หัวข้อ :
เรื่องเกี่ยวกับเพื่อน ลองอ่านดูแล้วจะซึ้งอยากระบาย : ( อ่านแล้วไม่ ต้องอ่านก็ได้นะครับ ) เพียงความทรงจำ (ลองอ่านดูครับ ซึ้งก๊อปเค้ามาครับ) ... เช็ดน้ำตาสะนะคนดี...!!!!!
แสงไฟติดๆดับๆจากเสาไฟฟ้าข้างทาง อาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสมุดเล่มหนึ่งซึ่งตกอยู่ระหว่างกอหญ้าที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาทแต่ไม่เคยมีใครสักคนคิด จะหยิบมันขึ้นมาปล่อยให้สมุดที่เคยสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอน อยู่กับกอหญ้า ผ่านลมและฝนมานานพร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันยิ่งเลือนลางเพราะน้ำฝน...แต่ฝน ไม่สามารถลบเลือนคำสัญญาจากจิตใจคนๆหนึ่งได้
ชีวิตของเด็กมัธยมปลายทุกคนคงไม่สามารถหลีกหนีไปจากเรื่อง เพื่อน ความฝัน ความรัก เอ็นทรานซ์ ไปได้ และทั้งหมดนี้คือที่มาของเรื่องราวของผมที่เริ่มต้นที่ห้องเรียนศิลปะ ผมบอม กบ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่ ม.ต้นได้มาอยู่ห้องเดียวกันในชั้นม.4 คงเป็นเหตุการณ์นั้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกับนุ่น
“นี่เธอ...เธอ..ยืมของเราก็ได้นะ” บอมพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2b ให้ 1 แท่ง เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา รอยยิ้มที่เราได้เห็นทำให้พวกผมนึกไปถึงรอยยิ้มของน้องสาวตัวเล็กๆน่ารักคนหนึ่ง หลังจากหมดชั่งโมงศิลปะ พวกผมอาสาพาเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผม พร้อมกับความแปลกใจของหลายๆคนที่เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตา น่ารักคนหนึ่ง นั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยคำสบถต่างๆ ซึ่งเป็นคำธรรมดาในความคิดของเด็กผู้ชาย
จากวันป็นเดือน......จากเดือนเป็นปี....เมื่อเพื่อนคบกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน...และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่นุ่นตัดผมสั้นมาใหม่ “เฮ้ยนี่แกอะไรเข้าฝันวะ” ผมพูด “อี๋...ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย” กบพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะจากทุกคน “แต่เราว่าน่ารักดีนะ” บอมพูด คำๆนี้ของบอมทำให้หน้าขาวๆของนุ่นแดงขึ้นมา ตั้งแต่เราเริ่มสังเกตุจากวันนั้นเราก็รู้ว่าคำพูดของบอมมีอิทธิพลกับนุ่นมาก และรู้ว่านุ่นต้องแอบปลื้มบอมไม่มากก็น้อย แต่ไม่เคยมีคำว่ารักคำใดๆเกิดขึ้นในกลุ่มเพื่อน ณ.โต๊ะประจำกลุ่มของเรา
“ขนมมาแล้วจ๊ะ” เสียงใสๆของนุ่นที่มาพร้อมกับขนมหลายถุงที่ถือเดินคู่มากับบอม (การซื้อขนมเบื้องของนุ่นมักเป็นกิจวัตรประจำ พวกเราเคยปฎิเสธเพราะพวกผมยังไม่รู้ว่านั่นมาจากเงินเล็กน้อยของคุณหนูนุ่นนั่นเอง) ขณะที่กินขนมอยู่นั้นนุ่นถามถึงอาชีพในอนาคตของทุกคน ผม กับ กบ ยังไม่ได้คิดอะไรถ้า เอ็น ติดอะไรก็เรียนไป ความฝันของบอม คือ เข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์ และเป็นนักวิเคราะห์การเงินเหมือนพ่อของเขา ความฝันของนุ่นที่ต้องการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กไม่ทำให้พวก ผมแปลกใจเลย เพราะการชอบช่วยเหลือผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีที่เป็นนิสัยของเธอ
