บทที่ 10
อดีตที่หวนคืน
[ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสมัยประถมศึกษาปีที่ 1 ]
" ไค ~! "
เสียงใสเอ่ยเรียกทักทายชื่อของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่กำลังเดินเข้ามายังภายในห้องเรียนชั้นใหม่
" โทคุระ ? "
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเขาได้พบเจอกับเด็กสาวที่เขาเคยพ่ายแพ้แวนการ์ดไฟท์ไปครั้งหนึ่งในสมัยอนุบาล 3 โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าการพบเจอกับเธออีกครั้งในชั้นเรียนใหม่มันเป็นเพราะความบังเอิญหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ .. แต่เพราะหลังจากที่ได้พบเจอกับเด็กสาวคนนี้มันก็ทำให้ชีวิตเขาเริ่มสดใสมากขึ้นและเริ่มมีเพื่อนฝูงมากขึ้นเช่นกัน
ช่วงพักเที่ยง
" บังเอิญจังเลยเนอะที่พวกเราได้มาเจอกันอีกครั้งน่ะ "
เด็กสาวเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่ม้านั่ง
" นั้นสินะแต่ฉันดีใจนะที่ได้เจอเธออีกครั้ง "
" เอ๊ะ ? .. ฉันก็เหมือนกัน ! "
ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างสดใสก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยอะไรบางอย่างต่อ
" หลังจากนี้ไปฉันขอเรียกนายว่า โทชิกิคุง ได้ไหม ? "
" อะ -- ก็ตามใจสิ "
แทบจะนับจำนวนคนที่เรียกชื่อเล่นของเด็กหนุ่มยังได้ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าใครต่างก็เรียนเขาด้วยนามสกุลกันทั้งนั้นจึงเป็นเรื่องที่แปลกหากจู่ ๆ จะมีใครสักคนขอเรียกเขาด้วยชื่อเล่นเพิ่มมาอีกคน
" นายเองก็ต้องเรียกฉันว่า มิซากิ เหมือนกันนะ "
" เอ๋ !? "
" อะไรของนายทำเหมือนไม่เคยเรียกชื่อเล่นคนอื่นงั้นแหละ ? "
จะไม่ให้ส่งเสียงดังได้ไงเพราะตลอดที่ผ่านมาเขาก็เอาแต่เรียกเพื่อนด้วยนามสกุลมาตลอดจริง ๆ นั้นแหละ ..
" เออ.. จะบอกว่าใช่ก็ใช่แฮะ "
เขาพูดด้วยสีหน้าเจือน ๆ พลางเหงื่อตกเล็กน้อย
" ใช้ไม่ได้เลยนะนายเนี่ย เอ้า ! ไหนลองเรียกชื่อฉันดูสิ "
" ... ม -- มิ -- มิซา .. กิ "
เด็กหนุ่มเอ่ยชื่อของเด็กสาวอย่างตะกุกตะกักแต่ถึงกระนั้นเขาก็สามารถเรียกออกมาได้แถมยังลดความรู้สึกประหม่าภายในใจได้อีก
" อื้ม หลังจากนี้ไปฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะโทชิกิคุง "
มิซากิยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า รอยยิ้มบนใบหน้านั้นเขายังคงจำได้ดีเหมือนกับวันแรกที่พวกเขาทั้งสองได้เจอกันและได้รู้จักกันครั้งแรกความรู้สึกเล็ก ๆ ที่เคยก่อตัวและเลือนลางไปตอนนี้มันค่อย ๆ กลับมาอีกครั้งแล้ว
ช่วงเวลาในวัยเด็กของทั้งสองดำเนินผ่านไปอย่างรวดเร็ว .. ความสนิทสนมของทั้งคู่เองก็เพิ่มมากขึ้นไม่แพ้กาลเวลาที่เดินไปข้างหน้าเลยชีวิตวัยเด็กที่ดูจะราบรื่นไม่มีอะไรก็ต้องมาหยุดชะงักลงเมื่อพวกเขาทั้งสองต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ..
