( sf exo ) goodbye summer♡ | (hunbaek) - ( sf exo ) goodbye summer♡ | (hunbaek) นิยาย ( sf exo ) goodbye summer♡ | (hunbaek) : Dek-D.com - Writer

    ( sf exo ) goodbye summer♡ | (hunbaek)

    โดย Ahiru_drop

    친구라는 이름 어느새 미워진 이름 เกลียดคำที่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน (goodbye summer)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,743

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    2.74K

    ความคิดเห็น


    15

    คนติดตาม


    72
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 เม.ย. 57 / 21:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    ( sf exo ) goodbye summer♡ | (hunbaek)







    BG Song : Goodbye Summer
    M u s i c ' B u r n 

     
    © Tenpoints!
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
         ( sf exo ) goodbye summer♡ | (hunbaek)

      Pairing : Sehun x Baekhyun
      Rate : PG-15
      Talk : เริ่มแต่งตั้งแต่เพลงGoodbye summerออกใหม่ๆ แต่ดันไม่จบซะที55555555
      หลายๆอย่างรุมเร้าไม่ค่อยมีเวลามานั่งแต่งเท่าไหร่ ฮ่าาาา -.- 
      ตั้งใจให้มันออกดราม่า แต่ก็นะ มันไม่ถนัดแนวนี้อ่ะ!! เลยกลายเป็นฟิคอะไรก็ไม่รู้ หู่ววว
      ฟิคมันก็แปลกๆหน่อยอ่ะเนอะ ทนๆไปนะคนอ่าน โธ่55555555555555
      ปล.เม้นๆกันด้วยนะ จุ๊บๆ♥









      -----------------------------







       

      ปึง!!ตู้บๆๆๆๆ!!!
       


       

      เสียงหนังสือจำนวนมากกระแทกกับพื้นไม้ดังขึ้นสาเหตุมาจากกล่องกระดาษที่บรรจุหนังสือเหล่านั้นไว้รับน้ำหนักไม่ไหวจนขาด ทำเอาคนแบกได้แต่ยีผมตัวเองอย่างหัวเสีย การย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังจากเรียนมหาลัยจบมันก็ดีอยู่หรอก แต่เขาเกลียดเวลาที่ต้องขนของขึ้นห้องตัวเองนี่แหละ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้.....................
       

       

      “เฮ้อ” พ่นลมหายใจอย่างหน่ายๆก่อนจะก้มลงเก็บหนังสือจำนวนมากที่กระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด หนังสือในลังนี้ความจริงก็ไม่ได้เอาออกมาอ่านนานมากแล้ว รู้สึกจะหนังสือตั้งแต่สมัยมัธยม
       

       

       

      อ่า....ก็ไม่แปลกหรอกที่ลังจะขาด........

       

       

      “หือ....?” เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหยิบหนังสือที่มีฝุ่นเกาะหนาเล่มหนึ่งแล้วปัดฝุ่นพวกนั้นออกเพื่อดูว่าเป็นหนังสืออะไร

       

       


      หนังสือจบการศึกษาประจำห้องเรียน...

       

       



      ..........................

       



      วันเปิดการศึกษา
       

       

      เสียงพูดคุยดังไปทั่วห้องโถง วันเปิดการศึกษานักเรียนก็ต่างตื่นเต้นทั้งนั้น ผมก็ไม่ต่างกันหรอกแต่แค่ไม่แสดงออกก็แค่นั้นเอง บอกตามตรงไม่อยากอยู่ในห้องโถงนี้นานๆด้วยซ้ำ มีแต่เสียงโหวกเหวกน่ารำคาญ.....

       

      “สวัสดีนักเรียนทุกคน ยินดีต้องรับ..............” ถึงแม้เสียงนักเรียนจะเงียบกันแล้ว แต่เสียงผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้เข้าหัวผมเลยสักนิดเดียว มันเป็นพิธีที่ต้องทำอยู่แล้วสำหรับการต้องรับนักเรียนเข้าใหม่ แต่มันน่าเบื่อ...

       


       

      ปัง!!!


       

      “ขอโทษที่มาสายครับ!!” เสียงใสๆตะโกนขึ้นหลังจากเสียงกระแทกของประตูดัง ทำเอาทั้งผู้อำนวยการ ครู นักเรียนทุกคนรวมทั้งผมหันไปมอง มองคนที่ยืนหอบตัวโยนอยู่หน้าประตูห้องโถง

       

       

      แซ่ด.....ๆๆ

       

       

      ตามมาด้วยเสียงพูดคุยนินทามาเป็นสาย

       

       
       

      “อ่ะแฮ่มๆ.......นักเรียนทุกคนเงียบ เอาเป็นว่าเธอน่ะ เข้ามาหาที่นั่งซะ” คนๆนั้นพยักหน้าพร้อมกับโค้งให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาหาที่นั่ง ซึ่งที่นั่งข้างๆผมมันว่าง

       
       

      “สวัสดี นายชื่อไรอ่ะ” ผมได้แต่เหล่มองด้วยหางตา อ่า....ผมต้องตอบเขาสินะ
       

      เซฮุน โอ เซฮุน....”ผมพูดไปด้วยเสียงไม่ดัง เรียกว่าเบาก็ได้แต่คนข้างนี่ดูจะได้ยินชัดแจ๋วเลย
       

      ยินดีที่รู้จักนะ ฉันชื่อแบคฮยอน บยอน แบคฮยอน” แนะนำตัวเองเสร็จแบคฮยอนก็ส่งยิ้มกว้างๆมาให้ทีนึง หลังจากนั้นคุยอะไรไปบ้างผมก็จำไม่ได้หรอก แต่หมอนี่มัน....

       

       
       


      พูดมากชะมัด....

       

       




       

      -----Goodbye Summer----
       

       

       



       

       

      นึกถึงแล้วจู่ๆเซฮุนก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ผ่านมาก็หลายปีแต่เขากับจำเรื่องราวในช่วงนั้นแม่นจนน่าเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าจำได้ละเอียดยิบ .....แต่ก็ไม่เคยลืม
       

       

      “ตอนนั้นจำได้ว่าแอบคิดว่านายพูดมากด้วยนี่นะ ฮ่าๆ”
       

       

       

      แรกๆก็รำคาญที่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วนั้น

       

      แต่พอนานเข้ากลับไม่เป็นอย่างงั้น

       

      กลับรู้สึกเหงาด้วยซ้ำที่ไม่ได้ยินเสียงใสๆนั้น


       

       

      ………………………………


       

       
       

       

      “จะเดินตามฉันอีกนานไหม” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่เดินตามผมอย่างงี้ตั้งแต่จบพิธีต้อนรับนักเรียน ก็รู้หรอกว่าอยู่ห้องเดียวกัน ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหมอนี่หรอกนะ แต่มันอึดอัด!!!

       

       

      “.......” เงียบ......มองตาแป๋วอีก อะไรของหมอนี่วะ โอเซฮุนหงุดหงิดเฟ้ยยย ตอนพูดก็โครตพูดมากเลยพอไม่พูดนี่ก็เงียบกริบ พอเห็นว่าไม่ตอบอะไรผมก็เลยหันกลับไปเดินต่อ เออ อยากเดินตามก็เชิญเลย!

       

       

       

      “นายโครตเจ๋งอ่ะ ก่อเรื่องตั้งแต่วันเปิดเรียนวันแรกเลย”
       

      “เออนั่นดิ ตอนเปิดประตูห้องโถงแล้วตะโกนมานะ โครตเท่ห์!!

       

       

       

      เจ๋งตรงไหน? เท่ห์ตรงไหนวะ!?

       

       
       

      “ฮ่าๆๆ ไม่หรอกฉันมาสายจริงๆอ่ะ”

       

       
       

      หมอนี่ก็ยังเออออไปกับเขานะ...


       

       

      อ่า.........ผมก็ไม่ได้ตั้งใจยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาคุยกันหรอกนะ แต่พวกนั้นพูดเสียงดังเองนี่ มันเข้าหูผมเอง ผมไม่ได้อะไรเลยจริงๆ..............แต่หมอนี่สนิทกับคนอื่นเร็วเหมือนกันนะ ก็ดี ผมจะได้อยู่เงียบๆซะที ไม่ต้องมีหมามาเดินตามแบบนั้นอีก

       

       

       

       


      “นี่ๆเซฮุนๆ”
       

      “อะไร” เผลอๆตอนนี้ก็ใกล้เลิกเรียนซะแล้ว ผมที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนค่อยเงยหน้าของตัวเองขึ้นก่อนจะหันไปมองแบคฮยอนที่เมื่อสะกิดไหล่ของผมแล้วถามออกไปอย่างห้วนๆ


      “ครูเรียกนายกับฉันไปช่วยยกหนังสือไปไว้ที่ห้องพักครูอ่ะ”

       

      “อ่า อืมๆ” ผมเดินหยิบกองหนังสือส่วนหนึ่งมาถือไว้ส่วนอีกส่วนแบคฮยอนเป็นคนถือ หลังจากนั้นผมก็เดินตามหมอนี่ไป แต่สักพักก็เดินนำหน้าแล้วล่ะ หมอนี่มันขาสั้นชะมัดเลยดิให้ตาย

       

       



      ป้าบ!!!

       


      “เชี่ย!!ไรวะ!!นายมาเตะก้นฉันทำไมเนี่ย!!” ผมหันขวับไปมองแบคฮยอนตาเขียว จู่ๆก็มาเตะก้นผม หมอนี่มันบ้าชัดๆ ผมไปทำอะไรให้วะเนี่ย

       

      “ก็หลังนาย....”
       

      “ห๊ะ?” ผมงงนิดๆ อะไรของหมอนี่ หลังผมมีอะไร... ผมเอามือข้างนึงอ้อมไปด้านหลังก่อนจะคลำๆดู
       

       

       


      เตะฟรีตามสบาย

       

       


      “ใครเอามาติดวะ!!!!” ผมตะโกนเสียงดังไม่น้อยเลยล่ะ ไม่ได้ไปยุ่งกับใครดันมีคนแกล้งซะงั้น โหย หงุดหงิดอ่ะบอกตรง หึ้ยยยยย!!

