ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #39 : Short Fic. || A Dragon's Affair (Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 4

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 63


    Title : A Dragons Affair

    Author : Fengmii

    Pairing : Thorki

    Genre : Short Fiction (4/??)

    Notes : เทพนิยายมักจบลงด้วยเจ้าชายฆ่ามังกรแล้วแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่ถ้า...มังกรที่ว่านี่ไม่ใช่สัตว์ร้ายบ้าคลั่งอย่างที่ทุกคนคิดล่ะ?

     

     




     

     

     

     




     

     

            “อรุณสวัสดิ์” เสียงอันคุ้นเคยทำให้ธอร์กระชากเปลือกตาขึ้นและทะลึ่งลุกขึ้นมานั่ง

     

            ดวงตาสีฟ้าเข้มเหลียวมองไปรอบตัว ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นหน้าของคนที่มาปลุก

     

            “...ซิฟ”

     

            “หลับสบายเชียวนะ” เธอบิดปากเป็นการทักทายยามเช้า

            “ทิ้งให้ข้านอนขดอยู่ตัวคนเดียวแล้วไปซุกโลกิ”

     

            ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังของตน

     

            มังกรดำยังคงหลับใหลอยู่บนพื้น ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

     

            เขาพบว่าอุณหภูมิร่างกายของโลกิช่วยเขาจากการเป็นหวัดได้ดีทีเดียวเมื่อลุกขึ้น เดินออกไปนอกถ้ำและตัวสั่นน้อยๆกับความเย็น

     

            แขนแข็งแรงเอื้อมกอดรอบกายก่อนจะกลับเข้ามานั่งพิงสีข้างของมันดังเดิม

     

            “ทำไมวันนี้หนาวกว่าเมื่อวาน?”

     

            ซิฟยักไหล่

            “ไม่รู้สิ ลมพัดไอความเย็นจากเทือกเขาอัลฟ์ไฮม์ทางเหนือลงมานี่แล้วมั้ง”

     

            “แต่มันยังไม่ใกล้เคียงหน้าหนาวเลยนะ?”

     

            หญิงสาวจิ๊ปาก

     

            “ป่าโยธันคาดเดาไม่ออกขนาดไหนเจ้าเองก็น่าจะรู้”

     

            ธอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมหยิบเสื้อคลุมสีตุ่นๆของตนขึ้นมาใส่

     

            มือใหญ่แตะลงเบาๆที่พื้นผิวเป็นเกล็ดสีมะเมื่อมด้านหลัง ไล้ขึ้นไปจนถึงบริเวณเขาคู่ใหญ่สีเดียวกัน

     

            เมื่อเห็นว่าโลกิไม่มีทีท่าจะตื่น เจ้าชายแห่งแอสการ์ดจึงยื่นมือไปหาสหายสาว

     

            เจ้าตัวเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงฉงน

     

            เขากรอกตา

            “ขอผ้าห่มหน่อย”

     

            “เจ้าจะห่ม?” ร่างเพรียวสูงยกผ้าหนานุ่มดูอุ่นน่าใช้ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ขึ้นมาแล้วเหวี่ยงให้

     

            ธอร์รับมันไว้แล้วสะบัดสองสามทีก่อนจะห่มลง...

     

            บนร่างใหญ่โตของมังกร

     

            “บ้ารึไง?” ซิฟมองเขาตาเหลือก

            “มังกรใช้ผ้าห่มที่ไหนกัน”

     

            “แล้วผ้าห่มนี่เจ้าได้มาจากไหนล่ะ?” เขาถามกลับ

     

            “หนาขนาดนี้ ไม่น่าจะยัดมาในกระเป๋าหนังใบนั้นได้นะ”

     

            เจ้าหญิงมองเขานิ่ง ชะงักค้าง

     

            ร่างสูงหรี่ตา

            ให้ตายเถอะ...

     

            “มีอะไรที่เจ้ายังไม่ได้บอกข้า?”

     

            เงียบ

     

            “ซิฟ?”

     

            เธอขบริมฝีปากล่าง

            “ผ้านั่นเป็นของโลกิ”

     

            “ไหนบอกมังกรไม่ใช้ผ้าห่ม?”

