ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The secret lover 3*8] จุ๊ๆ คนนี้น่ะ...แฟนผม

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 ไอ้เตี้ยกับไอ้ดำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      6
      20 พ.ค. 55

     
    ตอนที่ 1



    แกร๊ก

    ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในคอนโดของตัวเอง พาดเสื้อตัวนอกไว้ตรงพนักโซฟาแล้วทิ้งตัวลงนั่ง

    “เฮ้อ แล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวัน” พูดงึมงำกับตัวเองก่อนจะเอาถ้วยรางวัลที่ถือมาด้วยพลิกดูไปมา

    รางวัลนักร้องดาวรุ่งยอดเยี่ยม

    รางวัลร่วมกับไอ้หมอนั่น เหอะ นึกถึงภาพตอนผมกับไอ้กันเดินยิ้มแฉ่งขึ้นไปรับรางวัลพร้อมกันเมื่อตอนหัวค่ำที่ผ่านมา คนภายนอกมองดูแล้วคงจะคิดว่าพวกเราเป็นคู่เพื่อนร่วมค่ายที่รักและสามัคคีกันปานจะกลืนกลินทั้งๆที่ตอนพูดขอบคุณอยู่ไอ้กันมันแอบกระทืบเท้าผมไปตั้งสองรอบ ผมเลยแอบบิดเอวด้านหลังมันทีหนึ่ง แล้วไม่ต้องเดาเลยนะ หลังจากลงจากเวทีมาผมกับมันก็แทบฆ่ากันตาย

    ผมวางถ้วยรางวัลลงบนโต๊ะก่อนจะเอนตัวนอนลงบนโซฟา ทำไมต้องเป็นรางวัลร่วมด้วยวะ ไม่ว่าจะเป็นงานประกาศรางวัลไหน ผลโหวตอะไรผมเป็นต้องได้รางวัลมาเท่ากับไอ้ดำนั่นทุกทีไป

    ยังจำได้ตอนงานจี๊ด อวอร์ด ไอ้กันได้รางวัลเพลงช้ายอดนิยม ส่วนผมได้เพลงแดนซ์ยอดนิยม งานประกาศรางวัลป๊อบสตาร์ ผมได้รางวัลนักร้องหน้าใสขวัญใจวัยทีน ไอ้กันก็ดันได้นักร้องหล่อโฮกขวัญใจวัยทำงาน ขนาดงานจับสลากตอนปีใหม่ในบริษัทผมยังจับได้ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงอุ้มเสือสีฟ้าซึ่งดันเป็นตุ๊กตาคู่รักกับไอ้ตุ๊กตาเด็กผู้ชายอุ้มเป็ดสีเขียวที่ไอ้กันจับได้ ผลโหวตศิลปินที่อยากให้ออกอัลบั้มคู่กันมากที่สุด ผมกับไอ้กันก็ได้คะแนนโหวตถล่มทลาย ไม่รู้เมื่อก่อนผมเคยไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ เดินเหยียบแมลงสาปตายหรือเปล่า มาชาตินี้ถึงต้องได้มาจองเวรจองกรรมกับไอ้กากตัวดำไม่จบไม่สิ้น

    ติ๊งต่อง

    ผมลุกขึ้นจากโซฟา มองนาฬิกาก่อนจะเดินไปที่ประตู ดึกป่านนี้แล้วก็น่าจะมีคนเดียวล่ะ

    “นอนหรือยัง”

    หนุ่มลูกครึ่งร่างสูงโปร่งถามด้วยรอยยิ้มทันทีที่ผมเปิดประตู

    “ยังเลย เพิ่งมาถึงเมื่อกี๊เอง เข้ามาก่อนดิ” ผมเดินนำเข้ามาปล่อยให้ผู้มาเยือนปิดประตูเองตามปกติ

    “โอ้โห นี่อ่ะหรอ รางวัลศิลปินดาวรุ่งยอดเยี่ยม” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหยิบถ้วยรางวัลไปหมุนซ้ายหมุนขวาดู “กันก็ได้ใช่มั้ย รางวัลนี้”

    “อย่าพูดชื่อนั้นได้ป่ะไวท์ ได้ยินแล้วเสียอารมณ์” ผมนอนลงบนโซฟาอีกครั้ง ตะแคงข้างหันหน้าไปหาไวท์ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักแสดงสังกัดค่ายเดียวกันแล้วก็เพื่อนสนิทข้างห้อง

    “ไม่เอาน่าริท ทำงานด้วยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกหรอ” ไวท์วางถ้วยรางวัลไว้ที่เดิมแล้วนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวข้างๆ เสยผมสีเดียวกับดวงตา พูดด้วยสีหน้ากึ่งระอา