       


      “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” คนตัวเล็กข้างๆผมหัวเราะเสียงดังอย่างขำๆ หมอนี่ความจริงเป็นผู้ชายที่น่ารักอย่างกับผู้หญิงนะแต่กวนตีนชะมัดเลย
       

       

       

      ป้าบ!!!
       

       

      “โอ๊ย!!!แล้วมาเตะฉันทำไมอ่ะ!!”แบคฮยอนเบะปากคว่ำทันทีที่ผมเตะเอาคืน ผละมืออีกข้างจากหนังสือแล้วเอามาลูบก้นตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ

       

      “เอาคืนไง ที่นายมาเตะฉัน”
       

      “ก็หลังนายมันบอกให้เตะฟรีเองนี่หว่าฉันผิดไรล่ะ”
       

      “ไม่รู้ล่ะ”
       

      “ชิ!!ใจร้ายว่ะ”
       

      “ด่าใครห๊ะ”
       

      “นายไง แบร่!!
       

       

      หลังจากนั้นเราสองคนก็เริ่มไล่เตะกันจนเสียงดังไปทั่วทางเดิน หนังสือที่จะขนมาให้ครูก็กระจายเต็มพื้น เพราะพวกผมแกล้งกันนั่นแหละ สุดท้ายนอกจากจะโดนอาจารย์ด่าข้อหาส่งเสียงดังตรงทางเดินแล้วยังโดนทำโทษอีกต่างหาก

       

       

       

       

       


       

      -----Goodbye Summer----

       

       

       



       

       

       

      ซ่า........ซ่า...................
       

       

      เสียงคลื่นกระทบฝั่งพร้อมกับสายลมเย็นทำให้คนตัวสูงหลับตาลงช้าๆ สูดหายใจเข้าไปเสียเต็มปอด เพราะที่โซลไม่ค่อยจะมีอากาศสดชื่นแบบนี้  เลยขอใช้เวลา4ปีที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ให้เต็มที่หน่อยเถอะ


      เขาถอดรองเท้าแตะที่ใส่มา ก่อนจะเอามารองนั่งแทน สายลมอ่อนๆยังคงพัดมาเป็นระยะๆ ถ้าอากาศเป็นแบบนี้โอเซฮุนอยู่ได้ทั้งวันสบายๆ คิดอะไรเพลินๆอยู่สักพัก ก็หยิบหนังสือจบการศึกษาที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาเปิดอีกครั้ง

       

       

      “จำได้ว่านายชอบทะเลมากเลยนี่นะแบคฮยอน...” เซฮุนพึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองรูปเจ้าของชื่อที่เอ่ยออกมาในหนังสือจบการศึกษา ก่อนเผยยิ้มออกมาช้าๆ

       

       

      รอยยิ้มเศร้าๆ



       

       

      기억해 복도에서 떠들다 같이 혼나던 우리 둘 

      ผมยังจำได้ดีตอนที่เราถูกดุเพราะคุยเล่นกันตรงทางเดิน

      벌 서면서도 왜 그리도 즐거웠는지 알았어 

      ถึงจะโดนทำโทษแต่ทำไมผมยังจำได้ว่ามันสนุกนักนะ

       

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

       

      ไปเก็บขยะที่ชายหาดหลังโรงเรียน แล้วเดี๋ยวครูจะไปตรวจวันพรุ่งนี้ เข้าใจไหม

       
       

      นั่นคือบทลงโทษที่ครูให้มา ชายหาดหลังโรงเรียนผมก็เพิ่งรู้ว่ามีที่แบบนั้นด้วย อ่า....ก็นักเรียนใหม่ไม่รู้ก็เป็นเรื่องธรรมดาล่ะมั้ง ผมกับแบคฮยอนเดินลัดเลาะผ่านตึกจนมาถึงที่หมาย

       

      ไม่อยากจะบอกเลยว่า

      มันสวยมาก!

       
       

      ยิ่งตอนเย็นท้องทะเลตรงหน้ายิ่งดูสวย ดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้านั้นสะท้อนกับน้ำทะเลจนกลายเป็นสีส้ม ผมว่าผมตื่นเต้นละนะแต่คนข้างๆผมนี่สิตาเป็นประกายเลยล่ะ ผมตื่นเต้นใช่ไหม ผู้อ่านคูณให้หมอนี่ไปอีก10เท่า...

       
       

      “ว้าวๆๆๆทะเล!!!” แบคฮยอนที่ดูจะดีใจที่เห็นทะเลอยู่ตรงหน้าเตรียมกระโจนลงทันทีแต่ผมก็คว้าคอเสื้อไว้ก่อน ทำเอาคนตัวเล็กเบะปากอย่างขัดใจ

       
       

      “เก็บขยะก่อน” ผมพูดเสียงเรียบ ก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อแบคฮยอน คนตัวเล็กเลยได้แต่เดินฮึดฮัดไปเก็บขยะบริเวณชายหาด ไม่นานก็เก็บเสร็จ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย

       
       

       

      “ทีนี้เล่นได้ยัง!!” แบคฮยอนหันมาถามผมด้วยท่าทางร่าเริงเหมือนเด็กน้อย ผมหันหน้าไปมองท้องฟ้าที่จากสีส้มเริ่มกลายเป็นสีดำเล็กน้อย ก่อนจะหันมาส่ายหน้าแทนคำตอบให้แบคฮยอน แล้วก็อีกตามเคยทำปากเบะเหมือนจะร้องไห้ ถ้าไม่ติดว่าหมอนี่อยู่มัธยมผมคงคิดว่าเด็กประถมไม่ก็อนุบาล....

       
       

      “มันดึกแล้วกลับบ้านเหอะ”

      “งืออออ” ทำหน้าน่ารักใส่นี่คือ!?


      “ไม่ต้องเลย กลับบ้านได้แล้ว”


      “..........”


      “เฮ้อ...ก็ได้ๆ พรุ่งนี้สัญญาว่าจะพามานี่นี่อีก โอเคยัง?” สุดท้ายผมก็ใจอ่อนจนได้ สาบานเลยว่าเพิ่งรู้จักกันวันแรก แต่หมอนี่ทำอย่างกับสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน

       


      “สัญญาละนะ” แบคฮยอนเหลือบตามามองผมที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ


      “อืม” เราสองคนเกี่ยวก้อยแทนคำสัญญาก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านตัวเองกัน ก่อนจะแยกกันผมก็ต้องอมยิ้มกับประโยคที่แบคฮยอนพูดกับผมก่อนจะเดินไปคนละทาง

       


      นี่เป็นความลับของเราสองคนนะ อย่าเอาไปบอกใครล่ะ

       

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      “ความลับของเราสองคน.....”

       

       
       

      ฉันก็มีความลับไว้ในใจเหมือนกันนะ


      ความลับแสนเจ็บปวดนั่นน่ะ....

       

       

       

      “อื้ออออ” เสียงบางอย่างทำให้เซฮุนหลุดจากความคิดก่อนจะหันไปมองที่มาของเสียง เขามองคนตัวเล็กที่กำลังยืนบิดขี้เกียจสูดอากาศเข้าปอด  

       
       

      คนที่เขาก็รู้จักดี


      ไม่ว่าจะรอยยิ้มนั้น


      ดวงตาแบบนั้น

       



      “แบค...ฮยอน...”

       



      บางทีเซฮุนก็คิดว่า นี่เขาฝันอยู่หรือเปล่า

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .

       


       

      -----Goodbye Summer----




       

       

      “เซฮุน........”แบคฮยอนหันไปมองตามเสียงเรียก ดวงตารีเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ริมฝีปากบางเอ่ยชื่อของคนๆนั้นอย่างเบาหวิว

       
       

      4ปีที่ไม่ได้เจอกัน
       

      ไม่ได้คุยกัน


      ไม่มีแม้แต่เอ่ยคำบอกลา

       

       

       

      .........................

       
       

       

      “บังเอิญจังเนอะ”

       
       

      แบคฮยอนเป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ก่อนจะยกแก้วโกโกร้อนขึ้นยกดื่ม ตอนนี้เซฮุนกับแบคฮยอนอยู่ที่ร้านกาแฟที่อยู่ห่างจากทะเลที่พวกเขาเจอกันตอนแรกไม่ไกลมาก

       
       

      “อืม นั่นสิ” แล้วก็เงียบอีกครั้งหนึ่ง เซฮุนไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาพบแบคฮยอนเลยด้วยซ้ำ และไม่คิดว่าจะเจอ....มือเรียวกำมือแน่น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะพูดอะไรดี มันเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัด

       
       

      “...”


      “...”


      “นาย....”


      “...”


      “สบายดีไหม”

       
       

      “อือ สบายดี” แบคฮยอนตอบพร้อมยิ้มบางๆให้ก่อนจะหลุบตาลงเพื่อไม่ต้องมองหน้าเซฮุนตอนนี้ เขารู้ว่าเซฮุนไม่คิดว่าจะมาเจอเขา แต่เขาก็เหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าจะมาเจอเซฮุนเหมือนกัน

       
       

      “งั้นเหรอ...” เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วชานมไข่มุกของโปรดขึ้นมากินบ้าง สำหรับเซฮุนแบคฮยอนก็ดูเปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่นิสัย รอยยิ้ม  การพูดจาอะไรอย่างงี้ที่เปลี่ยน

       
       

      แบคฮยอนเปลี่ยนไปก็ตรงที่ดูน่ารักขึ้น...

       
       

      “หนังสือจบการศึกษา....”


      “หือ”


      “ไม่คิดเลยนะว่านายจะเปิดมันอ่าน”


      “รำลึกความหลังนิดหน่อยน่ะ”

       

       

       
       

      .................

