ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไม้ชายเมือง

    ลำดับตอนที่ #3 : เอก

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 55


    ตอนที่ ๓ - เอก
         
             ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่กว้างขวาง  แต่เต็มไปด้วยเตียงคนเจ็บ  ที่แขวนน้ำเกลือ อุปกรณ์ช่วยเหลือคนป่วยบางชนิดที่ติดตั้งริมเตียงผู้ป่วยบางเตียง  มีกลิ่นยาผสมความอับชื้นที่เกิดจากความเก่าแก่ของตัวตึก และบรรยากาศครึ้มซึมเซาหลังฝนตกหนัก  เอกหรือเอกศักดิ์  ใจสุข นอนนิ่งอยู่บนเตียงชิดฝาห้องด้านหนึ่ง  สายตาจับจ้องอยู่ที่ฝ้าเพดาน มีใยแมงมุมขนาดย่อมอยู่ที่นั่นใกล้ๆหลอดไฟ  แมงมุมตัวหนึ่งกำลังชักใยอยู่อย่างขะมักเขม้น มันทิ้งตัวลงมาตามเส้นใย จะเหนื่อย จะพลาดหรือจะเป็นวิธีการปล่อยเส้นใยเอกไม่รู้ แต่ไม่นานนักมันก็จะไต่เส้นใยของมันขึ้นไปใหม่ แล้วเริ่มถักทอข่ายดักเหยื่อของมันอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า
            น้ำตารื้นขึ้นมาปริ่มๆจะล้นตาออกมาให้ได้อยู่ครู่หนึ่ง เอกรีบสะกดมันเข้าไว้ ตามองแมงมุมเขม็ง "เราต้องไม่ยอมแพ้" เอกบอกตนเองอย่างมุ่งมั่น "เหลือขาเดียว ก็ยังดีกว่าไม่เหลือเลย"
            เอกรู้ดีว่าขาข้างขวาของเขาขณะนี้เหลือเพียงแค่เหนือเข่าเล็กน้อยเท่านั้น "แขนเราก็ยังมี ถึงมันจะใส่เฝือก มันก็จะต้องหายดีสักวัน มือเราก็ใช้งานได้นี่นา"
            เอกก็เหมือนวัยรุ่นหนุ่มคะนองทั่วๆไป ที่ชอบอะไรในทางโลดโผน เขาอายุสิบเก้าปีเต็มแล้ว  กำลังเรียนวิชาเครื่องยนต์ระดับ ปวส.ปีแรกก็เกิดเรื่อง  แม้จะตั้งใจดีที่จะเล่าเรียนให้จบแล้วหางานดีๆทำ แต่เอกก็มีเพื่อนวัยคะนองทั้งนั้น  แก๊งมอเตอร์ไซค์ของเอกที่มีกันอยู่ห้าคน เพิ่งจะเริ่มกิจกรรมอันน่าตื่นเต้นไม่นาน  อุบัติเหตุสยดสยองก็เกิดขึ้น  เพื่อนสนิทผู้ขับขี่สิ้นชีวิตคาที่ ส่วนเอกผู้ซ้อนสลบเหมือด ไปฟื้นที่โรงพยาบาลจังหวัดในวันรุ่งขึ้น และเพียงสองวันให้หลังคณะแพทย์ก็ลงความเห็นว่าขาขวานั้นหากเก็บไว้จะเป็นอันตรายมากขึ้น จึงตัดออกเลยเข่าขึ้นมาร่วมห้านิ้ว  เมื่อรู้ตัวแน่ชัดว่าเหลือขาเพียงข้างเดียว เอกร้องไห้อย่างไม่อายใคร  เพื่อนอีกสามคนร่วมแก๊งถึงกับพลอยน้ำตาไหลไปด้วย  พวกเขาคงเข็ดไปอีกนานหรืออาจจะตลอดชีวิตก็ได้ กับการสูญเสียเพื่อนไปหนึ่งคนและพิการอีกหนึ่งคน
