คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : One Shot || คํ า ห ว า น (ScarletVision)
Title : คําหวาน
Genre : One Shot
Author : FengMii
Pairing : Scarletvision
(Vision x Wanda)
Note : A Thai AU, in
which one is a student from far away, while the other one is a normal Thai
student.
SWEET WORDS
ร่างบางที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวสีดำทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะและวางกระเป๋าสีดำบนหลังลงข้างๆพร้อมกับเสียบหูฟังสีแดงสดเข้าไปในหู
“วรรณ”
เสียงนุ่มๆที่ปนสำเนียงแปร่งปร่าเล็กน้อยเรียกเธอเบาๆ
ร่างสูงนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามของเธอ
วรรณดาเงยหน้าขึ้น
ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมองใบหน้าผู้มาใหม่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งความสนใจกลับไปที่ไอโฟนในมือ
“ไม่ไปเล่นบาสกับพี?”
เธอถามไปเป็นภาษาอังกฤษ
เขายิ้มและส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่อ่ะ
ผมจะอ่านหนังสือ...พรุ่งนี้ผมมีสอบภาษาไทยเบื้องต้น”
เธอเลิกคิ้ว
“โอ้...โอเค”
ความเงียบโรยตัวลงระหว่างคนทั้งสอง
มีเสียงเปิดหนังสือเป็นระยะๆจากเด็กหนุ่ม
วรรณดาเกือบจะสำลักความเงียบตายไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะร่างสูงอีกร่างหนึ่งเดินเข้ามาในบริเวณ
“อ้าว
ไฮวิส” ผู้มาใหม่ฉีกยิ้มสดใส
“เป็นไงบ้างพี
ซ้อมบาสถึงไหนแล้ว?” วิชั่น จาร์วิสสันยิ้มตอบพลางเท้าคางกับโต๊ะ
“กีฬาสีปีนี้สีฉันชนะสีอื่นแน่”
พีชูนิ้วโป้งขึ้นอย่างมั่นใจ
“แต่ก่อนจะชนะ
นายควรเช็ดเหงื่อให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวก็ตัวเหม็นตายพอดี”
เด็กสาวเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อนักเรียนที่ออกมานอกกางเกงของเขาขึ้นมาซับเหงื่อตรงหน้าผากคม
“อะไรวะวรรณ
ไม่เห็นจะแปลกเลย ใครๆก็ตัวเหม็นตอนเล่นบาสทั้งนั้นแหละ” ปิยทัชหรือพีปัดมือเธอออก
“เอ๋า”
ร่างบางเลิกคิ้ว
“เดี๋ยวนี้รังเกียจกันละ?
เมื่อก่อนยังอาบน้ำด้วยกันอยู่เลย”
“ตอนเด็กโว้ย!!”
เด็กหนุ่มแหว ใบหูขึ้นสีจางๆ
ปิยทัชและวรรณดา
แม็กซิมอฟเป็นคู่แฝดลูกครึ่งรัสเซียที่แทบไม่มีใครในโรงเรียนไม่รู้จัก
ด้วยฉายาเดอะแฟลชหรือปีศาจแห่งสนามบาสของแฝดพี่ และฉายายัยแปลกผู้ไม่ค่อยทำอะไรธรรมดาๆของเธอ
แฝดน้องหัวขบถ
ก่อนที่บทสนทนาจะถูกต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้
โทรศัพท์สีแดงราวกับทับทิมของเด็กสาวก็ดังขึ้น
“แม่โทรมา”
เธอหันไปบอกแฝดพี่และคนผมทองสั้นๆก่อนจะยกเครื่องมือสื่อสารทันสมัยขึ้นแนบหู
“ค่ะแม่”
“วันนี้เรียนเป็นไงบ้างลูก?”