       

       

      졸업하기 전날 많이 울던 너 남자라고 꾹 참던 너

      คุณที่ร้องไห้หนักมากในวันก่อนจบการศึกษา คุณที่เป็นผู้ชายก็กลั้น(น้ำตา)เอาไว้เหมือนกัน

      하고 싶었던 말 못하고 뜨거웠던 그 여름처럼 안녕

      คำพูดที่อยากพูดก็ยังไม่ได้พูดออกไป เหมือนกันฤดูร้อนที่ต้องลาจากกันเสียแล้ว

       

       

       
       

      ใครจะรู้ว่าผมจะสนิทกับแบคฮยอน ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝด จนโดนเพื่อนๆในห้องล้อบ่อยๆว่าคิดไม่ซื่ออะไรกันหรือเปล่าทุกเย็นพวกเรามักจะไปที่ชายหาดหลังโรงเรียนด้วยกันทุกวัน ไปเล่นน้ำกันบ้าง วิ่งไล่จับกันบ้างตามประสาเด็กมัธยมวัยกำลังซน อยู่ด้วยกันแทบทุกที ไปเล่นกันที่บ้านบ้าง ติวการบ้านกันบ้าง 6ปีที่อยู่ด้วยกัน มีความทรงจำมากมายจริงๆ

       
       

       

      “ฮึก ฮือ” แบคฮยอนที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแต่สุดท้ายก็ปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่ ผมเลยได้แต่ยืนปลอบอยู่ใกล้ ๆ คนตัวเล็กร้องไห้อย่างไม่อายใครเลยล่ะ คนแถวๆนี้ก็เริ่มจะมองแล้วด้วย

       
       

      “อย่าขี้แงไปหน่อยเลยน่านายเนี่ย นี่มันวันจบการศึกษานะ”


      “ก...ก็มันเสียใจนี่หน่า ฮือๆ”

       
       

      “ขี้แย ผู้ชายอะไร” ผมพูดเบาๆก่อนจะยันหน้าคนตรงหน้าไปทีนึงจนแบคฮยอนหน้าหงายแล้วหันมามองหน้าผมอย่างเคืองๆ ทำปากเบะแบบที่ชอบทำประจำ เห็นแล้วบางทีชักอยากดึงปาก

       
       

      “นายก็กลั้นน้ำตาไว้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้หน่อยเลย” ฉึกครับ โดนแบบนี้มันเจ็บนะบอกเลย ผมลูบหัวแบคฮยอนเพื่อปลอบให้หายร้องพร้อมกับหลบสายตามองไปทางอื่น เย็นวันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่ชายหาดหลังโรงเรียนสำหรับนักเรียนที่จบการศึกษา คงเป็นวันสุดท้าย

       

       

      วันสุดท้ายที่ผมจะได้เจอแบคฮยอน

       

      ฤดูร้อนครั้งสุดท้าย

       

       

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      “ขอบคุณนะ” แบคฮยอนพูดขอบคุณร่างสูงข้างๆอย่างแผ่วเบาที่เอาเสื้อคลุมที่ตัวเองใส่อยู่มาวางคลุมที่ไหล่ของแบคฮยอนให้เพราะเห็นว่าเขาหนาว หลังจากนั่งในร้านกาแฟได้ไม่นาน พวกเขาสองคนก็มาอยู่ที่ชายหาดหลังโรงเรียนเก่า

       
       

      ความจริงลมแบบนี้มันไม่ได้หนาวหรอก ออกจะเย็นสบายเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่แบคฮยอนนั้นขี้หนาวและเป็นหวัดง่าย เซฮุนนั้นรู้ดีและคอยเป็นห่วงแบคฮยอนอยู่ตลอดตั้งแต่เมื่อก่อน ตอนนี้เซฮุนก็ยังเหมือนเดิม ยังคงเป็นห่วงแบคฮยอนเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

       
       

      “สีผมนี้ก็ดูเข้ากับนายดีนะ”คราวนี้ก็เป็นแบคฮยอนอีกนั่นแหละที่เป็นฝ่ายพูดก่อน ร่างบางเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนข้าง ตอนนี้สีผมของเซฮุนเป็นสีชมพูอ่อนๆซึ่งแบคฮยอนก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดยังไงถึงทำสีนี้ แต่มันก็ดูเหมาะ

       
       

      “สีผมนายก็ดูดีเหมือนกันนั่นแหละ”เซฮุนพูดพร้อมยกยิ้มบางๆให้ มองผมสีออกน้ำตาลบลอนด์ของแบคฮยอนแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เมื่อก่อนตัวเขาเองนั้นผมสีออกน้ำตาลเข้มๆ เปลี่ยนมาก็หลายสีอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอกว่าทำไมถึงทำผมสีชมพู

       
       

      เหมือนที่เขาไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองตอนนี้

       

       
       

      “ย๊า!!ทำไมฉันเพิ่งเห็นรูปนี้ล่ะ ใครมาแอบถ่ายตอนฉันร้องไห้!!

       
       

      เซฮุนหลุดจากห้วงความคิดอีกครั้งก่อนจะหันไปมองแบคฮยอนที่ไม่รู้ว่าแอบหยิบหนังสือจบการศึกษาข้างเซฮุนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างบางอุทานอย่างตกใจกับรูปที่ตัวเองกำลังร้องไห้ขี้แยแล้วมีเซฮุนยืนลูบหัวอยู่ แบคฮยอนจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ โดนไอ้คนข้างๆมันยันหน้าผากด้วย!!

       
       

      “หือ ภาพนี้...รู้สึกจงอินจะเป็นคนถ่ายนะเท่าที่จำได้” เซฮุนยื่นหน้าไปมองรูปในเล่มหนังสือก่อนจะทบทวนความจำเล็กน้อยว่าใครเป็นคนถ่าย ก่อนจะเห็นว่าแบคฮยอนแอบเบะปากแบบนี้ชอบทำตั้งแต่เมื่อก่อน

       
       

      “พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงรุ่นที่นี่ อย่าให้เจอนะคิมจงอิน นายตายแน่!”แบคฮยอนจิ้มนิ้วชี้ลงไปตรงรูปของจงอินเพื่อนในห้องเดียวกันที่ชอบแอบถ่ายรูปคนอื่นไปทั่ว แต่ถ้าไม่มีเขาหนังสือจบการศึกษาคงไม่มีรูปสวยๆแบบนี้หรอก”พรุ่งนี้นายจะไปงานเลี้ยงรุ่นไหม.....เซฮุน”

       
       

      “ไม่รู้สิ”


      “งั้นเหรอ....” แบคฮยอนตอบรับเสียงอ่อน ยอบรับว่าบรรยากาศรอบข้างของพวกเขาดูไม่อึดอัดแบบตอนแรกที่เจอกันแล้ว อาจจะเป็นเพราะชายหาดหลังโรงเรียนที่พวกเขามาบ่อยๆในตลอด6ปีที่ผ่านมากได้ที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกันเหมือนเก่า

       

       
       

      อย่างเช่นความรู้สึก

       

      ความรู้สึกที่คิดมาตลอดว่าคงจางหายไปกับกาลเวลา

       

      ทั้งที่ความจริงยังเหมือนเดิม...........

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      หลังจากนั่งอยู่ที่ชายหาดหลังโรงเรียนจนพระอาทิตย์เริ่มตก ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนเมื่อก่อน โดยทุกครั้งแบคฮยอนมักจะเป็นฝ่ายงอแงไม่ยอมกลับ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่.....ร่างบางเดินกลับบ้านโดยไม่แม้จะหันมามองคนที่อยู่ด้วยกันทั้งวันอย่างเซฮุนเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะหันหลังให้กันแบคฮยอนก็พูดประโยคหนึ่งออกมา จนทำให้เซฮุนรู้สึกชาไปทั้งตัว.....

       

       
       

       

       

      4ปีมันนานมากนะสำหรับฉันน่ะ


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


       


      “เฮ้อ...” ร่างสูงทิ้งตัวลงที่เตียงนอนของตัวเอง ทันทีที่กลับถึงบ้านเขาก็รีบเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองทันที ใบหน้าเรียวฟุบลงไปกับหมอนใบนุ่มแล้วคิดทบทวนเรื่องในวันนี้ทั้งหมด

       

       

      ความรู้สึกผิดอยู่เต็มอกไปหมด

       

      เขาผิดเองที่ไม่พูดออกไป

       

      แล้วทิ้งให้แบคฮยอนต้องอยู่คนเดียวตลอด4ปี

       

      ทั้งๆที่เป็นเพื่อนสนิท.....

       

       
       

      ก๊อกๆ...

       
       

      “เซฮุน ลงมากินข้าวได้แล้ว”

      “ครับแม่”เซฮุนยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างเนือยๆพร้อมกับขานตอบผู้เป็นแม่ไป วันนี้นอกจากชานมไข่มุกก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเซฮุนเลย ลืมหิวไปเลยด้วยซ้ำ คิดได้อย่างนั้นขายาวๆก็ก้าวออกจากห้องนอนที่ยังจัดไม่เสร็จแล้วพุ่งตรงไปที่ห้องครัว

       
       

      “อ้าว...ไอ้จงอิน”เซฮุนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นคิมจงอินนั่งอยู่ในห้องครัวบ้านเขา มาไงของมันวะ....

       

      “เออ กูเอง เป็นไงบ้างอ่ะมึง”


      “ก็...........”


      “.......”


      “สบายดี”


      “อืมๆ”


      “มึงมาบ้านกูทำไมวะ” เซฮุนนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้างกับจงอินก่อนจะถามข้อสงสัยของตัวเองออกไป พอได้คำตอบก็ร้องอ๋อเบาๆเป็นเชิงรับรู้

       

      “แม่ของมึงชวนกูให้เข้ามา บอกว่ามึงกลับมาแล้ว กูก็เลยจะมาถามอะไรมึงหน่อย” พูดเสร็จเอาศอกมาวางไว้ที่โต๊ะเพื่อนั่งเท้าคาง ก่อนจะส่งสายตาเค้นคำตอบใส่เซฮุน”พรุ่งนี้มึงจะไปงานเลี้ยงรุ่นไหม”

       
       

      เซฮุนกะไว้แล้วว่าต้องเป็นคำถามนี้...


