คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ✴ ประกายพรึก || ๐๒ : ตลาดมืด
ป
ร ะ ก า ย พ รึ ก
๐๒
โกศสีทองตั้งอยู่บนแท่นสูงเบื้องหน้า
ส่องประกายล้อแสงไฟจากโคมอัจกลับด้านบนเพดาน
นางทรุดลงบนเข่า
คลานปราดข้ามพื้นโถงไปที่ฐานแท่นนั้น
ร่างสีเขียวและแดงของพี่ชายทั้งสองตามมาไม่ห่างนัก
มือสีดอกเลาเอื้อมแตะลงแผ่วเบาบนโกศ
ดวงตาสีดำถ่านหม่นลง
“เจ้าพ่อ
ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ”
เนมิธาคือลูกคนเล็กและธิดาองค์เดียวของพญาขร
เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว
หลังจากการประพาสป่าล่าสัตว์ กองทัพเสนายักษ์แห่งโรมคัลก็กลับมา
ถ้ากลับมาแบบปกติก็คงไม่น่าตื่นตระหนกมากเท่าไหร่
แต่การกลับมาครั้งนี้
ท่านเจ้าคนก่อนได้พาอะไรบางอย่างมาด้วย
อะไรบางอย่างนั้นถูกห่ออยู่ในผ้า
ถูกอุ้มแนบอกพญายักษ์
เด็กทารกอายุไม่กี่เดือนสร้างคลื่นความประหลาดใจไปทั่วทั้งนคร
ท่านเจ้าขรมีสนมค่อนข้างเยอะ...สิ่งนี้เป็นที่รู้กัน
แต่บุตรที่มีนั้นล้วนเกิดจากแม่เมืองรัชฎาสูรทั้งสิ้น
เป็นความโล่งใจที่เด็กคนนั้นเป็นหญิง
คำถามโลกแตกที่เกิดขึ้นก็คือเด็กคนนี้มาจากไหน
และแม่ของนางคือใคร
เป็นคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ
แม้ว่าฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้นับสิบๆฉบับจะถูกส่งเข้ามาในวัง
สิ่งเดียวที่พญาขรอธิบายก็คือการยืนยันว่าบิดาของเด็กคือองค์เอง
และความคลางแคลงใจทั้งหลายก็ค่อยๆหายไปทันทีที่นางโตขึ้นจนสามารถเห็นความคล้ายกันบนใบหน้าของนางและท่านเจ้าผู้ล่วงลับได้ชัดเจน
ถามว่าคล้ายกันขนาดไหนน่ะเหรอ?
ก็คล้ายกันขนาดที่ว่าแค่เปลี่ยนสีผิวกับรูปร่างอีกหน่อย
ใครๆก็คงเรียกนางว่าเป็นท่านเจ้าขรตอนยังเด็กอย่างแน่แท้
เนมิธาถูกเลี้ยงโดยรัชฎาสูรที่แม้จะแคลงใจในชาติกำเนิดของนาง
แต่ก็รู้ว่าเด็กตัวเล็กๆนั้นไม่มีความผิดอะไร
นางโตขึ้นมาพร้อมมังกรกัณฐ์และแสงอาทิตย์รวมถึงญาติๆอีกหลายคน(เช่น
รณพักตร์...ที่ตอนนี้ชื่ออะไรนางก็คร้านจะจำ, เบญกาย ลูกสาวท่านลุงพิเภก และตรีเมฆ
บุตรท่านอาตรีเศียร เป็นต้น)
เมื่อนางอายุไม่ถึงหกขวบดี
เจ้าพ่อก็แต่งตั้งให้เป็นยุพราชอันดับสามแห่งโรมคัล รองจากมังกรกัณฐ์และแสงอาทิตย์
หลังจากนั้นเพียงสามปี
เนมิธาก็ต้องหอบผ้าหอบผ่อนระเห็จไปไกลถึงเขากาหลที่อยู่ก่อนถึงเขาพระสุเมรุเพียงเล็กน้อยเพื่อไปร่ำเรียนวิชากับฤๅษีวิยาศอย่างที่ยักษ์ชั้นสูงอายุน้อยมักทำกัน
รู้ตัวอีกทีเมื่อเดือนก่อน
