คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : [Short Fic.] How You Love Me || killchalla → ᴘᴀʀᴛ 1
Title
: How You Love Me
Author
: Fengmii
Pairing
: Killchalla
Genre
: Short Fiction (1/?)
Notes
: เราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
แต่เขามั่นใจว่าพี่น้องกันไม่ทำแบบนี้แน่ๆ
“...เอาจริงดิท่านพี่?” ชูรีตาถลน
มองดูร่างที่แน่นิ่งในอ้อมแขนของผู้เป็นพี่ชาย
คนถูกถามตรงดิ่งไปที่เตียงสีขาวในแล็บ
“เขายังมีชีพจรอยู่”
“อะไรนะ?”
เจ้าหญิงแห่งวากานด้าเลิกคิ้วสูง
ร่างสูงอ้อนแอ้นในชุดเกราะสีน้ำเงินกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้ามพื้นที่มาช่วยผู้เป็นพี่ตรวจสอบคนเจ็บ
“ให้ตายเถอะ”
เธอสูดหายใจเมื่อเปิดระบบประเมินคนไข้ของเตียงตรวจแล้วพบว่าหัวใจของร่างนั้นยังเต้นอยู่
“เขายังไม่ตาย...”
“ตายในเร็วๆนี้แน่ถ้าเธอไม่ช่วย”
ชายหนุ่มผิวสีเข้มถอนหายใจ
“เราต้องเร่งมือแล้ว ชูรี”
“รู้น่า”
เด็กสาวรีบรุดออกไปหาอุปกรณ์สมานแผลแล้วสั่งการให้เตียงตรวจพยุงชีพคนบนนั้นเอาไว้
“ท่านพี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”
“อืม”
ถึงปากจะบอกอย่างนั้น
แต่ทีชัลล่าก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
เขามองดูใบหน้าหลับใหลของผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องขณะที่กำมือซึ่งเพิ่งรู้ว่ากำลังสั่นน้อยๆเข้าหากันแน่น
ไม่รู้ว่าควรจะตกใจหรือดีใจที่เอริคยังคงมีชีวิตอยู่
ในบทบาทของพี่ชาย แน่นอนว่าเขาต้องดีใจ
แต่ในบทบาทของกษัตริย์
นี่จะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เอริคคือเชื้อสายของเอ็นโจบู
เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาและเป็นทายาทของบัลลังก์
มีสิทธิ์ในนั้นเป็นรองเพียงเขา...และมากกว่าชูรี
มันจะต้องมีกลุ่มชนเผ่าที่พยายามต่อต้านเขาและเข้าหาเอริคเพื่อยกขึ้นเป็นกษัตริย์แน่หากเกิดเรื่องขึ้นมา
...หอกข้างแคร่
ในแง่ของการปกครอง เป็นตัวแปรที่อันตรายมาก
หากไม่จับตาดูอย่างใกล้ชิด
ก็ต้องกำจัดทิ้งซะ
ซึ่งตัวเลือกสุดท้ายนั้นเขาไม่มีทางทำลง
“เลือดไหลออกเยอะมาก ปอดไม่ทำงาน”
ชูรีรายงานรัวเร็ว
ยังคงง่วนอยู่กับการให้เลือดและการซ่อมแซมสภาพร่างกายภายในของผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง
เสียงหัวใจของเอริคค่อยๆแผ่วลง
บรรดาหมอหลวงที่องค์หญิงน้อยเรียกตัวมาอย่างด่วนพากันกรูผ่านประตูแล็บเข้ามา
ตรงไปทำหน้าที่ของตน
ทันใดนั้น สัญญาณชีพจรที่จับจังหวะหัวใจเต้นของเขาก็แผดเสียงยาว
ทีชัลล่าลมหายใจกระตุก
เขาผุดลุกขึ้นยืนราวกับเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติและคงจะพุ่งเข้าไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะอาโยที่ไม่รู้โผล่ออกมาจากไหนยุดแขนเอาไว้
“พระองค์เข้าไปยุ่มย่ามตอนนี้
โอกาสรอดชีวิตของเขาเหลือศูนย์แน่”
ชายหนุ่มผิวสีเข้มหอบหนักๆ
มองใบหน้าของโดรา
มิลาเจประจำตัวสลับกับเตียงขาวซึ่งตอนนี้มีกลุ่มคนมะรุมมะตุ้มกันเต็ม
ในที่สุด
ร่างสูงใหญ่ก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างหมดแรง
“ทำใจดีๆไว้ก่อน ทีชัลล่า”
ร่างสง่างามของมารดาก้าวเข้ามาหา
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้”
“หัวใจเขา...” เสียงของราชาเสือดำแห่งแดนลับแลสั่น
“มันหยุดเต้น”
“พวกหมอหลวงอยู่กับเขาแล้ว” เธอปลอบ
จริงหรือ?