     

            “ไม่ใช่ในร่างนี้” หญิงสาวพูดเสียงรัวเร็ว

     

            ร่างนี้?

     

            อะไรวะเนี่ย?

     

            “ร่างอะไร?”

     

            เธอสูดหายใจ นวดคลึงตรงหว่างคิ้ว

            “ไม่น่าเลย...”

     

            ร่างเพรียวจ้ำมาหาเขาแล้วดึงแขนออกไปจากโถงก่อนที่โลกิจะตื่น

     

            เธอหันมาประจันหน้าทันทีที่พ้นบริเวณนั้น ดวงตาสีเข้มยังคงกลอกไปมาราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

     

            “เคยได้ยินนิทานเรื่องซิกฟรีดมั้ย?”

     

            “อ่าฮะ” เขาพยักหน้าช้าๆ ยัวไม่ค่อยเข้าใจว่านิทานก่อนนอนตอนเด็กกับเรื่องของมัวกรที่ว่านี่เกี่ยวข้องกันได้ยังไง

            “ซิกฟรีดเป็นเด็กชาวบ้านที่มีพลังพิเศษในการควบคุมไฟ เขาหยุดแผนการชั่วร้ายของพ่อมดฟาฟเนียร์และช่วยอาณาจักรนอร์มานจากการถูกทำลาย ราชาเรกินมอบลูกสาวที่ชื่อบรุนน์ฮิลด์ให้เขา แล้วทั้งคู่ก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอดกาล”

     

            “ซิกฟรีดเป็นลูกครึ่งมังกร แม่เขาเป็นมนุษย์” เธอบอก

     

            “ใครบอกเจ้า? พรายน้ำกระซิบรึไง?”

     

            “เหอะ” ซิฟกอดอก

            “ชาวบ้านแถบชายป่ามักเล่าเรื่องนี้ให้เด็กๆฟังในแบบที่บอกว่าซิกฟรีดมีเชื้อสายมังกร”

     

            “มิน่าล่ะเขาถึงมีพลังควบคุมไฟ” ธอร์พึมพำ ก่อนจะขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก

     

            เดี๋ยวนะ...ลูกครึ่งมังกร...

     

            มังกรจะมีลูกกับมนุษย์ได้ยังไง?

     

            เว้นแต่ว่า...

     

            “โลกิมีร่างมนุษย์?”

     

            เจ้าหญิงแห่งวานาไฮม์พยักหน้า

     

            “เขาบาดเจ็บหนัก ตอนนี้เลยยังเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้...และจะยังเปลี่ยนไม่ได้ไปอีกสักพักจนกว่าแผลจะหายดี”

     

            “เจ้าเคยเห็นเขาในร่างนั้น?”

     

            “ก็...” เธอมองขึ้นไปในอากาศ พยายามสรรหาคำพูด

            “เคย...ประมาณสองสามครั้ง”

     

            “แล้วเป็นไง?”

     

            “เป็นไงคือ?” เธอเลิกคิ้ว

     

            “แบบว่า...” ร่างสูงเม้มปาก

            “หน้าตาเป็นยังไง?”

     

            “ธอร์ จะสงสัยอะไรนักหนา” คู่สนทนาพ่นลมหายใจ

            “เขาก็หน้าตาเหมือนเราๆนี่ล่ะ เอาไว้พอเขาหายก็ได้เห็น”

     

            จากนั้น เธอก็ปลีกตัวไปจัดการเรื่องอาหารเช้า ทิ้งธอร์ไว้กับจินตนาการร่างมนุษย์ของมังกรดำที่หลับใหลอยู่ด้านในห้อง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            ชายหนุ่มกำลังเหลาไม้เตรียมย่างกระต่ายที่ซิฟเอามาในตอนที่ลมหนาววูบใหญ่พัดเข้ามาภายในถ้ำ

     

            เขาสะดุ้งเมื่อไฟที่ก่อไว้ดับลงและยกมือป้องตาจากแรงลม

     

            อะไรอีกเนี่ย?

     

            บางสิ่งที่มีสัมผัสเย็นๆแตะค้างลงตรงปลายนิ้ว และเมื่อเขาลดมือลงดูก็พบว่ามันคือปุยหิมะ

     

            หิมะ ในหน้าร้อนของป่าโยธัน?