    “มันไม่ใช่ความผิดฉันนะเว่ย นายก็รู้ว่าหมอนั่นมันกวนประสาทขนาดไหน” ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาดแย้งหน้ามุ่ย

    “นายเองก็กวนประสาทไม่แพ้กันนั่นแหล่ะ” หน้าตาหล่อเหลาสมดีกรีนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังมาแรงตีสีหน้าดุใส่

    ผมพ่นลมหายใจ“หมอนั่นเกลียดฉัน”

    “แล้วนายรู้ได้ยังไงว่ากันเค้าเกลียดนาย”

    “เพราะฉันก็เกลียดมันเหมือนกันไง”

    ไวท์ถอนหายใจในขณะที่หน้าผมเริ่มงอหนัก ทุกครั้งที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไวท์จะต้องไม่เห็นด้วยตลอดกับการที่ผมกับไอ้กันจะเป็นศัตรูกัน

    “นายจำไม่ได้หรอ ตอนนั้นไอ้กันมันขังฉันไว้ในห้องเก็บของกว่าฉันจะออกไปแทบตาย เกือบไปถ่ายรายการไม่ทัน” ผมโพล่งเรื่องอดีตขึ้นมา ไวท์เหลือบตามามองผม

    “ก็ไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้นายขังกันเค้าไว้ในห้องน้ำจนเกือบไม่ได้ไปถ่ายเอ็มวีตัวใหม่หรอกหรอ”

    “ชิ แล้วตอนนั้นอีก ที่ไอ้กันมันเอาโทรศัพท์ฉันไปให้ฉันหาอยู่สามวันกว่าจะเอามาคืน โคตรชั่ว” ผมขุดเรื่องชั่วๆของไอ้กันขึ้นมาอีก

    “ก็คงจะชั่วอยู่หรอกนะ ถ้านายไม่โยนโทรศัพท์ของกันเค้าตกน้ำ อันนั้นอ่ะหายต๋อมไปเลยไม่ได้คืนด้วย”

    “ยังมีอีก ก็ตอนนั้น...”

    “พอๆๆ พอแล้วริท ฉันขี้เกียจพูดเรื่องนี้กับนายแล้ว กินอะไรมาหรือยัง หิวมั้ย” ไวท์ตัดบทหันมาถามเรื่องของกินแทน

    “ตกลงนายเป็นเพื่อนฉันหรือไอ้กันแน่วะ เข้าข้างมันตลอด” ผมสะบัดหน้าหนีแล้วนอนลงบนโซฟาเหมือนเดิม คราวนี้หยิบรีโมตมากดเปิดทีวีทำเป็นไม่สนใจไอ้เพื่อนครึ่งไทยครึ่งอเมริกันที่นั่งหัวโด่อยู่ที่โซฟา

    ไวท์ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโดยไม่พูดอะไร แต่สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมข้าวผัดร้อนๆหอมฉุยตั้งไว้ตรงโต๊ะหน้าผม

    “รีบกินก่อนที่จะเย็น”

    ผมลุกขึ้นทำหน้างอใส่มันแล้วเลื่อนจานข้าวผัดมาหาตัวเอง

    “วันนี้อ่ะ มันเหยียบเท้าฉันตั้งหลายรอบ ไม่รู้เป็นบ้าอะไร เผลอเมื่อไหร่กระทืบเท้าฉันทุกที” ผมกินไปด้วยบ่นไปด้วย ไวท์ยิ้มละไมกลับมาให้เหมือนทุกที “แล้วพอฉันหันไปมองหน้ามันนะ มันก็ยักคิ้วหงึกๆทำหน้ากากๆใส่ วุ้ย ยิ่งพูดยิ่งโมโห”

    “เอ้าๆ เดี๋ยวก็ติดคอ” ผมหันไปหยิบแก้วน้ำที่ไวท์เดินไปหยิบมาให้ซดอึกๆ

    “พรุ่งนี้เข้าบริษัทสาธุขออย่าให้ได้เจอะได้เจอมัน”

    “เอาน่าๆ กินเสร็จก็รีบอาบน้ำนอนด้วยนะ ฉันไปก่อนพรุ่งนี้มีถ่ายละครแต่เช้า” ไวท์ตบไหล่ผมเบาๆแล้วลุกขึ้นส่งยิ้มปลอบใจมาให้

    “มีถ่ายละครแต่เช้าแล้วทำไมไม่รีบนอน สิวขึ้นหน้าขึ้นมาอย่าโอดครวญให้ได้ยินนะเว่ยพ่อดาวรุ่งพุ่งแรง” ผมพูดแซวไอ้เพื่อนดาวรุ่งที่ยืนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี

    “ก็รอหาข้าวมาให้คนแถวนี้ไง รู้ว่ายังไงก็คงไม่มีปัญญาหากินเอง จะปล่อยทิ้งไว้ก็กลัวไม่โต”

    “ไอ้ไวท์” ผมง้างช้อนในมือใส่ แต่ไอ้เพื่อนตัวแสบมันก็เผ่นแผล็วรีบออกจากห้องไปแทบจะทันที

    ชิ กวนประสาทไม่แพ้ไอ้บ้ากัน

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------
     

    เช้าวันต่อมา

    ผมขับรถมาบริษัทแต่เช้าเพราะวันนี้มีคุยเรื่องคอนเซ็ปเอ็มวีตัวใหม่ที่จะปล่อยเร็วๆนี้ พอไปถึงที่ห้องประชุมก็พบว่าทีมงานส่วนใหญ่มารอกันอยู่ก่อนแล้ว ผมยกมือไหว้ทักทายทุกคนในห้องตามปกติแล้วไปนั่งข้างๆพี่ป๋อมแป๋ม

    “แหม นึกว่าพี่ต้องโทรปลุกซะแล้ว” พี่ป๋อมแป๋ม ผู้จัดการส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมานานจนเปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกันหันมาแซว

    “ริทไม่ใช่ไอ้กันนะ พี่ป๋อมแป๋มก็รู้ว่าริทเป็นคนตรงต่อเวลา”

    “น้องกันก็ตรงต่อเวลาเหมือนกันนั่นแหล่ะ” พี่ป๋อมแป๋มเบ้ปากน้อยๆ “ขนาดอีกคนไม่อยู่ยังลากมาทะเลาะกันได้อีกนะคะ”

    ผมกอดอกหันหน้าหนีพี่ป๋อมแป๋ม ก็พี่นั่นแหล่ะพูดให้ผมนึกถึงมัน

    ไม่นานทีมงานก็มากันครบและเริ่มพูดคุยถึงคอนเซ็ปงานครั้งนี้

    “อย่างที่รู้กันว่าเพลงนี้เป็นแนวป๊อบใสๆมีจังหวะเล็กๆไม่ได้แดนซ์เป็นสเต็ปเหมือนตัวก่อน คอนเซ็ปคราวนี้เลยจะออกเป็นแนวใสๆ กุ๊กกิ๊กๆ น่ารักๆ มีท่าเต้นเล็กๆพอให้ไม่น่าเบื่อ”

    “ส่วนเรื่องนางเอกเอ็มวีริทมีใครมีที่อยากจะร่วมงานด้วยเป็นพิเศษมั้ย ตัวนี้จะเปิดโอกาสให้เลือกเองเลย” พี่ทีมงานที่รับผิดชอบด้านประสานงานนักแสดงถามด้วยรอยยิ้ม

    “จริงหรอครับ” ผมถามกลับตาโต

    “เอ้าๆ ไม่รีบเสนอพวกพี่หากันเองนะ”

    “เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆสิครับ อืม งั้นขอเป็นน้ำค้างได้มั้ย” ผมเสนอขึ้นมา น้ำค้างเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังมีกระแสดีคนนึง ด้วยลุคสาวหมวย ขาว ตัวเล็กน่ารัก ที่มักจะมีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าอยู่เสมอ ทำให้เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาน้ำค้างกลายเป็นคนที่รับโหวตสูงสุดว่าเป็นผู้หญิงที่ชายหนุ่มอยากไปเดทด้วยในวันปีใหม่มากที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือผู้หญิงคนนี้ผมโคตรปลื้มเลย >.<

    ทันทีที่ผมเสนอชื่ออกไปกลายเป็นว่าพี่ๆทีมงานพากันเงียบกริบมองหน้ากันเลิ่กลั่กไปมา ผมมองซ้ายมองขวาแล้วหันไปมองพี่ป๋อมแป๋มที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูดน้ำในแก้ว

    “มีอะไรครับ คิวยากหรอครับ” ผมถาม

    “เอ่อ ก็ไม่เชิงนะคะ” พี่ทีมงานคนนึงตอบอ้อมแอ้ม “แต่พอดีว่าน้องน้ำค้างจะไปเป็นนางเอกเอ็มวีใหม่ให้น้องกันน่ะค่ะ”

    พี่ป๋อมแป๋มยื่นมือค้างไปข้างหน้าพร้อมกับอ้าปากเหมือนพยายามจะห้ามพี่ทีมงานคนนั้นไม่ให้พูดแต่ก็สายไปเสียแล้ว ชื่อคนที่น้ำค้างต้องไปเป็นนางเอกให้พุ่งกระทบใบหูสะท้อนผ่านกระดูกค้อนทั่งโกลนจนเข้าไปประมวลผลในสมองผมเรียบร้อย