       


      “คงไม่ไป”


      “หึ..กลัวเจอแบคฮยอนหรือไง”

       


      ฉึก!


       

      “วันนี้กูเจอมาแล้ว”


      “เฮ้ยจริงดิ เป็นไงบ้างวะๆ”


      “ก็ไม่มีอะไร” พูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีไปมองแม่ตัวเองที่ยังเตรียมกับข้าวในครัวไม่เสร็จ ส่วนคนผิวคล้ำตรงหน้านั้นได้แต่หรี่ตาลงอย่างจับผิด ใครเชื่อก็โง่ ลักษณะนี้มีอะไรชัวร์ คิมจงอินคอนเฟิร์ม!

       
       

      “เลิกจ้องกูแบบนั้นสักที ขนลุกว่ะ”


      “ใช่สิ๊ กูไม่ใช่ไอ้หมานี่หว่า” ประชดประชันพร้อมกับหน้ากวนๆใส่ หมอนี่คือหนึ่งในคนที่ชอบชงตัวเขากับแบคฮยอน!!


      “......”เซฮุนทำหน้าเซ็งแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ ใครจะมีหน้าไปพบแบคฮยอนพรุ่งนี้กัน....

       

       
       

      “มึงรู้ไหม หลังงานเลี้ยงคราวนั้นน่ะแบคฮยอนมันเป็นยังไง”

       
       

      “...........”

       

      “เซฮุน...มึงไปโดยไม่บอกลามันสักคำ คิดไหมว่ามันรู้สึกยังไงน่ะ”


      “กูหายไปโดยที่ไม่บอกลาน่ะดีแล้ว แบคฮยอนก็ไม่รู้ด้วยว่ากูจะไป”


      “ใครว่ามันไม่รู้”


      “.......?

       

      “มันรู้ว่ามึงจะไปเรียนมหาลัยที่โซลตั้งแต่ก่อนจบการศึกษาแล้ว” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมามองจงอินอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับแบคฮยอนเลยด้วยซ้ำ คนที่รู้ก็มีอยู่ไม่ถึง3คน ใครบอกแบคฮยอน......

       
       

      “มึงไม่ต้องมาทำหน้างงเลยว่าใครบอก แบคฮยอนเจอแม่ของแล้วก็คุยกันถึงได้รู้นั่นแหละ ทั้งๆที่มันรู้ว่ามึงจะไป แต่ก็ไม่ห้ามมึงเลยสักคำ แถมยังทำตัวร่าเริงจนน่าหมั่นไส้...”

       
       

      “ทำไม......”

       

      “นั่นสิทำไม......ถ้ามึงอยากรู้ก็ไปถามแบคฮยอนพรุ่งนี้เอาเองละกัน”

       

       
       

      ป้าบ!!

       
       

      จงอินเอาบัตรเข้างานกระแทกลงกับโต๊ะกินข้าว แล้วเดินออกจากบ้านไป ปล่อยให้เซฮุนคิดทบทวนเรื่องทุกอย่างที่ประดังประดาเข้ามาในหัวของเขาเต็มไป ยิ่งรู้ว่าแบคฮยอนรู้ว่าตอนนั้นเขาจะไป เขายิ่งรู้สึกผิด......

       


       

       

       

      -----Goodbye Summer----

       

       

       

       

      งานเลี้ยงจบการศึกษา

       
       

      “ไม่เคยเห็นชายหาดหลังโรงเรียนตอนค่ำๆแบบนี้เลยเนอะ” แบคฮยอนที่พูดคุยไม่หยุดปาก ยืนมองชายหาดเบื้องหน้าด้วยตาเป็นประกาย ตอนนี้ในงานเลี้ยงคึกคักไม่น้อย เป็นครั้งที่ชายหาดนี้ไม่ได้มีแค่เขากับเซฮุนเหมือนทุกครั้ง มันก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่หรอกนะ

       
       

      “เฮ้!!


      “หืม?

       
       

      แชะ!!!

       
       

      “คิมจงอิน อีกแล้วนะนาย!!”แบคฮยอนมองหน้าร่างสูงผิวคล้ำที่กำลังยืนหัวเราะกับรูปที่ตัวเองถ่ายได้อย่างเคืองๆ ชอบแอบถ่ายรูปเซฮุนกับเขาเป็นประจำแถมยังชอบล้อว่าเขาทั้งสองเป็นแฟนกัน นี่ก็งานเลี้ยงจบการศึกษาแล้วก็ยังไม่วาย.....

       
       

      “แบคฮยอนนายจะเอาอะไรไหม เดี๋ยวไปเอาให้” เซฮุนที่เห็นแบคฮยอนยืนแว้ดๆใส่จงอินเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเตรียมจะเดินเข้าไปในงานเพื่อหาอะไรกินสักหน่อย พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด

       
       

      “ขอช็อตเค้กสตอเบอร์รี่!!!

      “โอเค” เซฮุนทำมือเป็นเชิงเข้าใจ ยิ้มให้แบคฮยอนเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในงาน เข้าไปไม่นานเขาก็ออกมากวักมือเรียกให้แบคฮยอนเข้าไปข้างในงานเพราะพิธีกรตัวสูงอย่างปาร์คชานยอลกำลังเริ่มขึ้นเวทีแล้ว

       
       

      “เอาล่ะทุกคนนนนน!!วันนี้ผมปาร์คชานยอลคนหล่อทำหน้าที่เป็นMCนะครับบบบบบบ”

       
       

      “เฮ้ๆๆๆๆ” เสียงผู้คนร้องเชียร์อย่างมีความสุขดังไปทั่วบริเวณ เซฮุน แบคฮยอน จงอินที่นั่งโต๊ะเดียวกันล้วนแอบขำกับการแต่งตัวของชานยอลวันนี้ คนอื่นล้วนแต่งตัวตามสไตล์ของตัวเอง เน้นสบายแต่ไม่สบายจนเกินไป แต่ชานยอลนั้นจัดเต็มโดนการใส่สูทผูกเน็กไทแต่ดันใส่กางเกงแบบขาสั้นแล้วก็ร้องเท้าผ้าใบ แต่งตัวอะไรของมันกัน….

       
       

      กิจกรรมต่างๆมากถูกยกหยิบมาเล่นเต็มไปหมด ผู้คนในงานต่างสนุกสนาน เป็นฤดูร้อนสุดท้ายที่ถือว่าสนุกมาก เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปจาก1ทุ่มตอนนี้ก็ใกล้4ทุ่มแล้ว

       
       

      “ลำดับต่อไปเราเรียกคนมาร้องเพลงดีกว่า ดีไหมทุกคน!!

       
       

      “ดี!!!”ตกลงคือเสียงส่วนใหญ่นั้นเห็นด้วย ชานยอลเหลือบมองไปทั่วบริเวณเพื่อดูว่าจะเลือกใครดี เขาไปสะดุดเข้ากับจงอินที่ยืนทำปากขมุบขมิบมือชี้ไปยังร่างบางที่กำลังยืนคุยอบู่กับเซฮุนอย่างเมามันส์

       
       

      “โอเค ผมได้แล้วครับทุกคน คุณแบคฮยอนครับเชิญบนเวทีด้วยครับบบบบบบ”


      “ห๊ะ!!??


      “เร็วๆครับ รีบขึ้นมาร้องเพลงเลย เห็นไหมคนอื่นเขารอนายน่ะ หรือต้องให้เซฮุนเพื่อนรักช่วยพูดให้ครับบบ”

       

      “ย๊า!!นายอยากตายหรือไงชานยอล!!” แบคฮยอนยู่ปากอย่างขัดใจก่อนจะเดินฮึดฮัดขึ้นไปบนเวที มองหน้าชานยอลอย่างเคืองๆ ก่อนจะหันมองไปตรงจงอินที่นั่งหัวเราะสะใจ อย่าให้แบคฮยอนร้องเพลงเสร็จเมื่อไหร่ นายตาย...

       

       
       

      เซฮุนมองแบคฮยอนที่ยืนนิ่งอยู่บนเวทีเหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะร้องเพลงอะไร เซฮุนไม่เคยได้เห็นแบคฮยอนร้องเพลงตั้งแต่ม.ต้น นี่ครั้งแรกเลยล่ะที่จะได้เห็นร่างบางบนเวทีร้องเพลง

       
       

      เป็นครั้งแรก...

       

      และอาจครั้งสุดท้ายเลยก็ได้.....

       
       

      เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น คนในงานเริ่มหันไปมองตรงเวที ร่างบางกระชับไมค์ในมือให้แน่นขึ้นก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อคลายความตื่นเต้นจากทุกสายตาก่อนจะเริ่มเปล่งเสียงร้อง เสียงหวานนั้นสะกดให้คนในงานพร้อมใจกันเงียบลงโดยอัตโนมัติ..............

       

       

      떨리는 너의 입술을 난 난 처음 보았지

      นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นเธอปากสั่น            

      무슨 말 하려고 말 하려고 뜸만 들이는지

      เธออยากจะพูดอะไรล่ะ? ทำไมถึงมัวแต่นั่งนับเวลา
       

      슬픈 예감은 다 맞는단 노래 가사처럼
      ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะเป็นเหมือนกับเนื้อเพลงเศร้าๆพวกนั้น

      설마 아니겠지 아닐꺼야 아니어야만 돼
      ไม่มีทาง..มันไม่ใช่ความจริง..มันต้องไม่เป็นจริง..ต้องไม่ใช่ความจริง


      벌써 넌 나를 떠나 니 마음마저 떠나 또 몸마저도 떠나는데
      เธอไปจากฉันแล้ว..ทั้งตัวของเธอและหัวใจของเธอก็ไปจากฉันแล้วเช่นกัน

       


       

      ร่างสูงมองแบคฮยอนที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดวงตาเรียวสั่นระริกอย่างช่วยไม่ได้ เนื้อเพลงแต่ละท่อนที่แบคฮยอนร้องออกมา มันเหมือนหนามทิ่มลงไปตรงอกซ้ายของเขาเป็นระยะๆ  แบคฮยอนไม่ได้รู้เรื่องที่เขาจะไปอยู่โซล แบคฮยอนไม่รู้ แต่เนื้อเพลงนั้น.........