ยามเย็นหลังเลิกเรียนระหว่างทางกลับบ้าน [ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ]
" โทชิกิคุงพรุ่งนี้น่ะฉันจะได้ไปปีนนเขากับคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะ ! "
" เห ~ ฟังดูน่าสนุกจังนะอย่าลืมเอารูปมาโชว์กันบ้างนะ "
" อื้อ ! อะ -- แบบนี้พรุ่งนี้พวกเราก็คงไม่ได้เล่นด้วยกันแน่เลย.. "
โดยปกติแล้วหากเป็นวันหยุดที่ไม่มีเรียนพวกเขาทั้งสองคนก็มักจะออกมาพบเจอกันเป็นปกติบางครั้งไคเองก็จะไปหามิซากิที่ร้านแทนเรียกได้ว่าสนิทกันจนตัวแทบติดก็ว่าได้
" งั้นก่อนจะแยกกันกลับบ้านพวกเราไปเล่นแวนการ์ดที่สวนสาธารณะกันสักหน่อยไหมล่ะวันนี้น่ะฉันจะชนะเธอให้ดู ! "
" ความมั่นใจของนายน่ะฉันขอนับถือเลยล่ะ "
ว่าจบพวกเขาทั้งสองคนก็มุ่งหน้ามายังสวนสาธารณะเพื่อมาเล่นแวนการ์ดด้วยกันก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านไป ตลอดระยะเวลาที่ผ่านฝีมือของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เล่นเสมอชนะแพ้สลับกันบ้างต่างคนต่างคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเด็คอีกฝ่ายจึงทำให้พวกเขาผลัดกันชนะผลัดกันแพ้เป็นประจำ
" นี่มิซากิ.. ถ้าเกิดว่าวันนี้ฉันชนะฉันขออะไรเธออย่างหนึ่งได้หรือเปล่า ? "
ระหว่างที่ทั้งสองต่างสับเด็คให้กันและกันเด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาในทันที
" หืม ? เรื่องอะไรงั้นเหรอ "
เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยพลางมองไปยังคู่สนทนาอย่างสงสัย
" ถ้าฉันชนะก็จะบอกล่ะนะ "
เมื่อเด็กหนุ่มตอบกลับมาแบบนี้ยิ่งทำให้เด็กสาวต้องขมวดคิ้วทั้งสองเข้าหากันแทน
. . . .
" เอาเลยดราโกนิคโอเวอร์ลอร์ด โจมตีใส่อามาเทราสึซะ ! "
" ดาเมจทริกเกอร์เช็ค .. หวาา แพ้ซะแล้วแฮะ "
มิซากิวางดาเมจใบที่ 6 ลงที่ช่องดาเมจโซน
" ยอมจริง ๆ เลยล่ะใจสู้ในวันนี้ของนายน่ะ.. แล้วเรื่องที่จะขอมันคือ ? "
" อา นั้นสินะที่ฉันจะขอน่ะก็คือ ... "
เด็กหนุ่มเม้มปากน้อย ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อออกมาว่า
" ที่ฉันจะขอน่ะก็คือ .. อยากให้เธอสัญญากับฉันว่าหลังจากนี้ไป .. จะอยู่ด้วยกันไปตลอดเลยนะ ! "
เด็กหนุ่มเอ่ยลั่นออกมาจากใจจริงใบหน้าของเขาตอนนี้เองก็ขึ้นสีแดงระเรื่อแต่เพราะสีของท้องนภาที่ถูกย้อมเป็นสีส้มแล้วจึงทำให้มองไม่ค่อยเห็นชัดนัก
เด็กสาวที่ได้ยินคำขอจากอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจู่ ๆ เขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาซึ่งความหมายที่เด็กหนุ่มต้องการจะสื่อแน่นอนว่าเด็กสาวเข้าใจเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะยังอยู่ในวัยที่เด็กเกินไปแต่พวกเขาก็ย่อมรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ค่อย ๆ พัฒนาไปก็ไม่สายนักเมื่อถึงวัยอันควรหรือวันที่เหมาะสมจริง ๆ แล้วทั้งสองก็คงจะเอ่ยคำ ๆ หนึ่งออกมากันเอง