    “กันหรอครับ” ผมกัดฟันถาม

    “ค่ะ แล้วทางน้องน้ำค้างก็ตกลงไปแล้ว แถมเอ็มวีน้องกันก็ปล่อยก่อนของน้องริทไม่นาน ถ้ามีนางเอกคนเดียวกันมันคงแปลกๆ น้องริทมีใครที่อยากให้มาเล่นอีกมั้ยคะ”

    “น้ำค้างเท่านั้นครับ นางเอกเอ็มวีผมต้องเป็นน้ำค้างเท่านั้น!” ผมพูดราบเรียบแต่ก็ดังพอให้ได้ยินทั้งห้อง ทุกคนเงียบกริบ มีเพียงพี่ป๋อมแป๋มที่ยิ้มแหยๆไปรอบๆแล้วหันมากระตุกแขนผมให้ลุกขึ้น

    “น้องริท ออกมาคุยกับพี่ข้างนอกเดี๋ยวนี้!” พี่ป๋อมแป๋มกระซิบเสียงโหดก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ทีมงาน “เดี๋ยวขอตัวแป๊บนึงนะคะ ไม่เกิน 10 นาทีค่ะ”

    ผมถูกพี่ป๋อมแป๋มกึ่งฉุดกึ่งกระชากลากถูกออกมานอกห้อง

    “พี่ป๋อมแป๋มพาริทออกมาทำไม ยังตกลงกันไม่เสร็จเลย!

    “ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะคะ กิริยาท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไง!” ผู้จัดการร่างท้วมเท้าสะเอวถามเสียงเขียว “ปกติแล้วน้องริทไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ไม่ใช่คนก้าวร้าวเอาแต่ใจนี่คะ ทำไมถึงทำแบบนั้น”

    “ก็พี่ไม่ได้ยินหรอ ไอ้กันมันแย่งนางเอกริทอ่ะ” ผมโวยวาย

    “แย่งที่ไหนคะ เรื่องนางเอกเอ็มวี ทีมของน้องกันเค้าตกลงกันเรียบร้อยไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้วค่ะ”

    “แต่ทำไมต้องเป็นน้ำค้าง คนอื่นมีก็ตั้งเยอะแยะ”

    “พี่จะรู้มั้ยคะ ที่สำคัญตอนนี้น้องริทสงบสติอารมณ์ด่วนเลยค่ะ เลิกคิดถึงน้องกัน..”

    “ริทไม่ได้คิดถึงมัน!

    พี่ป๋อมแป๋มถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ค่ะ ไม่ได้คิดถึง แต่ช่วยเลิกโมโหน้องกันซักแป๊บก่อนเถอะค่ะ จำไม่ได้หรอคะว่าภาพลักษณ์ของพวกน้องๆเป็นยังไง” พี่ป๋อมแป๋มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ดูปากพี่นะคะ รักกันค่ะ รักกัน”

    “แต่ริทเกลียดมัน”

    “กรี๊ดดด ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวตบปากแตกเลย ห้ามเด็ดขาดนะ ห้ามหลุดพูดคำนี้ให้พี่ได้ยินอีกเด็ดขาด จำที่พี่บอกไม่ได้หรอคะว่าศิลปินที่ทำภาพลักษณ์ของตัวเองพัง มันก็เหมือนหลอดไฟที่ตกแตก ไม่มีวันกลับมาเฉิดฉายได้เท่าเก่าหรอกค่ะ”

    ผมกอดอกหันหลังฮึดฮัดให้พี่ป๋อมแป๋ม ทำไมจะไม่รู้ ทำไมจะจำไม่ได้ แต่ก็แค่หงุดหงิด จะมีเรื่องไหนมั้ยที่ไอ้กันมันจะไม่เข้ามาขัดผม วุ้ย ยิ่งคิดยิ่งโมโห

    “ใจเย็นค่ะน้องริท ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ ลึกๆ ลึกๆ”

    ผมสูดหายใจลึกๆสองสามทีตามที่พี่ป๋อมแป๋มบอก

    “ดีขึ้นหรือยังคะ”

    “ครับ รีบคุยงานให้เสร็จเหอะ เดี๋ยวริทต้องไปซ้อมเต้นอีก”

    ผมกลับเข้าไปพร้อมพี่ป๋อมแป๋มอีกครั้งด้วยรอยยิ้มสดใส

    “เมื่อกี๊ริทขอโทษด้วยนะครับ พอดีเมื่อคืนนอนน้อยเลยไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่ ฮะๆๆ” ผมเกาหัวขำเล็กๆ พี่ๆทีมงานในห้องเลยหัวเราะตามไปด้วย “ต่อเลยครับ ส่วนเรื่องนางเอกยกให้พี่ๆเป็นธุระให้แล้วกัน”