             หลายครั้งที่เอกหลับตาลงแล้ว ภาพโหดร้ายก็ปรากฏขึ้นซ้ำๆจนเอกสะดุ้งผวาจนแทบไม่อยากหลับตานอน  รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่แซงตะบึงสวนทางมานั้นคงมิได้เจตนาจะบดขยี้รถมอเตอร์ไซด์ดอก แม้ว่าจะมีมอเตอร์ไซค์สามคันซิ่งตามกันมาติดๆ  คงจะเป็นคราวเคราะห์ร้ายของเอกและเพื่อนเองที่มิได้ระมัดระวัง  เร่งรถสวนทางเฉียดใกล้รถบรรทุกจนถูกแรงลมดูดวูบเข้าไปหาปะทะตัวรถ เพื่อนที่เป็นผู้ขี่กระเด็นฟาดถนนกะโหลก ศีรษะยุบสิ้นชีวิตทันที ส่วนเอกขาขวาถูกล้อหลังรถบรรทุกบดเละจนต้องตัดมันทิ้ง  วันแรกๆแม้จะได้สติแล้ว เอกก็ยังผวาร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวด เสียใจ และเสียดายความสมบูรณ์ของร่างกายอย่างบอกไม่ถูก กลางคืนก็นอนน้ำตาไหล เมื่อมีใครมาเยี่ยมเอกไม่อยากพูด คุย หรือตอบคำถามใดๆ อยากให้ตนเองหลุดพ้นไปจากโลกนี้ "ทำไมเราถึงไม่ตายไปกับโชคเลยหนอ" เอกรำพึงด้วยความปวดร้าว คุณนำชัยพ่อของโชคชัยเพื่อนเอก มาเยี่ยมพร้อมทั้งออกปากที่จะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและรวมทั้งการใส่ขาเทียมหลังจากการรักษาบาดแผลหายดีแล้วด้วย  คุณนำชัยเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด ฐานะดีพอสมควร ท่านเองก็เสียใจไม่น้อย โชคชัยเป็นบุตรคนเล็ก ได้รับการตามใจอยู่เสมอ ทั้งๆที่รู้ว่าอาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นได้แต่คุณนำชัยก็ไม่ค่อยเข้มงวด  เพราะเชื่อว่าสักวันบุตรชายก็คงเข้าใจชีวิตดีขึ้น เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อาจจะคะนองไปตามประสาวัยรุ่นเท่านั้น
             " ลุงเสียใจนะเอก" คุณนำชัยมาเยี่ยมเอกในวันหนึ่ง หลังจากจัดงานศพบุตรชายเสร็จสิ้นแล้ว
             " โชคสบายไปแล้ว  แต่เอกยังอยู่ เอกอย่าท้อนะ  หายเมื่อไรลุงจะใส่ขาเทียมให้  มีอะไรขอให้บอกลุง ไม่ต้องเกรงใจ"
             คุณนำชัยจะให้เอกอยู่ห้องพิเศษ แต่พ่อและเอกยืนยันที่จะอยู่ห้องรวมของคนไข้ธรรมดา  ค่าใช้จ่ายคนไข้พิเศษคงจะเป็นเงินจำนวนมาก พ่อให้เหตุผลกับคุณนำชัยว่า
             " เราคงไม่มีคนมาเฝ้า เอกก็ต้องอยู่โรงพยาบาลนาน เบิกจ่ายไม่ได้จะทำให้คุณนำชัยสิ้นเปลืองเกินกว่าเหตุ  ขอบคุณมากครับ ไว้ผมมีปัญหาต้องขอความช่วยเหลือ  ผมจะรีบขอความกรุณาคุณนำชัยเลยครับ"
             " ผมอยู่ได้จริงๆครับ คุณลุง  ขอบพระคุณมากครับ" เอกรับรอง
             คุณนำชัยยังคงมาเยี่ยมโดยสม่ำเสมอ จนเอกมีความรู้สึกเหมือนมีที่พึ่ง ทำให้ชีวิตไม่ทุกข์ท้อจนเกินไปนัก