ลลินทิพย์ มารดาของสองแฝดหันมาถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่นตามแบบฉบับคนเป็นแม่ให้กับวัยรุ่นทั้งสาม
เดี๋ยว
อย่าเพิ่งเถียงสิว่าครอบครัวเธอมีเด็กอยู่ในบ้านแค่สองคน
ความจริงก็...เคยมีอยู่แค่สองคนอ่ะนะ
จนกระทั่งนายวิชั่นที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากอเมริกาเข้ามาอยู่ด้วยเนี่ยแหละ
จำนวนคนถึงเพิ่มขึ้น
“ดีมากเลยครับ”
เด็กหนุ่มชาวมะกันตอบยิ้มๆ
“พรุ่งนี้ผมจะได้เรียนดนตรีไทยแล้วด้วย
ตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะครับ”
“โอ้
ดีจ้ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มกลางตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
“วิสชอบดนตรีไทยเหรอจ๊ะ?”
“ผมสนใจน่ะครับ
ผมว่ามันเป็นอะไรที่ดูน่าเรียนมากเลย
แถมเครื่องดนตรีบางเครื่องยังทำเสียงที่เครื่องดนตรีของฝั่งยุโรปทำไม่ได้ได้ด้วย
เจ๋งมากครับ” วิชั่นยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบและลักยิ้มที่แก้มซ้าย
“แหม
แม่ดีใจนะที่เธอสนใจวัฒนธรรมของประเทศเรา...เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยสนใจอะไรไทยๆกันอีกแล้ว
ดูอย่างพีกับวรรณสิ วันๆเอาแต่เล่นกีฬาแล้วก็ไปเที่ยว
เกิดในไทยโตในไทยแท้ๆกลับมาขายหน้าคนอเมริกันซะได้”
ลลินทิพย์กล่าวเหน็บแนมลูกชายและลูกสาวของเธอจนปิยทัชต้องโวยวายกลับมา
“โห่แม่
ที่ผมเล่นกีฬาก็เพื่อทุนการศึกษาของนักกีฬานะ แม่ไม่ดีใจเหรอ
จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปหน่อยตอนส่งผมกับวรรณเข้าเรียนไง
น้องมันจะได้ไม่ต้องลำบากไปซื้อหนังสือมือสองมาใช้อีก”
“ตรรกะอะไรเนี่ยลูก
นานๆทีผมจะพูดถึงน้องดีๆบ้าง”
หญิงวัยกลางคนกรอกตาพลางหักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้าไปในบ้าน
เด็กสาวหันไปมองพี่ชายและเลิกคิ้ว
เอาจริงดิ?
คือที่ผ่านมาเนี่ยมันมีกี่ครั้งกันวะที่ไอพี่บ้านี่มันพูดทำนองว่าหวังดีกับเธอ
พี่คะ...นี่เอ็งถูกลูกบาสอัดหัวมาใช่ป่ะ?
“มองไรวะ”
เขาหันมามองเธอ
“พี่มึง...ไม่ได้ป่วยใช่ป่ะ?
แม่งพูดโคตรแปลก” วรรณดาขมวดคิ้ว
“ไอ้บ้า”
ปิยทัชย่นจมูก
“แค่วันนี้อยากพูดอะไรดีๆเกี่ยวกับมึงหน่อยแค่เนี้ย”
วิชั่นขำพรืด
ทำเอาดวงตาสีน้ำตาลของเธอตวัดมาอย่างรวดเร็ว
“เปล่าครับ
เปล่าๆๆ ไม่มีอะไร...อุบ ไม่มีอะไรจริงๆ”
แหม
ปากบอกไม่มีแต่หน้าขาวๆงี้ขึ้นสีเป็นพัลวันเชียวนะ
“ถึงบ้านละ
ป่ะ...” เด็กหนุ่มผมสีเข้มโยนเป้ขึ้นไปบนหลังและเปิดประตูรถออก
วรรณดาพยักหน้าเบาๆพลางหันไปหานักเรียนแลกเปลี่ยนข้างกาย
“ของเยอะนะ
มา...ฉันช่วยถือ”
กระเป๋าหนักจัง...
วิชั่นหันมามองยิ้มๆและยกกระเป๋าเป้ออกมาในขณะที่เธอแบกกระเป๋าโน้ตบุ๊คของเขา
ไหวมั้ยนั่น?
