ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Melody ทำนองรัก จังหวะหัวใจ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : Melody : Intro Song 100

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 56


     
     
     

    :)  Shalunla

    Title : Intro Song

    Author : TOKO M.

    Genre : Romantic Comedy

    Warning : Yaoi – PG 15

    Pairing : Melwiz x Seth , Tam x JS , Layla x Summer

     

     

     

     

     

    Intro Song

     

     

              อะไรคือเหตุผลที่เธอเลือกมาสอบเข้าที่โรงเรียนของเรา

     

                อาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งในสามคนตรงหน้าถามผม  นี่เป็นคำถามที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่ผมเข้ามานั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์นี้  และผมคิดว่า  การสัมภาษณ์อาจจะจบลงในไม่ช้านี้  หรือจบทันทีเมื่อผมตอบคำถามนี้เสร็จแล้ว  ผมพยายามคิดคำตอบที่มั่นใจว่าจะได้เข้าเรียนที่นี่  ต้องเลือกคำตอบที่ไม่มีใครกล้าตอบ  และเลือกคำตอบที่อาจารย์ไม่คิดว่าจะมีใครตอบด้วย

     

                “ผมไม่รู้  ผมไม่รู้จริงๆ  ว่าทำไมผมต้องเลือกเข้าเรียนที่นี่ทั้งที่ผมมีสิทธิ์สอบเข้าโรงเรียนศิลปะที่อื่นๆ  ได้  แต่ผมคิดว่าผมน่าจะหาคำตอบได้...ถ้าผมได้เข้าเรียนที่นี่ครับ

     

                ตอบไปใจก็สั่นไป  ดูเหมือนคำตอบของผมจะสร้างความพึงพอใจให้กับอาจารย์ทั้งสามท่านตรงหน้า  พวกเขามองมาที่ผมและยิ้มบางๆ  ให้ผมลดความผ่อนคลาย  ให้ตายเถอะ  ผมไม่ได้ผ่อนคลายเลยสักนิด

     

                “จากผลการสอบคัดเลือก  เธอมีคะแนนการร้องและการเต้นอยู่ในเกณฑ์ดีมาก

     

                “ครับ

     

                “แต่คะแนนการแสดงและการเล่นดนตรีต่ำไปหน่อยนะ  เธอไปเรียนเต้นมาจากไหน

     

                “ในตอนแรกผมหัดเองจากยูทูปหรือแกะท่าตามศิลปินครับ  แต่พอขึ้นม.ต้น  เพื่อนผมที่เข้าวงการไปก่อนหน้าแล้วชวนให้ผมไปเรียนเต้นด้วยกันที่บริษัทครับ

     

                “บริษัทอะไร?  อาจารย์คนหนึ่งที่ก้มหน้าจดอะไรบางอย่างเงยหน้าขึ้นถาม

     

                “HC Entertainment ครับ

     

                “บริษัทใหญ่นะ  งั้นเธอก็เรียนมา 3 ปีแล้ว?

     

                “ใช่ครับ

     

                “เรียนถึงขั้นไหนแล้ว

     

                “สำหรับผมตอนนี้ถึงขั้น poppin ครับ  เพราะผมต้องเรียนร้องเพลงไปพร้อมๆ  กันด้วยจึงไม่มีเวลาฝึกซ้อมได้เต็มที่

     

                “ทำไมเธอไม่เลือกด้านใดด้านหนึ่งเฉพาะทางไปเลยล่ะ  เลือกสองอย่างแบบนี้มันเป็นดาบสองคมนะ

     

                “ผมทราบครับ  แต่เป็นเพราะผมถูกทาบทามให้เข้าเป็นเทรนนี่ในบริษัทด้วย  ถ้าผมเรียนเต้นอย่างเดียวผมก็จะได้เป็นแค่แดนเซอร์เท่านั้น

     

                “เธออยากเป็นนักร้องเหรอ?

