ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #44 : Broken Throne S3 || Ch 3

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 63


    || B R O K E N T H R O N E ||

    s e a s o n 3

    ----------------------------

    CHAPTER 3

     

     

           สคาดิมองร่างเล็กของน้องชายเขม็ง

     

           เจ้าต้องแก้ไขเรื่องนี้

     

           เขาอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะรีบละล่ำละลัก

           “พ-พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

     

           “นางจะฆ่าพระองค์” เจ้าตัวหัวโจกว่าพลางค้อมหัวทำความเคารพ

     

           “เหลวไหล!” เบรดิมีสีหน้ามืดครึ้ม เขาหยิบดาบไม้ขึ้นมาราวกับพร้อมเหลือเกินที่จะเอามันฟาดหน้าเอลฟ์ร่างสูงใหญ่นั้น

           “ใครกันที่บอกเจ้าแบบนั้น?”

     

           “ฝ่าบาท หม่อมฉัน...”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาของร่างเพรียวที่ยืนอยู่กลางวงเหลือบไปเห็นชายกระโปรงสีทองของใครบางคนที่มุมเสา

     

           หญิงสาวขบกรามแน่น ก่อนจะซัดมือออกไป ส่งลิ่มน้ำแข็งไปปักที่บริเวณนั้นเป็นแถวและทำให้เจ้าของประโปรงสะดุ้งโหยง

     

           “โผล่หัวออกมาคุยกันหน่อยซิอิดุนน์” เธอว่า น้ำเสียงที่เย็นเยียบและดวงตาที่เรืองวาวคงจะน่ากลัวจนทำให้น้องชายต่างมารดาและบรรดาทหารถึงกับชะงักไป

     

           ใบหน้าของสนมคนนั้นปรากฎออกมาจากหลังเสา

     

           “ทำไม?” สคาดิกอดอก เอียงคอจ้องเธอ

           “กลัวข้าจะฆ่าน้องข้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

           “เราพบยาพิษในพระกระยาหารเช้าของราชา” อิดุนน์ตอบ น้ำเสียงสั่นน้อยๆ

     

           เธอนิ่งไป

     

           “...ยาพิษ?”

     

           “ยาพิษแบบไหนกัน?” หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆพลางยกมือขึ้นมากอดอกถาม

     

           “แบบที่มีใบต้นโอ๊คผสมอยู่”

     

           “ที่นี่ไม่มีต้นโอ๊ค” เธอขมวดคิ้ว

     

           “ก็...นั่นแหละ” สายตาของสนมคนนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่คืบคลานเข้ามาบนสันหลัง

     

           “เดี๋ยวนะ...เจ้าจะบอกว่าเจ้าคิดว่าข้าวางยาน้องชายตัวเองงั้นรึ?”

     

           “จากหลักฐาน องค์หญิง” หญิงงามในชุดทองกอดอก

           “เกรงว่าต้องตอบว่าใช่”

     

           สคาดิแทบอยากกรีดร้อง

     

           “ใครเจอยาบ้าๆนั่นล่ะ?”

     

           “นางกำนัลคนหนึ่งของเรานำอาหารเหลือเมื่อเช้าไปให้หมีที่เลี้ยงไว้จัดการ มันตายหลังจากกินเข้าไปภายในไม่ถึงชั่วโมง”

     

           “งั้นทำไมข้ายังไม่เป็นอะไรเลย?” เด็กชายผมทองขมวดคิ้ว

     

           “คงจะเป็นเพราะหินก้อนนั้น” ดวงตาสีฟ้าเทามองไปที่ข้อมือของน้องชายต่างมารดา

     

           “หิน?” เบรดิยกมือขึ้นมา เผยให้เห็นสร้อยข้อมือที่ทำจากเชือกถักสีเข้ม มีหินขัดมันรูปร่างประหลาดก้อนหนึ่งผูกอยู่

           “เดี๋ยวนะ เมื่อเช้ามันไม่ใช่สีนี้นี่”

