ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #55 : [Short Fic.] How You Love Me || killchalla → ᴘᴀʀᴛ 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 63


    Title : How You Love Me

    Author : Fengmii

    Pairing : Killchalla

    Genre : Short Fiction (2/??)

    Notes : เราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เขามั่นใจว่าพี่น้องกันไม่ทำแบบนี้แน่ๆ

     

     

     

     

     

     

     



     

           เอริคไม่เคยตาย

     

           แต่เขาค่อนข้างแน่ใจว่าสวรรค์จะไม่มีทางให้เขาตื่นขึ้นมาเจอกับเตียงใหญ่ๆในห้องแปลกๆนี่แน่

     

           มันต้องกลับไปอยู่กับพ่อที่โอ๊คแลนด์สิ

     

           และไอเดียที่ว่านี่มันไม่ใช่สวรรค์ก็ยิ่งชัดแจ้งขึ้นเมื่อเขามองไปที่ข้างเตียงแล้วพบกับหญิงสาวร่างสูงโปร่งในเกราะผ้าไวเบรเนี่ยมชั้นดีสีแดง

     

           เธอคนนั้นกะพริบตาเมื่อรู้สึกได้ถึงดวงตาอีกคู่ที่จับจ้องอยู่ ก่อนจะหันมาจ้องเขากลับ

     

           ...ซวยแล้วไง

     

           หอกยาวสีเงินในมือโดรา มิลาเจกระแทกลงกับพื้นสองครั้ง ทำให้ประตูห้องบานใหญ่ของเขาเปิดออก ทหารหญิงอีกสองคนตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

     

           “รายงานฝ่าบาท นักโทษของเราฟื้นแล้ว”

     

           ฝ่าบาท?

     

           ดวงตาสีนิลของคนในบทสนทนาแว้บขึ้นมาในหัว เอริคแยกเขี้ยวให้กับมันเงียบๆขณะที่ยันตัวขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

     

           เขาคำรามเบาๆ

     

           มึนหัวชะมัด

     

           มือใหญ่ยกขึ้นมาขยี้ตาตนเองและนวดขมับไปมา ทำได้แต่ก้มลงมองผ้าห่มสีแดงเลือดหมูหรูหราอย่างไร้เรี่ยวแรง

     

           เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง

     

           “อย่าเพิ่งลุก” แรงผลักเบาๆที่ไหล่เป็นเชิงให้นั่งอยู่ที่เดิมทำเอาเขาหงุดหงิด

     

           ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแว้บเดียว ก่อนจะถูกแหวอีกรอบ

     

           “เงยขึ้นมาทำไม อยากหน้ามืดเป็นลมสลบไปอีกรอบรึไง?”

     

           ยัยเด็กหัวหยอยนี่เอง

     

           “เรื่องของฉัน ยัยกุ้งแห้ง”

     

           “โห ปากดีจัง” เด็กสาวผิวเข้มเลื่อนจอในมือดูไปมาสองสามที ก่อนจะยื่นมือออกมา

           “ไหนดูซิ แรงจะดีเหมือนปากมั้ย”

     

           เขามองมันนิ่งๆอย่างไม่เข้าใจ

     

           “เอ้า บีบสิ”

     

           เอริคทำเสียงชิในลำคอ ยื่นมือไปบีบมืออีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้

           จะเอาให้มือหักไปเลย ยัยกุ้งแห้งอวดดี

     

           แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อชูรีไม่ได้มีอาการสะทกสะท้านกับแรงบีบของตน

     

           มีบางอย่างผิดปกติ

     

           เขาคลายมือออก จ้องมองฝ่ามือที่สากด้านจากการจับอาวุธมานานปีนั้นด้วยความตกใจ

     

           คู่สนทนาบิดปากยิ้ม

           “แรงตกไปเยอะเหมือนกัน”

     

           “เธอทำอะไรฉัน?”

     

           ลูกพี่ลูกน้องทำหน้าแหยง

     

           “ฉันอุตส่าห์ช่วยนายไว้นะ จะทำร้ายนายทำไม?”

     

           “เอาไว้ทดลองไง”

     

           “ทัศนคตินายมันติดลบโคตรๆ” ชูรีพ่นลมขึ้นจมูก

     

           “ชูรี” เสียงทุ้มนุ่มราวกำมะหยี่ราคาแพงทำให้จังหวะหายใจของคนเจ็บชะงักกึก

           “ไม่หยาบคาย”

     

           “ท่านพี่” ยัยกุ้งแห้งมองบนใส่เขาแล้วหันไปทำเสียงงอแง

     

           “ก็เขากล่าวหาน้องก่อน”

     

           “เขาอายุมากกว่าเธอ”

     

           เธอฮึดฮัดเล็กน้อย ก่อนจะส่งแผ่นใสในมือให้กับผู้เป็นพี่ชาย

           “เอ้า ผลตรวจร่างกาย”

