ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☾รามเกียรติ์☽ ❖ ป ร ะ ก า ย พ รึ ก ❖ || oc

    ลำดับตอนที่ #3 : ✴ ประกายพรึก || ๐๒ : ตลาดมืด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.83K
      172
      4 ม.ค. 64

    ป ร ะ ก า ย พ รึ ก

    ๐๒

     

     




           โกศสีทองตั้งอยู่บนแท่นสูงเบื้องหน้า ส่องประกายล้อแสงไฟจากโคมอัจกลับด้านบนเพดาน

     

           นางทรุดลงบนเข่า คลานปราดข้ามพื้นโถงไปที่ฐานแท่นนั้น ร่างสีเขียวและแดงของพี่ชายทั้งสองตามมาไม่ห่างนัก

     

           มือสีดอกเลาเอื้อมแตะลงแผ่วเบาบนโกศ ดวงตาสีดำถ่านหม่นลง

     

           “เจ้าพ่อ ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ”

     

           เนมิธาคือลูกคนเล็กและธิดาองค์เดียวของพญาขร

     

           เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว หลังจากการประพาสป่าล่าสัตว์ กองทัพเสนายักษ์แห่งโรมคัลก็กลับมา

     

           ถ้ากลับมาแบบปกติก็คงไม่น่าตื่นตระหนกมากเท่าไหร่

     

           แต่การกลับมาครั้งนี้ ท่านเจ้าคนก่อนได้พาอะไรบางอย่างมาด้วย

     

           อะไรบางอย่างนั้นถูกห่ออยู่ในผ้า ถูกอุ้มแนบอกพญายักษ์

     

           เด็กทารกอายุไม่กี่เดือนสร้างคลื่นความประหลาดใจไปทั่วทั้งนคร

     

           ท่านเจ้าขรมีสนมค่อนข้างเยอะ...สิ่งนี้เป็นที่รู้กัน

           แต่บุตรที่มีนั้นล้วนเกิดจากแม่เมืองรัชฎาสูรทั้งสิ้น

     

           เป็นความโล่งใจที่เด็กคนนั้นเป็นหญิง

     

           คำถามโลกแตกที่เกิดขึ้นก็คือเด็กคนนี้มาจากไหน และแม่ของนางคือใคร

     

           เป็นคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ แม้ว่าฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้นับสิบๆฉบับจะถูกส่งเข้ามาในวัง

     

           สิ่งเดียวที่พญาขรอธิบายก็คือการยืนยันว่าบิดาของเด็กคือองค์เอง

     

           และความคลางแคลงใจทั้งหลายก็ค่อยๆหายไปทันทีที่นางโตขึ้นจนสามารถเห็นความคล้ายกันบนใบหน้าของนางและท่านเจ้าผู้ล่วงลับได้ชัดเจน

     

           ถามว่าคล้ายกันขนาดไหนน่ะเหรอ?

           ก็คล้ายกันขนาดที่ว่าแค่เปลี่ยนสีผิวกับรูปร่างอีกหน่อย ใครๆก็คงเรียกนางว่าเป็นท่านเจ้าขรตอนยังเด็กอย่างแน่แท้

     

           เนมิธาถูกเลี้ยงโดยรัชฎาสูรที่แม้จะแคลงใจในชาติกำเนิดของนาง แต่ก็รู้ว่าเด็กตัวเล็กๆนั้นไม่มีความผิดอะไร นางโตขึ้นมาพร้อมมังกรกัณฐ์และแสงอาทิตย์รวมถึงญาติๆอีกหลายคน(เช่น รณพักตร์...ที่ตอนนี้ชื่ออะไรนางก็คร้านจะจำ, เบญกาย ลูกสาวท่านลุงพิเภก และตรีเมฆ บุตรท่านอาตรีเศียร เป็นต้น)

     

           เมื่อนางอายุไม่ถึงหกขวบดี เจ้าพ่อก็แต่งตั้งให้เป็นยุพราชอันดับสามแห่งโรมคัล รองจากมังกรกัณฐ์และแสงอาทิตย์

           หลังจากนั้นเพียงสามปี เนมิธาก็ต้องหอบผ้าหอบผ่อนระเห็จไปไกลถึงเขากาหลที่อยู่ก่อนถึงเขาพระสุเมรุเพียงเล็กน้อยเพื่อไปร่ำเรียนวิชากับฤๅษีวิยาศอย่างที่ยักษ์ชั้นสูงอายุน้อยมักทำกัน

     

           รู้ตัวอีกทีเมื่อเดือนก่อน ข่าวของเจ้าพ่อทำให้นางเก็บของห้อม้ากลับโรมคัลแทบจะในทันที

     