     

           “มันคือหินอาร์ทรัม น้องชาย” เธอทำท่าจะขยับไปหาเขา แต่ถูกทหารบังไว้ จึงถอยเข้ามากอดอกแทน

           “มีสรรพคุณดูดพิษจากตัวผู้สวมออกมา ทำให้คนนั้นไม่เป็นอันตราย”

     

           ดวงหน้างดงามหันกลับไปที่อิดุนน์

           “เจ้าคิดว่าข้า...องค์หญิงแห่งแอสการ์ดและรัชทายาทแห่งบัลลังก์เยือกแข็งจะทำอะไรโง่เง่าแบบนี้รึ?”

     

           เธอกวาดตามองไปรอบบริเวณ

     

           “ข้าเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่ถึงสองวันเลยนะ เห็นแก่นอร์นเถอะ” มือเรียวยกขึ้นกุมขมับ

           “ยาพิษที่มีส่วนผสมพิเศษอย่างต้นโอ๊คเนี่ย จริงอยู่ว่าหาได้แค่ในแอสการ์ดเท่านั้น แต่มันจะไม่เป็นการบอกใบ้เกินไปหน่อยรึไงว่าเป็นข้า?”

     

           ทั่วลานเงียบฟังขณะที่เธอสูดหายใจลึก

     

           “อย่างข้า ทำได้แนบเนียนกว่านี้เห็นๆ...ไม่ได้จะอวดนะ”

     

           พระพันปีในชุดเลื่อมทองนิ่งไป ก่อนจะถาม

           “ถ้าอย่างนั้น เจ้าคิดว่าใครทำล่ะ?”

     

           “ก็จะใครล่ะ” เธอบิดปาก

           “คนที่อยากให้เบรดิตายและป้ายความผิดมาที่ข้า คนนั้นแหละ”

     

           “พวกเจ้ารออะไรอยู่? ถอยไปสิ!” ราชาแห่งอาณาจักรน้ำแข็งสั่ง อาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังสับสนทำให้วงทหารที่ล้อมอยู่ค่อยๆถอยออกไป

     

           “ครั้งต่อไปที่เจ้าทำแบบนี้กับพี่ข้าโดยที่ไม่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาพอ ฟินนิค” เด็กชายพูดด้วยเสียงดังพอที่จะทำให้ทั้งลานได้ยิน ทำให้เจ้าตัวหัวโจก(ที่รู้สึกว่าจะชื่อฟินนิค)หันมา

           “ข้าจะไม่ห้ามนางเลยถ้านางจะหักกระดูกเจ้า”

     

           “ขอฝ่าบาทโปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมผิดไปแล้ว” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าน้องชายของเธอ

     

           “ไม่ใช่ข้าที่เจ้าต้องขอโทษ” ดวงตาสีฟ้าเทาเหลือบมาทางเธอ

     

           “ไปพูดมันกับสคาดิเถอะ”

     

           เอลฟ์หนุ่มตนนั้นหันมาหาเธอ ก่อนจะโค้งด้วยท่วงท่าราวกับหุ่นยนต์

           “อภัยให้หม่อมฉันด้วย องค์หญิง”

     

           แต่ในน้ำเสียงนั้นมีแววของความไม่ยอมแพ้อยู่

     

           สคาดิย่นหัวคิ้วเล็กน้อย

           ...ก็ได้วะ

     

           “ตามสบายเถอะ”

     

           ฟินนิคลุกขึ้น แล้วหันไปทำความเคารพอิดุนน์

           “หม่อมฉันจะไปสืบสวนเพิ่มเติม”

     

           “ไปเถอะ” คนชุดทองพยักหน้าให้ และถ้ามองไม่ผิดเธอเห็นรอยยิ้มบางๆบนนั้น

           “ขอบใจท่านมาก”

     

           “พร้อมรับใช้เสมอ ฝ่าบาท”

     

