คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Melody : Intro Song 100
:) Shalunla
Title : Intro Song
Author : TOKO M.
Genre : Romantic Comedy
Warning : Yaoi – PG 15
Pairing : Melwiz x Seth , Tam x JS , Layla x Summer
Intro Song
“อะไรคือเหตุผลที่เธอเลือกมาสอบเข้าที่โรงเรียนของเรา”
อาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งในสามคนตรงหน้าถามผม นี่เป็นคำถามที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่ผมเข้ามานั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์นี้ และผมคิดว่า การสัมภาษณ์อาจจะจบลงในไม่ช้านี้ หรือจบทันทีเมื่อผมตอบคำถามนี้เสร็จแล้ว ผมพยายามคิดคำตอบที่มั่นใจว่าจะได้เข้าเรียนที่นี่ ต้องเลือกคำตอบที่ไม่มีใครกล้าตอบ และเลือกคำตอบที่อาจารย์ไม่คิดว่าจะมีใครตอบด้วย
“ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมผมต้องเลือกเข้าเรียนที่นี่ทั้งที่ผมมีสิทธิ์สอบเข้าโรงเรียนศิลปะที่อื่นๆ ได้ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะหาคำตอบได้...ถ้าผมได้เข้าเรียนที่นี่ครับ”
ตอบไปใจก็สั่นไป ดูเหมือนคำตอบของผมจะสร้างความพึงพอใจให้กับอาจารย์ทั้งสามท่านตรงหน้า พวกเขามองมาที่ผมและยิ้มบางๆ ให้ผมลดความผ่อนคลาย ให้ตายเถอะ ผมไม่ได้ผ่อนคลายเลยสักนิด
“จากผลการสอบคัดเลือก เธอมีคะแนนการร้องและการเต้นอยู่ในเกณฑ์ดีมาก”
“ครับ”
“แต่คะแนนการแสดงและการเล่นดนตรีต่ำไปหน่อยนะ เธอไปเรียนเต้นมาจากไหน”
“ในตอนแรกผมหัดเองจากยูทูปหรือแกะท่าตามศิลปินครับ แต่พอขึ้นม.ต้น เพื่อนผมที่เข้าวงการไปก่อนหน้าแล้วชวนให้ผมไปเรียนเต้นด้วยกันที่บริษัทครับ”
“บริษัทอะไร?” อาจารย์คนหนึ่งที่ก้มหน้าจดอะไรบางอย่างเงยหน้าขึ้นถาม
“HC Entertainment ครับ”
“บริษัทใหญ่นะ งั้นเธอก็เรียนมา 3 ปีแล้ว?”
“ใช่ครับ”
“เรียนถึงขั้นไหนแล้ว”
“สำหรับผมตอนนี้ถึงขั้น poppin ครับ เพราะผมต้องเรียนร้องเพลงไปพร้อมๆ กันด้วยจึงไม่มีเวลาฝึกซ้อมได้เต็มที่”
“ทำไมเธอไม่เลือกด้านใดด้านหนึ่งเฉพาะทางไปเลยล่ะ เลือกสองอย่างแบบนี้มันเป็นดาบสองคมนะ”
“ผมทราบครับ แต่เป็นเพราะผมถูกทาบทามให้เข้าเป็นเทรนนี่ในบริษัทด้วย ถ้าผมเรียนเต้นอย่างเดียวผมก็จะได้เป็นแค่แดนเซอร์เท่านั้น”
“เธออยากเป็นนักร้องเหรอ?”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ขอถามข้อสุดท้าย”
“ครับ”
“ทำไมคุณถึงชอบดนตรี”
“ดนตรีคือทั้งชีวิตของผม ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผมเริ่มชอบมัน แต่ผมรู้ว่าผมไม่มีวันที่จะเลิกเล่นดนตรี”
เสียงปรบมือดังขึ้นเบาๆ เมื่อผมตอบคำถามเสร็จ อาจารย์ท่านหนึ่งผายมือไปทางประตูและบอกกับผมให้ผมรอตรวจรายชื่ออีกครั้งในวันประกาศผลสอบ ผมหวังมากที่จะสอบติดที่นี่ เพราะถ้าไม่ติดที่นี่ ผมก็ไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนแล้ว