           อย่างไรก็ดี บทเรียนทั้งหมดนั้นนางฝึกจนสำเร็จแล้ว

           ที่อยู่ต่อก็เพราะเผื่อท่านอาจารย์จะสอนอะไรเพิ่มเติมเท่านั้นเอง

     

           แต่ระยะทางนั้นไกลเหลือเกิน กว่าจะมาถึง เมรุก็กำลังจะก่อสร้างแล้ว

     

           อสุรีสาวเหม่อมองโกศนั้น ปล่อยให้ความเงียบสงบเข้าครอบคลุมทั่วโถง

     

           ได้ยินเสียงผ้าขยับสวบสาบ ก่อนที่ร่างสีชาดของแสงอาทิตย์จะเลื่อนมาอยู่ข้างกาย

     

           “เจ้าพ่อ เจ้าน้องเล็กยังปากเสียเหมือนเดิมเลยขอรับ” รอยยิ้มกวนส้นของพี่ชายคนรองที่ส่งมานั้นอ่อนโยนผิดปกติ

     

           “ไม่ต้องมาทำสายตาแบบนั้น ข้าขนลุก” นางลูบแขนตัวเอง

     

           “เจ้าพ่อ วันนี้เจ้าแม่ร้อยมาลัยอีกแล้ว” มังกรกัณฐ์ยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง มือใหญ่ทาบลงกับโกศข้างๆมือของนาง

           “พรุ่งนี้เช้าคงมีอุบะสวยๆแบบใหม่มาถวายเป็นแน่แท้”

     

           “เสียดายจริงๆที่เนมิธาไม่มีฝีมือด้านนี้” ยักษ์ผมมวยเดาะลิ้น

           “เจ้าพ่อขอรับ ชาตินี้ลูกสาวเจ้าพ่อคงไม่ได้ออกเรือนแล้ว”

     

           “อย่างน้อยข้าก็เคยผ่านการหมั้นหมาย” นางกระตุกมุมปาก

     

           “เจ้านั่นแหละ แสงอาทิตย์ แม้แต่ปลายก้อยแม่หญิงเจ้าคงยังไม่กล้าแตะเลยกระมัง?”

     

           คู่สนทนาแยกเขี้ยวกลับ

     

           ใบหน้างามหมดจดเลื่อนสายตาจากพี่ชายกลับมาที่โกศ

     

           “วันนี้ลูกกลับเข้าโรมคัล ขี่ม้าผ่านตลาดแล้วเห็นว่าร้านถ้วยฟูของยายยักษ์ยังคงเปิดเลยแวะซื้อสักหน่อย ไม่ได้เอามาเผื่อเจ้าพ่อกับเจ้าพี่...ไว้พรุ่งนีลูกจะไปอีกทีนะเจ้าคะ”

     

           “อะไรนะ” สีหน้าของแสงอาทิตย์เปลี่ยนไป

           “เจ้าไปร้านถ้วยฟูมา? ทำไมไม่ซื้อเผื่อข้าด้วย?”

     

           เนมิธาบิดคิ้วยักไหล่

           “ก็ใครมันจะไปรู้ว่าเจ้ายังชอบกินอยู่ล่ะ”

     

           “กวนตีนเก่งจริง ไอ้น้องเวร” ผู้เป็นพี่หลุดคำสบถออกมาในระดับเสียงที่เบา แต่ก็มากพอจะให้นางได้ยิน

     

           “นั่นปากยักษ์หรือปากครุฑวะ?” นางแยกเขี้ยวขาว

           “อ้อ ลืมไป...ทั้งตัวเป็นครุฑกลายพันธุ์ แต่ปากเป็นหมา”

     

           “ไอ้-”

     

           มังกรกัณฐ์กระแอมเรียกความสนใจ ก่อนจะยกมือขึ้นดึงไหล่ของทั้งสองออกจากกัน

     

           “เจ้าพ่อ...” พูดจบก็พยักเพยิดไปที่โกศ

     

           เนมิธาข่มความอยากเอาเลือดหัวพี่ชายออกแล้วสูดหายใจลึก

     

           “เจ้าพ่อ ลูกมารบกวนนานเกินไปเสียแล้ว...ลูกขอตัวไปเที่ยวเล่นก่อนนะเจ้าคะ ไว้โพล้เพล้จะกลับมาเฝ้าใหม่”

     

           ไม่วายส่งสายตาทิ่มแทงให้กับอสุรากายสีชาด นางคลานเข่าออกไปจากโถง

     

           “จะไปแถวไหน?” พี่คนโตถามไล่หลัง

           “เดี๋ยวจะให้ทหารตามไปอารักขาสักสองสามคน”

     

           ดวงตาสีเข้มนิ่งไป ก่อนจะตวัดกลับมา

     

           “ตลาดมืด...มั้งนะ”

     

           “ว่าไงนะ?”