" .. อย่า "
" อย่า ? "
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมอง
" อย่าผิดสัญญาเองก็แล้วกันนะโทชิกิ ! "
มิซากิเอ่ยลั่นกลับไปใบหน้าของเธอตอนนี้เองก็แดงไม่แพ้ลูกมะเขือเทศดี ๆ ลูกหนึ่ง และสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดก็คงเป็นการเรียกชื่อของเด็กหนุ่มอย่างห้วน ๆ จากที่แต่ก่อนจะลงท้าย คุง ในตอนนี้เวลานี้เหลือเพียงแค่ชื่อห้วน ๆ แล้ว
" อ -- แน่นอน "
เด็กหนุ่มระบายยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเด็กสาวตรงหน้า ประกายของความรู้สึกทั้งสองต่างทอออกมาผ่านดวงตาของพวกเขา ในช่วงเวลานี้พวกเขาเองต่างก็มีความรู้สึกเดียวกันที่ว่าอยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ซะจริง ๆ
ในช่วงเวลาที่มีความสุขแบบนี้พวกเขาทั้งสองต่างไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นวันสุดท้าย .. ที่พวกเขาจะได้พบกัน
เหตุการ์ณฝั่งของไค
หลังจากที่ทั้งสองต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเป็นเวลาไม่นานที่เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลจะเดินมาถึงหน้าบ้านของเขาแต่กลับมีเรื่องที่น่าประหลาด .. ตกเย็นขนาดนี้แล้วไฟที่หน้าบ้านยังคงมืดสนิท แถมยังไม่มีไฟดวงไหนเปิดเลยแม้แต่ดวงเดียวตามปกติถ้าเป็นช่วงเวลานี้คุณแม่ของเขาจะต้องกลับมาถึงก่อนหน้าแล้ว..
เวลาผ่านไปร่วมหลายชั่วโมงจนตอนนี้ก็เป็นเวลา 3 ทุ่มแล้วยังไม่มีใครกลับบ้านมาเลยสักคน
" คุณพ่อกับคุณแม่กลับช้าจังเลยนะ "
ไคเอ่ยพลางมองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่ฝาผนัง ไม่นานนักเสียงเปิดประตูบ้านก็ดังลั่นขึ้นเด็กหนุ่มที่ได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดออกจึงรีบลุกออกไปดูทันที
" คุณพ่อคุณแม่กลับม --- "
" โทชิกิคุง ! "
จู่ ๆ คนที่ปรากฎต่อหน้าเขากลับไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่แต่ดันเป็นคุณลุงเสียแทน ..
" ค..คุณลุง ? "
" โทชิกิคุงลุงมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอนะ .. "
คุณลุงเอ่ยพลางเสียงสั่น .. ก่อนที่จะยกมือทั้ง 2 ข้างมาจับไหล่ของเด็กหนุ่มไว้
" คุณพ่อคุณแม่ของเธอน่ะ.. ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว "
" !!! "
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างสีหน้าของเขาถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาฟังไม่ผิด .. คำพูดของคุณลุงยังคงดังก้องไปมาในหัว ณ เวลานั้นเขาแทบจะทรุดลงไปกับพื้นแต่ก็ถูกร่างสูงดึงเข้าไปกอดไว้เสียก่อน และนี้คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่น้ำตาของเด็กหนุ่มได้ไหลรินอาบลงบนแก้มก่อนที่มันจะเฮือดแห้งและหลงเหลือไว้แต่ความทุกข์ภายในใจ