สิ่งที่เรารู้กันเลยก็คือนุ่นต้องอยากเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์แน่นอน เมื่อนุ่นพุดจบบอมก็หยิบสมุดจดศัพย์ภาษาอังกฤษของนุ่นที่วางอยู่มาเปิดไปหน้าสุดท้าย ของสมุดแล้วเขียนว่า...เราสองคนจะต้องเป็นลูกแม่โดมให้ได้นะ.....ลงชื่อ....บอม ... สิ่งที่เราเห็นต่อมาคือรอยยิ้มของนุ่นพร้อมกับหน้าแดงนาน 2-3นาที ยิ้มน่ารักมากกว่าสิ่งใดๆ............วันแรกของม.6ไม่มีอะไรมากนอกจากการฉลองที่นุ่นได้อนุญาติให้ ไป-กลับโรงเรียนเองเหมือนนักเรียนทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่นุ่นต้องการมาตลอด 4-5 ปีที่แม่คอยรับคอยส่ง.. วันนี้ผมได้เห็นอาการดีใจของคนที่ได้รับสิ่งที่ผมเรียกมันว่า....
”อิสรภาพ”......... ชีวิตของนักเรียนม.6 หลายๆคนคงไม่พ้นการเรียนพิเศษต่อตั้งแต่ 5 โมง-2 ทุ่ม แต่การที่ได้เรียนกับเพื่อนรักของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเหนื่อยหรือ
ท้อแท้เลย โต๊ะ 4 ตัวหลังสุดเป็นที่รู้กันว่าเป็นโต๊ะของกลุ่มผมขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยรออาจารย์อยู่นั้น บอมได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงใส่ชุดuniformแขนยาว หน้าตาสวย
มากคนหนึ่ง พร้อมพูดว่า “นี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิเราชอบเขามากเลยนะ” ตั้งแต่วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นประเด็นสนทนาในกลุ่มอีกบ่อย แต่ทุกครั้งที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นผม
รู้สึกว่านุ่นมีความรู้สึก
แปลกๆที่ไม่แสดงออกมาจนผมคิดว่าต้องให้บอมถามให้ได้ว่าเป็นอะไรเพราะเขาสองคนสนิทกันมากที่สุด แต่บอมก็ไม่เคยสงสัยและถาม สักพักผมเลิกสนใจกับสิ่งนี้เพราะผมก็แค่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง
เวลาที่พวกผมได้ผักผ่อนมากที่สุดจากการเรียนคงเป็นตอนหลังเลิกเรียนพิเศษ ซึ่งพวกผมจะเวียนไปฝากท้องตามร้านต่างๆ หลังจากนั้นก็มักไปเล่นเกมส์ เกมส์ประจำตัวของผมคือ daytona ของกบชอบเล่น dj โดยเฉพาะตอนมีสาวๆมองเยอะจะออกลีลาเป็นพิเศษ เครื่องตู้เกมส์ เตอติสที่อยู่หลังร้านเหมือนเป็นเกมส์ที่สร้างมาเพื่อ บอมและนุ่น ผมได้เห็นทั้งคู่เล่นด้วยกัน เล่นแข่งกันได้ ดูเวลาที่เขาแกล้งกัน นุ่นมักปัดมือของบอมให้ออกจากจอยเกมส์เป็นประจำ เวลาที่ทั้งคู่เล่นแข่งเพราะบอมเป็นคนที่เล่นเก่งมาก แต่บอมก็ชอบและไม่เคยเห็นบอมโกรธนุ่นสักครั้งเวลาที่นุ่นคอยแหย่คอยกวน ผมคิดว่าทั้งคู่คงมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน พลางคิดไปถึงคำพูดในหนัง รักออกแบบไม่ได้ ที่ว่า ”เป็นเพื่อนกันดีที่สุดจะได้คบกันนานๆ” แต่สำหรับสำหรับคู่นี้ผมนึกภาพไปถึงตอนที่ทั้งคู่เป็นคนชราคู่หนึ่ง