“ขอให้โชคดีนะเมลวิซ”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมยกมือไหว้พวกท่านอย่างนอบน้อมแล้วเดินออกมาหาเพื่อนสาวคนสนิท คนที่ทำให้ผมรู้สึกรักในเสียงดนตรี ผมเดินตรงดิ่งไปหาเธอที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลจากห้องสัมภาษณ์นัก
“เลย์ลา~” ผมลากเสียงยาวพลางสวมกอดเจ้าเพื่อนสาวตัวแสบเอาไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น
“ว๊าย! โถ่ไอ้บ้าเมลวิซ ตกใจหมดกูก็นึกว่าโรคจิตที่ไหนแอบมากอด” มันทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ผม เลย์ลายังคงสวมแว่นกันแดดอันโตไว้ที่ใบหน้าซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าจะใส่ทำไม หน้าตากับออร่านักแสดงเปล่งปลั่งขนาดนี้ใครมองไม่รู้ว่าเป็น เลย์ลา จากบริษัท HC ก็บ้าแล้ว
“แล้วสัมภาษณ์เป็นไงบ้าง โอเคไหม?” มันส่งแก้วชานมไข่มุกร้านโปรดให้ผม ผมดูดเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะตอบคำถาม
“ก็ดี”
“อะไรก็ดี มันต้องดีเยี่ยมต่างหาก มึงเป็นจะได้เข้าร่วมทีมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้วนะ พวกเขาต้องเห็นความสามารถของมึงบ้างสิ”
“ไม่หรอก แล้วก็ลดเสียงหน่อย ถ้ามีใครได้ยินว่ามึงพูด มึงๆ กูๆ กับกูแบบนี้เดี๋ยวจะเป็นข่าวมิใช่น้อย” ผมเตือน เลย์ลาชักสีหน้าไม่พอใจ ยัยนี่ไม่ได้ไม่พอใจที่ผมตักเตือนหรอก แต่ไม่พอใจเรื่องที่ต้องกลายเป็นข่าวต่างหาก
การเป็นนักแสดงอยู่บนโลกมายาน่ะมันไม่ง่ายเลย ยิ่งเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่เปรียบเสมือนไอดอลของวัยรุ่นทั่วไป เรื่องการพูดจายิ่งต้องระวัง จะไปพูดคำหยาบเหมือนอยู่บ้านก็ไม่ได้ พวกสื่อน่ะยิ่งคอยจับผิดกันอยู่
“มึงสัญญากับกูแล้วนะเว้ยเมล ถ้ามึงสอบที่นี่ไม่ติด ความฝันของกูก็พังสลายลงไปด้วย”
“ก็ทำเต็มที่แล้ว อาจารย์ต่างหากที่เป็นคนตัดสินว่ากูจะได้เรียนรึเปล่า”
“แล้วผลเป็นไงบ้าง”
“มีหวังหน่อยๆ แต่ดูจากจำนวนคนที่ยังไม่ได้สอบสัมภาษณ์ก็ยังอีกไกลว่ะ ความหวังมันดูริบหรี่มาก”
“งั้นกูจะไปเติมเชื้อไฟให้มึงเอง” เลย์ลาลุกขึ้น มันทำท่าจะเดินไปที่ห้องสัมภาษณ์จนผมต้องรั้งตัวไว้
“เฮ้ย มึงจะบ้ารึไง มึงผลีผลามเข้าไปสิกูจะไม่ได้เรียน”
“ไม่แน่นะ ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนกูอาจจะยอมก็ได้”
“ไม่ต้องเลยแม่นักแสดงตุ๊กตาทอง ให้ทุกสิ่งมันเป็นไปตามที่ชะตากำหนดดีกว่า”
“อี๋ พูดซะลิเกเชียว”
“โถ่ กูอุตส่าห์พูดให้ซึ้ง”
“ไม่ซึ้งสักนิดย่ะ” เลย์ลาสะบัดตูดเดินหนีผมไปที่รถเสียดื้อๆ ผมได้แต่วิ่งตามไปง้อทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีทางโกรธผมได้จริงๆ ก็พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นะ
เวลาผ่านไปร่วมเดือน ตามตารางที่Art Performing High School ให้ผมไว้ตอนไปสัมภาษณ์นั้นบอกว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบสัมภาษณ์ เลย์ลาที่ไปถ่ายละครต่างจังหวัดโทรมาเช็กผมเป็นระยะว่าผมสอบติดรึยัง ส่วนผมก็นั่งเครียดกดรีเฟรชหน้าเว็บของโรงเรียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