     

           สีหน้าตกใจจนหน้าหลุดของพี่ทั้งสองทำให้นางยกยิ้ม

     

           “ถ้าทหารพวกนั้นมีฝีมือจริงก็คงจะตามหาข้าได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรหรอก อย่าห่วงเลยน่าเจ้าพี่”

     

           “เจ้าคงไม่ได้คิดจะไปที่นั่นจริงๆใช่ไหม?”

     

           เนมิธาบิดปาก ไม่ต่อประโยคแล้วหายลับไปจากสายตาของยักษาในโถงอย่างรวดเร็ว

     

           มังกรกัณฐ์สบถ ตะโกนเรียกทหารยามหน้าประตู

           “ไปตามอนลมา!

     

           ดวงตาเรียวราวจระเข้ของยุพราชอันดับหนึ่งหรี่ลง

     

           ตลาดมืดอันตรายจะตายไป ขนาดพวกเขายังไม่เคยไปที่นั่นโดยที่ไม่มีทหารอย่างน้อยสี่คนตามไปด้วย

     

           ทั้งตั้งอยู่ในตรอกยาวๆท้ายเมืองติดกับคูน้ำที่เป็นจุดบอดสำหรับหูตาของกษัตริย์ ทั้งมีพวกลักลอบเข้าเมืองอยู่เต็มไปหมด มีแต่คาถาอาคมกับกับดักซับซ้อนซ่อนเงื่อนราวกับรังหนูจนไม่ว่าจะไล่เท่าไหร่ก็ยังไม่ยอมไปไหน

     

           ทั้งที่พวกเขาเป็นชนชั้นปกครองและมีอำนาจล้นเหลือ เมื่อไปอยู่ที่นั่นแล้วก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาดเลย

     

           รากหยั่งลึกเกินไป...แถมยังได้อาหารชั้นดีเป็นกิจการสีเทาๆทึมๆของพวกขุนนางอีก

     

           แค่คิดก็รู้สึกเจ็บใจที่ยังเด็กเกินไปจนไม่สามารถใช้อำนาจได้เต็มที่

     

           เจ้าเมืองกับยุพราชยังไม่ปลอดภัยถึงเพียงนี้...

     

           แล้วน้องสาวที่มีสายเลือดของพ่อเมืองกับหญิงที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังไม่ได้อยู่ในโรมคัลนานพอที่จะสร้างฐานอำนาจของตนเองขึ้นมาด้วยล่ะ?

     

           ไวเท่าความคิด แสงอาทิตย์คว้าไหล่ของพี่ชายซึ่งกำลังจะออกไปคุยกับอนลเอาไว้

     

           อีกคนหันมา เลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้านิ่งเรียบและดวงตามีแววเคร่งเครียดผิดปกติ

     

           “...เอาสิสิระไปด้วย”

     

           “ยักษ์ที่ชอบใส่เสื้อผ้าแปลกๆนั่นน่ะนะ?”

     

           ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากัน

           “ถึงจะดูพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่เจ้านั่นเป็นถึงคนของเมืองปางตาล”

     

           “ท้าวสหัสเดชะ?”

     

           “ใช่” คิ้วบางกดลงเล็กน้อย

           “ถึงจะไม่ได้ตำแหน่งใหญ่โต แต่ก็เป็นแขกบ้านแขกเมือง...อำนาจของท่านท้าวอาจกดดันพวกนั้นไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามได้”

     

           “ได้” ร่างสูงใหญ่เดินไปผลักประตูไม้

     

           เขานั่งมองจนลับสายตา

     

           เนมิธา...

           เจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆเชียวนะ

     

     





     

     

     




     

           ยักษีเจ้าของชื่อที่แสงอาทิตย์กังวลอยู่นั้นกำลังเคลื่อนผ่านคลื่นผู้อยู่อาศัยของตรอกหลังเมืองไปอย่างเงียบๆ

     

           ดวงตาสีดำถ่านกวาดไปมาช้าๆ ระแวดระวังภัยขณะที่เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นชัดเจนในหู

     

           ที่นี่ไม่ปลอดภัย

           ไม่เคยปลอดภัย

     

           เรื่องนั้นเนมิธารู้ดี

     

           อันตรายมากมายซ่อนอยู่ทุกย่างก้าว

     

           ขยับผิดแม้เพียงนิด นางมีโอกาสตายทันที

     

           กลิ่นคาวอาคมดำอวลไปหมดจนนางคลื่นเหียนแทบขย้อนออกมา

           อย่างที่คิด...มีพวกผู้ใช้มนตร์คุมอยู่สินะ?

