่นมือออกไปรับซองจดหมายนั้น คนเป็นลูกชะโงกหน้าดูนิดนึงก่อนจะรวบถุงวัตถุดิบทำกับข้าวขึ้นไปเก็บบนบ้าน ดารามองสำรวจซองจดหมายจนพบกับตัวอักษรสีดำที่กรณารามองข้ามไปในตอนแรก
ม่านตาของสาวใหญ่วัยกลางคนขยายกว้างทันทีเมื่อเห็นชื่อของสามีติดอยู่บนนั้น แถมยังมี 'พระยศ'นำหน้ามาให้อีกด้วย!
ไม่มีการรอเวลา ดารารีบแกะซองจดหมายออกมาอ่านทันที
'ถึง มจ.กิตติ ปรัตถกรวงศ์
บัดนี้พระองค์เจ้าอดิศรทรงสิ้นแล้ว เราจึงขอให้ท่านชายกิตติเสด็จมารับฟังการเปิดอ่านพินัยกรรม หากท่านชายไม่สามารถมาได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามแต่ จะต้องส่งตัวแทนที่สืบสายเลือดจากท่านมาเป็นตัวแทน ถ้าไม่มีการปรากฏตัวของท่านชายหรือตัวแทนในวันทำการเปิดพินัยกรรม พินัยกรรมฉบับนี้จะไม่สามารถเปิดอ่านได้
ด้วยความเคารพ
ทรงเกียรติ เรืองไกล
ทนายประจำตระกูล'
จดหมายในมือของดาราหล่นลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง
พระองค์เจ้าอดิศวรทรงสิ้นแล้วจริงๆ หรือนี่..
ความรู้สึกผิดบาปในใจของหญิงวัยกลางคนชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง เธอแย่งของของท่านมา ท่านชายกิตติสามีของเธอคือลูกชายคนโปรดของเสด็จ เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของพระองค์เจ้าอดิศวร...เธอปล่อยให้ท่านจากไปอย่างเดียวดายอย่างนี้ได้อย่างไรกัน
“แม่”
เสียงเรียกของลูกสาวปลุกดาราตื่นขึ้นมาจากภวังค์ นางปรับหน้าตาให้เป็นปกติทันทีแต่คนเป็นลูกก็ไม่วายจับได้
“อะไร”
“เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าดูเครียดๆ นะ” ลูกสาวที่ลงมาจากบันไดสังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดของมารดาได้อย่างชัดเจน “หรือว่าหวยกิน แต่เอ๊ะ นี่มันก็เพิ่งวันที่แปดเองหนิ อีกตั้งหลายวันกว่าหวยจะออก” หญิงสาวพูดส่งไปหวังให้มารดาคลายเครียด
ดารามองหน้าลูกสาวคนเดียวของนางตรงๆ สบตานิ่งนาน คงถึงเวลาที่ควรจะบอกความจริงแก่บุตรสาวแล้วสินะ
กรณาราที่เห็นแม่มีสีหน้าจริงจังก็ขมวดคิ้ว “แม่เป็นอะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย หรือว่าปวดท้องเมนส์”
“ไอ้กิ่ง” ดาราเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังบ่งบอกว่าไม่เล่น
“เสียงเครียดมาเชียว” หญิงสาวที่ถูกดุทำหน้าสยอง
“แม่มีอะไรบางอย่างจะบอกแก” นางเว้นระยะไว้ครู่หนึ่งเพื่อสำรวจสีหน้าลูกสาว เมื่อเห็นแต่เพียงความฉงนในแววตา นางจึงตัดสินใจแน่นอนในการบอกเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตแก่กรณารา
“พ่อแกไม่ได้เป็นคนธรรมดา”
กรณาราหัวเราะพรวดออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคที่เหมือนกับจะเฉลยความลับสุดยอดของสไปเดอร์แมนว่ามีพลังพิเศษ
“แม่เล่นอะไรเนี่ย” เธอพยายามกลั้นขำ “อย่าบอกนะว่าพ่อมาจากดาวไซยา มีพลังพิเศษสามารถแปลงร่างเป็นลิงยักษ์ในคืนวันเดือนเพ็ญ”
ดาราถอนหายใจเฮือกใหญ่ พฤติกรรมน่าตบให้ลงไปแดดิ้นอยู่ที่พื้นแบบนี้ ลูกของเธอไปเลียนแบบใครมากัน ถึงได้กวนประสาทได้ขนาดนี้
“ไม่ใช่เว้ย แกช่วยฟังอะไรให้มันจบก่อนได้ไหมฮะ”
“โถ ก็แม่ดูดราม่ามาเต็มซะขนาดนั้น ถ้าหนูรับมุกแม่ ไม่วายจิตตกไปด้วยอีกคนหรือไง”
หญิงสาวพยายามอธิบาย จนคนเป็นแม่รู้สึกหมั่นไส้ อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้
“จ้ะแม่คนเก่ง แล้วนี่ตกลงแกจะฟังเรื่องที่แม่จะเล่าไหม”
“ฟังสิ” กรณาราจ้องหน้าคนเป็นแม่พลางทำตาแป๋ว “ไม่กวนแล้ว”
“ดี” ดาราพยักหน้าพอใจ “เรื่องที่แม่จะบอกแกก็คือ”
“...”