หลังจากนั้นไคก็ต้องย้ายออกจากบ้านเพื่อไปอยู่ในการดูแลของคุณลุงพร้อมทั้งยังต้องลาออกจากโรงเรียนเดิมโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้บอกลาเด็กสาวสักคำนั้นจึงทำให้เขาได้สัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าได้กลับมาเจอกันใหม่เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนอีกเป็นครั้งที่สอง
เหตุการณ์ฝั่งมิซากิ
ในวันถัดมาคุณพ่อและคุณแม่ของมิซากิก็ได้พาเธอไปเที่ยวเพื่อไปทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกันอย่างกิจกรรมปีนเขา ระหว่างการเดินทางไปเที่ยวก็มีสีสันและเสียงหัวเราะตลอดไม่เว้นทางเรียกได้ว่าเป็นวันหยุดที่คุ้มค่าสำหรับครอบครัวครอบครัวหนึ่งจริง ๆ
เวลาดำเนินไปอย่างรวดเร็วตอนนี้พวกเขาทั้ง 3 คนต่างก็มาถึงสถานที่ปีนเขาเป็นที่เรียบร้อยและต่างพากันเดินขึ้นเขาอย่างสนุกสนานถึงแม้ว่าบางครั้งทางเดินข้างหน้าจะพบเจออุปสรรคยากแค่ไหนแต่ความสามัคคีของพวกเขา พ่อ แม่ ลูก ก็แน่นแฟ้นไม่แพ้อุปสรรคตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
" คุณพ่อ คุณแม่ ! อีกนิดเดียวพวกเราก็จะถึงยอดแล้วล่ะ "
เด็กสาวหันมาเอ่ยกับพ่อแม่ของเธอพร้อมกับยิ้มร่า
" เด็ก ๆ นี่ดีนะดูไม่เหนื่อยง่ายเหมือนกับพวกเราเลยแฮะ "
" อะไรคะคุณบ่นเป็นคนแก่เชียวนะ "
" ก็แก่แล้วน่ะสิ ฮึบบ ! "
ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองกำลังปีนเขาตามลูกสาวตัวน้อยที่ล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาก็เริ่มผิดสังเกตที่จู่ ๆ ก็ไม่มีเสียงเรียกจากลูกสาวมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
" มิซากิ อยู่หรือเปล่าลูก ? "
คุณพ่อของเด็กสาวตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อเรียกหา
" มิซากิ ตอบแม่หน่อยสิจ๊ะ "
ทางฝั่งคุณแม่เองก็ช่วยตะโกนเสริมเช่นกัน
" แย่ล่ะสิคาดสายตาจากลูกไปแป๊ปเดียวไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ .. "
" ใจเย็น ๆ ยังไงพวกเราก็ต้องหาลูกเจออย่างแน่นอน "
ไม่นานนักก็มีเสียงเอะอะดังมาจากข้างล่างผู้คนที่เดินอยู่แถวละแวกนั้นต่างส่งเสียงเอะอะกันไปมา
' เฮ้ยๆ ใครก็ได้มาช่วยหน่อยมีเด็กนอนสลบอยู่ตรงนี้น่ะ ! '
' ไปส่งโรงพยาบาลเลยไม่ดีกว่างั้นเหรอ ? '
' แล้วพ่อแม่ของเด็กคนนี้ล่ะ ?! '
หลังจากเสียงเอะอะที่ดังกึงก้องไปมาก็ทำให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของมิซากิรีบลงเขาไปดู เมื่อทั้งสองฝ่าฝูงชนจนเข้าไปถึงตัวเด็กได้ก็เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวผมสีม่วงอ่อนกำลังนอนสลบอยู่ตรงหน้า
" มิซากิ !! "