ทีชัลล่าก้มลงมองมือตนเอง
แม้จะปกคลุมด้วยเกราะสีดำและกรงเล็บสีเงิน
แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างที่เคยอยู่ในแขนเมื่อไม่นานมานี้และเลือดที่เปรอะเปื้อนบนนั้น
ทีชัลล่าเองก็ฆ่าคนมาไม่น้อย...แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะรู้สึกอยากลบรอยเลือดที่มองไม่เห็นบนมือออกไปมากขนาดนี้
ถ้าเอริคตาย...
ราชาเสือดำก้มหน้าลง สูดหายใจลึก
และแล้ว
ท่ามกลางความรู้สึกผิดและสิ้นหวังนั้น
เสียงสัญญาณชีพก็ดังเป็นจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง
กล้ามเนื้อทั่วร่างที่เกร็งเครียดคลายตัวอย่างพร้อมเพรียง
ชายหนุ่มผิวสีเข้มระบายลมหายใจยาวขณะที่เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มหมอหลวงในแล็บอีกครั้ง
ชูรีถูกอัปเปหิออกมาเพื่อไม่ให้ไปขัดขาหมอหลวงคนไหนเข้า
เธอตรงมานั่งข้างเขาและนิ่งเงียบอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่
“กี่นาที...” เขาถามเสียงแผ่ว
“หัวใจหยุดเต้นไปกี่นาที”
เด็กสาวกะพริบตา
“สามนาทีครึ่ง”
หัวใจเขาดิ่งวูบ
เฉียดฉิวไปแค่สามสิบวินาที
ถ้าถึงสี่นาที สมองจะตาย
เขากดกรามเข้าหากันแล้วพยักหน้าช้าๆ
“แล้วตอนนี้...”
“ท่านแทงผ่านชายโครงไปโดนตับเขา
ปลายหอกบางส่วนโดนม้ามด้วย” เธอเม้มปาก
“ถ้าเล็งสูงกว่านั้นซักนิ้วสองนิ้วป่านนี้เขาไม่ได้มานอนเป็นผักให้เรารักษาแล้ว”
“อุตส่าห์กะว่าจะให้โดนต่ำๆจะได้ไม่เป็นอะไรหนักมาก”
ทีชัลล่ากดมุมปากเป็นรอยยิ้มเบาบาง
“เห็นได้ชัดว่าท่านพี่ฝีมือตก” ชูรีสวนกลับ
ทั้งคู่ปล่อยให้เสียงหัวเราะแผ่วๆเล็ดลอดผ่านริมฝีปากออกมา
เมื่อมันเงียบลง
น้องสาวก็ค่อยๆเอนกายลงพิงไหล่เขา
“เขาเหยียบยมโลกไปครึ่งตัวแล้ว
ทำไมท่านพี่ถึงต้องยื้อเขาไว้?”
เขานิ่งค้าง
...นั่นสิ
เขาสามารถปล่อยให้เอริคตายไปได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่นั่งดูพระอาทิตย์ตกอยู่แบบนั้น
แต่ทำไมเขาถึงไม่ทำ?
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มและยกมือขึ้นลูบหัวเธอเป็นคำตอบ
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ประโยครายงานของหมอหลวงฟังดูเพราะพริ้งราวกับเป็นเสียงสวรรค์
ทีชัลล่าหลับตาลง
แหงนหน้าพิงพนักเก้าอี้ขณะที่ชูรียกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา
“จะให้นำตัวเขาไปพักฟื้นที่ไหนดีพ่ะย่ะค่ะ?”
เขาเหม่อมองเพดานครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่ง
“ปีกตะวันตก...ห้องที่มีระเบียงกว้างๆแล้วก็มีวิวหุบเขาน่ะ”
หมอหลวงคนนั้นก้มลงจิ้มๆในแผ่นสื่อสารก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“ฝ่าบาทหมายถึง...ห้องรัชทายาทงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ทีชัลล่าเลิกคิ้ว
“ห้องอะไรนะ?”
“เดิมที
ปีกตะวันตกคือห้องชุดของรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ
แต่ว่าไม่ได้มีการใช้มาตั้งแต่กลางรัชสมัยของฝ่าบาททีชาก้าแล้ว”
ร่างสูงขยับเอนออกมาจากพนัก
“แล้วผู้พักอาศัยคนสุดท้าย?”