“นี่จะเที่ยงแล้วนะ ยังไม่เห็นผลสอบเลย”
ผมบ่น ยังคงกดรีเฟรชเพจต่อไปจนในที่สุดความพยายามของผมก็สำเร็จ รายชื่อของนักเรียนที่สอบติดเด้งขึ้นมาแล้ว ผมรีบเลื่อนลงไปดูตรงเลขที่ของตัวเอง ผมกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้านเมื่อชื่อของผมปรากฏเด่นหราอยู่หน้าเพจ ผมรีบโทรกลับไปหาเลย์ลาทันที
“สอบติดแล้ว!! ดีใจด้วย เพื่อนกูสอบติดแล้ว!!!”
ยัยนั่นดูดีใจกว่าผมอีก ก็อาจจะเป็นได้ เพราะถ้าเลย์ลาไม่ต้องไปถ่ายละครบ่อยๆ เธอก็คงจะมาสอบที่นี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการที่ผมสอบเข้าได้จึงกลายเป็นว่าผมช่วยทำให้ฝันของเธอเป็นจริง
วันเปิดเทอมวันแรกของผมมาถึงแล้ว ตลอดช่วงที่ผมเตรียมตัวเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่ ผมกับเลย์ลาช่วยกันจัดการทำเรื่องขอออกนอกสถานศึกษายามวิกาลเพื่อไปฝึกซ้อมที่บริษัทในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเนื่องจากที่นี่เป็นโรงเรียนประจำ ทุกอย่างมันดูง่ายดายเมื่ออาจารย์ที่ทำเรื่องอนุญาตให้เป็นหนึ่งในคณะอาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์ผม เขาย้ายชื่อของผมให้ไปนอนรวมกับรุ่นพี่เกรด 12 คนหนึ่งที่เป็นเทรนนี่ในบริษัทเหมือนกัน
“ดีเลย เวลามึงออกไปซ้อมมึงก็ไปพร้อมพี่เขาเลย กูจะได้สบายใจว่ามึงจะไม่หลงทางไปที่ไหน” เลย์ลาพูดเหมือนผมเป็นเด็กๆ
“ถึงกูจะไม่รู้จักเส้นทางแถวนี้ดี แต่กูก็ไม่หลงหรอกเว้ย” ...คงเป็นอย่างนั้นนะผมว่า
เมื่อขนของขึ้นมาไว้ที่ห้องเสร็จ ผมก็สังเกตเห็นว่ารุ่นพี่ที่ผมเป็นรูมเมทด้วยมาถึงก่อนแล้ว ข้าวของของเขากองเรี่ยราดอยู่เต็มพื้น และเตียงตัวหนึ่งติดหน้าต่างก็ถูกจับจองด้วยกองบ็อกเซอร์ นี่พี่เขาเป็นคนแบบไหนกันน่ะ... เสียงน้ำในห้องน้ำบอกให้ผมรู้ว่าพี่เขากำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ ผมยักไหล่สบายๆ และเริ่มจัดของของตัวเองให้เข้าที่
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผูกเอวไว้เท่านั้น ตามลำตัวของเขายังมีน้ำหยดเกาะพราว ซิกแพ็คน้อยๆ นั่นทำเอาผมชะงักไป ผมมองเขาด้วยความตกตะลึง ใครจะไปคิดว่าเขาจะออกมาทั้งสภาพชีเปลือย(ก็ไม่เปลือยหรอก มีผ้าพันเอวอยู่)
เขาขมวดคิ้วมองผมแล้วร้องเสียงหลง กระโดดหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วผมก็เริ่มรู้ตัวเอง หน้าของผมแดงขึ้นเล็กน้อย เมื่อกี้ผมจ้องมองเขาด้วยสายตาแบบไหนกันล่ะนั่น น่าอายจริงๆ
สักพักเขาก็ออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย รุ่นพี่ดูดีมากในชุดลำลองสบายๆ เสื้อกล้ามสีดำตัวโคร่งกับกางเกงขาสามส่วนสีครีม ผมยืนขึ้นยกมือไหว้แล้วแนะนำตัวเอง
“สวัสดีครับ ผมชื่อเมลวิซ”
เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินเข้ามาใกล้ผมมากจนลมหายใจของเขารดหน้าผม...ผม...ผม... เขินจุง....
