ไม้ชายเมือง
ตอนที่ ๑ - เอื้อย
ฝนตกหนักในเช้าวันหนึ่ง แล้วจู่ๆฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าสว่างไสว ทางทิศตะวันตกมีรุ้งตัวสวยพาดเป็นวงกว้าง ละอองฝนในอากาศยังมีหลงเหลือดูระยิบระยับในแสงแดดยามสาย ต้นไม้ใหญ่น้อยใบเขียวสะพรั่งดูชุ่มชื่นด้วยหยาดน้ำฝน และเมื่อมีลมพัดมาเบาๆ ใบก็สั่นพลิ้วจนหยดน้ำร่วงกราวลงสู่พื้นดิน
ที่ถนนลูกรังเส้นเล็กซึ่งทอดตรงมาศู่หมูบ้านจากถนนใหญ่นั้น มีร่างเล็กๆใส่เสื้อกันฝน หมวกคลุมจนแทบมิดหน้า สองมือจูงจักรยานคันเก่าไถมาตามพื้นถนน ที่ล้อจักรยานเต็มไปด้วยดินโคลนเปรอะเปื้อนไม่ต่างจากเท้าทั้งคู่ของผู้จับจูง เท้าทั้งสองข้างนั้นถูกพอกหนาด้วยดินโคลนปนลูกรัง ส่วนรองเท้าที่เปียกแฉะทั้งคู่นั้นอยู่ในตะกร้าหน้ารถจักรยาน
ร่างนั้นจูงจักรยานมาตามถนนจนกระทั่งถึงทางเลี้ยวเข้าบ้านหลังหนึ่งจึงจอดรถไว้ที่เชิงบันได ถอดเสื้อกันฝนออกพาดจักรยานไว้แล้วเดินไปที่โอ่งน้ำบนที่พักบันไดขั้นแรก หยิบขันตักน้ำขึ้นมาราดลงบนเท้าทั้งสองข้าง หล่อนเป็นเด็กหญิงกำลังรุ่น ผมตัดสั้นแค่หู รูปร่างค่อนข้างผอมออกเก้งก้างเล็กน้อย ผิวขาว เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งและกางเกงขาสามส่วนทำให้หล่อนมองดูเหมือนเด็กผู้ชายแก่นๆคนหนึ่ง
" เอื้อย มาแล้วหรือลูก เจอฝนเข้าตรงไหนล่ะ "
หญิงกลางคนวัยสี่สิบต้นๆโผล่มาที่หัวบันได ยืนมองลูกสาวอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากออกปากถามแล้วไม่ได้ยินคำตอบก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นไม่นานเด็กสาวที่แม่เรียกว่าเอื้อยก็เดินขึ้นมาบนบ้าน พ่อกับแม่นั่งรออยู่แล้ว หล่อนคุกเข่าลงใกล้ๆพ่อกับแม่
" พ่อ...แม่... หนู..หนู..หนูสอบไม่ได้หรอกจ้ะ " เอื้อยมองหน้าพ่อกับแม่แล้วก็ก้มหน้า น้ำตาร่วงพรู สะอึกสะอื้น เพราะรู้สึกอัดอั้นมาเป็นเวลานานตั้งแต่เห็นและแน่ใจว่าบนกระดานที่เขาติดประกาศผลการสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนในเมืองนั้นไม่มีชื่อของหล่อน นางสาวดวงกมล ใจสุข
" ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรลูก" พ่อปลอบ เสียงห้าวๆลึกๆนั้นมีความอ่อนโยน พ่อพูดเสียงอย่างนี้เสมอเวลาเอื้อยร้องไห้ตั้งแต่เอื้อยจำความได้ " เอื้อยอย่าเพิ่งคิดมากเลยลูก ไปกินข้าวกันก่อน พ่อกับแม่รออยู่ ยังไม่ได้กินเหมือนกัน"
พ่อจับแขนลูกสาวลุกขึ้น ส่วนแม่ลุกนำเข้าครัวไปก่อนแล้ว
เอื้อยรู้สึกตื้นตัน เสียใจไม่หาย คงจะกินข้าวไม่ลงหรอกแต่ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงอย่างไร พ่อกับแม่อุตส่าห์รอ สายจนป่านนี้แล้ว ยังรอฟังข่าวหล่อนอยู่ นี่ถ้าข่าวที่หล่อนนำมาเป็นข่าวดี ข้าวมื้อนี้คงอร่อยกว่ามื้อใดๆ
