คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๒ หัวขโมย
๒
หัวขโมย
“ล้อเล่นรึเปล่านายใหญ่ นายเนี่ยนะจะแต่งงาน?” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนครึ่งศอกกับกางเกงยีนสีซีดกรอกเสียงถามอย่างพิศวงผ่านเครื่องมือสื่อสารล้ำสมัย ใบหน้าหล่อเหลาคมคายโดดเด่นไม่เป็นรองใครส่งยิ้มขี้เล่นให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินสวนกันภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังตามประสาหนุ่มเจ้าชู้ ชอบโปรยเสน่ห์ไปทั่ว
“คนอย่างเราเคยทำอะไรเล่นๆ ด้วยเหรอ”
เสียงย้อนจริงจังทำให้คนฟังถอนใจ ไหวไหล่ เบ้ปาก หากไม่ได้ทำให้ความคมสันบนใบหน้าลดลงแม้แต่น้อย สาวใหญ่นางหนึ่งเดินสวนมายังต้องหลบตาเอียงอายเมื่อเขาขยิบตาให้
“เออ รู้ว่านายมันจริงจังกับทุกเรื่อง แต่ถามจริง ใครเป็นผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นวะ”
“กลับมาร่วมงานให้ได้ก็แล้วกัน ถึงเวลาก็รู้เองแหละ แล้วตกลงจะกลับเมื่อไหร่ หรือจะเป็นคาวบอยอยู่ที่ฟาร์มไปจนตาย”
คราวนี้คนฟังถึงกับระเบิดหัวเราะอย่างขบขัน แต่สักพักนัยน์ตาซุกซนก็เหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า สาวเจ้าสวยเด่นเรียกว่ากระโดดออกมาจากความฝันของผู้ชายทุกคนเลยทีเดียว
‘อติยะ’ ไม่รอช้า รีบตัดบทสนทนากับพี่ชายฝาแฝดอย่างรวดเร็ว
“ใครบอกว่าเราอยู่ที่ฟาร์ม ตอนนี้อยู่กรุงเทพฯ ต่างหาก ไว้ว่างๆ จะแวะไปทักทายให้นายหายคิดถึงนะ แต่ตอนนี้ขอตัวก่อน เรามีธุระด่วนต้องเคลียร์”
“เฮ้...เล็ก นายเล็ก!”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่อติยะได้ยินก่อนที่เขาจะกดตัดสาย แฉลบไปยืนขวางหน้าสาวสวยที่เล็งไว้แล้วว่าต้องทำความรู้จักกับเธออย่างลึกซึ้งให้จงได้
มินตราชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมองบุรุษนิรนามที่โผล่พรวดมาขวางเส้นทางการสัญจรของเธอด้วยความแปลกใจ
ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ใช้ตาคมเขม้นมองอีกฝ่ายหวังให้ละลายอยู่ตรงนี้ ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการล่าเหยื่อในขั้นตอนต่อไป
หญิงสาวขยับถอยหนึ่งก้าว ยกสองแขนขึ้นกอดอก ถอนใจยาวอย่างเบื่อหน่าย แต่ไม่วายเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงผู้ดีโดยแท้
“Excuse me, can I help you?”
อติยะเลิกคิ้ว สีหน้างุนงง
หญิงสาวกลอกตา ถอนใจพรืดใหญ่ “พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อีก เวรกรรม แล้วฉันจะทำยังไงเนี่ย”
ชายหนุ่มเพิ่งถึงบางอ้อ เธอคงคิดว่าเขาเป็นชาวต่างชาตินั่นเอง ก็ไม่แปลกนัก ในเมื่อเขาเป็นลูกเสี้ยวหลายเชื้อชาติ ด้วยบิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ส่วนมารดาเป็นลูกครึ่งอังกฤษกับอเมริกัน-ไทย ทำให้เขามีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนชาวตะวันตก และมีใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกกับตะวันตกอย่างลงตัว ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ใช่ไทยแท้อย่างแน่นอน
เขาพยักหน้าหงึกหงักก่อนส่งยิ้มชวนละลายให้เธอพร้อมบอกเสียงนุ่ม “ผมเป็นคนไทยครับ”
หญิงสาวนิ่วหน้า ย้อนถามเสียงขุ่น “งั้นคุณต้องการอะไรไม่ทราบ”
อติยะหน้าเหวอไปเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีสุภาพสตรีคนใดแสดงความหยาบคาย ไม่ให้เกียรติใบหน้าอันหล่อเหลา และบั่นทอนความมั่นใจของเขาอย่างร้ายกาจเหมือนเธอมาก่อน
ไม่ได้การ เขาควรต้องเรียกความมั่นใจคืนซะหน่อย!