     

           “ขอบใจ” ราชาแห่งวากานด้าทำเสียงในลำคอ

     

           “งั้นน้องไปก่อนนะ...อาโยกับโอโคเยอยู่ข้างหน้า มีอะไรก็เรียกพวกเธอแล้วกัน”

     

           “ไปเถอะ”

     

           สายตาทิ่มแทงของเด็กสาวผิวเข้มตวัดมาอีกรอบก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

     

           เอริคสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้น

     

           ดวงตาสีเข้มล้ำลึกคือสิ่งที่จ้องกลับมา

     

           ชายหนุ่มกระตุกหัวคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรออกไป

     

           ทีชัลล่าอ่านผลตรวจในมือเร็วๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

           “บาดแผลสมานดีจนเกือบเหมือนเดิมแล้ว เหลือแต่พวกสมรรถภาพทางร่างกายที่ยังต้องจับตาดูอีกนิดหน่อย”

     

           เขานิ่งเงียบขณะที่ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องยังคงพูดถึงร่างกายเขาต่อ

     

           “ไม่เป็นไรหรอก ร่างกายนายแข็งแรงเป็นทุนเดิม คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่-”

     

           “ฉันนอนมานานเท่าไหร่แล้ว?”

     

           อีกฝ่ายชะงักไป คงไม่คิดว่าเขาจะพูดทะลุกลางปล้องอย่างนี้

     

           “ประมาณครึ่งเดือน”

     

           เอริคกะพริบตาช้าๆ

           “...นานขนาดนั้นเชียว”

     

           “นายฟื้นก็ดีแล้ว” ราชาวางแผ่นใสลงบนโต๊ะข้างเตียง

           “คืนนี้พักผ่อน พรุ่งนี้มีงานที่นายต้องทำ”

     

           “ไว้ชีวิตฉันเพราะจะให้มาช่วยทำงานให้นายเนี่ยนะ?” เขาขมวดคิ้ว

           “คิดตื้นไปมั้ย?”

     

           ร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีเข้มปักดิ้นเงินนั้นนิ่งไป ก่อนจะเผยยิ้มอ่อนจางที่มุมปาก

     

           “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้รู้กันว่าตื้นหรือไม่ตื้น”

     

           เอ่ยเท่านั้นเขาก็หมุนตัวออกไปจากห้อง ไม่ลืมหันมาบอกอะไรบางอย่างเพิ่มเติม

     

           “อ้อ ใช่...ข้างหน้าประตูน่ะมีพวกโดราเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นอย่าคิดจะหนีออกไปเที่ยวเชียวล่ะ”

     

           ...ทีชัลล่า ไอ้บ้าเอ๊ย...

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

           ชายหนุ่มเจ้าของรอยแผลเป็นนับร้อยขยี้ตาด้วยความง่วงงุนแล้วเงยหน้าขึ้นมองเหล่าสไตล์ลิสต์ประมาณห้าคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในห้อง

     

           ดวงตาที่หรี่ปรือเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นชุดบนหุ่นลองตรงกลางโถงนั้น

     

           แม่เจ้าโว้ย อลังการไปมั้ยวะ?

     

           ร่างสูงใหญ่ค่อยๆพลิกตัวลงจากเตียงในตอนที่หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้นโร่เข้ามาหา

     

           “องค์ชายตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ?”

     

           เอริคเลิกคิ้ว

     

           เห็นเขาหลับอยู่รึไงฟะ?

     

           แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางดีอกดีใจของพวกเธอ เขาก็กลืนคำพูดร้ายกาจลงคอไปอย่างรวดเร็ว

     

           ให้ตายสิ พวกนี้ทำเขานึกถึงป้าๆแถวบ้านที่มักจะมาคอยดูแลหลังจากพ่อเขาตายและเขาถูกส่งไปอยู่สถานรับเลี้ยง

     

           “อืม”

     

           “งั้นเรามาเริ่มกันดีกว่านะเพคะ เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์”

     

           “เริ่ม...” เขาทวนคำเบาๆ

           “เริ่มอะไรนะ?”

     

           “ตายจริง” หญิงวัยกลางคนผิวเข้มพวกนั้นหัวเราะคิกคัก

     

           “องค์ชายของเราขี้ลืมเหลือเกิน วันนี้คือวันแรกวสันต์ เป็นวันเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยวตามปฏิทินโบราณไงเพคะ”

     

           แล้วไงต่อ?

     

           “และตามธรรมเนียม ราชนิกุลเผ่าทองคำต้องเข้าร่วมพิธีบวงสรวงเทพีบาสต์เพื่อให้ผลผลิตของปีนี้มีคุณภาพที่ดีและมีจำนวนเยอะพอแบ่งปันไปทั่วราชอาณาจักรน่ะสิเพคะ”

     

           “อ่า...” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

           “แล้วผมต้องเข้าร่วมด้วยจริงๆเหรอ?”