“ผมถือเองก็ได้ครับ”
มือเล็กกุมสายสะพายกระเป๋าสีดำไว้แน่น
ดวงตาฉายความดื้อดึง แก้มอิ่มพองออกเล็กน้อย
“รีบๆเข้าไปเหอะน่า”
ดื้อดึง
และ...
...น่ารัก...
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอยากหยิกแก้มใสยุ้ยๆนั่นขึ้นมา
เด็กหนุ่มอดยิ้มไม่ได้
เพราะงี้แหละเขาถึงชอบวรรณดา
เขาโคลงหัวพลางส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอและเดินตามเธอไป
“จะนอนแล้วเหรอวิส?”
เสียงหวานรั้งร่างสูงๆของเขาที่กำลังแตะปลายนิ้วเรียวขาวลงกับลูกบิดประตู
“ครับ”
ดวงตาสีฟ้าเลื่อนมาสบกับเธอ
“มีอะไรรึเปล่า?”
เธอดูนิ่งไปซักพักหนึ่ง
จากประสบการณ์ที่เขาแอบมองเด็กสาวมานาน
วิชั่นบอกได้เลยว่าเธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“พรุ่งนี้นายมีสอบภาษาไทยใช่ป่ะ?”
“ครับ”
“...อ่านหนังสือรึยัง?”
วรรณยันตัวขึ้นมาจากโซฟาที่เธอนอนเอกเขนกอยู่
“ครับ
แต่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะผ่านไหม” เขากัดปากเล็กน้อย
ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
วิชั่น จาร์วิสสันก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อร่างเล็กแทรกตัวเข้าระหว่างช่องประตูที่เผลอเปิดค้างไว้
“ว...วรรณ”
“เอ้า”
เธอเท้าสะเอวราวกับคุณแม่ มวยบนหัวเอียงซ้ายไปตามทิศทางการเอียงของใบหน้า
“ไม่ติวหนังสือรึไง?”
หน้าของเขาในตอนนี้คงพิกลมากจนเธอหลุดขำคิก
มือเล็กๆนั่นยื่นออกมาดึงตัวเขาเข้ามาในห้องนอน
ร่างสูงช็อกจนไม่รู้เรื่องอะไรไปแล้วในตอนที่เธอปิดประตูและปีนขึ้นไปนั่งบนเตียง
แม่
ช่วยผมด้วย
ผมถูกสาวลากเข้าห้องฮะ!!!!
ให้ตายเหอะ
เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มสนใจในตัวของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
พอรู้ตัวอีกที เขาก็จำได้แม้กระทั่งการกระดิกนิ้วของเธอว่าหมายความว่าเธอคิดอะไรอยู่
มิสเตอร์สตาร์ค
ครูประจำชั้นของเขาตอนอยู่ที่อเมริกาเคยบอกว่าเขา‘อินโนเซนต์จนแทบจะกลายเป็นตายด้าน’ตอนวันวาเลนไทน์ที่มีเพื่อนสาวหลายคนเอาช็อกโกแลตมาให้
เขาว่าเขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นนะ...
นี่ไง
หน้าแดงขนาดนี้ จะว่าตายด้านจริงดิคุณสตาร์ค?
“เร็วเข้า
นั่งๆๆ เดี๋ยวพีมันจะมาเห็นแล้วล้อฉันว่าเข้าห้องผู้ชาย”
เธอตบเตียงบริเวณตรงหน้าเธอเป็นเชิงให้เขาเข้าไปนั่ง
เอ่อ...ไม่ดีมั้ง?
เด็กหนุ่มตัดสินใจลากเก้าอี้ติดล้อจากโต๊ะทำการบ้านของเขามาแทนและนั่งลงไปบนนั้น
ประจันหน้ากับวรรณดา
“เอาล่ะ
เรามาเริ่มกันที่ไวยากรณ์พื้นฐานกันก่อนนะ...”