     

           ร่างเพรียวเดินเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ พยายามให้การเคลื่อนไหวของตนเป็นธรรมชาติมากที่สุด

     

           มือเรียวเลือกหยิบของมาสองสามอย่างที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สิ่งของพวกนี้มีเหมือนกันก็คือ

           กระไอของศาสตร์มืด

     

           นางปั้นหน้าคล้ายคนมีความคิดชั่วที่สุดในหัวแล้วซื้อของพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

     

           ขาทั้งสองข้างพานางพ้นจากจุดขายของลงอาคม แล้วหยุดลงที่อีกจุด

     

           ใบหน้าหมดจดเงยขึ้นมองทิวทัศน์แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

     

           ขายสัตว์ผิดกฎหมายสินะ...

           น่าเกลียดจริงๆ

     

           อสุรีสาวขบฟันแน่น

     

           เท้าในรองเท้าหนังสายรัดชะงักไปเพียงเสี้ยวจังหวะก่อนจะเดินเข้าไปในร้านแรก

     

           นางไม่ได้อยู่ลำพัง

     

           ตามมาแล้วสินะ

     

           จากหางตา เงาสายหนึ่งแว้บผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไวจนหากไม่สังเกตดีๆก็คงจะไม่เห็นแน่นอน

     

           เนมิธากระตุกมุมปากเล็กน้อย

     

           เนื้อเข้าถ้ำเสือ เสือที่ไหนมันจะปล่อยให้เดินออกไปง่ายๆกันล่ะ?

     

           ในโรมคัล มีไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งนางขึ้นเป็นยุพราช

     

           นางเป็นหญิง ซ้ำยังเป็นลูกของพญาขรกับหญิงที่ไหนก็ไม่รู้

     

           ในวังหลังยังมีผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งมากกว่านาง...ในความคิดของพวกเขา

     

           การตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่นางจะสั่งสมฐานอำนาจและบารมีคือสิ่งที่พวกนั้นให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้

     

           นางลอบแยกเขี้ยว

     

           ไอ้พวกบ้าอำนาจน่ารังเกียจ

     

           พ่อนางอยู่ในโกศ ยังไม่ทันได้เผาก็คิดจะส่งนางไปอยู่ข้างเขาแล้วรึ?

     

           ปลายนิ้วแตะเข็มขัดก่อนจะนึกได้ว่ากริชคู่ใจอยู่ใต้ผ้านุ่ง

     

           นางขยับไหล่เบาๆ

           ไม่ชินกับสไบแล้วก็ผ้านุ่งยาวๆพวกนี้เลย

     

           ทำไงได้...

     

           ถ้าไม่ใส่มา ก็คงจะไม่รู้สิว่าเป็นนาง

           เล่นประโคมเครื่องประดับซะหนักขนาดนี้ เด็กสามขวบยังรู้เลยมั้งว่าเป็นพวกชั้นสูง

     

           พยายามเพิกเฉยต่อเสียงร้องระงมของสัตว์ที่อยู่ในกรง นางข่มตาลงทำสมาธิเพียงชั่วครู่

     

           ทันใดนั้น ชีพจรก็กระตุกเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

     

           อะไรบางอย่างที่ไม่สมควรอยู่ในที่แบบนี้

     

           อาคมขาว?

     

           ไม่สิ...

           เป็นพลังที่เป็นธรรมชาติกว่านั้น

     

           เหมือน...เป็นขุมพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

     

           บริสุทธิ์ และทรงพลัง

           แทบไม่มีการแต่งเติมเลย

     

           ดวงตาสีดำถ่านหรี่ลง

     

           อะไรกัน?

     

           ในโลกนี้...ยังมีปราณพลังที่ไร้การเติมแต่งขนาดนี้ด้วยหรือ?

     

           กว่าจะรู้ตัว ขาก็พาไปทางนั้นเรียบร้อย

     

           ให้ตายเถอะ...

     

           นี่ถ้าโดนลวงไปฆ่าจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?

     

           ถอนหายใจเบาๆให้กับความบ้าของตัวเองขณะที่เลี้ยวเข้าร้านตรงสุดตรอก

     

           ยังไงก็เถอะ

           มาก็มาแล้วนี่นา

     

           เจ้าของผิวกายสีดอกเลาชายตามองบรรดานกอรหันที่ถูกขังอยู่ในกรง ในใจข่มความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบหลุดออกมาทางสีหน้าไว้

     

           สัตว์ป่าหิมพานต์

     

           กล้าดีจริงๆ

     

           เนมิธากวาดตาไปเรื่อยๆจนหยุดลงที่กรงหนึ่ง

     

           อา...

     

           ร่างเพรียวก้าวไปอย่างเงียบเชียบ แล้วย่อตัวลง

     

           ดวงตาสีดำถ่านสบกับคู่สีทอง

     

           รอยยิ้มบางเบาที่ส่งไปไม่ถึงดวงตายกขึ้น

     

           “เจอแล้ว”






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×