     


    ----------------------------------------------------------------------------------------------


    หลังจากได้ข้อสรุปผมก็ตรงไปห้องซ้อมเต้นทันที ส่วนพี่ป๋อมแป๋มขอตัวไปจัดการธุระอื่น ระหว่างทางไปห้องซ้อมเต้นก็บังเอิญเห็นเงาตะคุ่มๆเดินเลี้ยวไปอีกมุมหนึ่งไกลๆ ขาออกวิ่งๆพร้อมๆกับสมองที่แล่นปรื๊ดสรรหาคำไว้มาทักทายกับไอ้เจ้าของร่างตะคุ่มนั้นที่แม้จะเห็นไกลๆผมก็จำได้ทันที

    “ไอ้ดำ!” ผมตะโกนเรียก

    คนโดนเรียกหันขวับกลับมาอย่างรู้งาน มุมปากผมยกยิ้ม

    “แหมๆ ยังจำชื่อตัวเองได้อยู่นี่หว่า” ผมยิ้มยียวนเดินไปหาไอ้ดำที่ยืนคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้า

    “มีไร ไอ้เตี้ย”

    พรืด

    ก้าวเสียจังหวะไปหน่อยนึง แต่ก็ยังทรงตัวได้

    “มาทำไรแต่เช้าวะ ได้ข่าวว่านายออกหากินตอนกลางคืนไม่ใช่หรอ  แบบต้องพรางตัวกับความมืดไรเงี้ยะ” โฮะๆๆ ปากไอ้ดำเม้มเข้าหากันเค้นยิ้มให้ผม

    มันเดินเข้ามาทั้งๆที่ยิ้มอยู่แล้วหยุดเว้นระยะห่างจากผมนิดนึง ผมมองตามมือมันที่ยื่นตรงออกมาเหนือหัว

    “หืม เหมือนจะเตี้ยลงป่าววะ เมื่อเช้าไม่ได้กินนมก่อนออกมาหรือไง ระวังนะเว่ย เตี้ยมากๆเข้าเข่ามันจะหาย” แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังลั่น

    “ไอ้กัน ต่อให้ฉันจะเตี้ย แต่ยืนตรงนี้ก็ถีบนายถึงนะโว้ย จะลองมะ” ผมถกแขนเสื้อยกขาประกอบ

    ไอ้กันกระโดดเหย็งถอยหลัง

    “ไรวะ มาถึงก็ใช้กำลังแต่เช้า เตี้ยหัวรุนแรงนี่หว่า”

    “ก็เหมาะกับไอ้ดำขี้ขโมยอย่างนายแล้วนี่”

    “เห้ยๆ ฉันไปขโมยอะไร พูดให้มันดีๆนะ”

    “นายเสนอให้น้ำค้างเป็นนางเอกเอ็มวีเองใช่มั้ย” ผมถามหน้าถมึงทึง

    ไอ้กันทำท่าคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะมีสีหน้าเข้าใจ

    “อ้อ ก็ใช่ แล้วทำไม”

    “ทำไมต้องเป็นน้ำค้าง”

    “เอ้า แล้วทำไมจะเป็นน้ำค้างไม่ได้”

    “นายก็รู้ว่าฉันชอบน้ำค้าง จงใจตัดหน้าฉันใช่มั้ย”

    “อ้าวววว นายชอบน้ำค้างหรอ” มันทำเสียงแอ๊บแบ๊วใส่จนผมอยากจะถีบมันให้กลิ้งหลุนๆไปจริงๆ หนอย มันก็รู้อยู่แล้วว่าผมแอบปลื้มน้ำค้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

    “ไอ้กัน!

    “โทษทีว่ะ พอดีฉันก็ชอบน้ำค้างอยู่เหมือนกัน” ผมจ้องหน้าตากวนอวัยวะเบื้อล่างของมันเขม็งก่อนจะเหยียดยิ้ม

    “อ้อหรอ ไม่ใช่ว่านายกำลังกิ๊กกั๊กอยู่กับปิงปองหรอวะตอนนี้”

    ไอ้กันหน้าเครียดขึ้นมาทันทีตอนที่ได้ยินชื่อปิงปอง “ฉันไม่ได้กิ๊กกับปิงปอง” มันพูดเสียงเครียดในขณะที่ผมลอยหน้าลอยตาใส่ ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเครียดจะตายกับข่าวรักโปรโมตที่ต้นสังกัดจงใจสร้างกระแสให้กับละครเรื่องที่มันกำลังประกบคู่กับปิงปองอยู่ตอนนี้