     

           คนถูกถามเอียงคอเลิกคิ้ว

           “เพคะ?”

     

           “ผม...ที่เป็นทั้งลูกครึ่ง เป็นทั้งกบฎ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หัวใจเขาก็ปวดหนึบ

           “ต้องเข้าร่วมด้วยเหรอครับ?”

     

           ทั้งวงเงียบไป ก่อนที่คนหนึ่งจะตัดสินใจหัวเราะออกมาดังๆ

     

           “ต๊ายตาย องค์ชายก็...ตรัสอะไรแบบนั้นเล่าเพคะ?” เธอว่า

           “พระองค์เป็นเชื้อสายของท่านเอ็นโจบู มีเลือดของชาวเราไหลเวียนอยู่ในตัว แถมเป็นเลือดนักรบศักดิ์สิทธิ์เสียด้วย...แน่นอนว่าเข้าร่วมได้สิเพคะ”

     

           “จริงเพคะ” อีกคนรีบเสริม

           “แถมฝ่าบาทยังกำชับมาอีกด้วยว่าต้องให้องค์ชายไปยืนเคียงข้างพระองค์ในปะรำพิธี...ถึงขนาดนี้แล้ว องค์ชายย่อมมีสิทธิ์เข้าร่วมเพคะ”

     

           ฝ่าบาท...

           ไอ้ลูกพี่ลูกน้องหน้าตากวนส้นนั่นน่ะนะ?

     

           เอริคนิ่งไป กรามขบกันแน่นจนเป็นสันนูนครู่เดียวก่อนจะผ่อนลมหายใจออก

     

           “งั้นก็รีบเตรียมการให้เสร็จเถอะ ฝ่าบาทจะได้ไม่รอนาน”

     

           ทีชัลล่า...ชิ

     

           มีด้านรักพี่รักน้องนอกไส้กับเขาเหมือนกันนะเนี่ย

     

           ทำไมรู้สึกอบอุ่นหัวใจแปลกๆ

     

     

     

     

     

           ขอถอนคำพูด...ขอถอนคำพูดอย่างด่วนที่สุด

     

           ถ้าเอริครู้ว่าการเตรียมการเพื่อเข้าร่วมพิธีนี่จะหมายถึงการถูกจับอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณอย่างนี้ล่ะก็ เขาจะไม่มีวันชมไอ้ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นว่าเป็นแฟมิลี่กายแน่ๆ

     

           ท่ามกลางน้ำอุ่นๆในอ่างขนาดใหญ่นั้น แขนของเขาถูกดึงออกไปขัดด้วยอะไรหยาบๆ แถมหัวก็ถูกล้างสระอย่างดี ทุกพื้นผิวบนร่างกายถูกล้างด้วยสบู่และเครื่องประทินผิวจนเขาหัวหมุน

           เรียกได้ว่าทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว

     

           พอเนื้อตัวแห้งสนิท เขาก็รู้สึกสะอาดแบบแปลกๆขึ้นมาทันที

     

           เกิดมาไม่เคยอาบน้ำหนักขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต

     

           “คุณพระช่วย!” ป้าๆเหล่านั้นอุทานขณะที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้

           “องค์ชายของเรานี่รูปงามจริงๆ”

     

           “ถ้าไม่ติดเรื่องแผลเป็นเยอะเกินไปล่ะก็ คงจะตีคู่สูสีกับฝ่าบาทไปแล้ว” คนหนึ่งหัวเราะ

     

           เอริคกลั้นยิ้ม

     

           ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นใคร

           ถ้าเขาไม่ทำแผลเป็นแบบพอประมาณ ตอนนี้คงจะกลายเป็นหนุ่มฮอตของวากานด้าไปแล้ว

     

           หลังพิธีชำระล้างร่างกาย(ไม่ได้ชื่อนี้จริงๆหรอก เขาแค่ตั้งให้มันดูเล่นใหญ่เฉยๆ) เอริคก็ถูกพามาที่กลางห้องนอน

     

           “นี่เป็นชุดพิธีการขององค์ชายเอ็นโจบูเพคะ” ป้าคนหนึ่งหยิบเสื้อซับในผ่าอกสีทองมายื่นให้

           “ฝ่าบาทสั่งให้มีการปรับบางจุดเพื่อความทันสมัย แต่ก็ยังคงความดั้งเดิมอยู่ไม่น้อยเลยนะเพคะ”

     

           เสื้อตัวนอกสีน้ำตาลซีดและกางเกงสีน้ำตาลเข้มคือสิ่งต่อมา ตามด้วยเข็มขัดหนังประดับเขี้ยวหมาไนและเสื้อคลุมแขนยาวสีกาแฟ ก่อนจะปิดท้ายด้วยรองเท้าหนังปิดครึ่งแข้งเปิดปลายเท้า, สนับแขนอละเครื่องประดับอีกเล็กน้อย

