ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #11 : Short Fic. || Only One (Stony) → ᴘᴀʀᴛ 2

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 64


    Title : Only One

    Genre : Short Fiction (2/2)

    Author : FengMii

    Pairing : Stony

    Notes : จะมีใครเยียวยาจิตใจโทนี่ได้บ้างไหมเนี่ยยยยย ป๋าเฮิร์ทหนักเกินไปแล้วน้าาา

     

     only one

    P A R T 2

     




     

     

    นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

    สามปีที่แล้ว

     

           เสียงหอบหายใจหนักๆดังกังวานไปทั่วห้องที่มีเพียงแต่เสียงหึ่งๆเบาๆของเครื่องปรับอากาศ

     

           ร่างเล็กที่คร่อมอยู่บนตักของอีกคนประกบจูบกับร่างสูงอย่างดูดดื่มในขณะที่มือใหญ่ของคนใต้ร่างลูบไล้จากต้นขาที่ประดับมัดกล้ามน้อยๆขึ้นไปถึงบั้นเอวที่เปลือยเปล่าพลางกดเบาๆให้สะโพกสีแทนบดเบียดเข้าไปใกล้ชิดมากขึ้น

     

           “อือ...แคป” ชายหนุ่มผิวแทนแหงนหน้าขึ้นเพื่อเปิดมุมให้อีกคนซุกไซ้ตีตราตรงซอกคอได้ถนัดมากขึ้น

     

           ชายหนุ่มผมทองหายใจหนักๆและฟาดมือเข้าไปที่บั้นท้ายตึงแน่นของคนที่อยู่บนร่างจนเขาต้องหลุดเสียงครางออกมา

     

           “อ๊ะ...”

     

           “ฮืมมมม...โทนี่...นายนี่มัน...แน่นชิบ” เขาครางในลำคอพลางสวนสะโพกขึ้นไป ทำเอาร่างเล็กสะดุ้งเฮือก

     

           “ล-ลึกไปแล้ว...นะ”

     

           โทนี่หอบคราง รู้สึกราวกับว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกดูดหายไปจากร่างจนต้องยึดบ่ากว้างของสตีฟเอาไว้

     

           เขาเบียดสะโพกลงไปเป็นจังหวะ ส่งผลให้ชายร่างสูงกัดฟันกรอดและยึดเอวของเขาไว้แน่น

     

           “อา...โทนี่...โทนี่...โทนส์”

     

           ชายหนุ่มผิวแทนเจ้าของเกราะเหล็กสีแดงทองขยับเป็นจังหวะเข้ากับสะโพกที่สวนขึ้นมาในจังหวะที่รัวเร็วขึ้นเรื่อยๆของอีกคน

     

           กัปตันอเมริกาดึงคอของเขาเข้ามาจูบแลกลิ้นอย่างล้ำลึกและเนิ่นนานจนโทนี่คิดว่าตนจะขาดใจตายเสียแล้ว

     

           “สตีฟ...อึก...ฉัน...ฉันจะ-” โทนี่หอบหายใจเฮือก

     

           ร่างสูงคำรามในลำคอและผลักเขาลงไปนอนบนเตียง

     

           ก่อนที่ชายหนุ่มผิวแทนจะทันได้อ้าปากท้วง ร่างที่เคยอยู่ด้านล่างก็ลงมาคร่อมทับเขาและแยกขาทั้งสองข้างออก

     

           “อ๊ะ...อึก” โทนี่กำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี่เมื่อสตีฟรุกล้ำเข้ามาอีกครั้ง ขาเรียวสั่นน้อยๆเมื่อชายหนุ่มขยับเข้าและออกจนไปโดนจุดอ่อนไหวภายใน

     

           เสียงของเตียงขยับดังเอี๊ยดอ๊าดตามจังหวะการบรรเลงเพลงปรารถนาของทั้งสอง ผ้าปูเตียงถูกกำ ขยำ และจิกจนแทบขาดเพื่อบรรเทาอารมณ์