ฝ่ายคุณพ่อรีบเข้าไปอุ้มร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมอกก่อนที่จะเรียกชื่อของลูกสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ช้าพวกเขาทั้งสองต่างก็รีบพาไปส่งที่โรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล
โชคว่ายังดีหลังจากที่มิซากิได้รับการตรวจรักษาแล้วก็พบว่าไม่เป็นอันตรายอะไรมากแถมตัวเธอเองยังได้สติขึ้นมาระหว่างทางที่มาส่งโรงพยาบาล จึงสามารถให้เธอกลับบ้านได้ในทันทีหลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้วเรียบร้อย
" โถ่ ลูก.. แม่กับพ่อน่ะเป็นห่วงเรามากเลยนะจู่ ๆ ก็หายไปแบบนั้น "
" ขอโทษค่ะ .. พอดีว่าตอนที่กำลังขึ้นเขาไปหนูเห็นผีเสื้อมันบินมาก็เลย.. "
" ช่างมันเถอะนะแค่ลูกปลอดภัยก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะจ้ะ แต่คราวหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะอย่าอยู่ห่างจากพ่อและแม่อีกเด็ดขาดนะ "
คุณแม่เอ่ยพลางลูบหัวเด็กสาวอย่างเบามือพร้อมกันนั้นก็ยิ้มออกมาให้ลูกสาวสบายใจ
" โชคยังดีนะเนี่ยที่หนูตกลงมาแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บมากพ่อเป็นห่วงแทบแย่เลยนะ "
" แฮะ ๆ คือตอนที่จะตกลงมาหนูเองก็จำไม่ได้หรอกค่ะว่าทำอะไรถึงตกลงมาแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บเยอะ "
" สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ ! "
คุณพ่อยกนิ้วให้กับลูกสาวสุดที่รักก่อนที่พวกเขาทั้งสามคนจะต่างพากันหัวเราะออกมา
หลังจากที่ชำระเงินค่ารักษาพยาบาลแล้วพวกเขาทั้งสามต่างก็พากันกลับ
เป็นเวลาช่วงหัวค่ำก็ว่าได้ที่พวกเขากลับเข้ามาถึงตัวเมืองได้เรียบร้อยแล้วแต่ดูเหมือนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้จะครึ้มเทาทมิฬเร็วกว่าที่ควร.. ไม่นานหยดน้ำฝนก็ปอยลงมาอย่างหนัก ลมกระโชกเเรงโหมซัดผ่านมาเป็นดั่งพายุที่น่าเกรงขาม ทำให้ฝ่ายคุณพ่อผู้เป็นคนขับรถจึงต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลานี้ ทางฝ่ายคุณแม่เองก็นั่งอยู่ที่นั่งเบาะหลังโดยมีลูกสาวตัวน้อยกำลังนอนหลับอยู่บนตักอย่างน่าเอ็นดู
" อือ.. ใกล้ถึงแล้วหรือยังคะคุณพ่อ "
เด็กสาวส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ก่อนที่จะยันตัวเองลุกขึ้นมาพรางเอ่ยถามคุณพ่อ
" ใกล้แล้วจ้า ทนอีกนิดนะมิซากิ "
ในระหว่างที่รถยังคงเคลื่อนที่อยู่บนท้องถนนไปอย่างเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังสนั่นมาจากด้านข้างของทางแยก ทันใดนั้นเองเสียงเสียดสีของล้อรถที่ไถลลื่นไปกับพื้นถนนก็ดังขึ้น มีเพียงแค่แสงสีขาวที่แว้บขึ้นอย่างฉับพลัน .. เสียงแตรรถที่ว่าเป็นเสียงจากรถบรรทุกที่ขับมาด้วยความเร็วเกินกำหนด จึงทำให้รถบรรทุกคันนั้นได้ลากครอบครัวที่แสนอบอุ่นสามคนไปนอนหมอบอยู่ที่พื้นกันหมดแล้ว..
เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ รถบรรทุกที่ไฟกระพริบไปมากับร่างของทั้งสามที่นอนหน้าซีดเลือดโชกอยู่บนพื้น ผู้คนระแวกนั้นต่างคิดว่าคงไม่รอดเป็นแน่ แต่แล้วก็ยังมีพลเมืองดีที่รีบเข้าไปประคองร่างของทั้งสามทีเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าพวกเขายังมีลมหายใจอยู่ แม้โอกาสมันจะมีอยู่น้อยก็ตามที
" เฮ้! ดูเหมือนเด็กจะปลอดภัยอยู่นะ "
พลเมืองคนหนึ่งเอ่ยลั่นขึ้นมา
" ไหน ๆ รีบช่วยเร็วเข้า ! "
ไม่ช้าแต่อย่างใดพลเมืองที่พบเจอก็รีบอุ้มร่างเล็กของเด็กสาวขึ้นมา โชคยังดีที่เธอยังพอมีสติและดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักเพราะคุณแม่ของเธอปกป้องเอาไว้เสียก่อน
หลังจากนั้นมิซากิก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพร้อมกันนั้นเธอก็ตกไปอยู่ในการดูแลของคุณอาหรือ นิตตะ ชินเอม่อน
ช่วงระยะเวลาที่เธอต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็ตามหลอกหลอนเธอทุกเวลาไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น จนท้ายที่สุด.. จิตใจของเด็กสาวก็เกินจะรับไหวไปมากกว่านี้ จึงกลายเป็นการปิดผนึกความทรงจำในส่วนนั้นไปและเหลือไว้แต่ความทรงจำเก่า ๆ บางส่วนแทน
[ เวลา ณ ปัจจุบัน ]
" . . . . นึกออกแล้ว "
หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นอย่างรู้สึกประหลาดใจกับภาพเหตุการณ์ที่ถูกฉายซ้ำขึ้นมาแน่นอนว่าเป็นเพราะภาพเหล่านั้นเธอไม่เคยนึกออกได้เองเลยสักครั้งจน ณ ตอนนี้ผนึกในจิตใจของเธอก็ถูกคลายออกแล้วจะเรียกว่าโชคดีที่นึกออกหรือโชคร้ายที่มานึกออกในเวลานี้ดี ? เพราะดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรได้เลย ..
" อา.. แต่มานึกได้เอาป่านี้คงไม่ช่วยอะไรจริง ๆ "
เธอมองไปรอบ ๆ อีกครั้งแต่ดูเหมือนยิ่งเวลาผ่านไปไม่ว่าจะมองทางไหนเส้นทางแต่ล่ะเส้นก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง .. ต้นไม้
" สติ ๆ ถ้าเกิดเราขาดสติอะไร ๆ ก็จะดูแย่นี่นะ .. อึก "
มิซากิกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปเธอรู้ดีว่าการหลงทางในป่าสติคือสิ่งจำเป็นที่สุดแต่ก็อดวายไม่ได้ที่จะจินตนาการไปไกลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนเกาะและสิ่งลี้ลับต่าง ๆ และยิ่งก่อนหน้าจะพลัดหลงก็โดนอำเรื่องตำนานใส่หูมาอีก ตัวแปรในการที่จะทำให้ขาดสติมีครบครันจริง ๆ
ซ่า ซ่า ~
เสียงลมพัดที่ดังไปรอบทิศไหนจะแสงจันทร์ที่เริ่มริบหรี่ลงเพราะฝูงเมฆมากมายที่เข้ามาบดบัง
อีกด้านหนึ่งของหลังพงไม้ใหญ่ก็มีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ เกิดขึ้นหญิงสาวที่เริ่มจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจึงรีบถอยห่างออกมาทันทีขณะเดียวกันเธอเองก็รีบมองหาสิ่งของใกล้ตัวที่พอจะเป็นเครื่องป้องกันตัวมาถือไว้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
สวบ สวบ สวบ ..