     

           เขากำลังจัดสนับแขนตนเองให้เข้าที่ในตอนที่ได้ยินเสียงอุทานจากสไตล์ลิสต์คนหนึ่ง

     

           “ขออภัยเพคะ” เธอปาดน้ำตา

           “แค่...พระองค์ดูเหมือนองค์ชายเอ็นโจบูเมื่อครั้งเยาว์วัยเหลือเกิน”

     

           เขากะพริบตาปริบๆ ชะงักค้างไปขณะที่คนอื่นๆเข้าไปปลอบเธอคนนั้น บางคนก็ขอบตาแดงๆ ส่วนบางคนมีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้

     

           ...ขนาดนั้นเชียว

     

           “...ขอบใจ” พูดได้แค่นั้น ก่อนจะแทบตบปากตัวเอง

     

           อะไรวะ เอริค?

           พูดได้แค่นี้เองรึไง?

     

           “องค์ชาย...” หญิงคนหนึ่งที่ดูเด็กสุดขยับเข้ามาช่วยจัดสร้อยคอและเครื่องประดับผมที่ตอนนี้เป็นหางม้าเดรดล็อคชี้ๆฟูๆของเขาให้เข้าที่ แล้วถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

           “คือว่า...ฝ่าบาทให้เครื่องประดับอันหนึ่งมา ตรัสว่าอยากให้องค์ชายใส่ไปงานพิธี จะรับไหมเพคะ?”

     

           ก็ฝ่าบาทสั่งมา ถ้าเขาจะตอบว่าไม่ มันจะไม่เป็นการเสียมารยาทรึไง?

     

           “เอามาเถอะ”

     

           เธอหยิบกล่องไม้ออกมาเปิดออกแล้วยื่นให้

     

           เป็นเข็มกลัดรูปร่างคล้ายเสือจากัวร์

     

           เอริคพ่นเสียงเหอะขึ้นจมูก

     

           ไม่วายโดนล้อจนได้

     

           เขาคว้ามันมาแล้วติดเข้ากับอกเสื้ออย่างรวดเร็ว

     

           “เสร็จแล้วล่ะเพคะ” เหล่าสไตล์ลิสต์ยิ้มแฉ่ง

           “คราวนี้ก็ได้เวลาไปปะรำพิธีแล้ว”

     

           คนหนึ่งเดินออกไปที่หน้าประตูแว้บเดียวก่อนกลับมาพร้อมกับโดราในชุดเกราะผ้าสีแดงสดสองคน

     

           “เดี๋ยวโดราสองคนนี้จะนำทางพระองค์ไปเองเพคะ” เธอเดินเข้ามา จับมือใหญ่ๆของเขาขึ้นมาถือไว้พร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่น

     

           “ขอให้พระองค์โชคดีนะเพคะ องค์ชาย”

     

           เขาหลับตา สูดหายใจลึกๆ

           “ขอบคุณพวกคุณทุกคนมาก”

     

           “ยินดีรับใช้เสมอเพคะ”

     

           ร่างสูงใหญ่ก้าวเดินตามทหารหญิงถือหอกเงินสองคนนั้นไป

     

           ขอให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยเถอะ...

     

     

     






     

    TALK WITH FM

    ตาน้องแอบหวั่นไหวอ่ะสิ เห็นนะ!! 55555555

    ตาพี่ก็ดูแลดีเกิ๊นนน จัดหาเสื้อ จัดหาเครื่องประดับ เปย์หนักอย่างนี้ต้องรักแล้วแหละ

    ฉากตอนเอริคเพิ่งตื่นแล้วเจอฝ่าบาทนี่รู้สึกละมุนมากค่ะ เขียนไปบิดไป

    คือตาพี่เขาอบอุ่นมากกก เป็นไรท์นี่ละลายนะ

    ฟิคนี้ตอนแรกแพลนไว้ว่าซักสองสามตอนค่ะ แต่ดูทรงแล้วน่าจะถึงสี่หรือห้าตอน

    ถ้ารีดเดอร์อ่านไหว เราก็เขียนไหวค่ะ 555 (ตัดภาพมาที่การบ้านซึ่งกองสุมทับหัวอยู่//วิ่งลั้นลาในดงหนังสือเรียน)

    ปล. คำว่างานทับหัวมีจริงค่ะทุกคน เหนื่อยเว่อร์ ควิซทีนึงนี่แทบขาดใจ

    เร็วๆนี้จะเอาตอนพิเศษประจำเทศกาลมาลงต่อละเด้ออ

    ไปล่ะ งานยังคงรอเราอยู่ 55555 (//ปาดน้ามตา)

    เจอกันตอนหน้าเน้อ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×