“พ่อของแกเป็นเจ้า เขาคือหม่อมเจ้ากิตติ ปรัตถกรวงศ์ลูกชายคนเดียวของพระองค์เจ้าอดิศวร” ดารากลั้นใจพูดจนจบ
หนึ่ง
สอง
สาม...
“ฮะ! พ่อเนี่ยนะเป็นเจ้า” หญิงสาวตะโกนลั่นส่ายหน้าไม่เชื่อสุดชีวิต “อย่ามาหลอกหนูเลยแม่ ถ้าเป็นทรงเจ้าเข้าผีเหมือนไอ้แหนมท้ายหมู่บ้านยังจะน่าเชื่อมากกว่านี้อีก”
“เดี๋ยวตบปากเลยนี่ไอ้ลูกคนนี้ พ่อเขาเป็นเจ้าจริงๆ เป็นหม่อมเจ้า”
“ตลกน่ะแม่ ถ้าพ่อเป็นหม่อมเจ้าอะไรนั่นจริง เขาจะมาลำบากอยู่ที่บ้านนอกบ้านนาแบบนี้ทำไม” คนเป็นลูกยกเหตุผลมาขัด ไม่น่าเชื่อ ไม่เชื่ออย่างแรง!
“ทำไมจะมาไม่ได้” ดารายกแขนขึ้นกอดอก สบตาลูกสาวตรงๆ
หญิงสาวจ้องตากับแม่สักพักก็เหมือนมีใครเอาพลุมาจุดในหัว เธอทำตาโตปากหวอ ก่อนจะเอ่ยถามให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตนคิดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง
“อย่าบอกนะว่าพ่อกับแม่...”
“เออ หนีตามกันมา”
“เป็นไปได้...นี่มันละครหลังข่าวชัดๆ! “
“ใช่ เป็นไปได้ แม่กับพ่อหนีตามกันมาเพราะโดนผู้ใหญ่กีดกัน” ผู้เป็นแม่รำลึกความหลัง สีหน้าเศร้าสร้อย “ชีวิตแม่มันอาภัพ”
กรณารายังคงช็อก เธอเคยคิดว่าพ่อเป็นแค่ชาวสวนแล้วริอ่านมารักกับแม่ด้วยซ้ำเพราะตาดูจะไม่ค่อยชอบพ่อเท่าไร แต่ไปไงมาไงพ่อเธอถึงกลายเป็นหม่อมเจ้าไปได้วะเนี่ย
“กิ่ง” ดาราเอ่ยเรียก
“อะ อะไรแม่” ยังคงเสียงสั่น
“แกต้องเข้าไปที่วังปรัตถกรวงศ์”
“เฮ้ยยย”
บ้าไปแล้ว วังเวิงอะไร นี่แม่กะจะไม่ให้เธอตั้งตัวเลยใช่ไหมถึงทำอะไรปุบปับขนาดนี้
“ไม่มีเฮ้ย แกต้องเข้าไปร่วมเป็นพยานในการเปิดพินัยกรรมแทนพ่อ”
“นี่เรื่องจริงใช่ไหม”
“จริง”
“พ่อหนูเป็นเจ้า”
“อ่าฮะ” ดาราขานรับ ภาพตรงหน้าคือลูกสาวที่ทำหน้าเหมือนสติยังกลับมาไม่ครบ
ดาราสบตากับกรณาราตรงๆ อีกครั้ง เรื่องนี้ก็เหมือนกันเธอควรจะบอกให้ลูกสาวได้รับรู้
“มีอีกเรื่องที่แม่จะเล่าให้กิ่งฟัง”
“...”
“ที่แม่กับพ่อต้องหนีออกมา เพราะมีคนคอยบงการเรื่องนี้อยู่”
“หือ” หญิงสาวสนใจขึ้นมาทันที “มีคนอยู่เบื้องหลังด้วยเหรอเนี่ย”
“ใช่”
“ใครกันแม่”
“ท่านป้าของแกไง”
อยากจะตะโกนว่า โอ้! มาย! ก็อด! เรื่องราวมันชักจะวุ่นวายน่าปวดหัวขึ้นทุกทีแล้วสิหน่า
ดาราขยับเข้ามาใกล้ลูกสาว พลางจับไหล่บางทั้งสองข้างเอาไว้ “แม่อยากจะให้แกรับรู้เรื่องของท่านหญิงรำไพเอาไว้ แกจะได้เตรียมตัวรับมือทัน เพราะท่านหญิงคนนี้แหละ คือคนที่ยุให้เสด็จท่านทรงไล่พ่อของแกออกจากวัง”
ความคิดเห็น