และแล้วสิ่งที่อยู่หลังพงไม้ใหญ่ก็ปรากฎตัวให้เห็น .. ไม่ใช่สัตว์ร้ายน่ากลัวอะไรแต่เป็นคนรู้จัก
" ค-- ไค ?! "
เมื่อหญิงสาวได้เห็นร่างของชายหนุ่มตรงหน้าเธอจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
" โทคุระไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? "
ไคเอ่ยถามเสียงเรียบถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะไม่ได้ดูเป็นห่วงเป็นใยอะไรแต่ถ้าหากลองมองแววตาของเขาดี ๆ จะเห็นได้ชัดว่าแววตาของเขากำลังร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดและสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นใบไม้ตามตัวที่เกาะไปซะทุกส่วนจริง ๆ
" อือ.. ไม่เป็นอะไรแต่ก็กลัวอยู่เหมือนกันนึกว่าจะไม่มีใครมาตามหาซะแล้ว "
" มีอยู่แล้วล่ะ.. "
เขาเอ่ยพร้อมกับเบือนหน้าหนีเล็กน้อย หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ระบายยิ้มเล็ก ๆ ออกมาทันทีพรางนึกถึงสัญญาในวัยเด็กครั้งนั้นถึงแม้ว่าเธอจะพึ่งนึกออกแต่มันก็ตราตึงอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งตอนนี้คนตรงหน้าเธอก็คือเด็อเด็กหนุ่มในสัญญาที่ออกมาตามหาจนพบอีก
" ขอบคุณนะ .. ไค "
ร่างสูงไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไปเพียงแต่แหงนมองท้องฟ้าก่อนจะพบว่าฝูงเมฆที่บังพระจันทร์ตอนนี้เริ่มเคลื่อนถอยห่างแล้ว
" กลับกันเถอะ "
" อะ -- ขออยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม ? "
" ตากลมมาก ๆ เดี๋ยวจะเป็นไข้เอาได้นะโทคุระ "
" ก็แหม.. ฝูงเมฆมันไม่บังพระจันทร์แล้วนี่ฉันอยากดูวิวตรงนี้ต่ออีกสักหน่อย "
" ... "
ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เรียวปากจะเผยอขึ้นอย่างไม่ชอบนัก
" แค่แป๊ปเดียวนะ "
หลังสิ้นสุดคำอนุญาตหญิงสาวก็รีบคว้าแขนของชายหนุ่มตรงหน้าทันทีก่อนที่ทั้งสองจะต่างพากันไปนั่งตรงริมหน้าผาโดยทั้งคู่ต่างไม่ลืมที่จะเว้นระยะห่างจากขอบผาเพื่อความปลอดภัย
หลังจากที่ฝูงเมฆได้พัดลอยออกห่างจากดวงจันทร์ก็ถึงเวลาที่แสงจัทร์จะเฉิดฉายบนท้องนภาในค่ำคืนนี้อีกครั้งหนึ่ง ..
" สวยจัง .. ตอนอยู่คนเดียวไม่ได้มองอย่างสงบใจเลยล่ะ "
มิซากิเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาพลางแหงนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่รู้สึกสบายใจแต่แล้วเธอก็ต้องแอบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าข้างเดียวก็ดึงมือข้างนึงของเธอไปกุมซะดื้อ ๆ
" มือเธอน่ะ ... มันเย็นมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว "
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเรียบ ๆ คงเป็นเพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนใบหน้าเขาจึงทำให้เธอมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายก็แอบเขินอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ไม่รู้เป็นเพราะสายลมหรือเปล่าที่เริ่มพัดอ่อนลง เลยทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้ของหญิงสาวมันอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูกถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ .. ในช่วงเวลาเดียวกันเองชายหนุ่มที่นั่งกุมมือของหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีความคิดเดียวกันกับเธอ
ขณะที่เวลาของทั้งคู่ต่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบปราศจากพูดใด ๆ จากทั้งคู่ไม่นานนักร่างสูงก็สัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากด้านข้างเมื่อเขาหันมองก็เผยให้เห็นศีรษะจากอีกฝ่ายที่มาซบบนไหล่ของตนไปเสียแล้ว
" ฝืนไม่เข้าเรื่องซะจริง "
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมืออีกข้างที่ว่างอยู่นั้นไปปัดปอยผมที่ปรกหน้ายามหลับของหญิงสาว .. พอได้เห็นสีหน้ายามหลับของเธอแบบชัด ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหลุดยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากออกมา
หลังจากนั้นร่างสูงก็เป็นคนช้อนร่างของเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอมเพราะไม่อยากให้เธอต้องตื่นขึ้นมาในขณะที่กำลังเพลียหลับไปเพราะพิษไข้อ่อน ๆ ในตัวนั้นเอง
จบบทที่ 10
ฟินนนนนนน