     

           ร่างสูงขยับสะโพกอย่างแรงๆเน้นๆเป็นรอบสุดท้าย ก่อนจะครางออกมาเมื่อได้รับการปลดปล่อย กล้ามเนื้อใต้บ่าเกร็งขึ้นมาด้วยความสุขสม

     

           “อา...โทนี่”

     

           “อึก...” ชายหนุ่มผิวแทนกระตุกเกร็ง รับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนที่เข้ามาภายในร่าง

     

           สตีฟทิ้งร่างลงไปหาเขา มือใหญ่ทาบกับมือของคนตัวเล็กพลางสอดประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน

     

           นี่เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไงนะ?

     

           โทนี่ยิ้มบางๆรับเมื่อจมูกโด่งโน้มลงมาซุกไซ้ใบหน้าเบาๆ

     

           เรื่องทั้งหมดมันเริ่มขึ้นเมื่อทั้งสองเริ่มนั่งดริ๊งก์และคุยกันเล่น ไม่กี่สัปดาห์หลังจากเกิดเรื่องที่นิวยอร์ก

           สตีฟเริ่มมึนและสารภาพรักกับเขา...ยังไงก็ขอย้ำก่อนว่าถึงแม้คุณปู่อายุเกือบแปดสิบนี่จะยังมีสติอยู่ แต่อำนาจของแอลกอฮอล์ก็ไม่สามารถดูเบาได้

     

           และถึงแม้จะรู้อย่างนั้น โทนี่ก็ยังยอมให้แคปทำตามใจกับร่างกายตัวเองอยู่ดี แถมยังตอบสนองกับสัมผัสของเขาด้วย

           ตอนนี้เขารู้สึกเกลียดร่างกายตัวเองมาก ให้ฟ้าผ่าตายเถอะ

     

           “อือ พอแล้ว” ชายหนุ่มผิวแทนหันหน้าหนีเมื่อปลายนิ้วของสตีฟเริ่มลูบไล้ไปตามหน้าท้องของเขา

     

           “อีกซักรอบไม่ได้เหรอ?” เขาส่งสายตาออดอ้อนคล้ายลูกหมา

     

           “นายล่อไปสองรอบแล้วนะ” โทนี่กรอกตา

     

           “โธ่...นอนก็ได้” ชายหนุ่มผิวขาวยู่ปากคล้ายเด็กถูกขัดใจแล้วกลิ้งตัวลงมานอนตะแคงข้างกายคนตัวเล็ก

     

           “กู๊ดไนท์นะครับ” เขายื่นหน้าเข้ามาฉกฉวยจูบที่ริมฝีปากของโทนี่เร็วๆแล้วซุกตัวเข้าไปในผ้านวม หลับไปอย่างรวดเร็ว

     

           บทจะอึดก็อึดจริง รังแกเขาไปหลายรอบ บทจะหลับก็หลับสนิท หลับเร็วโคตร

     

           โทนี่ยิ้มและโน้มตัวลงไปจูบแก้มชายหนุ่มผมทอง

     

           “กู๊ดไนท์เช่นกันครับ”

     

          

     

     

     

           “นายเมานี่? ตอนนั้นน่ะ...” ชายหนุ่มผิวแทนพยายามห้ามไม่ให้หน้าแดงจนเกินไปเมื่อพบว่าใบหน้าของสตีฟอยู่ใกล้เกินกว่าที่คิดไว้

     

           “ไม่ โทนี่...ฉันไม่ได้เมา” รอยยิ้มบางๆถูกจุดขึ้นบนมุมปากของร่างสูงขณะที่เขาคว้าเบียร์กระป๋องที่เพิ่งเปิดมาแล้วกระดกเข้าปาก

     

           “นายเคยเมาบ้างป่ะเนี่ย?” คนตัวเล็กขมวดคิ้ว

     