    “แหมๆ ไม่ต้องอายๆ คนกันเองทั้งนั้น” ผมเอื้อมมือไปตบไหล่มันปุๆแต่มันสะบัดหนี

    “ฉันมีงานต่อ ไม่อยากมาเสียเวลากับคนอย่างนาย” ว่าแล้วมันก็รีบเดินหนีไปทิ้งให้ผมยืนหัวเราะอย่างสะใจอยู่คนเดียว วะฮะฮ่า อย่างนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยกับเรื่องที่ไม่ได้น้ำค้างมาเล่นเอ็มวีให้ ฮึ เล่นกับใครไม่เล่น คิดจะมาเล่นกับคนอย่างพี่หรอน้อง เร็วไป 380 ปีโว้ย

    ก่อนจะเข้าห้องซ้อมเต้นผมหยิบบีบีมากดส่งรูปยิ้มไปให้เพื่อนศิลปินที่ผมรักปานจะกลืนกินทันที ตีเหล็กมันก็ต้องตีตอนยังร้อน เวลานี้แหล่ะ เหมาะกับการกระหน่ำซ้ำเติมมันที่สุด ไอ้ดำส่ง...(จุดสามจุด)กลับมาให้ผม กร๊ากกกกกกกกก สะใจ


    ----------------------------------------------------------------------------------

     

    ช่วงบ่ายผมมีถ่ายรายการแค่ตัวเดียวแล้วก็กลับบ้าน ผมนอนเล่นบนโซฟาเอาไอแพดมากดเข้าทวิตเตอร์ดูความเคลื่อนไหวของบรรดาแฟนคลับและเพื่อนๆคนอื่นตามปกติ สายตาไล่อ่านข้อความของคนที่เมนชั่นมาหา หลายๆข้อความถามถึงไอ้กันทำนองว่าวันนี้พี่ริทเจอพี่กันมั้ยคะ เมื่อไหร่พี่ริทกับพี่กันจะได้ออกงานด้วยกันอีกหรือแม้กระทั่งว่าพี่กันไม่ได้เป็นแฟนกับปิงปองใช่มั้ยคะ ผมหัวเราะคิกขึ้นมา ตอนนี้พี่กันของน้องคงกำลังนั่งหน้าเครียดเตรียมคำตอบไว้ให้นักข่าวสัมภาษณ์เรื่องความรักในกองแล้วล่ะครับ โดยเฉพาะพี่เพิ่งตอกย้ำซ้ำเติมมันไป มันอาจหนีไปแอบร้องไห้ตรงไหนแล้วก็ได้ หุหุ

    ถ้าถามว่าทำไมมีคนถามผมเรื่องไอ้กันเยอะ ส่วนนึงก็คงมาจากภาพลักษณ์ศิลปินเพื่อนรักที่โคตรจะสมัครสมานกันระหว่างผมกับไอ้กัน อีกส่วนนึงก็เพราะไอ้กันมันไม่เล่นทวิตเตอร์ เล่นแค่เฟสอย่างเดียวแล้วนานน้านนนนน นานๆทีมันถึงจะโผล่หัวมาอัพสเตตัสซักที แถมตอนนี้เห็นว่าจำนวนเพื่อนมันก็เกินพิกัดรับไม่ได้อีกแล้วเลยทำให้มีหลายคนไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟสมัน

    ถามว่าทำไมผมถึงรู้หรอครับ เอ้า มันก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรนี่ ใครๆเค้าก็รู้ทั้งนั้นแหล่ะ ไอ้ผมเองก็บังเอิญได้ยินผ่านๆหูมาเหมือนกันนั่นแหล่ะ

    กลับมาดูที่ทวิตเตอร์อีกครั้งไอ้ไวท์ทวิตหาผมว่า...วันนี้ก็ช่วยเป็นคนดีของสังคมด้วยนะครับคุณริท

    ผมหัวเราะพรืดออกมา เป็นลูกครึ่งประสาบ้าอะไรวะ สำบัดสำนวนจริงๆ ความหมายที่แท้จริงของไอ้ไวท์คือให้ผมทำตัวดีๆกับไอ้กันบ้าง

    ผมทวิตกลับไปหามันทันที...ผมเป็นคนดีของสังคมเสมอครับ ผมนั่งอ่านทวิตของแฟนๆที่ถล่มเข้ามาหลังจากผมทวิตขึ้นไปอยู่สักพักจึงเข้าไปดูตามเว็บบอร์ดต่างๆ