           เธอและน้องชายสบตากันขณะที่เหล่าคนในชุดเกราะสีเงินเดินแถวออกไปจากลานหิมะ

     

           และสิ่งที่สื่อออกมาผ่านดวงตาก็มีความหมายคล้ายกัน

     

           เราต้องหาตัวใครก็ตามที่ทำแบบนี้โดยเร็วที่สุด

     

     

     





     

     

     

     

           “คนนั้นแหละ แม่ทัพ” อิกอร์กระซิบบอกเธอขณะที่เขากำลังเดินไปส่งเธอที่ห้อง เบรดิเดินนำอยู่ข้างหน้า

     

           “เจ้าหนวดเฟิ้มนั่นน่ะนะ?”

     

           “ใช่” เอลฟ์หนุ่มพยักหน้า

           “ราชินีเลือกฟินนิคมาด้วยพระองค์เอง ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร...ก่อนจะมาถึงขั้นสูงขนาดนี้เขายังเป็นแค่นายกองธรรมดาอยู่เลย”

     

           “ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?” เธอขมวดคิ้ว

           “จากนายกอง อยู่ๆก็ก้าวกระโดดไปถึงแม่ทัพแห่งอาณาจักรเลย”

     

           “ทุกคนก็คิดเหมือนเจ้านั่นแหละ สคาดิ” เขาว่า

           “แต่เมื่อพันปีก่อนราชินีเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุด ตอนนั้นน่ะฝ่าบาทยังพูดไม่คล่องเลย พระนางก็เลยต้องแบกรับหน้าที่ราชาทุกอย่างแทนรอให้พระองค์โตพอ”

     

           ร่างเพรียวกุมคางเล็กน้อย

     

           “แล้วนางก็เลือกเอลฟ์จากไหนไม่รู้ขึ้นมาแทนที่พ่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

     

           “ท่านพ่อไม่ไหวแล้ว” อิกอร์ส่ายหน้า

           “แม้แต่ข้าเองยังเห็นด้วยเลย พวกมันเล่นงานท่านซะจนยับ”

     

           เธอก้มหน้าลง

     

           ไม่ทันไร พวกเขาก็มาถึงโถงที่อยู่หน้าห้องบรรทมของเจ้าน้องชายเธอเรียบร้อย

     

           “หม่อมฉันคงต้องทูลลาก่อน” เขาพูดขณะที่ร่างของเบรดิหันมาหา

           “ท่านพ่อคงกำลังรออยู่ที่บ้าน”

     

           “ไปเถอะลอร์ดอิกอร์...ฝากความหวังดีของข้าให้แก่ท่านลอร์ดเฒ่าด้วย”

     

           ร่างสูงก้มหัวทำความเคารพให้เขา

           “ฝ่าบาท”

     

           หลังจากนั้นก็ค้อมให้เธอตามธรรมเนียม

     

           “องค์หญิง”

     

           สองพี่น้องยืนดูเงียบๆขณะที่เขาหมุนตัวตรงแยกทางเดินแล้วเลี้ยวหายไป

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาที่เหมือนกับของเธอเปี๊ยบเบนมาหา

           “เราต้องคุยกัน สคาดิ”

     

           “ดีใจที่เราคิดตรงกัน น้องชาย”

     

           พวกเขาเข้าไปในห้องทรงงานของราชาวัยเยาว์ เบรดิผายมือให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มพลางทรุดตัวลงที่เบาะนั่งฝั่งตรงข้าม

     

           หยิบเหยือกชาขึ้นมารินให้ทั้งเธอและตัวเขาเอง เด็กชายถามเธอ

           “คิดว่าใครทำ?”