" ออมล่ะพ่อ ออมไปไหน" เอื้อยถามถึงน้องชาย
" ออมออกไปนาตั้งแต่เช้า เห็นว่าวางลอบดักปูเข้าไว้ แต่ออมเขากินข้าวไปแล้วละ"
" พ่อ หนูไปเรียนโรงเรียนราษฎร์ได้ไหม" เอื้อยจับแขนพ่อพูดเสียงเบา
แม่กำลังยกสำรับกับข้าววางลงบนพื้น คงจะได้ยินแว่วๆ นางเหลือบตามองแต่ก็มิได้พูดอะไร คงหยิบจานมาตักข้าวแล้ววางลงข้างๆสำรับ
" กินข้าวก่อนลูก เดี๋ยวค่อยคุยกัน" พ่อบอก แล้วทรุดตัวลงนั่ง เลื่อนชามข้าวให้ลูกสาวอย่างเอาใจ
เอื้อยตักข้าวเข้าปากอย่างช้าๆ สมองไม่หยุดนิ่ง หล่อนจะทำอย่างไรดีหนอหากพ่อและแม่ไม่เห็นด้วยที่จะให้เรียนต่อในโรงเรียนเอกชนเพราะค่าเล่าเรียนค่อนข้างแพง ถึงทางบ้านจะไม่ขัดสนแต่รายจ่ายที่ต้องดูแลพี่ชายที่บาดเจ็บอยู่โรงพยาบาล และค่าเล่าเรียนของน้องชายที่กำลังจะขึ้นชั้นมัธยม แล้วยังการลงทุนใหม่กับไร่นาสวนผสมที่พ่อตัดสินใจปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงจากการทำนาเพียงอย่างเดียวอีก นึกแล้วเอื้อยก็หวั่นใจ น้ำตาปริ่มๆจะไหลออกมาอีก
พ่อลุกไปล้างปากหลังกินข้าวอิ่ม ขณะที่แม่เก็บสำรับเอื้อยก็หมดความอดทน หล่อนสะอื้นเฮือกตรงเข้าไปกอดแขนแม่ ซบศีรษะลงกับบ่านาง
" แม่ หนูคงไม่ได้เรียนแล้วใช่ไหมจ๊ะ"
นางลูบศีรษะของบุตรสาวด้วยความสงสาร ปลอบเบาๆว่า
" ฟังพ่อเขาก่อนนะเอื้อย พ่อเขายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย เขาอาจให้เอื้อยเรียนก็ได้"
" แม่ล่ะ" เอื้อยอ้อน " แม่จะยอมให้เอื้อยเรียนไหม" เอื้อยฝากความหวังไว้กับมารดาทั้งๆที่ไม่สู้แน่ใจในตัวมารดานัก
" แม่ไม่รู้หรอก แล้วแต่พ่อเขาเถอะ ถ้าพ่อให้เรียนแม่ก็ไม่ว่า" นางได้แต่โอบบุตรสาวไว้ อยากช่วยลูกมากกว่านี้ แต่นางก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรสักเท่าไร สามีว่าอย่างไรนางก็ว่าอย่างนั้นมาตั้งแต่เริ่มมีชีวิตคู่อยู่ด้วยกันโน่นแล้ว
" เอื้อย" เสียงพ่อเรียกมาจากมุมหนึ่งของบ้าน เอื้อยผละจากแม่ไปหาพ่อที่ยืนพิงหน้าต่างที่เปิดออกสู่ทางทิศตะวันตก เมื่อเอื้อยเดินไปถึง พ่อก็ขยับแบ่งที่ให้เอื้อยยืนอยู่ริมหน้าต่างด้วย
" เอื้อย หนูสอบเรียนต่อไม่ได้นี่ หนูรู้สึกยังไง แล้วคิดยังไง"
เอื้อยงงงันกับคำถามของพ่อ แต่หล่อนก็พยายามตอบ
" หนู หนูเสียใจจ้ะพ่อ หนูกลัวไม่ได้เรียนต่อ หนูอยากเรียนต่อ"
" ถ้าหนูได้เรียนต่อ หนูจะเรียนไปถึงไหน แล้วจะเป็นอะไร" พ่อคงหมายถึงการประกอบอาชีพ เอื้อยคิด