    ช่วงนี้ข่าวไอ้กันกับปิงปองเยอะจริงๆนั่นแหล่ะ ว่าไปมันก็น่าสงสารอยู่นะ แฟนคลับมันหลายๆคนรู้สึกจะไม่ค่อยพอใจกับข่าวนี้ซะด้วย เอ๊ะ แล้วผมจะไปสนใจมันทำไมวะ มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันดิ โวะ น้ำค้างถ่ายแบบเซ็ตใหม่เรอะ

    น่าร้ากกกกกกกกกก คนบ้าอะไรว้า ทำอะไรก็น่ารักไปหมดเลย ผมเคยมีโอกาสได้ไปออกรายการพร้อมกับน้ำค้างครั้งนึง พอกลับมาบอกได้คำเดียวครับว่าเพ้อ ละเมอเพ้อพบไปเลย คนอะไรไม่รู้น่ารักโคตรๆ อัธยาศัยดีสุดๆ โอ๊ย นางฟ้าแท้ๆเลยล่ะ

    พูดถึงน้ำค้าง ไอ้กันมันไปชอบน้ำค้างตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่เห็นมันเคยพูดถึงเห็นมันแค่พูดกับพี่ป๋อมแป๋มว่าน้ำค้างน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้ก็แค่ตอนมันไปถ่ายแบบกับน้ำค้างคราวนั้น แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เห็นมันพูดถึงอีกเลยนี่หว่า หนอย ไอ้นี่ เก็บเงียบแล้วมาฉกนางเอกผมหน้าตาเฉย

    ผมหยิบรีโมตมาเปิดทีวีโดยไม่ละสายตาไปจากไอแพด กะแค่ว่าจะเปิดไว้เป็นเพื่อนเฉยๆ แต่น้ำเสียงคุ้นหูจากในทีวีทำให้ผมต้องหันกลับไปดู

    “คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ” ชายหนุ่มหน้าคมก้าวเร็วๆตามหญิงสาวที่พยายามเดินหนีไปคว้าข้อมือไว้ “ฟังผมก่อน”

    ผมลุกขึ้นนั่งดูภาพในละครระหว่างไอ้ดำกับปิงปองนางเอกที่กำลังเป็นข่าวกับมัน นางเอกสะบัดแขนบอกให้ปล่อย แต่กลับถูกพระเอกรั้งตัวมากอดไว้ สีหน้าและแววตาเจ็บปวดของไอ้กันแสดงได้อย่างไม่มีที่ติ มันค่อยๆช้อนคางนางเอกที่กำลังร้องไห้น้ำตาไหลพรากขึ้นมาแล้วค่อยๆประทับจูบไปที่หน้าผาก อยู่ๆผมก็รู้สึกเขินขึ้นมา ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ผมก็อินไปกับการแสดงของมันไปจริงๆ เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งเค้าถึงได้หาว่ามันกับปิงปองกิ๊กกัน

     

    ~ดำ... ดูดี่ดูด๊ำดำ ชะดี่ดาดี่ด้า ดูดี่ดูด๊ำดำ ชะดี่ดาดี่ด้า ดูดี่ดูด๊ำดำชะดี่ดาดี่ด้า ดูดี่ดูด๊ำดำ...ช้า ด๊า ดา ด่า ~

     

    ผมหยิบโทรศัพท์มา เมื่อได้ยินเสียงริงโทนที่โหลดมาใส่เพื่อเพื่อนสุดเลิฟของผมโดยเฉพาะ กร๊ากกกก ได้ยินทีไรโคตรอารมณ์ดีเลยกดรับปลายสายเป็นพี่ป๋อมแป๋มที่ส่งเสียงวี้ดว้ายมาตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่ทันส่งเสียงตอบ

    “น้องริทได้ดูละครน้องกันมั้ยคะ อร๊ายยยย”

    “ไม่ได้ดูครับ” ผมตอบแล้วรีบเปลี่ยนช่อง เรื่องอะไรจะบอก บอกก็เสียฟอร์มดิ

    “ทำไมไม่ดูคะ น้องกันแสดงดีมากเลยนะ กรี๊ดดดด พี่ยังจิกหมอนอยู่เลยตอนนี้เนี่ย จูบหน้าผากแล้วมาจูบแก้มซับน้ำตา แอร๊ยยยยยย หมอนจะขาด”

    “เฮอะ ก็งั้นๆแหล่ะ ไม่เห็นมีไรแตกต่างจากดาราคนอื่นเลย” ผมพูดเนือยๆ

    “แหม ทำไมจะไม่ต่างล่ะคะ เอ๊ะ แต่ไหนน้องริทบอกว่าไม่ได้ดู ไม่ได้ดูแล้วรู้ได้ไงคะว่ามันงั้นๆ