     

            ไม่ล่ะ นี่มันไม่น่าจะปกติ

     

            เสียงอะไรบางอย่างขยับแหวกอากาศดังออกมาจากด้านนอกถ้ำ

     

            ธอร์เดินออกไปดู ก่อนจะพบว่าร่างเพรียวของซิฟก็อยู่หน้าถ้ำเหมือนกัน

     

            “มันคืออะไร ซิฟ?”

     

            “เจ้าถามข้าเหมือนข้ารู้ทุกเรื่องแน่ะ” เธอบิดปาก

     

            วัตถุบางอย่างขยับอยู่บนฟ้า ค่อยๆเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนเห็นปีกขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง

     

            ...มังกรอีกตัว?

     

            เกล็ดสีขาวสะท้อนล้อแสงแดดขณะที่มันร่อนลงตรงหน้า ลมหนาวยะเยือกยิ่งกว่าครั้งก่อนพัดเส้นผมของทั้งสองจนปลิวไปด้านหลัง

     

            ซิฟยกแขนขึ้นกอดตนเองในขณะที่หรี่ตาลงเพื่อปกป้องดวงตาจากลมเย็น

     

            พื้นดินสั่นสะเทือนเมื่อร่างกายอันใหญ่โตของมันแตะลงบนพื้น

     

            มังกรขาวสะบัดคอไปมาราวกับปวดเมื่อยจากการบินเป็นเวลานาน มันหุบปีกที่มีทั้งขนและเกล็ดลงแนบตัวก่อนมองไปรอบๆ

     

            ตาสีฟ้าเทาคู่นั้นหยุดลงที่ร่างของมนุษย์สองคน มันหรี่ลงอย่างไม่ค่อยชอบใจนักแล้วกรอกขึ้นไปข้างบนราวกับเหนื่อยเต็มประดา

     

            คิ้วเข้มของเขากดลง

            อะไรคือการทำหน้าแบบนั้นฟะ?

     

            มีแสงสว่างเรืองออกมาจากร่างของมัน แผ่คลุมไปทั่วบริเวณ

     

            เมื่อมันจางลง ร่างโปร่งของหญิงสาวคนหนึ่งก็กำลังยืนอยู่แทนที่มังกรตัวนั้น

     

            เธอปัดกลุ่มผมสีเงินเพียงกลุ่มเดียวท่ามกลางเส้นผมสีเข้มเหล่านั้นที่ถูกถักเป็นเปียเล็กๆไปอยู่ด้านหลังหู ลวดลายสีฟ้าเทาบนต้นคอด้านซ้ายและรอบดวงตาข้างเดียวกันซึ่งเด่นอยู่แล้วในร่างมังกรดูเด่นขึ้นไปอีกเมื่ออยู่บนผิวสีซีดของเธอ

     

            มังกรขาวในร่างมนุษย์กอดอก แล้วมองพวกเขาด้วยสายตานิ่งเนิบชวนขนลุก

     

            “เดี๋ยวนี้โลกิมีรสนิยมเลี้ยงอาหารไว้ทานเล่นแล้วรึ?”

     

            ธอร์เลิกคิ้ว

     

            “เจ้ารู้จักโลกิ?”

     

            เธอกระดกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

     

            “ทำไม? จะถามนิสัยการกินของเขาเหรอ? ไม่ต้องห่วง โลกิเป็นมังกรที่กินแบบผู้ดีมีตระกูล เลือดเจ้าจะไม่เลอะเทอะ และการตายของเจ้าจะไม่ทรมาน”

     

            “เหลวไหล” ซิฟนิ่วหน้า ท่าทางไม่ถูกใจมังกรตัวนี้อย่างแรง

     

            “เราเป็นเพื่อนเขา มาที่นี่เพื่อดูแลเขาในระหว่างที่เขาพักฟื้นจากการถูกทำร้าย”

     

            “อ้อ” หญิงสาวว่า เสียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

            “งั้นก็ดีแล้ว” ท้ายประโยคเสียงตวัดและรัวเร็ว

     

            เธอมองพวกเขาอีกเพียงครู่เดียวก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในถ้ำ

     