“อดีตรัชทายาท เจ้าชายเอ็นโจบูพ่ะย่ะค่ะ”
...อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้
ชูรีทำตาโต หันมามองหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
เขาหรุบตาลงมองมือตนเอง แล้วจึงขยับปาก
“ห้องนั้นแหละ”
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
ทีชัลล่าก็พบว่าตนเองกำลังเดินตรงมาที่ปีกตะวันตก
ชายเสื้อคลุมสีเข้มปักลายด้วยด้ายสีขาวไหวกระเพื่อมขณะที่ขาแข็งแรงใต้กางเกงขายาวแบบวากานด้าก้าวไปตามโถงทางเดิน
ประตูบานใหญ่ที่กางกั้นเขาและญาติชายตระหง่านอยู่ตรงหน้า
มือแกร่งยกขึ้นแตะลูกบิดประตูสีทอง
ชะงักค้างเหนือมันเพียงไม่ถึงนิ้วประมาณชั่วอึดใจก่อนจะเปิดมันออก
ในห้องกว้างนั้นไม่ได้เปิดไฟมากจนสว่างจ้าเหมือนห้องของชูรี
ม่านตรงระเบียงถูกเปิดออกจนสุด เผยให้เห็นท้องฟ้าสีเข้มและดวงดาวทอประกายนับพัน
ลมเย็นจากภายนอกโชยเข้ามา
พัดผ่านม่านโปร่งที่ติดอยู่รอบเตียงให้พลิ้วไหวราวกับผิวน้ำ
ร่างสูงก้าวอย่างเงียบเชียบ
หยุดลงข้างเตียงนั้นแล้วยกมือขึ้นปัดผ้าเหล่านั้นออก
เขามัดมันเข้ากับเสาเตียงขณะที่ดวงตาสีนิลคู่นั้นสำรวจใบหน้าของคนเจ็บ
เอริคยังคงสลบไสลไม่ได้สติ
บนร่างกายกำยำมีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบ
เขาดูสงบนิ่งเหลือเกิน...ต่างจากตอนที่เดินดุ่มๆเข้ามาทวงบัลลังก์จากเขาลิบลับ
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นนั่น
ทีชัลล่าจำได้ดี
หากมันลืมขึ้นอีกครั้ง...อารมณ์พวกนั้นจะหายไปไหมนะ?
หรือมันจะเพิ่มขึ้น?
ราชาแห่งวากานด้าชะงักกึกเมื่อสายตาทอดมองลงบนผิวสีน้ำตาลอ่อนนั้น
รอยแผลเป็นจุดๆประดับตามแผงอก
ไหล่และหลังของเอริคราวกับว่าพวกมันเป็นเกล็ดที่อยู่บนตัวของจระเข้
งดงาม...แต่ช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกิน
กว่าจะรู้ตัว
ปลายนิ้วของเขาก็แตะลงบนผิวสัมผัสขรุขระเหล่านั้น
ลากไล้ไปตามทิศทางที่มันเรียงตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบ
เขาได้ยินมาว่ามันคืออนุสรณ์แห่งความโหดเหี้ยวของลูกพี่ลูกน้องผู้นี้
หนึ่งจุดเท่ากับหนึ่งชีวิตที่ถูกปลิดไป
กี่ชีวิตกัน?
กี่ครั้งที่ต้องคำรามด้วยความเจ็บปวดขณะเฉือนเนื้อตนเองแล้วเอาทรายร้อนยัดเข้าไปในแผล?
เพื่ออะไรกัน?
หรือว่าต้องการทำให้ชาววากานด้ายอมรับ?
โอ เอ็นจาดาก้า...
หากเพียงนายรู้ว่าพวกเราจะอ้าแขนรับนายทันทีที่นายแสดงหลักฐานว่านายคือบุตรของเอ็นโจบู
ในสถานการณ์อื่น...เราอาจได้สนิทกันจริงๆ
มือข้างนั้นเลื่อนขึ้นไป
ปลายนิ้วจรดเหนือเรือนผมหยักศกที่ถักเป็นเดร็ดล็อกบางเบา
เสียงประตูที่เปิดทำให้ทีชัลล่าสะดุ้ง
เขาดึงมือกลับแล้วพาดมันไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาท” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เสียงผ้าขยับสวบสาบดังเบาๆ
“โอโคเย” เขาตอบรับ
โอโคเยนิ่งไปเล็กน้อยราวกับลังเลก่อนจะถามออกมา
“จะทรงทำยังไงกับ...เขาต่อ?”
ชายหนุ่มกดหัวคิ้วลง
มองใบหน้าที่อยู่ในห้วงนิทราอีกครั้ง
หอกข้างแคร่...
มีสองทางเลือกเท่านั้น
ฆ่าทิ้ง
หรือ...
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป” เสียงของเขานิ่งมั่นคง
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กักบริเวณเจ้าชายเอ็นจาดาก้าไว้ในห้อง...ให้เขาไปไหนมาไหนกับฉันเท่านั้น”
พอเอริคตื่นแล้วรู้เรื่องนี้ได้อาละวาดแน่ๆ
เอาเถอะ...
อย่างน้อยก็ได้เก็บลูกพี่ลูกน้องไว้ใกล้ตา
ความคิดเห็น