    “เอ้อ เอ่อ คือว่า...ริท”

    “แหมๆ ดูอยู่ก็บอกมาเหอะค่ะ ทำเป็นเขินไปได้ น่าๆ” ภาพพี่ป๋อมแป๋มทำมือน่าๆพร้อมรอยยิ้มล้อเลียนลอยเข้ามาในหัวทันที

    “ริทไม่ได้จะดู แค่บังเอิญเปิดไปเจอเฉยๆ”

    “ค่าๆ เดี๋ยวพี่ไปบอกน้องกันให้นะคะ น้องกันต้องดีใจแน่ๆที่น้องริทดูละครน้องกันด้วย”

    “อย่า!!!!” ผมรีบแหกปาก “อย่านะพี่ป๋อมแป๋ม อย่าบอกไอ้กันเด็ดขาดนะว่าผมดูละครมัน!” ขืนมันรู้มีหวังหัวเราะเยาะผมแถมด้วยล้อไปสามวันแปดวัน

    “อะไรล่ะคะ ดีออก จะได้เป็นการเริ่มเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีด้วย”

    “เชื่อมสัมพันธไมตรีอะไรล่ะ ริทไม่อยากเชื่อมซักหน่อย พี่ป๋อมแป๋มห้ามบอกไอ้กันนะ ห้ามเด็ดขาด!

    “ก็ได้ค่าก็ได้ แต่แหม..” เสียงพี่ป๋อมแป๋มเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ “ของอย่างนี้มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะคะน้องริท”

    ขนแขนผมแสตนด์อัพขึ้นมาทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงหวานจ๋อยจากพี่ป๋อมแป๋ม

    “พะ พี่ป๋อมแป๋มอยากได้อะไรครับ” ส่งน้ำเสียงประจบประแจงที่สุดเท่าที่จะทำได้กลับไป

    “เอ๊ อยากได้อะไรดีน้อออ ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออกเลย”

    “คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดสิคร้าบ ริทว่าริทไปอาบน้ำดีกว่า ฮะๆๆ”

    “ไม่ต้องเลยค่ะ ไม่ต้องชิ่งเลย เอางี้ น้องริทจะต้องทำตามคำขอร้องของพี่หนึ่งอย่าง ห้ามปฏิเสธ ห้ามมีข้อแม้ใดๆตกลงมั้ยคะ”

    “คำขอร้องอะไรครับ” ผมถาม รู้สึกหนาวเยือกมาตามสันหลัง

    “ตอนนี้ยังไม่รู้ค่ะ ไว้รู้แล้วจะบอกนะคะ เท่านี้ล่ะค่ะ กรี๊ดดดด พี่ดูละครต่อก่อนนะคะ สวัสดีค่า”

    แล้วพี่ป๋อมแป๋มก็วางสายไปอย่างร่าเริง

    เหอะๆ ขนาดมาแค่ในละครยังนำพาความซวยมาให้ฉันนะไอ้ดำ ความคิดพี่ป๋อมแป๋มแต่ล่ะอย่างห่างไกลจากสิ่งที่คนปกติเค้าคิดกันอย่างน้อยก็โยชน์หนึ่งนู่นล่ะ ภาวนาให้แกไม่อุตริคิดอะไรแผลงๆก็แล้วกัน

    เสียงสัญญาณเตือนว่ามีบีบีเข้า

    ผมหยิบขึ้นมาดู ไอ้ดำตัวแสบบีบีมาหาว่า...ไอ้เตี้ย คำเดียวสั้นๆโคตรได้ใจความ แสดงถึงความกากของผู้ส่งอย่างถึงที่สุด

    ผมพิมพ์กลับไป ...ไอ้ดำ ว่างมากหรือไง

    ...ศิลปินสุดฮอตอย่างฉันไม่มีเวลาว่างมากเหมือนนายหรอก

    ...ถ้าไม่ว่างแล้วจะบีบีมาทำซากอะไรวะ

    ...ผีหลอกแน่คืนนี้

    ...ไอ้กากกกกก

    ไม่มีข้อความอะไรส่งมาอีก ผมวางบีบีไว้บนโต๊ะทำปากยื่นด่าไอ้คนในบีบีขมุบขมิบอยู่คนเดียว กดกลับไปช่องละครของมันอีกครั้ง

    “ชิ ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นใส่ฉันเลย ไม่ได้ดูดีขึ้นมาในสายตาฉันหรอกโว้ย”


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------


    เปิดตัวเกรียนเตี้ย 55555555+

    ถามว่าริงโทนริทได้มาจากไหน จากเพลงนี้จ้าาาา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×