“อ้าวคุณ คนไทยด้วยกันทำไมต้องดุด้วยล่ะครับ คนชาติเดียวกันแท้ๆ นะ ทีตอนที่คุณคิดว่าผมเป็นชาวต่างชาติยังมีน้ำใจถามไถ่เลยว่าต้องการความช่วยเหลือรึเปล่า แต่กับคนไทยละทำหน้าบึ้งเชียว”
ดวงตาคู่สวยวาววับจ้องอีกฝ่ายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งเขาทำลอยหน้า
ลอยตากวนประสาทก็ยิ่งโมโห นึกอยากร้องกรี๊ดๆ ใส่หูเขาให้ดับไปเลย แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่ในอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับใคร ถ้าเป็นอารมณ์อยากฆ่าคนละก็ไม่แน่
“ผมพูดเรื่องจริงถึงกับโมโหเลยเหรอครับ รับไม่ได้ละสิที่ถูกจี้ใจดำ”
ชายหนุ่มยังกวนไม่เลิก ตั้งใจว่าหากทำให้เธอประทับใจในครั้งแรกที่พบไม่ได้ก็จะทำให้หญิงสาวจดจำเขาไปจนวันตายเลยทีเดียว
หน็อย...เขารึออกจะรูปหล่อน่าเคี้ยว มาทำให้เสียเซลฟ์อย่างไม่น่าให้อภัยแบบนี้ ต้องเจอดีบ้างละ!
หญิงสาวกัดฟัน ข่มกลั้นโทสะ เดินหลบเขาเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่ต้องฟังอีกฝ่ายพูดจากวนโมโหให้ของขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ เท่าที่โดนคนรักเบี้ยวนัดก็ทำให้เธอหงุดหงิดมากพอแล้ว
“อ้าวคุณ รับความจริงไม่ได้ถึงกับต้องเดินหนีเลยเหรอ อ่อนหัดไปรึเปล่าครับ” เขาก้าวตามไม่ลดละ ยิ่งเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ดีกรีความมั่นอกมั่นใจที่มีอยู่ในระดับสูงเกินพอดียิ่งลดลงฮวบฮาบราวกับหุ้นร่วงจากกระดานในตลาดหลักทรัพย์
มันจะมากไปแล้วนะ เขาเคยต้องเดินตามใครแบบนี้ที่ไหนกัน!
“รอผมด้วยสิ อย่างอนเลยน่า ดีกันเถอะนะ”
น้ำเสียงยียวนกวนประสาทที่ยังลอยตามหลังมาไม่ห่างเหมือนอีกฝ่ายจงใจกัดไม่ปล่อย ทำให้หญิงสาวกำหมัดแน่น กัดฟันข่มใจไว้สุดฤทธิ์
‘ใจเย็นๆ มิ้น รอให้ถึงลานจอดรถก่อนเถอะ!’
หญิงสาวก้าวเร็วแทบเป็นวิ่งเพื่อไปให้ถึงที่หมาย ในขณะที่เขาเดินตามสบายๆ เพราะช่วงขายาวกว่าเธอเป็นไหนๆ
“นี่คุณจะรีบเดินไปไหนเล่า ผมพูดด้วยดีๆ ทำใจน้อยไปได้ อย่างอนเลยน่า รอผมด้วยสิที่รัก”
เสียงของเขาดังขึ้นทุกขณะ แทบจะเป็นตะโกนด้วยซ้ำ ผู้คนที่เดินสวนมาถึงกับอมยิ้ม มองสองหนุ่มสาวอย่างล้อเลียนแกมเอ็นดู มินตรารู้สึกอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ในขณะที่ชายหนุ่มเปิดยิ้มให้ท่านผู้ชมอย่างไม่สะทกสะท้าน ยิ่งมีคนมองมากเท่าไร เขายิ่งพอใจมากเท่านั้น
ร่างบางหักเลี้ยวฉับไวเมื่อเจอป้ายทางออก รีบผลักประตูกระจกใสโดยแรง
แล้วเดินผ่านออกไปสู่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าอย่างไม่รีรอ
อติยะก้าวตามติดๆ มาดหมายที่จะก่อกวนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ
เธอต้องชดใช้ให้กับความมั่นใจที่หดหายไปของเขาอย่างสาสม!