“ระ...รุ่นพี่”
“ฉันชื่อเซธ”
“ครับพี่เซธ”
“นาย...”
“ครับ?”
“เป็นตุ๊ดเหรอวะ? รูปร่างโคตรอ้อนแอ้นอ่ะ”
ฉึก!
รู้สึกเหมือนมีมีดสับลงกลางหัว ให้ตายเถอะ ทำไมเขาไร้มารยาทแบบนี้นะ!
“ผมเป็นผู้ชาย แมนทั้งแท่งครับ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยากต่อยปากคนตรงหน้า
“อ้อเหรอ? แล้ว...” พี่เซธจะพูดอะไรสักอย่างแล้วก็เงียบไป เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาโอบเอวผมไว้ ในขณะที่มืออีกข้างเชยคางผมขึ้น ผมเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อ่อนนิ่ม
ลิ้นร้อนแตะริมฝีปากของผมให้เผยอขึ้น ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วผลักพี่เขาออก แต่ไม่เป็นผล เขาใช้มือข้างที่จับคางผมเลื่อนไปแตะยอดอกผมแทน
“อ้ะ! จะทำ..อุ้ก!” พอผมอ้าปากจะถามเขาก็สอดลิ้นนั่นเข้ามาอย่างง่ายดาย ผมพยายามดุนลิ้นพี่เซธออก แต่กลายเป็นว่าผมยิ่งทำให้พี่เขาจูบผมง่ายขึ้น
ลิ้นอุ่นดูดดุนลิ้นของผมอย่างร้อนแรง ในหัวขาวโพลนไปหมด ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ผมหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรเขาแล้ว เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าผมเริ่มยืนไม่อยู่ มือที่โอบเอวผมไว้คอยพยุงร่างผมให้ยังยืนอยู่ได้ และริมฝีปากนั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะละออกไปง่ายๆ
ดวงตาของผมค่อยๆ พร่าเลือนก่อนจะมืดสนิทในที่สุด
แม่ครับ... ผมโดนผู้ชายจูบเข้าแล้วล่ะครับ T_____T
TALK WITH WRITER
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน
ก่อนอื่นไรเตอร์ต้องขอแนะนำตัวก่อน
ไรต์ชื่อโทโคค่ะ
นี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่ไรต์ภูมิใจนำเสนอมากๆ
เพราะการดนตรีเป็นความฝันหลักอย่างหนึ่งของไรต์เลยล่ะ!
โอเค กลับเข้าสู่เนื้อหาของเรื่อง
ในพาร์ทอินโทรไรต์จะดำเนินเรื่องเร็วมาก
แถมดูทำร้ายนายเอกหน้ามนคนน่ารักของไรต์มากไปด้วย = =
มาถึงเจอคุณรุ่นพี่ก็โดนจูบซะสลบไปเลย
แต่ใครที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ช่วยติดตามต่อไปด้วยนะคะ
เป็นกำลังใจให้ไรต์เขียนมันให้จบสักเรื่องเถอะค่ะ TOT
ความคิดเห็น