ตะลุยเดนมาร์ก ประวัติศาสตร์เมืองนมวัว - ตะลุยเดนมาร์ก ประวัติศาสตร์เมืองนมวัว นิยาย ตะลุยเดนมาร์ก ประวัติศาสตร์เมืองนมวัว : Dek-D.com - Writer

    ตะลุยเดนมาร์ก ประวัติศาสตร์เมืองนมวัว

    เดนมาร์ก

    ผู้เข้าชมรวม

    1,244

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.24K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ค. 53 / 13:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เดนมาร์ก

      ประวัติศาสตร์       
             เดนมาร์กมีกษัตริย์ปกครองประเทศ จากยุคของชนชาติไวกิ้งจนถึงทุกวันนี้  ในรัชสมัยของพระราชินีนาถมาร์เกณดเต้ที่ 2 เดนมาร์กนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีระบอบการปรกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
             ประวัติศาสตร์ของเดนมาร์กเริ่มตั้งแต่ที่ชนชาติเดนส์(Denes) อพยพโยกย้ายถิ่นฐานมาจากสวีเดน ในปลายศตวรรษที่ 9 หัวหน้านักรบไวกิ้งชื่อว่า Hadregon รบจนได้ชัยชนะเหนือคาบสมุทรจัตแลนด์ จากนั้นราชวงศ์ของเดนมาร์กได้เริ่มต้นขึ้นในต้นศตวรรษที่ 10 โดย บุตรชายของ Hadregon ขึ้นครองราชย์มีนามว่า กอร์ม เดน กามเมิลด์
             ในยุคต่อมา คือยุคของบุตรชายของ  กอร์ม เดน กามเมิลด์ ซึ่งมีชือว่า ฮาราลด์ โบละ เทนท์ รบได้ชัยชนะขยายเขตแดนจนครอบคลุมพื้นที่เดนมาร์กในปัจจุบัน และพื้นที่ส่วนใหญ่ของประทศในแถบทะเลบอติก ตลอดจนอังกฤษ และในยุคนี้เองที่เดนมาร์กเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริศต์  ฯลฯ
             ปัจจุบัน เดนมาร์กอยู่ภายใต้การปกครองแบบสังคมนิยมประชาธิปไตยมีระบอบกษัตริย์เป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นผุ้บริหารประเทศผ่านรัฐสภาที่มาจาการเลื่อกตั้ง เดนมาร์กนับได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีระบบประกันสังคมที่ดีเยี่ยมให้กับประชากร ซึ่งเสียภาในอัตรสูง แต่ได้รับผลตอบแทนกลับมาอย่างเต็มที่ตั้งแค่เกินจนตาย หรือที่เรียกว่า Cradle-to-grave securities 

      ภูมิศาสตร์
            
      ราชอาณาจักเดนมาร์ก ตั้งอยู่ในเขตยุโรปเหนือระหว่างทะเลเหนือและทะเลบอลติก ทางด้านเหนือเป็นคาบสมุราสแกนดิเนเวีย ทางด้านใต้มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมันนี พื้นที่ส่วนใหญ่ของเดนมาร์กตั้งอยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์(Jutland)พื้นที่ส่วนใหญ่ของเดนมาร์กเป็นพื้นที่ราบ ส่วนที่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล มีความสูงเพียงราว 170 เมตรเท่านั้น

      ภูมิอากาศ
             
      ธันวาคม-กุมภาพันธ์     ฤดูหนาว     -5 ถึง 5   องศาเซลเซียล
             มีนาคม-มิถุนายน       ฤดูใบไม้ผลิ   10 ถึง 15  องศาเซลเซียล
             กรกฎาคม-สิงหาคม     ฤดูร้อน      20 ถึง 25  องศาเซลเซียล
             กันยายน-พฤศจิกายน    ฤดูใบไม้ร่วง  10 ถึง 15  องศาเซลเซียล
      ฤดูหนาว  บางส่วนของประเทศจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้ภูมิประเทศซึ่งเป็นที่ราบและมีเนินเขาต่ำดูสวยงามยิ่ง และเพราะมีช่วงฤดูหนาวที่ยาวนาน ทำให้เดนมาร์กมีวัฒนธรรมประเพณีมากมานหลายอย่างเกี่ยวกับฤดูหนา และแน่นอนว่าเป็นที่ตื่นตาตื่ใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
      ฤดูใบไม้ผลิ   เป็นช่วงที่ธรรมชาติของเดนมาร์กงดงามที่สุดอีช่วงหนึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความเขียวชอุ่มและดอกไม้ใบหญ้าที่เพิ่มกลับมาแทนที่ ช่วงเวลานี้ที่อากาศสดชื่นเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวเดินทางไกล
      ฤดูร้อน    เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมที่สุด พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้าต่างๆ เปิดบริการล่วงเวลา และการแสดงกลางแจ้งจะถูกจัดแสดงในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ช่วงเวลากลางวันจะยาวมาก พระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ก่อนตีห้าและไม่ตกจนกว่าจะล่วงเลยเวลา 3 ทุ่มไปแล้ว
      ฤดูใบไม้ร่วง   อากาศจะค่อยๆ เย็นลง แต่ไม่เย็นมากนัก ใบไม้จะเริ่มผลัดใบและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองก่อนจะร่วงหล่น ทำให้เกิดภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยแปลกตายิ่ง