     

                “ครับ

     

                “ถ้าอย่างนั้น  ขอถามข้อสุดท้าย

     

                “ครับ

     

                “ทำไมคุณถึงชอบดนตรี

     

                “ดนตรีคือทั้งชีวิตของผม  ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผมเริ่มชอบมัน  แต่ผมรู้ว่าผมไม่มีวันที่จะเลิกเล่นดนตรี

     

                เสียงปรบมือดังขึ้นเบาๆ  เมื่อผมตอบคำถามเสร็จ  อาจารย์ท่านหนึ่งผายมือไปทางประตูและบอกกับผมให้ผมรอตรวจรายชื่ออีกครั้งในวันประกาศผลสอบ  ผมหวังมากที่จะสอบติดที่นี่  เพราะถ้าไม่ติดที่นี่  ผมก็ไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนแล้ว

     

                “ขอให้โชคดีนะเมลวิซ

     

                “ขอบคุณมากครับ

     

                ผมยกมือไหว้พวกท่านอย่างนอบน้อมแล้วเดินออกมาหาเพื่อนสาวคนสนิท  คนที่ทำให้ผมรู้สึกรักในเสียงดนตรี  ผมเดินตรงดิ่งไปหาเธอที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลจากห้องสัมภาษณ์นัก

     

                “เลย์ลา~”  ผมลากเสียงยาวพลางสวมกอดเจ้าเพื่อนสาวตัวแสบเอาไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น

     

                “ว๊าย! โถ่ไอ้บ้าเมลวิซ  ตกใจหมดกูก็นึกว่าโรคจิตที่ไหนแอบมากอด  มันทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ผม  เลย์ลายังคงสวมแว่นกันแดดอันโตไว้ที่ใบหน้าซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าจะใส่ทำไม  หน้าตากับออร่านักแสดงเปล่งปลั่งขนาดนี้ใครมองไม่รู้ว่าเป็น เลย์ลา จากบริษัท HC ก็บ้าแล้ว

     

                “แล้วสัมภาษณ์เป็นไงบ้าง  โอเคไหม?  มันส่งแก้วชานมไข่มุกร้านโปรดให้ผม  ผมดูดเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะตอบคำถาม

     

                “ก็ดี

     

                “อะไรก็ดี  มันต้องดีเยี่ยมต่างหาก  มึงเป็นจะได้เข้าร่วมทีมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้วนะ  พวกเขาต้องเห็นความสามารถของมึงบ้างสิ

     

                “ไม่หรอก  แล้วก็ลดเสียงหน่อย  ถ้ามีใครได้ยินว่ามึงพูด มึงๆ กูๆ กับกูแบบนี้เดี๋ยวจะเป็นข่าวมิใช่น้อย  ผมเตือน  เลย์ลาชักสีหน้าไม่พอใจ  ยัยนี่ไม่ได้ไม่พอใจที่ผมตักเตือนหรอก  แต่ไม่พอใจเรื่องที่ต้องกลายเป็นข่าวต่างหาก

     

                การเป็นนักแสดงอยู่บนโลกมายาน่ะมันไม่ง่ายเลย  ยิ่งเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่เปรียบเสมือนไอดอลของวัยรุ่นทั่วไป  เรื่องการพูดจายิ่งต้องระวัง  จะไปพูดคำหยาบเหมือนอยู่บ้านก็ไม่ได้  พวกสื่อน่ะยิ่งคอยจับผิดกันอยู่

     

                “มึงสัญญากับกูแล้วนะเว้ยเมล  ถ้ามึงสอบที่นี่ไม่ติด  ความฝันของกูก็พังสลายลงไปด้วย

     

                “ก็ทำเต็มที่แล้ว  อาจารย์ต่างหากที่เป็นคนตัดสินว่ากูจะได้เรียนรึเปล่า

     

                “แล้วผลเป็นไงบ้าง

     

                “มีหวังหน่อยๆ  แต่ดูจากจำนวนคนที่ยังไม่ได้สอบสัมภาษณ์ก็ยังอีกไกลว่ะ  ความหวังมันดูริบหรี่มาก

     

                “งั้นกูจะไปเติมเชื้อไฟให้มึงเอง  เลย์ลาลุกขึ้น  มันทำท่าจะเดินไปที่ห้องสัมภาษณ์จนผมต้องรั้งตัวไว้ 

     

                “เฮ้ย  มึงจะบ้ารึไง  มึงผลีผลามเข้าไปสิกูจะไม่ได้เรียน

     

                “ไม่แน่นะ  ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนกูอาจจะยอมก็ได้

     

                “ไม่ต้องเลยแม่นักแสดงตุ๊กตาทอง  ให้ทุกสิ่งมันเป็นไปตามที่ชะตากำหนดดีกว่า

     

                “อี๋  พูดซะลิเกเชียว

     