“ไม่
สอเสือกับลอลิงมันเขียนไม่เหมือนกันนะ นายดูสิ ส เสือเนี่ยมีหาง แต่ถ้าเป็น ล ลิง
มันไม่มี” นิ้วเรียวเล็กจิ้มลงไปที่‘หาง’ที่เธอว่าบริเวณหัวของตัวอักษร
“ขอโทษครับ”
เขากัดริมฝีปากและเอาลิ้มดุนกระพุงแก้ม
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”
เธอปัดมืออย่างไม่ใส่ใจ
“นายไม่ใช่คนไทย
ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับเวลา”
นิ้วเรียวยาวของเขาเสยกลุ่มผมสีทองขึ้นไปพลางถอนหายใจอย่างอัดอั้น
ดวงตาสีฟ้าหลับลง
สัมผัสที่บริเวณไหล่ทำให้เขาสะดุ้ง
“อย่าเครียดน่า”
วรรณว่า ตบบ่าเขาไปมา
“อาจารย์พิมลพรรณที่จะสอบนายน่ะคงไม่ใจร้ายกับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ทั้งหล่อและป๊อปปูล่าร์อย่างนายหรอกเนอะ
:)”
เขาอดยิ้มตอบไม่ได้
“ขอบคุณนะครับ”
เธอให้รอยยิ้มที่สว่างไสวที่สุดให้กับเขา
“ยินดี”
พระเจ้า
คืนนี้เขาฝันดีแน่ๆ
“งั้นฉันไปก่อนนะ
ดึกแล้ว” ร่างเล็กพูดขึ้นในที่สุดและลุกออกจากเตียง
“ฝันดีนะครับ”
เขาเดินไปส่งเธอที่ประตู
“เช่นกัน”
เธอยิ้มมุมปากและออกไปจากห้อง
มือแกร่งประคองซอขึ้นมาและหยิบคันสีแยกออกจากตัวเครื่องเพื่อเริ่มสี
ดวงตาจับจ้องไปที่โน้ตกระดาษตรงหน้า
เขาชอบเสียงเพลงของดนตรีไทย
“ว้าว”
วรรณพ่นลมหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลเปล่งประกาย
“นายเล่นเพราะนะ”
เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆตอบ
“ขอบคุณครับ”
“เพลงนี้ชื่ออะไรนะครับ?”
เธอยื่นหน้าเข้ามาอ่านโน้ตสักครู่
แล้วห่อปากเป็นรูปตัวโอ
“คำหวาน(sweet
words)น่ะ”
เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆที่เป็นเอกลักษณ์โชยออกมาจากตัวเธอ
วานิลลา
ปากเธอจะหวานเหมือนกลิ่นมั้ยนะ?
เฮ้ย
นี่เขาเป็นบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย
“ทำไมถึงชื่อคำหวานล่ะ?”
ได้ยินเสียงตนเองถามออกไป
“ก็...”
วรรณดาขยับตัวให้อยู่ในมุมที่เหมาะและวางมือที่ยังกำเครื่องมืออะไรบางอย่างที่เขาจำได้ว่าใช้สะกิดสายเวลาเล่นจะเข้ลง
“คนแต่งน่ะนะ...เห็นว่าด้นสดตอนที่แอบมองสาวที่ชอบ
เหมือนกับอารมณ์มันพาไปก็เลยเล่นตามน่ะ น่ารักมากเลย” รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าขอเด็กสาว
“โรแมนติกดีเนอะ”
เขาว่า พยายามดึงความสนใจตนเองออกจากริมฝีปากของเธอ
“ใช่
ฉันนี่แทบละลายเลยล่ะ” เธอหันมายิ้มให้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองร่างแทบจะไม่มี
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไล่มองดวงตาสีฟ้าที่อยู่ใกล้จนใจสั่น
จมูกโด่งสันที่แทบจะชิดกับปลายจมูกเธอ
ลมหายใจอุ่นๆที่ราดรดลงบริเวณคอทำให้อยู่ๆสรรพสิ่งรอบตัวเธอก็ดูเหมือนจะเงียบหายไปเสียสิ้น
วิชั่นยกมือบางขึ้นมาและแนบมันเข้ากับหัวใจของตนผ่านเนื้อผ้าของเสื้อนักเรียน
แอร์เย็นๆของห้องดนตรีไทยที่แทบจะไม่เหลือใครแล้วนอกจากเธอกับเขาไม่อาจทำให้ความรู้สึกรุ่มร้อนในอกของเขาหยุดลงได้
“ได้ยินมันมั้ย?”