ข่าวของเจ้าพ่อทำให้นางเก็บของห้อม้ากลับโรมคัลแทบจะในทันที
อย่างไรก็ดี
บทเรียนทั้งหมดนั้นนางฝึกจนสำเร็จแล้ว
ที่อยู่ต่อก็เพราะเผื่อท่านอาจารย์จะสอนอะไรเพิ่มเติมเท่านั้นเอง
แต่ระยะทางนั้นไกลเหลือเกิน
กว่าจะมาถึง เมรุก็กำลังจะก่อสร้างแล้ว
อสุรีสาวเหม่อมองโกศนั้น
ปล่อยให้ความเงียบสงบเข้าครอบคลุมทั่วโถง
ได้ยินเสียงผ้าขยับสวบสาบ
ก่อนที่ร่างสีชาดของแสงอาทิตย์จะเลื่อนมาอยู่ข้างกาย
“เจ้าพ่อ
เจ้าน้องเล็กยังปากเสียเหมือนเดิมเลยขอรับ”
รอยยิ้มกวนส้นของพี่ชายคนรองที่ส่งมานั้นอ่อนโยนผิดปกติ
“ไม่ต้องมาทำสายตาแบบนั้น
ข้าขนลุก” นางลูบแขนตัวเอง
“เจ้าพ่อ
วันนี้เจ้าแม่ร้อยมาลัยอีกแล้ว” มังกรกัณฐ์ยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง
มือใหญ่ทาบลงกับโกศข้างๆมือของนาง
“พรุ่งนี้เช้าคงมีอุบะสวยๆแบบใหม่มาถวายเป็นแน่แท้”
“เสียดายจริงๆที่เนมิธาไม่มีฝีมือด้านนี้”
ยักษ์ผมมวยเดาะลิ้น
“เจ้าพ่อขอรับ
ชาตินี้ลูกสาวเจ้าพ่อคงไม่ได้ออกเรือนแล้ว”
“อย่างน้อยข้าก็เคยผ่านการหมั้นหมาย”
นางกระตุกมุมปาก
“เจ้านั่นแหละ
แสงอาทิตย์ แม้แต่ปลายก้อยแม่หญิงเจ้าคงยังไม่กล้าแตะเลยกระมัง?”
คู่สนทนาแยกเขี้ยวกลับ
ใบหน้างามหมดจดเลื่อนสายตาจากพี่ชายกลับมาที่โกศ
“วันนี้ลูกกลับเข้าโรมคัล
ขี่ม้าผ่านตลาดแล้วเห็นว่าร้านถ้วยฟูของยายยักษ์ยังคงเปิดเลยแวะซื้อสักหน่อย
ไม่ได้เอามาเผื่อเจ้าพ่อกับเจ้าพี่...ไว้พรุ่งนีลูกจะไปอีกทีนะเจ้าคะ”
“อะไรนะ”
สีหน้าของแสงอาทิตย์เปลี่ยนไป
“เจ้าไปร้านถ้วยฟูมา?
ทำไมไม่ซื้อเผื่อข้าด้วย?”
เนมิธาบิดคิ้วยักไหล่
“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าเจ้ายังชอบกินอยู่ล่ะ”
“กวนตีนเก่งจริง
ไอ้น้องเวร” ผู้เป็นพี่หลุดคำสบถออกมาในระดับเสียงที่เบา แต่ก็มากพอจะให้นางได้ยิน
“นั่นปากยักษ์หรือปากครุฑวะ?”
นางแยกเขี้ยวขาว
“อ้อ
ลืมไป...ทั้งตัวเป็นครุฑกลายพันธุ์ แต่ปากเป็นหมา”
“ไอ้-”
มังกรกัณฐ์กระแอมเรียกความสนใจ
ก่อนจะยกมือขึ้นดึงไหล่ของทั้งสองออกจากกัน
“เจ้าพ่อ...”
พูดจบก็พยักเพยิดไปที่โกศ
เนมิธาข่มความอยากเอาเลือดหัวพี่ชายออกแล้วสูดหายใจลึก
“เจ้าพ่อ
ลูกมารบกวนนานเกินไปเสียแล้ว...ลูกขอตัวไปเที่ยวเล่นก่อนนะเจ้าคะ ไว้โพล้เพล้จะกลับมาเฝ้าใหม่”
ไม่วายส่งสายตาทิ่มแทงให้กับอสุรากายสีชาด
นางคลานเข่าออกไปจากโถง
“จะไปแถวไหน?”
พี่คนโตถามไล่หลัง
“เดี๋ยวจะให้ทหารตามไปอารักขาสักสองสามคน”
ดวงตาสีเข้มนิ่งไป
ก่อนจะตวัดกลับมา
“ตลาดมืด...มั้งนะ”
“ว่าไงนะ?”