มีความฝันมากมาย ที่เอื้อยมักคิดไปเรื่อยเปื่อยตามอารมณ์ บางครั้งหล่อนอยากเรียนเก่งๆเพื่อสอบเข้าเป็นนักเรียนแพทย์ตามความนิยมของวัยรุ่นที่เรียนเก่งๆทั่วไป บางคราวหล่อนอยากเรียนภาษาเก่งๆเพื่อจะเป็นแอร์โฮสเตส เป็นไกด์ หรือทำงานเป็นเลขาในบริษัทใหญ่ๆระดับชาติ ไม่ว่าความอยากมีอยากเป็นของหล่อนจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแค่ไหน ภาพความฝันเหล่านั้นจะดูฟุ้งเฟื่อง หรูหรา อยู่ในเมืองใหญ่ ได้แต่งตัวสวยและเงินเดือนแพงๆทั้งนั้น เอื้อยนึกอายที่จะบอกพ่อตามตรง จึงอ้ำอึ้ง แล้วก็บอกพ่อเหมือนทุกครั้งที่พ่อเคยถาม
" เอื้อยอยากเรียนสูงๆไว้ก่อนน่ะจ้ะพ่อ"
" เอื้อยอยากเรียนสูงแค่ไหนล่ะลูก"
" เอื้อย เอื้อยอยากจบปริญญา .. ปริญญาตรีน่ะจ้ะ"
" จบแล้วจะเป็นอะไรล่ะ ทำอาชีพอะไร"
เอื้อยนิ่งเงียบ หล่อนเรียนไม่เก่งเลย วิชาที่พอจะได้คะแนนดีอยู่บ้างคือพวกวิชาที่ต้องลงมือปฏิบัติ ส่วนวิชาสามัญที่เป็นหลักการและทฤษฎีหล่อนมักจะได้คะแนนต่ำหรืออย่างดีก็คาบเส้นแค่นั้น
" ว่าไงเอื้อย ถ้าเอื้อยเรียนจบ เอื้อยคิดว่าจะทำงานอะไร"
" ไม่รู้จ้ะ หนูยังไม่รู้ หนูต้องดูก่อนว่าถ้าได้เรียนจบ ม.ปลายแล้ว ถ้าหนูจบแล้วสอบเรียนต่ออะไรได้ ก็ ก็คงประกอบอาชีพนั้น"
พ่อชี้แถบรุ้งสีสวยที่ขอบฟ้าที่ยังแจ่มชัดให้เอื้อยดู
" เอื้อย ดูรุ้งซิลูก สวยไหม" เอื้อยมองดูสายรุ้งอย่างงงๆ แต่ก็ตอบคำถามของพ่อตามความรู้สึก
" สวยจ้ะพ่อ สวยมาก มีอีกตัวนึงด้วย ดูบางๆ เห็นแต่ปลายๆโน่น" หล่อนชี้เลยไปยังรุ้งตัวที่สองที่อยู่ไกลออกไป
" ความฝันของคนเราน่ะนะเอื้อย บางครั้งก็เหมือนรุ้ง มันสวย สดใสแต่เอื้อมไม่ถึง จับต้องไม่ได้ บางทีมันแจ่มชัด บางทีมันเห็นเป็นเงาๆ แต่มันก็สวย เห็นทีไรมองทีไรก็สดชื่น ไม่เหมือนต้นไม้ใบหญ้าที่บางทีก็สดชื่น บางทีก็แห้งเหี่ยว แต่เราจับต้องมันได้" พ่อหยุดนิ่ง มองดูลูกสาวว่า หล่อนฟังไปอย่างนั้นเอง หรือว่าคิดตาม
เอื้อยก้มหน้า น้ำตาหยดเผาะลงมาอีก หล่อนเกาะแขนพ่อแน่น
" พ่อหมายความว่า จะไม่ให้หนูเรียนหรือจ๊ะ"
พ่อลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความปรานี
" พ่อยังไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย เอาเถอะ พ่อจะให้เอื้อยเรียน แต่เอื้อยต้องรู้นะว่า เอื้อยควรจะมีความหวังความฝันแค่ไหน ถ้าเอื้อยไม่รู้จักตัวเองความฝันของเอื้อยก็เหมือนรุ้งที่เอื้อยอาจไม่มีโอกาสสัมผัสมันเลย แต่ถ้าเอื้อยรู้จักตัวเองความฝันของเอื้อยก็คงจะเหมือนใบไม้ใบหญ้าที่อยู่แค่เอื้อมนี่เอง เอาเถอะ วันนี้ลูกอาจไม่เข้าใจ สักวันลูกคงเข้าใจ" หวังว่ามันคงไม่นานจนเกินไปนักผู้เป็นบิดารำพึงต่อในใจ
" พ่อจ๋า ขอบคุณพ่อมากจ้ะ หนูรักพ่อมากที่สุดในโลกเลย"
พ่อเดินจากไปนานแล้ว เอื้อยยังคงยืนมองรุ้งสองตัวไกลโพ้นอยู่ต่อไปด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น
" สวยจริงๆจ้ะ รุ้งสวยจริงๆ" เอื้อยยิ้มกริ่มกับรุ้งสีทองในความคิด
************************
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น