            ร่างในชุดพลิ้วสีฟ้าซีดนั้นเลี้ยวไปมาอย่างชำนาญทางราวกับเดินในนี้มากว่าร้อยครั้ง ไม่นาน เธอก็เจอห้องโถงที่โลกิยังคงนอนพักอยู่ด้านใน

     

            ธอร์และซิฟตามไปติดๆ

            พวกเขามาถึงในตอนที่เธอคุกเข่าลงข้างร่างใหญ่โตสีมะเมื่อมของโลกิ

     

            มือเรียวแตะลงบนข้างคอที่เต็มไปด้วยเกล็ด

     

            ราวกับมังกรดำรับรู้ถึงการมาของเธอ มันเปิดเปลือกตาขึ้นเป็นครั้งแรกในวันนั้น

     

            “ข้าเอง โลกิ” เสียงของมังกรขาวอ่อนลงมาก เธอลูบเขาคู่นั้นเบาๆ

            “ไม่เจอกันนานทีเดียว”

     

            มันผงกหัวน้อยๆเป็นการทักทาย

     

            หญิงสาวผมสีเข้มเลื่อนมือไปเลิกผ้าห่มออกจนเห็นรอยแผลที่ยังไม่สมานกันดีนัก นิ้วเรียวลูบไปบนนั้นด้วยกิริยานุ่มนวลแผ่วเบาจนจ้างให้ก็ไม่เชื่อว่านี่คือคนเดียวกันกับมังกรแสนหยิ่งที่คุยด้วยหน้าถ้ำเมื่อกี้

     

            “มันทำอะไรกับเจ้าบ้างนี่ ญาติข้า?”

     

            เธอละจากแผลแล้วลูบหัวโลกิเบาๆ

     

            “นอนพักอีกสักหน่อย พออาหารเช้าเสร็จข้าจะมาปลุก”

     

            มันผ่อนลมหายใจเป็นเชิงรับรู้แล้วหลับตา เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ต่อ

     

            เธอมองมังกรดำนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันมามองอีกสองชีวิต

     

            “เอ้า รออะไรอยู่ล่ะ...ไปทำกับข้าวสิ”

     

            “ไม่จนกว่าเจ้าจะบอกว่าเจ้าคือใคร และมาทำอะไรที่นี่” ซิฟกอดอก ยืนขวางหน้าหญิงสาวไว้

     

            ร่างโปร่งเลิกคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจแล้วมองบน

     

            “เอาล่ะ คงต้องแนะนำตัวกันหน่อยสินะ”

     

            มือเรียวสีซีดยื่นออกมา แขนเสื้อที่ยาวปิดหลังมือร่นขึ้นไปเล็กน้อย เผยให้เห็นแหวนวงงามรูปมังกรที่ขดรอบข้อมือและนิ้ว บนหัวของมันที่วางอยู่เหนือนิ้วชี้คือไพลินน้ำงามที่ตัดกับเกล็ดประกายเงินบนตัวแหวนมังกรได้เป็นอย่างดี

     

            “ข้าสคาดิ มังกรแห่งเทือกเขาอัลฟ์ไฮม์” ดวงตาสีฟ้าเทามีประกายขัดใจเล็กน้อยเมื่อต้องเค้นประโยคต่อไปออกมา

            “...ยินดีที่ได้รู้จักแล้วกันนะ มนุษย์ตัวจ้อย”

     

     

     

     









    TALK WITH FM

    และแล้ว เด็จน้องเล็กของเราก็ได้ปรากฎตัวววววว//ปรบมือสิคะรอไร5555

    น้องมาในธีมมังกรหยิ่งค่ะ แต่ก็แอบอ่อนโยนกับกิอยู่เด้อ

    ช่วงนี้พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกมากค่ะ เดี๋ยวไรท์ต้องไปเข้าค่ายลูกเสือ(aka. สามวันสองคืนในค่ายทหาร) และหลังจากนั้นก็ถึงช่วงโค้งสุดท้ายของ ม.3 มีงานปัจฉิม งานพรีเซ้นต์ต่างๆนาๆ ไหนจะสอบไฟนอลอีก ฮรืออออออ

    ไรท์คงต้องทิ้งช่วงไปเป็นเดือนเลยล่ะค่ะ

    แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนนะคะที่สนับสนุนและให้กำลังใจไรท์

    เจอกันตอนหน้าเน้อ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×