      ศาสนา
             ประมาณ 90 เปอร์เซนต์ของประชากรนับถือคริสต์นิกายลูเธอรันองค์กรศาสนาอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล ในรูปของการสนับสนุนทางศาสนาภายใต้นามโบสถ์ของชาติเดนมาร์ก

      ภาษา
             ภาษาหลักที่ใช้ในประเทศเดนร์ก เราเรียกว่า ภาษาแตนิช แต่คนแดนิชส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี รวมทั้งใช้ภาษาเยอรมันในแถบชายแดนที่ติดกับเยอรมนีด้วย

      เงินตราและธนาคาร

             เงินแดนิชมีหน่วยเป็นโครน หรือ DKK 1 โครนมี 100 เอือร์  ธนบัตรแดนิชมี 10 โครน สีเขียว,100โครน สีขาวม่วง และ 50 โครนสีน้ำเงิน
             เหรียญแดนิน มี 10 โครน สีทอง, 5 โครน เหรียญเงินใหญ่ 2 โครน และ 1 โครน และเหรียญเงิน 50 และ 20 เอือร์
      ธนาคารในเดนมาร์กเปิดทำการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 - 1600 น. วันพฤหัส 09.30-18.00 

      เวลา 
         
             เวลาเดนมาร์กช้ากว่าประเทศไทย 5 ถึง 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับฤดูกาลก่อนเข้าหน้าร้อน ประมาณอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม จะมีการเปลี่ยน เวลาให้เร็วขึ้นหนึ่งชั่วมง  ทำให้เวลาเดนมาร์กช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง และหน้าหนาว ประมาณอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม จะมีการเปลี่ยนเวลาให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง ทำให้เวลาเดนมาร์กช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง

      ไฟฟ้า 
          
         220  โวลต์ และ 50 เฮิร์ตซ์  และปลั๊กชนิดขากลมเล็ก 2 ขา ซึ่ง เรียกว่า ยูโรปลั๊ก

      น้ำประปา
           สะอาดได้มาตรฐาน ดื่มได้อย่างปลอดภัย แต่นำที่พบตามแหล่งธรรมชาตินั้นไม่แนะนำให้ดื่อม ควรนำไปต้มเสียก่อนจึงนำมาบริโภค

      ควรไม่ควรในเดนมาร์ก
      1.  คนแดนิชเป็นคนตนงต่อเวลาอย่าไปช้ากว่าเวลานัดหมายเป็นอันขาด
      2.  คนแดนิชชอบพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม แต่จะไม่วิพากษ์เรื่องที่เป็นส่วนตัวหากไม่สนิทสนมกันมานาน
      3.  คนแดนิชจะภูมิใจมากหากได้รับคำชื่ชนจากแขกผู้มาเยือน ว่าแต่งบ้านได้สวยงามน่าอยู่มาก
      4.  หากได้รับเชิญไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านชาวแดนิช หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้วไม่ควรรีบกลับเพราะเป็นการไม่สุภาพยิ่ง
      5.  หากเดินทางไปด้วยเรื่องธุรกิจ ควรเตรียมสูทดำ หรือชุดค๊อกเทลไปด้วยสำหรับงานเลี้ยงในตอนกลางคืน
      6.  แขกรับเชิญจะไม่ดื่มจนกว่าเจ้าภาพจะลุกขึ้นพูดและชวนดื่มอวยพรให้กับผู้ร่วมงาน