       

       

      เหมือนกำลังขอร้องเขาไมให้ไป


       

      난 몰라 널 잡을 방법을 좀 누가 내게 말해줘요

      ฉันไม่รู้จะทำยังไง..ได้โปรดบอกฉันทีว่าฉันจะทำยังไงเพื่อจะอยู่กับเธอ 

      오늘밤 말만은 말아요 버리고 갔나요

       

       คืนนี้เธออย่าพูดคำนั้นได้ไหม ว่าทำไมเธอถึงอยากอยากฉันไป 
       

      마음이 아파 가슴이 아파 눈물 차올라요
      ฉันเจ็บหัวใจเหลือเกิน...ในใจของฉันมันช่างเจ็บปวดนัก...น้ำตามันกำลังจะไหลออกมา

       

      아직은 안녕 우린 안돼요 넌 그 입을 더 열지마
       อย่าเพิ่งพูดคำว่าลาก่อน...ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าเพิ่งพูดมัน
       

      안녕이라고 내게 말하지마
      อย่าเพิ่งพูดคำว่าลาก่อนกับฉัน...

       

      Don’t Say Goodbye-Davichi

       

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      “หึ้ย!!คิมจงอิน จำไว้เลยนะนาย” หลังจากที่ลงมาจากเวทีแบคฮยอนก็รีบลงมาหาจงอินทันทีแต่ก็ชวดไปเพราะคนผิวคล้ำนั้นเร็วกว่าและหนีไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกที เวลาของวันนี้ใกล้จะหมดลง คนในงานเริ่มทยอยกลับบ้านกันไปบ้างบางส่วน แบคฮยอนกับเซฮุนนั่งมองชายหาดเบื้องหน้า ท้องฟ้ากับทะเลตอนกลางคืน ก็แปลกตาไปอีกแบบสำหรับทั้งคู่

       


       

      ซ่า..........ซ่า................

       

       

      “..............”

       

      “เซฮุน..”

       

      “หืม”

       

      “มีอะไรจะบอกฉันไหม..”

       

      “.........ไม่มีอะไรนี่”

       

      “งั้นเหรอ” แบคฮยอนที่หันมาถามเซฮุนที่นั่งอยู่กับพื้นทรายข้างๆตอบรับเบาๆแล้วหันกลับไปมองคลื่นทะเลตรงหน้าต่อ  น้ำทะเลเริ่มขึ้นแล้ว ตรงที่ที่พวกเขาอยู่แม้จะเป็นหาดทรายแต่ก็อยู่ในเขตปลอดภัยเพราะน้ำขึ้นไม่ถึงตรงนี้


       

      “ขอนอนหนุนตักหน่อยสิ”แบคฮยอนมองเซฮุนด้วยแววตาที่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้ แต่ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธหรือตกลง หัวทุยๆนก็เอนลงมาที่ตักเขาเป็นที่เรียบร้อย ร่างสูงได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงที่กระชับเสื้อของเขาแน่นขึ้นราวกับไม่อยากให้ไปไหน.........เซฮุนก้มลงมองคนบนตักที่หายใจสม่ำเสมอ ดวงตาขี้เล่นที่ตอนนี้ปิดสนิท บอกได้ดีว่าคนบนตักหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เขาได้แต่มองแล้วก็ยิ้มบางๆ


       

      ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเซฮุนกับแบคฮยอนเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ตัวเขาเองยังไม่รู้เลย

       

      เพื่อนรักเหรอ...

       

      เซฮุนเกลียดคำนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เกลียดไปโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

       
       


      ซ่า.....................ซ่า.................

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      ขอโทษนะแบคฮยอน....

       

       

      축제 마지막 날 너의 노래도 아른한 여름 바다도 "아른한 여름 바다

      เพลงของคุณในวันสุดท้ายของเทศกาลโรงเรียน

      함께라서 소중했던 맘 늦어가는 밤 하늘처럼 안녕

      ความรู้สึกที่แสนมีค่าเพราะเราได้อยู่ด้วยกันนั้นก็คงเหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืน, ลาก่อน

       

       

      หลังจากคิดไม่ตกอยู่ทั้งคืน สุดท้ายเซฮุนก็มาอยู่หน้างานเลี้ยงรุ่นที่ชายหาดหลังโรงเรียนจนได้ ผมสีชมพูอ่อนถูกเซ็ตนิดหน่อยให้ไม่ดูยุ่ง แต่ผมที่เซ็ตมาจะยุ่งก็เพราะตัวเขาเอาแต่ยีผมไปมานี่แหละ...

       

      ความจริงงานเลี้ยงจบการศึกษาเมื่อ4ปีก่อนนั้นเซฮุนก็รู้สึกว่าแบคฮยอนดูแปลกๆ ถึงจะยังคุยจ้อเหมือนเดิม ทำตัวร่าเริงเหมือนเดิมก็เถอะ แต่เพลงเมื่อตอนนั้น ไหนจะคำพูดแปลกๆก่อนจะนอนหนุนตักเขานั่นอีก

       
       

      เซฮุนไม่ได้เอะใจเลยสักนิดเดียว....

       
       

      “เข้าไปดีไหมวะ...” ร่างสูงพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขายาวยังไม่ยอมขยับไปไหน มาถึงหน้างานขนาดนี้ แต่งตัวเรียบร้อย เซ็ตผมเรียบร้อย แต่จุดนี้เอาเข้าจริงกลับลังเลว่าจะเข้าไปดีไหม

       
       

      ไม่พร้อมเจอแบคฮยอน นั่นแหละ....

       
       

      “ยืนเป็นรูปปั้นอยู่นั่นแหละ มึงจะเข้าป่ะสัส” เซฮุนหันขวับไปมองผู้มาเยือนใหม่ จะใครซะอีก คิมจงอินคนเดิมนั่นแหละ

      “ก็ไม่อยากเข้าละว่ะ” พูดเสร็จก็รีบหันหลังเดินไปคนละทางกับงานเลี้ยง แต่ก็โดนอีกคนคว้าคอเสื้อไว้จนชะงักทันทีโดยอัตโนมัติ จะรั้งกูหรือจะฆ่ากูกัน.....

       
       

      “มึงอย่ามาเล่นตัว แต่งตัวตั้งแต่บ่าย3ก็บอกกูมา ลีลาเยอะนะมึง” กวนตีน.........นั่นแหละคำเดียวที่นึกออกตอนนี้ มอบให้คิมจงอินเลยเอ้า!!

       
       

      “กูไม่ได้แต่งตัวตั้งแต่บ่าย3สักหน่อย มึงอ่ะมั่ว”

       

       

      ความจริงแต่งตั้งแต่บ่าย2ต่างหาก.........นั่นไง

       

       

      “กูไม่เชื่อมึงหรอก ไปเลย ไปหาไอ้หมาได้แล้ว หมอนั่นมันหันซ้ายหันขวาจนคอจะหลุดอยู่ละ ทำเป็นเล่นตัว ดูก็รู้ว่ารอมึงยังจะทำซึนบอกไม่ได้รอ แม่มน่าหมั่นไส้ทั้งคู่.......ชิส์ คิมไคขัดใจ!!!

       

       

      สาบานว่าถ้าจุดนี้ถีบได้ เซฮุนถีบไอ้ดำนี่ตกทะเลแน่ ดูมันพูด!!!

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


       

      สรุปสถานการณ์ตอนนี้ เซฮุนอยู่ในงานเป็นที่เรียบร้อย.......ถึงไม่พร้อมเจอเพราะโดนพูดทิ้งระเบิดไว้แบบนั้นก็เถอะ แต่ยังไงก็หลบไม่ได้แล้วล่ะ มีแต่ต้องเผชิญหน้ากันตรงๆแค่นั้น

       

       

      ถึงจะบอกว่าต้องเผชิญหน้าก็เถอะนะ....



       

      ใบหน้าหล่อแสดงความไม่พอใจออกไปเล็กน้อยเพราะตั้งแต่เข้ามาในงานก็เห็นแบคฮยอนโดนเพื่อนผู้ชายตามมาคุยด้วยเต็มไปหมด ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดกับร่างบางเลยสักนิด คิ้วเข้มได้แต่ขมวดเข้าหากัน แสดงความไม่พอใจได้แค่นี้นั่นแหละ

       
       

      “หึงเหรอวะ”


      “กูว่าหึงชัวส์ ดูมันทำหน้าดิ ฮ่าๆๆๆ” เซฮุนเหล่มองสลับระหว่างชานยอลกับจนอินที่ยืนเท้าแขนไว้ที่ไหล่ของเขา เห็นแบคฮยอนคุยกับคนอื่นว่าหงุดหงิดละนะ แต่ได้ยินเสียงไอ้สองคนนี้พูดงุ้งงิ้งอยู่ข้างหูนี่มันน่าหงุดหงิดกว่า!!

       
       

      ร่างสูงยังคงมองแบคฮยอนไม่ละสายตาโดยที่จงอินและชานยอลก็ยังเกาะไหล่เขา พูดเป่าหูสารพัดเหมือนเดิม ยิ่งเห็นคุยกับคนอื่นมีกอดกันบ้าง คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันทีละนิดๆ

       
       

      หวง....


      ใช่....


      เขาหวงแบคฮยอน....

       
       

      แต่หวงในฐานะไหนกันล่ะ

       

      คำว่าเพื่อนเซฮุนยังพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำเลยด้วยซ้ำ

       

      แต่ถ้าเป็นคำว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อล่ะก็

       

      คงใช่.......