สีหน้าตกใจจนหน้าหลุดของพี่ทั้งสองทำให้นางยกยิ้ม
“ถ้าทหารพวกนั้นมีฝีมือจริงก็คงจะตามหาข้าได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรหรอก
อย่าห่วงเลยน่าเจ้าพี่”
“เจ้าคงไม่ได้คิดจะไปที่นั่นจริงๆใช่ไหม?”
เนมิธาบิดปาก
ไม่ต่อประโยคแล้วหายลับไปจากสายตาของยักษาในโถงอย่างรวดเร็ว
มังกรกัณฐ์สบถ
ตะโกนเรียกทหารยามหน้าประตู
“ไปตามอนลมา!”
ดวงตาเรียวราวจระเข้ของยุพราชอันดับหนึ่งหรี่ลง
ตลาดมืดอันตรายจะตายไป
ขนาดพวกเขายังไม่เคยไปที่นั่นโดยที่ไม่มีทหารอย่างน้อยสี่คนตามไปด้วย
ทั้งตั้งอยู่ในตรอกยาวๆท้ายเมืองติดกับคูน้ำที่เป็นจุดบอดสำหรับหูตาของกษัตริย์
ทั้งมีพวกลักลอบเข้าเมืองอยู่เต็มไปหมด
มีแต่คาถาอาคมกับกับดักซับซ้อนซ่อนเงื่อนราวกับรังหนูจนไม่ว่าจะไล่เท่าไหร่ก็ยังไม่ยอมไปไหน
ทั้งที่พวกเขาเป็นชนชั้นปกครองและมีอำนาจล้นเหลือ
เมื่อไปอยู่ที่นั่นแล้วก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาดเลย
รากหยั่งลึกเกินไป...แถมยังได้อาหารชั้นดีเป็นกิจการสีเทาๆทึมๆของพวกขุนนางอีก
แค่คิดก็รู้สึกเจ็บใจที่ยังเด็กเกินไปจนไม่สามารถใช้อำนาจได้เต็มที่
เจ้าเมืองกับยุพราชยังไม่ปลอดภัยถึงเพียงนี้...
แล้วน้องสาวที่มีสายเลือดของพ่อเมืองกับหญิงที่ไหนก็ไม่รู้
แถมยังไม่ได้อยู่ในโรมคัลนานพอที่จะสร้างฐานอำนาจของตนเองขึ้นมาด้วยล่ะ?
ไวเท่าความคิด
แสงอาทิตย์คว้าไหล่ของพี่ชายซึ่งกำลังจะออกไปคุยกับอนลเอาไว้
อีกคนหันมา
เลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้านิ่งเรียบและดวงตามีแววเคร่งเครียดผิดปกติ
“...เอาสิสิระไปด้วย”
“ยักษ์ที่ชอบใส่เสื้อผ้าแปลกๆนั่นน่ะนะ?”
ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากัน
“ถึงจะดูพึ่งพาไม่ค่อยได้
แต่เจ้านั่นเป็นถึงคนของเมืองปางตาล”
“ท้าวสหัสเดชะ?”
“ใช่”
คิ้วบางกดลงเล็กน้อย
“ถึงจะไม่ได้ตำแหน่งใหญ่โต
แต่ก็เป็นแขกบ้านแขกเมือง...อำนาจของท่านท้าวอาจกดดันพวกนั้นไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามได้”
“ได้”
ร่างสูงใหญ่เดินไปผลักประตูไม้
เขานั่งมองจนลับสายตา
เนมิธา...
เจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆเชียวนะ
ยักษีเจ้าของชื่อที่แสงอาทิตย์กังวลอยู่นั้นกำลังเคลื่อนผ่านคลื่นผู้อยู่อาศัยของตรอกหลังเมืองไปอย่างเงียบๆ
ดวงตาสีดำถ่านกวาดไปมาช้าๆ
ระแวดระวังภัยขณะที่เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นชัดเจนในหู
ที่นี่ไม่ปลอดภัย
ไม่เคยปลอดภัย
เรื่องนั้นเนมิธารู้ดี
อันตรายมากมายซ่อนอยู่ทุกย่างก้าว
ขยับผิดแม้เพียงนิด
นางมีโอกาสตายทันที
กลิ่นคาวอาคมดำอวลไปหมดจนนางคลื่นเหียนแทบขย้อนออกมา
อย่างที่คิด...มีพวกผู้ใช้มนตร์คุมอยู่สินะ?