      สถานที่น่าสนใจ
           Central Station หรือหัวลำโพง  นับเป็นศูนย์กลางของโคเปเฮเกน รถไฟทุกสายที่เดินทางไปทั่วเดนมาร์กและยุโรปขึ้นต้นที่นี่
           ด้านตะวันตกของหัวลำโพงจะเป็นย่านโรงแรมมีชื่อ ส่วนด้านตะวันออกจะถูกขนาบด้วย สวนสนุกทิโวลี ซึ่งเป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งสร้างมาแต่ต้นศตวรรษที่ 19 มีรูปปั้นของเขาแย่ตรงประตูทางเข้าด้านในสวนสนุกแห่งนี้นับเป็นจุดท่องเที่ยวที่เชิดหน้าชูตาที่สุดแห่งหนึ่งของเดนมาร์ก จะเปิดให้ท่องเที่ยวเฉพาะช่วงหน้าร้อนและวันเสาร์เปิดถึงตีสองของวันรุ่งขึ้น การเดินเล่นในส่วนสนุกทิโวลี ในช่วงฤดูร้อนถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมประเพณีทีคนเดนมาร์กทุกคนถือเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ทิโวลีจะเปิดอีกครั้งช่วง 1 อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส เพื่อเปิดเป็น Christmas Market ให้คนได้มาจับจ่ายซื้อของขวัญ

           ที่มุมด้านเหนือของสวนสนุกแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ Townhall Sguare จตุรัสกลางเมือง ภาษาเดนมาร์กเรียกว่ารอฮุดซ์แพลดเซ่น
      ที่จุดนี้นอกจากเป็นที่ตั้งศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกนแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางของเส้นทางเดินรถทั่วโคเปนเฮเกนอีกด้วย และรูปปั้นของฮันส์คริสเตียน แอนเดอร์สัน กวีเอกของเดนมาร์กก็ตั้งอยู่บนจตุรัสแห่งนี้ ทางด้านซ้ายของศาลาว่าการเมือง 

           จากจตุรัสกลางเมืองนี้เอง  เป็นจุดเริ่มต้นของถนนช้อปปิ้งสายสำคัญของโคเปนเฮเกน และนับเป็นถนนช้อปปิ้งสายที่ยาวที่สุดของโลกอีกด้วย ถนนสายนี้เรียกว่า  สตร้อยท์ ตามภาษาแดนิช ซึ่งเชื่อมต่อกับจตุรัสคองนูโทรว์ ซึ่งมีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าคริสเตียนที่ 5 อยู่จตรงกลาง และไปจบที่นูฮาวน์ ซึ่งเป็นครองที่เชื่อมต่อกับท่าเรือเก่าแก่อายุ 300 ปีที่สวยงามยิ่งของโคเปนเฮเกน 

          Nyhavn  ไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นแหล่งค้าขายเท่านั้น ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน  ยังเคยอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 20 67 และ 18 ตามลำดับ แต่ปัจจุบันนูฮาวน์ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเพราะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกที่สวยงาม และทันสมัยประกอบกับมีเรือใบ และเรือสินค้าโบราณที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมอย่างดีถูกนำมาจอดทอดสมออยู่ริมสองข้างฝั่งแม่น้ำ ยิ่งทำให้ย่านนูฮาวน์เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องไปเยี่ยมชมกันให้ได้  เลยจากท่าเรือนี้ไปเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของเดนมาร์กตั้งอยู่ริมฝั่งริมทะเล นั่นคือ เงือกน้อย (The Little Mermaid) เป็นรูปปั้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังและถูกถ่ายรูปมากที่สุดของเดนมาร์กก็ว่าได้ เป็นรูปปั้นจำลองเรื่องรีวเทพนิยายของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน เรื่องเงือกน้อย

          สำหรับปราสาทราชวังที่มีชื่อหลายแห่งของโคเปนเฮเกนที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวมีดังนี้

          พระราชวังอะมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace)เป็นที่ประทับของราชวงค์เดนมาร์กนับตั้งแต่ค.ศ. 1794 เป็นตกแบบร็อคโคโค และจะมีการเปลี่ยนทหารยามหน้าวังทุกวันตอนเที่ยงเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเสด็จประทับอยู่ที่นี่ ตรงกลางมีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 4 ปีกด้านหนึ่งของพระราชวังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมห้องหับต่าง ๆ ที่เคยเป็นพำนักของราชวงศ์ในช่วงปี ค.ศ. 1863-1947 เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 11.00-16.00 น.