           “หลายครั้งออก” สตีฟยิ้ม

           “ก่อนที่จะเข้าโครงการของชีลด์น่ะ บัคกี้เคยพาฉันเมาแอ๋เกือบกลับบ้านไม่ถูกไปเกือบสิบรอบ”

     

           ชื่อของวินเทอร์โซลเยอร์ทำให้ชายหนุ่มผมสีเข้มชะงักไป

     

           กัปตันอเมริกาก็คงจะรู้สึกได้ ดวงตาสีฟ้าสวยเบนมามองเข้าทันที

     

           ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

     

           “สตีฟ...” โทนี่เรียกชื่อเขาเบาๆ

     

           “ฉันถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”

     

           “ถามเลย” เจ้าของเรือนผมสีทองวางกระป๋องเบียร์ที่ว่างเปล่าลงและขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหันมามองคนตัวเล็กข้างกายได้ถนัดมากขึ้น

     

           ร่างเล็กหันมาสบตากับเขา ปากบางเม้มเป็นเส้นตรงอย่างชั่งใจ

     

           “นาย...คิดยังไงกับบาร์นส์เหรอ?”

     

           เนื่องจากภายในบาร์นั้นมีแต่ความเงียบ เสียงลมหายใจที่ขาดห้วงของชายหนุ่มจึงเด่นชัด

     

           คนตัวเล็กเบนสายตากลับไปที่แก้วมาร์การิต้าในมือโดยที่ไม่พูดอะไร ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้สตีฟพูดออกมาเถอะ...ขอให้เขาประโยคนั้นออกมา...ได้โปรดเถ-

     

           “ฉันรักเขา...” สตีฟกล่าวขึ้นมาในที่สุด

     

           เจ้าของฉายาไอรอนแมนถอนหายใจ

     

           ทำไมวันนี้แสบตาจังวะ?

     

           “ใช่...ฉันรักเขา แต่บัคกี้เป็นเพื่อนของฉัน...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาเคยเป็นรักแรกของฉันด้วย แต่เรื่องของพวกเรามันจบไปนานแล้วล่ะ”

           “ก็...นั่นแหละ...ฉันเคยรักเขา”

     

           สตีฟใช้รูปประโยคอดีต?

     

           ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายด้วยความหวัง

     

           “แต่นั่นมันเป็นแค่ความรักของเด็กๆ ตอนนี้...”

     

           พระเจ้า เขากำลังจะพูดคำนั้นใช่มั้ย?

     

           “ตอนนี้ฉันอยากบอกนายว่าช่วยหยิบแชมเปญตรงโน้นมาให้หน่อยได้มั้ย?”

     

           โอเค ถ้าเขาตบหัวกัปตันอมเริกา เขาต้องเจ็บมือมากเลยใช่มั้ยเนี่ย?

     

           สตีฟหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าอยากฆ่าคนของเขา

     

           “โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วๆ”

     

           ชายหนุ่มผมทองปรับสีหน้าเป็นจริงจัง

     

           “โทนี่”

     

           “หืม?”

     

           “ฉันชอบนายนะ รู้ใช่มั้ย?” ดวงตาสีฟ้าทอประกายด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำขณะที่เขามองลึกเข้าไปภายในดวงตาสีเข้มของคนตรงหน้า

     

           “แต่ฉันไม่ได้ชอบนายนะ...” คำพูดของโทนี่ทำเอาร่างสูงแข็งค้าง

     

           “ฉัน...ฉันรักนาย”

     

           ก่อนที่จะได้ทันพูดอะไรต่อไป ร่างเล็กก็ถูกดึงจนหลังเข้าไปปะทะกับกำแพง แขนแกร่งทั้งสองข้างของสตีฟถูกยื่นมาปิดทางหนีทั้งหมด ปลายนิ้วที่สากและอุ่นจากการจับปืนไล้ไปตามสันกรามของเขา

     

           “ฉันก็รักนายเหมือนกัน”

           “แต่นายแกล้งฉัน โทนส์ คนขี้แกล้งต้องโดนลงโทษนะ”

     

           ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงมาที่ปากบางอีกครั้ง และอีกครั้ง

     

           ร่างทั้งสองโอบกอดกันและกันแน่นราวกับจะหลอมรวมไปด้วยกัน โทนี่ผละออกมาและฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย

           “ลงโทษฉันสิแคป”

     

           สตีฟยิ้มตอบพลางขบเม้มใบหูของร่างเล็กเบาๆ

     

           “คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้นอน โทนี่”

     

     

     

           “นี่เราต้องยืนเงียบๆไม่ให้สุ้มให้เสียงจริงๆเหรอ?” บรูซหันไปป้องปากกระซิบกับนาตาชา

     

           “หรือนายอยากส่งเสียงขึ้นมา ทำลายโมเม้นท์ติดเรทของแคปและเสี่ยงโดนโทนี่เรียกแขนไอรอนแมนมาใส่แล้วยิงมาที่เราแบบไม่ยั้งล่ะ?” สายลับสาวกรอกตาก่อนกระซิบขู่กลับด้วยโทนเสียงที่เบาไม่ต่างกัน

     

           ในมือของทั้งสองคือเตกีล่า และตอนนี้ทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนระเบียงที่เห็นวิวทุกอย่างภายในบาร์

     

           ทุกอย่างคือรวมถึงสองร่างที่กำลังนัวเนียกันที่มุมห้องด้วย

     

           “ให้ตายสิ ฉันขอยาดมหน่อย” ชูรีว่าพลางชะโงกลงไปดูด้วยสีหน้าฟินขั้นสุด

     

           “เจ้าหญิง ท่านไม่ควรมาที่นี่นะ” ด็อกเตอร์ผมหยิกกอดอก

     

           “ไม่ใช่เจ้าหญิง...” เด็กสาวผิวเข้มส่ายนิ้วไปมาราวกับกำลังสอนเด็กอย่างไรอย่างนั้น

     

           ราชินีชูรี และราชินีก็สามารถไปไหนก็ได้ที่อยากไป”

     

           นาตาชาส่งสายตากับแบนเนอร์

     

           ทำไมราชินีคนใหม่ของวากานด้าช่างเอาแต่ใจจริงนะ?

     

           “ฉันขอเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะ” ราชนิกุลนักวิทย์ฉีกยิ้ม

     

           “ฮะ?” เดอะฮัลค์หลุดส่งเสียงออกมาด้วยความงง

     

           “คู่โน้นไง จากการคำนวณความถี่ของการจูบเมื่อกี้แล้ว พวกเขาต้องลงเอยกันแน่ๆ” ชูรีพยักหน้าอย่างมั่นใจ

     

           “งั้น...ฉันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้มั้ยเนี่ย?” หญิงสาวผมสีบลอนด์ซีดเลิกคิ้ว

     

           “เดี๋ยวเราลงไปถามกันดูดีกว่า” ราชินีน้อยยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางบุ้ยใบ้ไปทางกัปตันอเมริกาและไอรอนแมน

     

           บรูซขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าปุเลี่ยนๆ

     

           “ได้ถามแน่...ถ้าพวกเขาไม่ลากกันไปต่อในห้องนอนอ่ะนะ”

     

    only one - End.



     

    TALK WITH FM

    และในที่สุด ฟิคสั้นวายเรื่องแรกของเราก็จบไปแล้วนะคะ

    หวังว่าทุกคนจะชอบเน้อ

    จะโดนแบนมั้ยเนี่ย//ตัดฉากเซนเซอร์ที่กะจะใส่ลงไปออกด้วยความกลัว

    แต่ก็...อมก ยังวาบหวิวอยู่ดี ทำไงดีอ่าๆๆ//ร้องไห้หนักมาก

    ขอเวลาเราทำใจก่อนจะถูกลากเข้าคุกก่อนนะคะ ฮรือออ

    ด้วยรักและถุงกาวพร้อมกับกุญแจมือ

    เฟิงมี่ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×