ร่างเพรียวเดินเข้าร้านนู้น
ออกร้านนี้ พยายามให้การเคลื่อนไหวของตนเป็นธรรมชาติมากที่สุด
มือเรียวเลือกหยิบของมาสองสามอย่างที่แตกต่างกันออกไป
แต่สิ่งหนึ่งที่สิ่งของพวกนี้มีเหมือนกันก็คือ
กระไอของศาสตร์มืด
นางปั้นหน้าคล้ายคนมีความคิดชั่วที่สุดในหัวแล้วซื้อของพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
ขาทั้งสองข้างพานางพ้นจากจุดขายของลงอาคม
แล้วหยุดลงที่อีกจุด
ใบหน้าหมดจดเงยขึ้นมองทิวทัศน์แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
ขายสัตว์ผิดกฎหมายสินะ...
น่าเกลียดจริงๆ
อสุรีสาวขบฟันแน่น
เท้าในรองเท้าหนังสายรัดชะงักไปเพียงเสี้ยวจังหวะก่อนจะเดินเข้าไปในร้านแรก
นางไม่ได้อยู่ลำพัง
ตามมาแล้วสินะ
จากหางตา
เงาสายหนึ่งแว้บผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไวจนหากไม่สังเกตดีๆก็คงจะไม่เห็นแน่นอน
เนมิธากระตุกมุมปากเล็กน้อย
เนื้อเข้าถ้ำเสือ
เสือที่ไหนมันจะปล่อยให้เดินออกไปง่ายๆกันล่ะ?
ในโรมคัล
มีไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งนางขึ้นเป็นยุพราช
นางเป็นหญิง
ซ้ำยังเป็นลูกของพญาขรกับหญิงที่ไหนก็ไม่รู้
ในวังหลังยังมีผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งมากกว่านาง...ในความคิดของพวกเขา
การตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่นางจะสั่งสมฐานอำนาจและบารมีคือสิ่งที่พวกนั้นให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้
นางลอบแยกเขี้ยว
ไอ้พวกบ้าอำนาจน่ารังเกียจ
พ่อนางอยู่ในโกศ
ยังไม่ทันได้เผาก็คิดจะส่งนางไปอยู่ข้างเขาแล้วรึ?
ปลายนิ้วแตะเข็มขัดก่อนจะนึกได้ว่ากริชคู่ใจอยู่ใต้ผ้านุ่ง
นางขยับไหล่เบาๆ
ไม่ชินกับสไบแล้วก็ผ้านุ่งยาวๆพวกนี้เลย
ทำไงได้...
ถ้าไม่ใส่มา
ก็คงจะไม่รู้สิว่าเป็นนาง
เล่นประโคมเครื่องประดับซะหนักขนาดนี้
เด็กสามขวบยังรู้เลยมั้งว่าเป็นพวกชั้นสูง
พยายามเพิกเฉยต่อเสียงร้องระงมของสัตว์ที่อยู่ในกรง
นางข่มตาลงทำสมาธิเพียงชั่วครู่
ทันใดนั้น
ชีพจรก็กระตุกเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่ไม่สมควรอยู่ในที่แบบนี้
อาคมขาว?
ไม่สิ...
เป็นพลังที่เป็นธรรมชาติกว่านั้น
เหมือน...เป็นขุมพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
บริสุทธิ์
และทรงพลัง
แทบไม่มีการแต่งเติมเลย
ดวงตาสีดำถ่านหรี่ลง
อะไรกัน?
ในโลกนี้...ยังมีปราณพลังที่ไร้การเติมแต่งขนาดนี้ด้วยหรือ?
กว่าจะรู้ตัว
ขาก็พาไปทางนั้นเรียบร้อย
ให้ตายเถอะ...
นี่ถ้าโดนลวงไปฆ่าจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
ถอนหายใจเบาๆให้กับความบ้าของตัวเองขณะที่เลี้ยวเข้าร้านตรงสุดตรอก
ยังไงก็เถอะ
มาก็มาแล้วนี่นา
เจ้าของผิวกายสีดอกเลาชายตามองบรรดานกอรหันที่ถูกขังอยู่ในกรง
ในใจข่มความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบหลุดออกมาทางสีหน้าไว้
สัตว์ป่าหิมพานต์
กล้าดีจริงๆ
เนมิธากวาดตาไปเรื่อยๆจนหยุดลงที่กรงหนึ่ง
อา...
ร่างเพรียวก้าวไปอย่างเงียบเชียบ
แล้วย่อตัวลง
ดวงตาสีดำถ่านสบกับคู่สีทอง
รอยยิ้มบางเบาที่ส่งไปไม่ถึงดวงตายกขึ้น
“เจอแล้ว”
ความคิดเห็น