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      เซฮุนลุกจากเก้าอี้ภายใจงานทันทีที่เห็นแบคฮยอนเดินออกไปตรงแถวๆชายหาดก่อนจะรีบเดินตามไป เขาหาจังหวะเข้าไปหาแบคฮยอนไม่ได้เลยตลอดงาน จนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปใกล้เที่ยงคืนแล้ว

       


       

       

      ซ่า..........ซ่า............

       

       

       

      What do I say we didn’t have to play no games

      สิ่งที่ต้องการจะบอกจริงๆน่ะคือเราไม่จำเป็นต้องเล่นเกมอะไรนี่เลย

      I should`ve took that chance  

      I should`ve asked for u to stay

      ฉันน่าจะใช้โอกาสนั้น

      ฉันน่าจะขอร้องให้คุณอยู่

      And it gets me down the unsaid words that still remain

      และมันทำให้ฉันเศร้าเพราะคำพูดที่ยังไม่ได้พูดออกไปนั้นก็ยังคงอยู่

      시작하지도 않고 끝나버린 이야기

      มันเป็นเรื่องราวที่จบลงไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ

       

       

       

      ฟึบ.....

       

       

      ?”แบคฮยอนหันหน้าจากคลื่นทะเลเบื้องหน้ามามองข้างๆของตัวเอง ดวงตารีเบิกกว้างเล็กน้อยแสดงอาการอึ้งอย่างเห็นได้ชัดที่เจอเซฮุน ทั้งๆที่เจ้าตัวบอกว่าอาจจะไม่มีมา.....พอได้สติปุบร่างเล็กก็ดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นโดยอัตโนมัติ

       
       

      แบคฮยอนกำลังหนี....

       

       

      หมับ!!

       
       

      แน่นอนว่าขาสั้นๆแบบนี้คงไปไหนไม่ได้ไกลถ้าเทียบกับขายาวๆของเซฮุน ทั้งๆที่แบคฮยอนก็กินนมตลอด นอนก็ก่อน3ทุ่ม แต่ก็ไม่ยอมสูงเลยสักนิด รู้สึกเกลียดขาสั้นๆของตัวเองจริงๆ.....

       
       

      “เราต้องคุยกันนะ” คำพูดของร่างสูงเหมือนบังคับแต่ก็แกมขอร้องไปด้วยทำเอาแบคฮยอนได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นอย่างชั้งใจอยู่สักพัก สุดท้ายพอเห็นสายตาของร่างสูงที่ดูจริงจังแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็น แบคฮยอนก็ยอมแพ้.......

       

       




       

       

      -----Goodbye Summer----

       


       

       

       

       

      “เมื่อ4ปีที่แล้วน่ะ นายรู้ใช่ไหมว่าฉันจะไปโซล...” เซฮุนพูดถามขึ้นมาทันทีที่พาแบคฮยอนมานั่งตรงที่ที่ห่างจากงานเลี้ยงไม่ไกลมาก ถ้าไม่มีเสียงคลื่นทะเลที่ซัดอยู่เบื้องหน้าก็ถือว่าเงียบมาก...

       
       

      “.........”


      “แบคฮยอน....”


      “อืม....”ร่างเล็กตอบอย่างแผ่วเบา ตากลมได้แต่หลุบมองไปทางอื่น


      “ทำไม......”


      “.........”


      “ทำไมถึงไม่ห้ามล่ะ...”

       

       

      นั่นแหละที่โอเซฮุนอยากรู้มากที่สุด ทำไมถึงไม่ห้ามเขา ก็แค่อยากรู้.....ถึงเขาจะรู้ตัวว่าไม่ได้สำคัญขนาดที่แบคฮยอนจะรั้งเขาไม่ให้ไป

       

       

      ก็แค่เพื่อนรัก

       

       

      ไม่ใช่คนรัก.....

       

       

      “...............”

       

      “................”

       

      “เพราะฉันคิดว่านายคงไม่ไปหรอก นายต้องไม่ไปแน่ๆ ก็ฉันเป็นเพื่อนสนิทนายนี่หน่า......”

       

      “...............”

       

      “ตอนที่ตื่นมาแล้วไม่เจอนายอยู่ข้างๆฉันถึงได้คิดว่าน่าจะรั้งนายไว้ น่าจะใช้โอกาสตอนนั้น ฉันน่าจะขอให้นายไม่ไป ให้นายอยู่ที่นี่....”

       

      “...............”

       

      “4ปีที่ไม่มีนายที่เป็นเพื่อนอยู่ข้างๆแบบเมื่อก่อน ฉันคิดว่าทนได้นะ แต่แค่เดือนเดียวก็เต็มกลืมแล้วล่ะ ฮะๆ.....” คำพูดมากมายที่เหมือนอัดอั้นไว้ตลอดมาพรั่งพรูไม่หยุด ยิ่งพูดร่างเล็กก็ยิ่งรู้สึกจุก ทำได้แค่หัวเราะอย่างฝืนๆออกไป

       
       

      “แบคฮยอน...”

       

      “แต่ช่างมันเถอะ ฉันชินแล้วล่ะมั้ง ถึงจะเป็นงั้นนายก็ยังเป็นเพื่อนฉันอยู่ดี”

       

      “..............”

       

       
       

      เพื่อนงั้นเหรอ......

       

      คำนี้อีกแล้ว...........

       

       

       

       

      친구라는 이름 어느새 미워진 이름

      เกลียดคำที่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน

      감추던 감정은 지금도 아픈 비밀의 기억일 뿐

      ความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้, ตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงความลับที่แสนเจ็บปวดในความทรงจำ   

      우리 사인 정리할 수 없는 사진 보면 가슴 아린 Story

      แม้แต่รูปภาพก็ยังไม่สามารถนิยามความสัมพันธ์ของเราได้เลย มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจ

      I`m sorry 여름아 이젠 Goodbye

      ขอโทษทีฤดูร้อนเอย จากนี้ไป, ลาก่อนนะ

       

       
       

       

       

       

      “ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับบ้าน” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปัดทรายที่ติดตามกางเกงของตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนจะถามคนตัวสูงที่ยังนั่งอยู่กับพื้นทรายโดยไม่มองหน้า พอเห็นว่าเซฮุนไม่พูดอะไรขาเล็กก็เริ่มเดินห่างออกไป

       
       

      เซฮุนยังคงนั่งนิ่ง เขาเกลียดคำว่าเพื่อนที่แบคฮยอนบอกออกมา ยิ่งแบคฮยอนย้ำคำนี้มันยิ่งเจ็บปวด ถ้าเขาคิดเข้าข้างตัวเองเขาก็คงคิดว่าแบคฮยอนก็คงชอบเขาเหมือนกันนั่นแหละ แต่.....เซฮุนไม่กล้าแม้แต่จะคิด

       
       

      “โธ่เว้ย....!!.”ร่างสูงสบถออกไปพร้อมกับยีผมตัวเองจนแทบไม่เป็นทรง ลุกยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วออกตัววิ่งไปหาคนที่เพิ่งเดินออกไปได้ไม่นานนักด้วยความเร็วที่พอจะเร็วได้มากที่สุดเพื่อตามให้ทัน

       
       

       

       

      Baby Oh No Oh Oh  혼잣말이라서 미안해

      ขอโทษที่ผมได้แต่พร่ำพูดคำนี้กับตัวเอง 

      Oh 사실은 널 사랑해 Yeah

      ความจริงแล้วผมรักคุณนะ 

       숨기고 있던 오랜 비밀들 차라리 들켰다면 너를 품에 안아줄텐데

      ถ้าหากว่าความลับต่างๆในอดีตที่ฉันได้ซ่อนไว้ถูกเปิดเผยในตอนนั้น ฉันก็คงได้กอดคุณเอาไว้ในอ้อมแขนแล้ว

       

       

       
       

      “แบคฮยอน!!!!

      !!??คนถูกเรียกหันไปมองตามทางที่เพิ่งเดินมาด้วยความงงงวยปนตกใจ เขาเห็นเซฮุนกำลังวิ่งมาทางนี้ และไม่นานร่างสูงก็วิ่งหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ

       
       

      “แฮ่ก....แฮ่ก.....ฉันมีเรื่องต้องบอกนาย...อีกเรื่องหนึ่ง”

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .



      “ย๊า!!นี่มันอะไรกันเนี่ยเซฮุน กล่องเต็มห้องไปหมดเลย”

       

      ผมหันไปมองแบคฮยอนที่ยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องนอนของผมเพราะกล่องกระดาษมากมายที่กระจัดกระจายเต็มไปทั่วห้อง นี่เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนมาบ้านของผม ถึงจะอายนิดๆกับห้องนอนตัวเองก็เถอะนะ.....

       
       

      “ยืนทำหน้าเป็นหมาโดนแย่งของกินไปได้นายเนี่ย เข้ามาดิ จะได้ปิดประตู”

      “หมาอะไรเล่า!!ห้องสภาพแบบนี้ไม่อยากเชื่อเลยว่าปิดประตู่ได้ นายไม่คิดจะเอาของออกมาจัดบ้างหรือไง”

       

       
       

      แบคฮยอนยังคงมองไปทั่วบริเวณห้อง ก่อนจะนั่งยองๆลงแล้วเอามือแตะกล่องอันนั้นอันนี้ไปทั่ว ผมย้ายมาอยู่ที่เกาะนี้ได้ประมาณ1ปีแล้วล่ะ ย้ายเข้ามาตอนช่วงป.6 ซึ่งดูจะแปลกๆสำหรับคนอื่นอยู่เหมือนกันเพราะคนอื่นก็มีเพื่อนกันเป็นกลุ่มๆกันหมดแล้ว พอเรียนจบป.6ก็เข้าเรียนมัธยมต้นต่อซึ่งมันเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีทั้งม.ต้นและม.ปลาย แล้วเพื่อนคนแรกของการย้ายมาอยู่ที่เกาะนี่ก็คือแบคฮยอนนั่นแหละ...