                “โถ่  กูอุตส่าห์พูดให้ซึ้ง

     

                “ไม่ซึ้งสักนิดย่ะ  เลย์ลาสะบัดตูดเดินหนีผมไปที่รถเสียดื้อๆ  ผมได้แต่วิ่งตามไปง้อทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีทางโกรธผมได้จริงๆ  ก็พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นะ

     

                เวลาผ่านไปร่วมเดือน  ตามตารางที่Art Performing High School ให้ผมไว้ตอนไปสัมภาษณ์นั้นบอกว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบสัมภาษณ์  เลย์ลาที่ไปถ่ายละครต่างจังหวัดโทรมาเช็กผมเป็นระยะว่าผมสอบติดรึยัง  ส่วนผมก็นั่งเครียดกดรีเฟรชหน้าเว็บของโรงเรียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

     

                “นี่จะเที่ยงแล้วนะ  ยังไม่เห็นผลสอบเลย

     

                ผมบ่น  ยังคงกดรีเฟรชเพจต่อไปจนในที่สุดความพยายามของผมก็สำเร็จ  รายชื่อของนักเรียนที่สอบติดเด้งขึ้นมาแล้ว  ผมรีบเลื่อนลงไปดูตรงเลขที่ของตัวเอง  ผมกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้านเมื่อชื่อของผมปรากฏเด่นหราอยู่หน้าเพจ  ผมรีบโทรกลับไปหาเลย์ลาทันที

               

                “สอบติดแล้ว!! ดีใจด้วย  เพื่อนกูสอบติดแล้ว!!!”

     

                ยัยนั่นดูดีใจกว่าผมอีก  ก็อาจจะเป็นได้  เพราะถ้าเลย์ลาไม่ต้องไปถ่ายละครบ่อยๆ  เธอก็คงจะมาสอบที่นี่เหมือนกัน  เพราะฉะนั้นการที่ผมสอบเข้าได้จึงกลายเป็นว่าผมช่วยทำให้ฝันของเธอเป็นจริง

     

                วันเปิดเทอมวันแรกของผมมาถึงแล้ว  ตลอดช่วงที่ผมเตรียมตัวเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่  ผมกับเลย์ลาช่วยกันจัดการทำเรื่องขอออกนอกสถานศึกษายามวิกาลเพื่อไปฝึกซ้อมที่บริษัทในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเนื่องจากที่นี่เป็นโรงเรียนประจำ  ทุกอย่างมันดูง่ายดายเมื่ออาจารย์ที่ทำเรื่องอนุญาตให้เป็นหนึ่งในคณะอาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์ผม  เขาย้ายชื่อของผมให้ไปนอนรวมกับรุ่นพี่เกรด 12 คนหนึ่งที่เป็นเทรนนี่ในบริษัทเหมือนกัน

     

                “ดีเลย  เวลามึงออกไปซ้อมมึงก็ไปพร้อมพี่เขาเลย  กูจะได้สบายใจว่ามึงจะไม่หลงทางไปที่ไหน”  เลย์ลาพูดเหมือนผมเป็นเด็กๆ

     

                “ถึงกูจะไม่รู้จักเส้นทางแถวนี้ดี  แต่กูก็ไม่หลงหรอกเว้ย  ...คงเป็นอย่างนั้นนะผมว่า

     

                เมื่อขนของขึ้นมาไว้ที่ห้องเสร็จ  ผมก็สังเกตเห็นว่ารุ่นพี่ที่ผมเป็นรูมเมทด้วยมาถึงก่อนแล้ว  ข้าวของของเขากองเรี่ยราดอยู่เต็มพื้น  และเตียงตัวหนึ่งติดหน้าต่างก็ถูกจับจองด้วยกองบ็อกเซอร์  นี่พี่เขาเป็นคนแบบไหนกันน่ะ...  เสียงน้ำในห้องน้ำบอกให้ผมรู้ว่าพี่เขากำลังทำธุระส่วนตัวอยู่  ผมยักไหล่สบายๆ  และเริ่มจัดของของตัวเองให้เข้าที่ 

     

                แกร๊ก!