ที่ใช้เวลาบั้นปลายชีวิตนั่งนับดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน และต่อเติมความสุขซึ่งกันและกัน ทุกครั้งที่มองคู่นี้อยู่ด้วยกันผมคิดว่าเค้ากำลังร่วมสร้างและต่อเติมความ รักซึ่งกันและกันอยู่ แม้เพื่อนสนิทอย่างผมจะแซวว่าทั้งคู่ไม่เหมือนแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นนะคู่นี้ แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของทั้งคู่พร้อมอาการเขิน และสายตาของนุ่นที่หันไปมองบอม แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันปฎิเสธแล้วนุ่นก็มักจะพูดว่า”พวกนี้เนี่ยไม่พูดด้วยแล้ว” พร้อมกับหันหลังเดินไปซื้อขนมและบอมก็เดินตามติดๆกันไป วันศุกร์ใกล้ปิดคอร์สเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเมื่อพวกเรามาถึงที่เรียนพิเศษปรากฏว่าไฟดับ โรงเรียนจึงนัดชดเชยให้วันอื่น วันนี้จึงไม่ค่อยได้เรียนเพราะวันศุกที่โรงเรียนมีเรียนแค่ 2 วิชา พวกเราจึงถือสมุดหนังสือไปเรียนเพียงไม่กี่เล่ม หลังจากนั้นพวกเราจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้นุ่นผิดปกติดูซึมๆตั้งแต่เช้า พวกเรารบเร้าเท่าไหร่ก็ไม่บอก ขณะที่เดินเล่นกันอยู่บอมได้จับหน้าผากของนุ่น บอมตกใจมากเพราะนุ่นตัวร้อนจัด บอมจึงพูดว่า”นุ่นเธอตัวร้อนมากนะกินยาอะไรหรือยัง?”
“ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” นุ่นตอบ
พวกผมจึงรบเร้าให้นุ่นรีบกลับไปผักผ่อนที่บ้านและตัดสินใจให้บอมเดินไปส่งนุ่นขึ้นtaxi โดยผมกับกบจะไปรอที่food center ก่อนที่ผมจะแยกย้ายกับนุ่น บอมแซวนุ่นว่า “นี่ไม่สบายขนาดนี้ยังไม่ยอมนอนพักอยู่บ้านอีก”
“ก็ฉันเป็นเด็กขยันนะซิจ๊ะ” นุ่นตอบพร้อมกับยิ้มมา
“ดูนุ่นสิหน้าเหมือนคนจะตายอยู่แล้วยังยิ้มออกอีก” บอมพูดไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้จะเป็นรอยยิ้มที่พวกผมจะไม่มีวันลืม
สำหรับผมเหตุผลเดียวที่นุ่นมาเรียนวันนี้คือการที่ได้มานั่งเรียนพิเศษข้างๆบอม หลังจากผมแยกย้ายกับนุ่นบอมก็เดินไปส่งนุ่นขึ้นtaxi กลับบ้าน ........เอี้ยด.....ปัง......อัก...... รถบบรทุกคันหนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับtaxiคันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย กระเด็นกระแทกกระจกรถออกมา ตกลงบนพื้น และไถลไปข้างหน้าอีก7-10 เมตร สมุด หนังสือ ดินสอกระจัดกระจายอยู่บนถนนบ้างบนทางเท้าบ้าง กล่องดินสอ มือถือแตกเป็น 2 ส่วน พลเมืองดีผู้หนึ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลไปส่งโรงพยาบาล