       
       

      “ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากจัด แค่ขี้เกียจจัด” ผมไหวไหล่เบาๆเป็นเชิงไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ก็หมายความตามที่พูดจริงๆนี่ก็1ปีเกือบจะ2ปีละ กล่องกระดาษพวกนี้ก็อยู่เต็มห้องเหมือนเดิม แค่เห็นก็ท้อละ

       

      “วันนี้กะจะมาติวสอบสักหน่อย แต่สภาพงี้ติวไม่ได้ชัวร์ งั้นฉันจะช่วยนายจัดห้องละกัน ถ้าของประมาณนี้วันนี้ก็น่าจะจัดเสร็จแหละ”

       

      “มีอยู่ด้านล่างอีก5กล่อง”

      “ห๊ะ!!!ไอ้.....”

       
       

      ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทางของแบคฮยอนที่ทำหน้าบูดบึ้งกว่าเก่าเมื่อรู้ว่ามีด้านล่างอีก5กล่อง ของที่ผมมีนี่ก็มีแต่หนังสือการ์ตูน เกมส์ เสื้อผ้า ของเล่นอะไรอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ

       
       

      ก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น


      เหรอ....

       
       

      พวกเราสองคนช่วยกันเอาพวกหนังสือจากกล่องขึ้นไปเรียงกันบนชั้นหนังสือ พอเรียงเสร็จก็จัดการเอาพวกแผ่นเกมส์ไปจัดรวมๆกับแผ่นซีดีหนัง ส่วนของเล่นก็เอาออกมาแยกกันว่าอันนั้นยังอยากเล่นอันไหนไม่อยากได้แล้วเพราะจะได้เอาไปให้เด็กๆแถวๆนี้เล่นกัน กล่องกระดาษที่อยู่ด้านล่างก็ถูกขนย้ายขึ้นมาบนห้องนอนและจัดการเอาออกมาจัด เอาออกมาแยก เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เวลาก็ผ่านล่วงเลยจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มบ่งบอกว่าตอนนี้ค่ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

       
       

      ใช้เวลาทั้งวันจริงๆ

       

       

       

      วันนี้แบคฮยอนนั้นเลือกที่จะค้างที่บ้านผม แม่ผมขึ้นมาตามพวกเราสองคนไปกินข้าว ดูเหมือนแบคฮยอนกับแม่ของผมจะคุยกันถูกคอทีเดียวล่ะ ก็เป็นพวกช่างคุยกันทั้งคู่ ส่วนผมน่ะเหรอ....เหอะ....นั่งกินข้าวไปแบบสงบปากสงบคำ หูฟังๆไปก็พอละ เพราะยังไงก็คงคุยไม่ทันหรอก พอกินเสร็จผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน ซึ่งพออาบเสร็จแบคฮยอนก็มาอาบต่อและเพราะตัดสินใจจะค้างด้วยกะทันหัน สุดท้ายผมก็ให้ยืมเสื้อผ้าของตัวเองให้แบคฮยอนใส่ไป

       
       

      “.........”

      “เงียบอะไรของนาย รีบๆมานอนได้แล้ว ฉันง่วง”

      “ก...ก็....น...นายไม่ได้ให้ฉันนอนพื้นหรอกเหรอ” แบคฮยอนที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำมองผมที่นอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงนอนสลับกับพื้นห้องนอนที่ตอนนี้สะอาดโล่งไม่มีกล่องกระดาษวางเกะกะแล้ว

       
       

      “ฉันไม่มีเบาะสำรอง ผ้าห่มก็มีผืนใหญ่ผืนเดียว จะให้นายนอนไงล่ะ เร็วๆง่วงแล้ว ฉันไม่อยากนอนดึกกว่านี้เดี๋ยวผิวไม่ดี”


      “ไอ้..........” ถึงจะทำท่าจะด่าผมแต่สุดท้ายแบคฮยอนก็เดินอ้อมมานอนตรงอีกฝั่งของเตียงที่ผมเขยิบไว้ให้ ก่อนจะนั่งเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่อย่างเงียบๆ ส่วนผมก็นั่งอ่านการ์ตูนต่อไปแต่ก็มีแอบเหลือบมองคนตัวเล็กข้างๆเป็นระยะๆดูเหมือนเสื้อผ้าของผมจะใหญ่ไปสำหรับอีกคนอยู่เหมือนกัน

       
       

      “เซฮุน.....เฮ้ย!!ได้ยินป่ะเนี่ย เซฮุน!!!” ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตาปริบๆมองแบคฮยอนที่เอามือโบกไปมาผ่านหน้าของผมพร้อมกับทำปากคว่ำ ผมเหม่อเหรอเนี่ย.....

       
       

      “เมื่อกี้นายว่าไงนะ?” ผมถามทวนอีกรอบ อีกคนก็เลยผละมือออกแล้วทวนคำถามให้


      “ฉันถามว่าจะนอนเลยไหม จะได้ไปปิดไฟให้”


      “อืมๆนอนดิ”

       
       

      ผมพยักหน้ารับ แบคฮยอนจึงเดินไปปิดไฟ ก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งของเตียงแล้วนอนอยู่ข้างๆผม แล้วจากที่ผมว่าจะหลับก็ดันนอนไม่หลับ ให้ตายดิ.....!!!

       
       

      “แบค....หลับยังวะ” ผมลองถามออกไปลอยๆ เผื่ออีกคนจะตอบ


      “ยังอ่ะ.....” แบคฮยอนพลิกตัวหันมาทางผมที่ตอนแรกนอนมองหลังอีกคนอยู่ก่อนแล้ว “ตอนแรกก็เร่งฉันอยู่นั่นแหละ ไหนบอกจะนอนไง กลัวผิวเสียไม่ใช่เหรอ บู่วววววว”

       
       

      “ไม่ต้องมาแซะเลย ไอ้หมาเอ้ย...” ผมแขวะคืนก่อนจะเอานิ้วดีดไปที่หน้าผากอีกคนเบาๆแต่ก็ทำเอาอีกคนมุ่ยหน้าพร้อมกับจิกตาใส่ล่ะนะ

       
       

      “โหยยยย ทำไมชอบทำร้ายร่างกายฉันเนี่ย เห็นฉันเป็นเพื่อนเปล่าเนี่ย โห่ววว ถนอมบ้างไรบ้าง”


      “ฮ่ะๆ”

       
       

      ผมหัวเราะเบาๆนั่งฟังแบคฮยอนบ่นนู่นบ่นนี่เพราะเจ้าตัวนอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนการที่ช่วยผมจัดห้องนอนวันนี้จะไม่ช่วยให้อีกคนรู้สึกเพลียเลยสักนิดเดียว แสงจากดวงจันทร์และไฟข้างนอกบ้านส่องผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่เล็กน้อยมันไม่ได้แยงตาผมเลยนะ แต่ก็ต้องปิดตาลงเบาๆเหมือนกัน

       
       

      “นี่นะๆ แล้วก็..........” เสียงใสๆของอีกคนชะงักทันทีที่เห็นผมหลับตา ก่อนจะได้ยินเสียงแว้ดเบาๆตามมา นี่หลับตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ นี่ให้เพื่อนบ่นอยู่คนเดียวหรือไง บู่ววว

       
       

      “นายเป็นเพื่อนคนแรก.....”


      “ห๊ะ?

       
       

      แบคฮยอนหยุดบ่นอีกรอบก่อนผมจะรู้สึกถึงลมหายใจอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากหรอกนะเท่าที่รู้สึก แต่ก็คนหลับตาอยู่ มันก็มองอะไรไม่เห็นหรอก

       
       

      “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”อีกคนถามทวน


      “ฉันบอกว่านายน่ะเป็นเพื่อนแรกของฉันที่เกาะนี้”


      “ควรดีใจป่ะ ไม่มีคนคบหรือไงกันนายเนี่ย”


      “คงงั้นมั้ง ก็นายไงคบฉัน จงอินด้วย ชานยอลด้วย”


      “พวกนั้นน่ะเหรอ เชอะ...”


      “ทำไมล่ะ?


      “พวกนั้นน่ะเพื่อน แต่เพื่อนสนิทนายอ่ะ ฉันคนเดียวก็พอละ” ผมที่หลับตาอยู่นานค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองหน้าแบคฮยอนที่กำลังยิ้มแป้นแล่นจนตาเป็นสระอิ

       
       

      “แน่ใจหรือไงว่าฉันควรมีนายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียว ถามฉันสักคำไหมห๊ะ..” ผมย้อนถามกลับไปบ้างเป็นเชิงเล่นๆแต่ประโยคที่อีกคนสวนมาก็ทำเอาผมอมยิ้มอีกนั่นแหละ

       
       

      “ยอมมีผมเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวไหมล่ะครับ คุณโอเซฮุน คิกๆ”

       
       

      แบคฮยอนยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผมพร้อมกับยักคิ้วๆกวนๆใส่  ผมที่มองอีกคนอยู่ได้แต่ถอนหายใจแบบเอือมๆก่อนจะเอานิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของอีกคนแล้วเขย่าเบาๆ หลังจากนั้นก็จำอะไรแทบไม่ได้แล้วล่ะ เพราะผมกับแบคฮยอนก็หลับกันไปหมด รู้ตัวอีกทีตอนตื่นมา มือเราสองคนยังเกี่ยวกันไว้อยู่เลย ก่อนจะนึกประโยคสุดท้ายก่อนหลับเป็นตายออก

       
       

      “นายสัญญาฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่...”

      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


      .


       


       

       

      เสียงคลื่นที่ยังคงกระทบฝั่งนั้นยังคงดังเหมือนเดิม แต่สำหรับทั้งสองคนกลับรู้สึกว่ามันเงียบ ตอนนี้มันค่อนข้างมืดถ้าไม่มีแสงจากพระจันทร์เต็มดวงในวันนี้ แบคฮยอนอาจจะแทบมองเห็นหน้าเซฮุนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่ถึงตอนนี้จะมองไม่ชัดเท่าไหร่ ก็พอที่จะทำให้ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายเต้นผิดจังหวะได้เหมือนกัน.....

       
       

       

      ตึกตัก......ตึกตัก.............

       
       

       

      “..........”