     

              เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผูกเอวไว้เท่านั้น  ตามลำตัวของเขายังมีน้ำหยดเกาะพราว  ซิกแพ็คน้อยๆ  นั่นทำเอาผมชะงักไป  ผมมองเขาด้วยความตกตะลึง  ใครจะไปคิดว่าเขาจะออกมาทั้งสภาพชีเปลือย(ก็ไม่เปลือยหรอก  มีผ้าพันเอวอยู่)

     

                เขาขมวดคิ้วมองผมแล้วร้องเสียงหลง  กระโดดหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วผมก็เริ่มรู้ตัวเอง  หน้าของผมแดงขึ้นเล็กน้อย  เมื่อกี้ผมจ้องมองเขาด้วยสายตาแบบไหนกันล่ะนั่น  น่าอายจริงๆ

     

                สักพักเขาก็ออกมาอีกครั้ง  คราวนี้เขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย  รุ่นพี่ดูดีมากในชุดลำลองสบายๆ  เสื้อกล้ามสีดำตัวโคร่งกับกางเกงขาสามส่วนสีครีม  ผมยืนขึ้นยกมือไหว้แล้วแนะนำตัวเอง

     

                “สวัสดีครับ  ผมชื่อเมลวิซ

     

                เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินเข้ามาใกล้ผมมากจนลมหายใจของเขารดหน้าผม...ผม...ผม...  เขินจุง....

     

                “ระ...รุ่นพี่

     

                “ฉันชื่อเซธ

     

                “ครับพี่เซธ

     

                “นาย...

     

                “ครับ?

     

                “เป็นตุ๊ดเหรอวะ?  รูปร่างโคตรอ้อนแอ้นอ่ะ

     

                ฉึก!

     

                รู้สึกเหมือนมีมีดสับลงกลางหัว  ให้ตายเถอะ  ทำไมเขาไร้มารยาทแบบนี้นะ!

     

                “ผมเป็นผู้ชาย แมนทั้งแท่งครับ  ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ  พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยากต่อยปากคนตรงหน้า

     

                “อ้อเหรอ?  แล้ว...  พี่เซธจะพูดอะไรสักอย่างแล้วก็เงียบไป  เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาโอบเอวผมไว้  ในขณะที่มืออีกข้างเชยคางผมขึ้น  ผมเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อ่อนนิ่ม

     

                ลิ้นร้อนแตะริมฝีปากของผมให้เผยอขึ้น  ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วผลักพี่เขาออก  แต่ไม่เป็นผล  เขาใช้มือข้างที่จับคางผมเลื่อนไปแตะยอดอกผมแทน

     

                “อ้ะ!  จะทำ..อุ้ก!”  พอผมอ้าปากจะถามเขาก็สอดลิ้นนั่นเข้ามาอย่างง่ายดาย  ผมพยายามดุนลิ้นพี่เซธออก  แต่กลายเป็นว่าผมยิ่งทำให้พี่เขาจูบผมง่ายขึ้น 

     

                ลิ้นอุ่นดูดดุนลิ้นของผมอย่างร้อนแรง  ในหัวขาวโพลนไปหมด  ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ผมหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรเขาแล้ว  เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าผมเริ่มยืนไม่อยู่  มือที่โอบเอวผมไว้คอยพยุงร่างผมให้ยังยืนอยู่ได้  และริมฝีปากนั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะละออกไปง่ายๆ

     

                ดวงตาของผมค่อยๆ  พร่าเลือนก่อนจะมืดสนิทในที่สุด

     

                แม่ครับ...  ผมโดนผู้ชายจูบเข้าแล้วล่ะครับ  T_____T
















    TALK WITH WRITER

    สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน 

    ก่อนอื่นไรเตอร์ต้องขอแนะนำตัวก่อน

     ไรต์ชื่อโทโคค่ะ 

    นี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่ไรต์ภูมิใจนำเสนอมากๆ 

    เพราะการดนตรีเป็นความฝันหลักอย่างหนึ่งของไรต์เลยล่ะ!

     โอเค  กลับเข้าสู่เนื้อหาของเรื่อง 

    ในพาร์ทอินโทรไรต์จะดำเนินเรื่องเร็วมาก

     แถมดูทำร้ายนายเอกหน้ามนคนน่ารักของไรต์มากไปด้วย = = 

    มาถึงเจอคุณรุ่นพี่ก็โดนจูบซะสลบไปเลย 

    แต่ใครที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้  ช่วยติดตามต่อไปด้วยนะคะ

     เป็นกำลังใจให้ไรต์เขียนมันให้จบสักเรื่องเถอะค่ะ TOT


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×