เช้าวันเสาร์ ณ ที่เรียนพิเศษวิชาคณิตพวกผมรู้สึกแปลกใจที่นุ่นมาเรียนสาย เพราะปกตินุ่นจะมาเป็นคนแรกแต่พวกผมก็คิดว่านุ่นคงยังไม่ค่อยสบายและผักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่ขณะที่เริ่มเรียนไปได้15นาที เพจของบอมก็ดังขึ้น พรอ้มกับข้อความจากแม่ของนุ่นที่ว่า ตอนนี้นุ่นอยู่ห้อง ICU โรงพยาบาลเปาโล ต้องการพบบอมด่วน เมื่อพวกผมอ่านข้อความนี้จบก็เดินออกจากห้องทันที มารู้ตัวอีกทีก็คือเห็นรอยช้ำของขอบตาที่เกิดจากการร้องไห้ของแม่ของนุ่น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดที่หน้าห้องICU เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องหมอบอก พวกผมว่านุ่นเสียเมื่อ 5 นาที ที่แล้ว พวกผมเหมือนตกอยู่ในภวัง น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากทุกคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย ทุกคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงของนุ่น
ไม่มีสักคนเปิดผ้าที่คลุมร่างที่ไร้วิญญาณของนุ่นดูเพราะทุกคนรู้ดีว่านุ่นไม่ต้องการให้ใครเห็นนุ่นในสภาพอย่างนี้แน่ เหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเสียใจมาก แต่ยังไงก็คง ไม่เท่าบอมเพราะทุกคนรู้ดีว่าบอมเสียใจมากที่สุด แต่บอมก็เก่งมากเพราะหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งก็ไม่เห็นบอมร้องไห้อีก ขณะนั่งเรียนวิชาคณิตในคาบที่ 7 หลังจากงานชาปณกิจนุ่น 2 วัน แม่ของนุ่นได้ขออนุญาติอาจารย์เดินเข้ามาหาบอมในห้องและพูดว่า ”ในห้องICU ก่อนที่นุ่นจะสิ้นใจนุ่นบอกกับแม่ให้นำ diary เล่มนี้มาให้บอมให้ได้
แล้วแม่ของนุ่นก็ยื่นถุงกระดาษที่ข้างในมีdiary เล่มหนึ่งมาให้ หลังจากหมดคาบผมและบอมได้หยิบdiary ขึ้นมา มันเป็นdiary เล่มสีชมพูที่นุ่นใช้เขียนความคิดและความฝันต่างๆของนุ่น ชื่อของบอมมีอยู่ในdiaryของนุ่นทุกหน้าตั้งแต่วันที่เธอได้พบกับบอมที่ห้องศิลปะ เมื่อพลิกกลับมาช่วงกลางเล่มน้ำตาของบอมก็หยดลงบนรูปๆหนึ่งที่นุ่นวาดขึ้นในdiary เป็นรูปนุ่นกับบอมที่ยืนยิ้มโดยนุ่นยืนกอดแขนบอมอยู่และทั้งคู่ใส่ชุดนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์
“ทำไมนุ่นไม่รู้ล่ะว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน” บอมพูดเมื่ออ่านdiary และได้รู้ว่านุ่นรอคอยคำว่ารักจากบอมอยู่ และเมื่อช่วงหนึ่งในdiary จึงได้รู้ว่านุ่นเข้าใจผิดว่าบอมไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่บอมชี้ให้พวกเราดูที่เรียนพิเศษ สิ่งต่อมาที่ผมได้รู้ก็คือ นุ่นไม่เคยเข้าใจสิ่งที่บอมพูดเสมอในกลุ่ม ว่า รัก กับ ชอบ นั้นแตกต่างกันมาก ผมได้แต่นึกเสียดายที่บอมไม่ยอมพูดความรู้สึกของตัวเองให้นุ่นได้รับรู้ ได้แต่ปล่อยให้นุ่นคิดไปต่างๆนาๆ เพราะถ้าบอมได้พูดและอธิบายความรู้สึกของตัวเอง นุ่นก็คงจากไปอย่างมีความสุขกว่านี้ ก่อนการเร่งสอบปลายภาคไม่กี่วัน เพื่อให้เวลานักเรียนอ่านหนังสือเตรียมเอ็น ครั้งที่2 ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกัน กบได้ตะโกนถามเพื่อนๆทุกคนว่า ถ้าตอนนี้มีพรวิเศษขออะไรก็ได้สิ่งหนึ่งจะขออะไร คำตอบที่ได้ก็แตกต่างกันไป บ้างขอให้ หล่อ รวย สวย เอ็นติด ทุกคนตอบต่างๆกันไป เมื่อกบหันมามองหน้าบอมทุกคนก็หันมาเหมือนจะรอคำตอบจากบอม “เราขอแค่ได้พบนุ่นอีกครั้งแล้วเราจะบอกเค้าว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน” บอมตอบมาพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆคลอออกมา หลังที่บอมพูดจบเพื่อนในห้องหลายคนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตน
วันนั้นผมจึงได้รู้ว่า นุ่นยังคงอยู่ในใจของบอมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง วันที่ผมได้รู้อานุภาพของความรักก็คือวันประกาศผลเอ็น เรานัดเปิดซองจดหมายผลสอบพร้อมกันที่บ้านของกบ กบติด ม.เชียงใหม่ ผม ติดที่ประสานมิตร แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากคือ คนที่ได้คะแนน 60 กว่าเกือบทุกวิชาไม่ติดเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร แต่คำอธิบายของบอมก็ทำให้ผมรู้ว่าบอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักการเงินของเขา มาเรียนสังคมสงเคราะห์เพื่อเดินตามความฝันของนุ่น ทำให้ผมได้เห็นความรักที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆหนึ่ง ความฝันของบอมเปลี่ยนเป็นการได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้นำชื่อณัฐธิดาที่เป็นชื่อจริงของนุ่นมาตั้งเป็นชื่อสถานเลี้ยงเด็กเพื่อเป็นอนุสรณ์ของผู้หญิงจิตใจดีงามคนหนึ่งที่เค้าได้เคยพบเจอในชีวิต คนที่ไม่รู้จักบอมดีจะมองเค้าเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปิดตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ใคร แต่สำหรับผมรู้ดีว่าใครอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา ........
ในเวลาโพล้เพล้สายลมลมพัดเมฆมาก่อตัวรวมกันจนกลั่นป็นเม็ดฝนลงมาสู่ดินทุกหนแห่ง ลมพัดเข้ามาในหัองผมอย่างแรง ทำให้กรอบรูปที่มีรูปถ่ายของพวกเราอยู่ คว่ำด้านหน้าลง ผมหยิบมันพลิกขึ้นวางที่เดิม และมองไปที่รูปนั้น อีกครั้งหนึ่งที่มันทำให้ผมนึกถึงเธอ...
เธอ ผู้ที่ทำให้พวกผมรู้ได้รู้ว่าคนดัดฟันกินอาหารบางอย่างไม่ได้
เธอ ผู้ที่ทำให้พวกผมได้หัดฟังเพลงค่าย DOJO CITY
เธอผู้ที่แนะนำให้พวกผมมองโลกในแง่ดี และออกไปต่อสู้กับปัญหา
เธอผู้ที่นำความงดงามของจิตใจเธอมาให้พวกผมได้สัมผัส
เธอผู้ที่มาเปลื่ยนแปลงชีวิตของพวกผม
เธอผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา
ฝนยังคงกระหน่ำลงบนถนนสายหนึ่ง เม็ดฝนกระหน่ำลงมาปานจะฉีกสมุดที่อยู่ในดงหญ้าข้างๆทางเท้าเล่มหนึ่งยุ่ยขาดเป็นส่วน แม้จะผ่านลมฝนลมหนาวมานานเท่าใดแต่สมุดเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ที่เดิมพร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้เพราะคนๆหนึ่งได้จากไปแล้ว..... “รัก” บางคนคิดว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูด แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีบางคนใช้ชีวิตเพื่อเสาะหาและรอคอยคำๆนี้จากปากคุณอยู่ เมื่อคุณมั่นใจแล้วคุณควรที่จะพูดออกไป ดีกว่าที่จะต้องมานั่งเสียดายและเสียใจเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่...สาย...เกิน...ไป....
*ขอบคุณที่กรุณาสละเวลามาอ่าน... *...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น