       

      “ขอโทษนะ....”

       

      “..........”

       

      “ขอโทษเรื่องครั้งนั้นที่ฉันไม่บอกนาย ขอโทษที่ฉันหนีนายไปทั้งๆที่นายคิดว่าตื่นมาจะต้องเจอฉัน”

       

      “..........”

       

      “ขอโทษที่ทิ้งให้นายอยู่คนเดียวตลอด4ปี”

       

      “...........”

       

      “ฉันขอโทษที่คงรักษาสัญญาตอนนั้นไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนนายแล้วล่ะ...”

       

       

       
       

      ยอมมีผมเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวไหมล่ะครับ คุณโอเซฮุน คิกๆ"

      นายสัญญาฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่...

       

       
       

       

      “ความจริงแล้ว ฉันรักนายนะ.........แบคฮยอน”

       
       

      เซฮุนยิ้มบางๆให้แบคฮยอนที่ยืนนิ่งหลังจากฟังคำขอโทษและคำสารภาพของเขา ร่างบางนั้นมองเขาด้วยสายตาที่เขาก็เดาไม่ออก แต่เซฮุนเห็นว่ามันวูบไหวไปบ้าง เขาคิดไว้แล้วล่ะว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่เขาเลือกที่จะบอกไปแล้วนี่ มันคงช่วยไม่ได้ถ้าต่อจากนี้อะไรๆจะเปลี่ยนไป เขาผิดสัญญาเอง..... ร่างสูงยีผมของร่างเล็กเบาๆตามความเคยชิน ก่อนจะเดินออกไป

       

       

      ตอนนี้เซฮุนสบายใจแล้วล่ะที่ได้พูดออกไป

       

       

       

       

       

      หมับ!!!

       
       

      !!!?????

       

      ร่างสูงชะงักเล็กน้อย คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นวงแขนเล็กโอบเขาไว้จากด้านหลังและเหมือนจะกระชับแน่นขึ้นด้วย แล้วตอนนี้นอกจากคลื่นทะเล ดวงจันทร์ หิ่งห้อยแล้วก็มีแค่เขากับแบคฮยอนเท่านั้นแหละ ดังนั้นเจ้าของแขนเล็กนี่ก็คงมีอยู่คนเดียว......

       
       

      “ท...ทำไมถึงมาบอกตอนนี้เล่า นายนี่มัน....” เสียงอู้อี้ติดๆขัดๆทำเอาร่างสูงเผยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาจับแขนที่โอบเอวเขาอยู่ออกแล้วหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ยืนก้มหน้าอยู่ ก่อนจะเลิกคิ้วอีกครั้งด้วยความตกใจ

       
       

      “แบคฮยอน.....”

      “อย่ามองนะ!!.....ฮรึก....ห....ห้ามมองเด็ดขาดเลย” แบคฮยอนเอ่ยห้ามไม่ให้เซฮุนมองพร้อมกับเอามือปิดหน้าปิดตายกใหญ่ ไม่ได้อยากให้น้ำใสๆนี่มันไหลออกมาเลยสักนิด

       
       

      “ผู้ชายที่ไหนเขาร้องไห้กันเล่า”

       
       

      ร่างสูงแขวะเบาๆพร้อมกับถอนหายใจทำเอาคนโดนแขวะที่ยังคงร้องไห้เบะปากคว่ำด้วยความหมั่นไส้ เตรียมจะด่าไปสักชุดแต่ก็โดนอีกคนเอาแขนเข้าไปโอบแล้วดันให้เขาเข้ามาซุกอยู่กับอกของตนเอง แบคฮยอนเลยดูจะอึ้งไม่น้อยแต่ก็กอดตอบอีกคนไป เซฮุนลูบผมนิ่มเป็นเชิงปลอบเพื่อให้อีกคนหยุดร้องไห้และไม่นานเสียงสะอื้นก็เบาลง เซฮุนจึงผละอีกคนออกจากอ้อมกอด.....

       
       

      “ท....ที่พูดน่ะจริงใช่ไหม” หลังจากโดนกอดอยู่นานสองนานร่างเล็กก็ถามออกไปด้วยสียงอู้อี้อีกตามเคย


      “เรื่องอะไรล่ะ?” เซฮุนถามคืนพร้อมกับอมยิ้มนิดๆ เขารู้หรอกว่าอีกคนหมายถึงเรื่องอะไร แต่อยากแกล้งนิดๆหน่อยๆนี่ผิดเหรอ และก็ค่อนข้างพอใจเลยล่ะที่เห็นสีหน้าพร้อมกับเสียงบ่นงุ้งงิ้งของอีกคน

       
       

      “นี่จริงจังนะ”


      “อ้าว นายก็ถามมาสิ ตกลงเรื่องอะไร หืม?” แบคฮยอนเบะปากคว่ำอย่างหมั่นไส้ สะบัดหน้าหันไปทางอื่นอยู่สักพักก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูงกว่าที่ยังยืนยิ้มให้ เรียกว่ากวนประสาทก็ไม่ปาน...

       
       

      “ก....ก็เรื่องที่นายบอกว่า....ช...ชอบฉันน่ะ จริงเหรอ?” พยายามไม่พูดให้เสียงสั่นแค่นี้ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้เสียงหายสั่นเลยสักนิด

       
       

      “ไม่จริง”

      “อ้าว...” แบคฮยอนหน้าเหวอขึ้นมาทันที แล้วไหนเมื่อกี้บอก......ปากบางเตรียมจะอ้าปากพูดแต่ก็โดนอีกคนพูดสวนขึ้นมาก่อน ….

       
       

      “ฉันไม่ได้พูดสักคำว่าชอบนาย บอกว่ารักนายต่างหาก”

       
       

       

      อืม.....


      โอเค.......


      คิดว่าเขินไหม!!

       

       
       

      “แหนะ....เขินอ่ะดิ” เซฮุนเอานิ้วจิ้มลงไปที่แก้มใสๆเชิงล้อเลียนเมื่อเห็นแบคฮยอนเงียบไป ปากบางที่เม้มเข้าหากันนั้นดูสั่นๆเหมือนคนพยายามกลั้นยิ้มส่งผลให้ดูน่าแกล้งเข้าไปอีก

       
       

      “อะไรๆ ใครเขิน ไม่เห็นมี”


      “โกหกชัดๆ เมื่อกี้ใครก็ไม่รู้วิ่งมากอด”


      “โอ๊ย!!เงียบไปเล้ยยยย”


      “โอ๊ยๆ เจ็บนะ”

      “สมน้ำหน้า แบร่!!” แบคฮยอนที่ตีเซฮุนไปสองทีแลบลิ้นใส่คนที่โดนตีอย่างสะใจ ถึงเซฮุนจะร้องเสียงหลงไปบ้างแต่หน้าตาไม่ได้แสดงถึงความเจ็บเลยสักนิด แถมยังยิ้มแป้นจนแก้มแทบจะแตกอีกต่างหาก

       
       

      “หยุดยิ้มเลย น่าเกลียดชะมัด เหมือนอาแปะเลย”

       

       

      หุบยิ้มสิครับ....

       
       

       

      “แล้วนี่ตกลงวิ่งมารั้งไว้ทำไมกัน หื้ม?


      “ก....ก็.....”


      “..........”


      “ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย นายก็เดินหนีก่อนอ่ะ”


      “แล้วจะพูดเรื่อง?” โอเค เซฮุนไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ไม่อยากคิดไปเอง แต่คือตอนนี้คิดไปเองเกือบ90%แล้วล่ะ แถมหุบยิ้มไม่ได้ด้วย โอเค เข้าใจได้....

       
       

      “ก็............”

       

      “.............”

       

      “ฉ...ฉันก็คงผิดสัญญาเหมือนกันมั้ง ไม่อยากเป็นเพื่อนกับนายเหมือนกัน...”

       

      “............”

       

      “............”

       

      “แค่นี้?

       

      “อืม”

       

      “โห่ว....”

       
       

      “อะไรเล่า นี่พยายามสุดแล้วนะ” ร่างเล็กเบะปากคว่ำกับปฏิกิริยาอีกคน แบคฮยอนเป็นคนพูดเก่งก็จริงหรอก แต่ใช่ว่าจะพูดเก่งไปเสียทุกเรื่องที่ไหนกัน  นี่พยายามสุดแล้วนะ รู้ไหมว่าเขินขนาดไหนกัน !!

       
       

       

      จุ๊บ!

       

      “ล....แล้วนี่มาหอมแก้มทำไมเล่า!!”  ดวงตาเล็กเบิกกว้างด้วยความตกใจ แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆทำให้รู้ว่าเจ้าตัวเขินไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนคนฉวยโอกาสนั้นก็ยิ้มด้วยความฟินต่อไป

       
       

      “พอดีตรงหน้าผากนายมันติดไว้ว่าหอมฟรีตามสบาย”


      “มีที่ไหนกันล่ะ!


      “ก็ฉันเห็นอ่ะ เห็นเอง ทำไมล่ะ ฮ่าๆ”  ร่างสูงหัวเราะอย่างชอบใจที่หลอกหอมแก้มอีกคนได้ จะบอกว่าตอนนี้มีความสุขมากๆเลยล่ะ

       

       

      จุ๊บ!

       

      “อันนี้เอาคืนที่นายมาหอมแก้มฉันเมื่อกี้..” เซฮุนมองร่างเล็กที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ หลังจากหอมแก้มเขาคืน ก่อนทั้งคู่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

       

       

      เหตุการณ์คุ้นๆนะว่าไหม

       
       

      เอ๊ะ....?

       
       

      หรือคิดไปเอง

       



       

      J

      .


      .


      .



      Fin.






      Talk : บ้าเจรงงงงงงงงง 50หน้านะช็อตฟิคนี้อ่ะ50หน้า555555555555555555555 ก็ไม่รู้สินะ ฟิคยังไม่จบ นึกไม่ออก เอานี้ไปก่อน แบร่ :P กรั่กกกกกกก *ไม่รับเท้าค่ะ*5555

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×