             มีคนไข้ชายรายใหม่ถูกจัดมาอยู่เตียงข้างๆเตียงของเอกซึ่งว่างมาหลายวันแล้ว  เพื่อนข้างเตียงรายใหม่เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ ท่าทางแกร่ง อายุประมาณยี่สิบปีเศษ ศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผล มีรอยเลือดและยาซึมออกมาจากบริเวณเหนือใบหูด้านซ้าย  เขานอนลืมตาตั้งแต่แรกที่ถูกเข็นเตียงเข้ามาแล้ว  เอกชำเลืองมองตอนแรกแล้วก็ถอนสายตากลับมาดูใยแมงมุมต่อ  ไม่ได้นึกสนใจที่จะสนทนาด้วยและไม่นึกอยากคาดเดาด้วยว่าเขาโดนอะไรมา
             เสียงถอนหายใจอึดอัดของชายหนุ่มเตียงข้างๆดังเป็นระยะๆ จนเอกชักเอะใจจึงหันไปดู แล้วก็ต้องตกใจ ชายหนุ่มผู้นั้นกำลังหลับตาแน่น กัดฟัน หายใจหอบจนตัวโยน สองมือจับขอบเตียงแน่น
             " พี่ พี่ เป็นอะไร เป็นอะไรไปครับ" เอกยันตัวลุกขึ้นนั่ง
             " พี่พยาบาลครับ พี่พยาบาล หมอครับ หมอ หมอคร้าบ...คนไข้เป็นอะไรไม่รู้คร้าบ" เอกตะโกนเรียกพยาบาล เรียกหมอที่อยู่ห่างออกไป มีพยาบาลวิ่งมาดูแล้วเรียกกันวุ่นวาย
             " ตามหมอ ตามหมอ" พยาบาลสาวคนหนึ่งส่งเสียง แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งขัดขึ้นว่า " ไม่ต้อง เอาช้อนมางัดปากเร็ว เอาผ้ามาด้วย เขาเป็นลมบ้าหมู"
             เอกนั่งมองความชุลมุนนั้นเงียบๆ พอทุกสิ่งสงบจึงค่อย ๆเอนกายลงนอน  หลับตาลง  กำลังจะเคลิ้มก็พอดีได้ยินเสียงกุกกัก ๆ ที่หัวเตียงจึงลืมตาขึ้น "แม่" เอกร้องเรียกด้วยความดีใจ
             แม่วางปิ่นโตเถาเล็กลงบนโต๊ะหัวเตียง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
             " เอก เป็นไงมั่งลูก"
             เอกยิ้มให้แม่ ยกมือไหว้ แล้วเลยจับมือแม่มากุมไว้
             " ดีขึ้นเยอะเลยฮะ  หมอนัดลองใส่ขาเทียมวันนี้ ให้ลองขนาดดูว่าจะเหมาะแล้วก็พอดีไหม คงจะเป็นตอนบ่ายๆหลังกายภาพบำบัดฮะ"
             " เท่าไรลูก ค่าขาน่ะ"
             " ยังไม่รู้เลยฮะ แม่  แต่คุณลุงนำชัยท่านติดต่อและรับรองว่าเป็นผู้จ่ายไว้แล้ว"
             " แล้วหมอบอกหรือเปล่าว่า จะออกจากโรงหมอได้เมื่อไร"
             " คงจะอีกสักไม่เกินสองอาทิตย์ฮะแม่ ฝึกใส่ขา  ลองเดิน แล้วก็เช็คแผล เช็คกระดูก แล้วก็คงออกได้ ที่จริงถ้าจะออกช่วงนี้ก็คงได้แต่ต้องใช้ไม้ค้ำ แผลสนิทแล้วก็หายเจ็บแล้วค่อยมาใส่ขาก็ได้ แต่คุณลุงบอกให้อยู่ก่อนเพราะไปมาจะไม่สะดวก ส่วนแขนนี่อีกสองวันก็ตัดเฝือกได้แล้ว ก็จะได้ฝึกทำกายภาพบำบัดแขนไปด้วยฮะ"
             แม่พยักหน้ารับรู้  ชักมือออกจากมือบุตรชาย เริ่มจัดเตรียมถอดเถาปิ่นโต