     

           “เจ้าคงไม่คิดว่าเป็นข้าหรอกใช่มั้ย?” สคาดิเลิกคิ้ว เท้าคางมองถ้วยชาที่มีควันกรุ่น

     

           “ไม่” เขาส่ายหัว

           “ท่านพูดถูก มันโจ่งแจ้งเกินไป...และข้าเชื่อว่าถ้าท่านจะฆ่าข้าจริงล่ะก็คงไม่วางแผนหละหลวมแบบนี้โดยให้หลักฐานทุกอย่างชี้มาที่ตัวแน่”

     

           “ข้าดีใจที่ในที่สุดก็มีคนที่ไม่สงสัยข้าแล้ว”

     

           เขากระตุกยิ้ม

           “ดูท่าท่านแม่ของข้าคงระแวงท่านมาก พอสบโอกาสก็ถึงขนาดให้หน่วยราชองครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมท่าน”

     

           “ข้าไม่โทษนาง” หญิงสาววางนิ้วลงบนภาชนะตรงหน้า สัมผัสอุณหภูมิของมันผ่านเนื้อกระเบื้องเคลือบชั้นดี

           “นางเป็นสนม ข้าเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทที่ถูกต้องตามกฎโบราณ...ข้ามีสิทธิจะชิงบัลลังก์จากเจ้าได้ ถ้านางไม่กลัวสิแปลก”

     

           “ต้องทำยังไงถึงจะให้นางเชื่อว่าท่านมาดี?”

     

           “ก็...” คิ้วเรียวกดลงเล็กน้อย

           “ไม่รู้เหมือนกัน เพราะต่อให้ข้าลดตัวลงถอนสายบัวให้นางก็คงจะหาว่าเป็นการเสแสร้งเพื่อหาช่องกำจัดนางทิ้งอยู่ดี”

     

           “ท่านคิดว่านางเป็นคนทำไหม?”

     

           “ไม่มีทาง” เธอตอบปฏิเสธแทบจะทันควัน

     

           “ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น?” เขาเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นมาดูหินอาร์ทรัมบนเชือกถักที่เปลี่ยนเป็นสีดำจากการดูดพิษ

     

           “ต่อให้นางเกลียดข้าขนาดไหน แต่นางจะไม่มีวันเอาเจ้าเข้ามาเสี่ยง” เธอยกถ้วยชาขึ้นมา

           “เจ้าเป็นถึงแก้วตาดวงใจของนางเชียวนะ”

     

           หญิงสาวหลับตาลง เปิดประสาทรับกลิ่นขณะวนถ้วยชาไปรอบคางให้ไอร้อนของมันพลุ่งขึ้นมาโดนจมูก

     

           “ชานี้ไม่มียาพิษ ดื่มตามสบาย” เธอบอกเขาพลางยกชาขึ้นจิบ ดวงตาสีฟ้าเทาคมปลาบช้อนขึ้นมองสีหน้าครุ่นคิดของคนตรงข้าม

     

           “สงสัยแม่ตัวเองอย่างนี้...ไปเจอความลับอะไรมาล่ะ น้องชาย?”

     

           เบรดิถอนหายใจ

     

           “ข้าเคยคิดว่านางเป็นคนที่จริงใจกับข้ามากที่สุดในเก้าโลก แต่สุดท้ายนางก็ไม่ต่างจากขุนนางพวกนั้น”

     

           หญิงสาวเลิกคิ้ว

           “ทำไมเจ้าคิดอย่างนั้น?”

     

           “ท่านแม่แอบทำหลายอย่างลับหลังข้า” เขาว่า

           “สับเปลี่ยนขุนนางที่อยู่ฝั่งนางขึ้นมาแทนพวกที่มีประสบการณ์ บางครั้งก็ซื้อตัวพวกคนใช้ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของข้า เผื่อข้าไปรู้ความลับดำมืดบางอย่างที่จนทุกวันนี้ข้าก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรของนางเข้า ดุลย์อำนาจปั่นป่วนเละไม่เป็นท่าตั้งแต่ข้าอายุสามร้อยจนทุกวันนี้”

     