เขากระซิบแผ่วเบา
“เสียงหัวใจของฉัน...เธอได้ยินมันบ้างมั้ย?”
ใช่...วรรณดาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะของเขาแล้ว
ความรู้สึกดีๆที่ผ่านมาต่อเขา...เธอได้ยินเสียงของมันแล้วว่ามันหมายความว่าอะไร
ริมฝีปากของทั้งสองแตะกัน
นิ่มนวลและแผ่วเบา ก่อนจะทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
วิชั่นไม่ใช่คนจูบเก่ง
เพราะเขาไม่เคยจูบมาก่อนเลย
หวังว่าเธอจะไม่ล้อเขานะ
ในที่สุด
ทั้งสองก็ค่อยๆผละออกจากกันอย่างช้าๆ อ้อยอิ่ง
“เป็น...แฟนกันนะครับ”
ภาษาไทยแปร่งๆที่หลุดออกมาจากปากทำให้เด็กสาวขำเบาๆ
“ภาษาไทยนายไม่ได้เรื่องเลย”
“งั้นเหรอ”
เขายิ้ม
ใบหน้าคมยื่นไปฉกฉวยจูบที่แก้มใสน่าฟัดนั่นทีหนึ่ง
ทำเอาเธอหน้าขึ้นสีแดงแปร๊ด
“...สอนผมทีสิ
ว่าพูดยังไงกันแน่”
“แม่ง...ในที่สุดน้องกูก็สละโสด”
ปิยทัชที่มองร่างบางของน้องสาวฝาแฝดที่กำลังคุยกะหนุงกะหนิงอยู่กับแฟนหนุ่มหมาดๆบนโต๊ะกินข้าว
“ทำหน้าเหมือนไม่ดีใจ”
เกตุฤดี เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาเลิกคิ้ว
“ก็...เคยดีใจอ่ะนะ”
เด็กหนุ่มผมเข้มโคลงหัวไปมา
“แต่ช่วงนี้มันสวีทกันมากเกินไปว่ะ
หมั่นไส้”
“เอ๋า”
เกตุวางโทรศัพท์ลง
“อิจฉาน้องนี่หว่า”
“หาแฟนซักคนดิจะได้ไม่เหงา
มีสาวหลายคนแอบชอบแกนี่...ไปบอกเลย ไปๆๆ ชิ่วๆๆ”
“เปล่าเว้ย!! ไม่ไป ไม่มีคนที่ชอบ” เขาขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าขึ้นสีแดงแปร๊ด
เด็กสาวผมเปียพ่นลมหายใจยาว
“ปากแข็งว่ะ”
...ก็ใครจะไปบอกได้ล่ะว่าตัวเองน่ะ
แอบชอบยัยเกตุนี่มาตั้งแต่ ม.2 แล้ว...
TALK WITH FM
เผื่อใครงงชื่อไทยนะคะ
วรรณดา
– วานด้า
ปิยทัช
– ปิเอโตร
เกตุฤดี
– สคาดิ
ไรท์ฟังเพลงคำหวานแล้วจะละลายลงไปกองกับพื้นเลยค่ะ
ชอบมากก
ก็เลยคิดว่าถ้าทำAUไทยของน้องวานด้ากับพี่วิสแล้วใช้เพลงนี้เป็นธีมคงจะดีค่ะ
อย่าลืมติดตามรออ่านBTนะคะ
คริสต์มาสนี้เจอกันค่ะ
ด้วยรักและถุงกาว
เฟิงมี่ค่ะ
>3<
ความคิดเห็น