             " แม่ทำอะไรมาเหรอ" เอกถามถึงอาหาร
             " น้ำพริกปู  ออมเขาดักปูนามาได้เยอะ แม่เลยต้มตำมากับพริกปิ้ง   แม่ใส่มะดันสับนะไม่ได้ใช้มะนาวหรอก  ผักนี่ก็ยอดอ่อนๆเชียว แล้วนี่ก็ต้มส้มปลาหมอ  ออมเขาได้มาพร้อมปู เห็นว่าทิ้งตัวเล็กๆไปเสียหลายตัว พอเจอตัวใหญ่ก็เลยเอามา " แม่เล่าถึงออม
             เอกกินข้าวด้วยความเอร็ดอร่อย หลายวันแล้วที่พึ่งพาอาหารโรงพยาบาล แม้บางมื้อจะมีอาหารดี มีรสชาติพอใช้ได้ แต่ก็อุปาทานว่าเป็นของที่ทำมากและไม่ได้ทำเป็นพิเศษ จึงไม่รู้สึกว่าเป็นของอร่อยเหมือนที่มารดาทำมาให้
             " เอื้อยเป็นไงมั่ง แม่  สอบได้ไหม"
             " ไม่ได้" แม่ตอบเบาๆ " แต่เอื้อยเขาอยากเรียน เขาขอพ่อเรียนโรงเรียนราษฎร์"
             " แล้วพ่อว่าไง" แม่มองหน้าเอกครู่หนึ่งจึงตอบ
             " พ่อเขาก็ให้เรียนน่ะนะ  แต่คงจะลำบากอยู่เหมือนกันเรื่องค่าใช้จ่าย"
             " แม่ ค่าโรงพยาบาลนี่ ค่าขา แล้วก็ส่วนที่จะต้องจ่ายที่นี่ คุณลุงนำชัยเขาจะจ่ายให้หมดนะฮะ"
             " แม่รู้ พ่อก็รู้ แต่เราก็เกรงใจเขา  ลูกเขาตายทั้งคน ยังจะต้องมาจับจ่ายใช้สอยให้เราอีก"
             เอกนิ่งอึ้ง  เขานึกถึงความคะนองของตนเองและเพื่อนๆ แล้วก็ได้แต่นึกเสียใจ  ถึงแม้โชคชัยจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นชักชวน แต่เอกก็มักจะสนองตอบด้วยความเต็มใจ พึงพอใจ แทนที่จะห้ามปราม   แล้วคุณนำชัยยังจะต้องมารับผิดชอบต่อการรักษาความเจ็บป่วยของเขาอีก  จริง ๆแล้วเอกก็นึกละอาย แต่เขาก็ปลอบมารดาว่า
             " ไม่เป็นไรหรอกแม่  เอกจะหาทางทำงานใช้คืนทีหลัง แม่อย่าห่วงเลย คุณลุงนำชัยฐานะดี ท่านไม่ลำบากหรอก และท่านก็เต็มใจด้วย"
             แม่พยักหน้า  จากนั้นสองแม่ลูกก็คุยกันถึงเรื่องต่าง ๆที่เกิดขึ้นทางบ้าน  แม่เตรียมตัวกลับเมื่อเวลาประมาณบ่ายสองโมง
             " จะไปแวะตลาดเสียหน่อย" แม่บอกเมื่อลุกขึ้นหยิบปิ่นโต
             " พรุ่งนี้พ่อกับออมจะมา" แม่บอกก่อนเดินจากไป
             เอกสวัสดีมารดาแล้วล้มตัวลงนอน  แหงนหน้ามองเพดาน  แมงมุมและใยตาข่ายของมันยังอยู่ที่นั่น ตัวแมงมุมก็ยังคงถักทอใยต่ออย่างขะมักเขม้น
                              
                                                       ***********************************
            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×