มินตราหยุดเดินกะทันหัน ฝ่ายที่เดินตามไม่ลดละถึงกับต้องเบรกจนตัวโก่งเพื่อไม่ให้ร่างกายสูงใหญ่ของเขาชนโครมเข้ากับร่างเล็กบางของเธอ
ใจจริงก็อยากชนอยู่เหมือนกันแหละ แต่พอเจ้าหล่อนหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็น เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ อย่างไรพิกล
“นี่คุณ ถามจริงๆ นะ สมองไม่ปกติรึไง ตามกวนประสาทชาวบ้านอยู่ได้ หน้าตาก็พอไปวัดไปวานะ เสียดายที่สมองบกพร่องจนเกินเยียวยา แล้วเที่ยวมาเดินห้างหรูๆ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมอวดคนอื่นนี่คิดว่าจะสามารถยกระดับตัวเองได้รึไง ถ้ายังทำตัวเหมือนคนประสาทเสีย จิตไม่ปกติอยู่แบบนี้ ใครเขาก็ดูออก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะ ไม่ต้องมาใช้มุกเฝือๆ จีบฉัน มุกแบบนี้ฉันเจอมาเยอะแล้ว เบื่อ บอกเลยว่าฉันไม่สนใจคุณหรอก แฟนฉันทั้งหล่อทั้งรวย ดีกว่าคนประสาทกลับอย่างคุณเป็นกอง”
หญิงสาวระบายอารมณ์ออกมาชุดใหญ่หลังจากแน่ใจว่าไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครแล้ว ดวงตาคู่สวยจิกมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดเท้าอย่างดูถูก ริมฝีปากอิ่มบิดเบ้ด้วยความรังเกียจเปิดเผย
อติยะได้แต่อึ้ง ความโมโหแล่นปรู๊ดเดียวถึงสมอง กัดฟันแยกเขี้ยวโดยไม่ใส่ใจจะสร้างภาพเป็นชายหนุ่มรูปหล่อแสนสุภาพต่อหน้าเธออีกแล้ว เขาสรุปเองว่าหญิงสาวเป็นพวกจิตไม่ปกติเช่นกัน
แน่นอน ก็ผู้หญิงปกติที่ไหนจะบอกว่าหน้าตาเขาพอไปวัดไปวา ดูมุมไหนก็หล่อเลือกได้ซะขนาดนี้ ถ้าเธอพูดแบบนั้นควรต้องไปตัดแว่นด่วนๆ!
“รู้อะไรไหมครับคุณผู้หญิง” เขาปั้นยิ้มโดยที่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย
“ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมายืนด่าผมปาวๆ เหมือนอย่างที่คุณทำมาก่อนเลยนะ”
หญิงสาวแค่นหัวเราะ มองหน้าเขา ไหวไหล่พลางท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว “จะขอบคุณฉันด้วยไหมล่ะ เอาสิ”
ชายหนุ่มเหลือกตามองเพดานก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างน่ากลัว และ กวาดตามองไปรอบบริเวณโดยเร็ว เมื่อไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นใดแถวนั้น เขาก็หันกลับมาก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อย
“นั่นสิ ผมควรต้องขอบคุณอย่างลึกซึ้งให้สมกับความกรุณาของคุณซะแล้ว”
ว่าแล้วร่างสูงก็ขยับอย่างรวดเร็วจนมินตรามองไม่ทัน เมื่อรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อนรุ่มก็บดเบียดกลีบปากนุ่มของเธออย่างสนิทสนมลึกซึ้งตามที่เขาให้คำมั่น
หญิงสาวตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง สติสตังกระจัดกระจายไร้ทิศทางด้วยยังไม่เคยถูกผู้ชายจูบมาก่อน จนเมื่อความอุ่นร้อนแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามาเธอจึงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รีบใช้มือปัดป่ายผลักไสด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่หน้าอกของเขาแข็งแน่นราวกำแพงเหล็ก ไหนจะลำแขนแข็งแรงที่โอบรัดอยู่รอบเอวบางจนไม่สามารถดิ้นหนีจากพันธนาการได้อีกเล่า แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับว่าริมฝีปากของเขากำลังทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ
แรงต้านทานค่อยๆ ถูกดูดกลืนไปพร้อมสัมผัสเร่าร้อนเชี่ยวชาญของคนมากประสบการณ์ ความวาบหวามชวนเคลิ้มเข้าครอบงำประสาททุกส่วนจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เธอจึงปล่อยให้เขาครอบครองริมฝีปากนานเท่านานจนแทบลืมหายใจ
กว่าชายหนุ่มจะยอมถอยห่าง ใบหน้าสะสวยก็แดงก่ำ เรียวปากอิ่มฉ่ำร้อนไปด้วยสัมผัสเอาแต่ใจของผู้ชายแปลกหน้า
“ขอบคุณครับ” เขากระตุกยิ้มหยันบนเรียวปาก ขณะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ โค้งคำนับให้เธอด้วยท่วงท่าลีลาสวยงามแล้วเดินจากไปอย่างผู้ชนะ
มินตรานิ่งงัน รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะหอบกระชั้น ทั้งตื่นเต้น ตกใจ อับอาย และโมโหปะปนกันจนแยกแยะไม่ออก นึกอยากวิ่งตามไปเอาคืนผู้ชายสารเลวที่บังอาจปล้นจูบแรกในชีวิตของเธอไปซึ่งๆ หน้าให้สาสมกับความคับแค้นใจ หากตอนนี้เรี่ยวแรงจะยืนยังแทบไม่มี ร่างบางจึงค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ อย่างอาฆาตแค้นจนกระทั่งเขาลับสายตาในที่สุด
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนทุเรศ ไอ้หัวขโมย อย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ เพราะวันนั้นจะเป็นวันตายของแก!”
หญิงสาวกัดฟันคำรามด้วยความมุ่งมั่นสุดจิตสุดใจ ใช้มือถูริมฝีปากตัวเองแรงๆ อย่างโมโห เจ็บใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
คุณหนูไฮโซอย่างมินตราถูกผู้ชายแปลกหน้าไร้สกุลขโมยจูบ รู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น ฮึ่ย...แค้น!
ความคิดเห็น