           Rosenborg Castle เป็นปราสาทสมัยศตวรรษที่ 17 แบบดัตช์เรอเนสซองส์ สร้างในสมัยพระเจ้าคริสเตียนที่ 4 นอกจากความงามของตัวตึกภายนอกและภายในแล้ว ยั
      งเป็นที่เก็บเครื่องเพชร มหามงกุฎ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของราชวงศ์เดนมาร์กอีกด้วย 

               Christiansborg Palace คือที่ตั้งของรัฐสภาเดนมาร์ก เปิดให้เข้าชม ห้อง Royal Reception Chambers 
       ขอปิดท้ายด้วยปราสาทเล็กน่ารักตั้งอยู่บนเนินสูงของสวนสาธารณะในเขตเก่าแก่ของโคเปนเฮเกน ที่ขณะนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายร้อยของเดนมาร์ก นั่นคือ Frederiksberg Castle

                Kongens  Have ตั้งอยู่ด้านหลังของปราสาทโรเซนบอร์ก เป็นจุดปิกนิกที่เป็นที่นิยม และมีกรละเล่นหุ่นกลางแจ้งให้ชมในหน้าร้อนอีกด้วย

               Botanical  Gardens ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทโรเซนยอร์กเช่นกันจุดเด่นของสวนนี้คือ  กรีนเฮ้าส์กระจกขนาดใหญ่ บรรจุพันธ์ไม้นานาชนิดจากทั่วโลก  รวมทั้งไม้เมืองร้อนจากประเทศไทยด้วย

              ส่วนพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจใจโคเปนเฮเกนนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนที่สำคัญๆ เช่น

               National Museum (Nationnalmuseet) พิพิธภัณฑ์แห่งชาติได้รับยกย่องให้เป็นพิพิธภัณฑ์ยอดเยี่ยมของยุโรปประจำปี ค.ศ. 1994 มีเรื่องรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเดนมาร์กตั้งแต่ยุคหินจนปัจจุบัน   สำหรับผู้หลงใหลในศิลปะ ขอแนะนำให้เยี่ยมชม Statens Museum for Kunst นับได้ว่าเป็นหอศิลปะแห่งชาติของเดนมาร์ก  และสำหรับผู้ที่ชอบความแปลกใหม่ ยังคอลเล็กชันแปลก ๆ เช่นพิพิธภัณฑ์เก็บเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า และเสื้อเกราะโบราณที่ Tojhusmuseet หรือเที่ยวชมรถเทียมม้าโบราณได้ที่  Museum of Royal Coaches

                Ny Carlsberg Glyptotek เป็นพิพิธภัณฑ์ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน สมควรจะกล่าวถึงเป็นอย่างยิ่งอีกแห่งหนึ่ง อยู่บนถนนฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สันบูโลวาร์ด เต็มเปี่ยมไปด้วยชิ้นงานศิลปะภาพปั้นของกรีก อียิปต์ โรมัน รวมทั้ง ศิลปะไม่ควรพลาด 

                Louis Tussaud's Wax Museum หรือพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาตามทุสโซด์ เป็นส่วนหนึ่งของสวนสนุกทิโวลี ที่สนุกสนาน และน่าสนใจไม่แพ้ของจริงที่ลอนดอน ช่วงฤดูร้อน (เมษายน-กันยายน)

              หอคอยกลม พระเจ้าคริสเตียนที่ 4 โปรด ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหอดูดาวและห้องสมุด ภายในมีทางเดินทาเวียนขึ้นไป ซึ่งพระเจ้าปีเตอร์มหาราชของรัสเซียเคยทรงม้าขึ้นไปยังชั้นบนสูงสุด้วยทางเวียนนี้ด้วย เป็นจุดชมวิวเมืองโคเปนเฮเกนที่น่าสนใจอีกแห่งหนี่ง
             
                สวนสัตว์โคเปนเฮเกน  เป็นสวนสัตว์ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของยุโรป อยู่ติดกับปราสาทเฟรดเดอร์ริกส์เบิร์ก ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของยุโรป อยู่ติกกับปราสามเฟรดเดอริกส์เบิร์ก ที่น่าสนใจสำหรับคนไทยก็คือ มีช้างไทย 2 เชือกซึ่งเคยเป็นเครื่องราชบรรณาการจากเมืองไทยแด่กษัตริย์เดนมาร์ก
                
                และเนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อว่าเป็นเมืองแห่งหอคอยยอดโดมดังนั้นหากชอบชมวิวจากมุมสูง การขึ้นไปชมวิวบนยอดโดมเป็นเรื่องที่ไม่น่าพลาด ยอดโดมที่มีชื่อที่สุดคือ ยอดที่มีบันไดเวียน 150 ขั้นพันอยู่ด้านนอกของ  Vor Frelsens Kirke (Church of Our Saviour) ที่เคยถูกอ้างถึงในนิยายวิทยาศาสตร์ของจูลส์ เวิร์นส์ ในวันอากาศดี นอกจากจะเห็นวิวได้รอบเมืองโคเปนเฮเกนแล้ว ยังมองไปได้ไกลถึงชายฝั่งสวีเดนทีเดียว
       
       

       

       

       

       

       

       ที่มา : คู่มือนักเดินทาง เดนมาร์ก,เที่ยวรอบโลก

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×