           “อย่าเพิ่งมองนางในแง่ร้ายนัก” เธอปราม

           “หลายครั้ง คนเราก็สามารถทำได้แม้กระทั่งฆ่าคนเพื่อลูกของตัวเอง”

     

           “แค่ภาวนาว่าท่านแม่จะไม่ไปไกลถึงขั้นนั้น” เบรดิพึมพำ สีหน้าหนักใจของเขาทำให้เธอนึกถึงท่านพ่อเวลานั่งอยู่เหนือกองฎีกา

     

           “ทำใจร่มๆไว้ก่อน เบรดิ” เธอวางถ้วยชาที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ

     

           “เราจะต้องหาความจริงได้แน่นอน”

     

           “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” เขาเอามือปิดหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้น

           “ขอบคุณสำหรับการซ้อมดาบวันนี้นะ”

     

           หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปาก

     

           “เจ้าจะเป็นนักดาบที่เก่งแน่ๆ...ข้าเห็นท่านพ่อในตัวเจ้า”

     

           แล้วเธอก็ลุกขึ้น กำลังจะเดินออกจากห้องแล้วถ้าไม่สะดุดสายตาเข้ากับหินอาร์ทรัมบนข้อมือของน้อง

     

           มือเรียวตบลงบนไหล่ของเขา

     

           “แล้วก็...ไอ้หินนี่น่ะ อย่าเพิ่งทิ้งนะ”

           “เอาไปแช่น้ำสักคืนมันก็จะคายพิษออกมา พร้อมใช้ใหม่อีกรอบแล้วล่ะ”

     

           เขามองเธอนิ่ง

     

           แล้วทันใดนั้น เบรดิก็ทำสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง

     

           เด็กชายลุกขึ้น แล้วกอดเธอ

     

           สคาดิตัวแข็ง

     

           ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยโดนกอดหรอกนะ

           แต่ว่ากับน้องชายต่างแม่ที่คิดว่าตายไปเป็นพันปีแล้ว แถมเพิ่งเจอกันอีกไม่ถึงสองวันเนี่ย...มันก็รู้สึกออกจะแปลกๆอยู่บ้าง

     

           หญิงสาวยกมือขึ้นแล้วก็ตบหลังตบไหล่เขากลับอย่างเก้ๆกังๆ

     

           “เคยใครบอกไหมว่าท่านเป็นพี่สาวที่เจ๋งที่สุด”

     

           “เอ่อ...ข้ามีแต่พี่ชายมากว่าพันปี ฉะนั้น...เท่าที่รู้ ไม่มีนะ”

     

           “งั้นก็รับเป็นคำชมจากข้าแล้วกัน ท่านพี่”

     

           ท่านพี่...

     

           เด็กนี่เรียกเธอว่าพี่

     

           ต่อหน้าด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อยืนยันสถานะของเธอกับคนรอบๆ(เพราะไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากเธอและเขา)

     

           อดรู้สึกอบอุ่นในหัวใจไม่ได้

           และในนาทีนั้น เธอก็คิดถึงท่านพ่อขึ้นมา

     

           อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าลูกชายของเขาโตขึ้นมาขนาดไหนแล้ว...

     

           “แล้วเจอกันเย็นนี้ น้องชาย” เธออมยิ้มพลางผละออกมาจากเขาแล้วออกจากห้องทรงงานไป

     

           ใครก็ตามที่คิดจะฆ่าน้องแล้วให้เธอเป็นแพะรับบาป...

           เธอจะไม่ปล่อยมันไว้แน่

     

     

     

     

     

    TALK WITH FM

    ใครกันที่มันกล้าจะทำน้องเบรดิสุดน่ารักของช้านนนน 5555

    เผลอแป๊บเดียวก็เดือนเมษาอีกแล้ว ร้อนตับแล่บเลยอ่ะทุกคน

    ที่บ้านเราไม่มีแอร์ด้วย(ไรท์จนมาก สงสารไรท์ที 555//ขำค้าง)

    ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยเน้ออ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×