ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #31 : เกือบจะดีอยู่แล้วดินเนอร์แสนหวาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.11K
      5
      20 มี.ค. 56

                         เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงฝั่งก็เข้าห้องอาบน้ำเตรียมตัวไปทานอาหาร มื้อค่ำของทางโรงแรมที่ภควัตรเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับเธอและเขาคิดว่าจะใช้โอกาสนี้บอกความในใจให้เธอได้รับรู้
                         "แป้งแต่งตัวเสร็จหรือยังครับพี่รอนานแล้วนะ" ภควัตรส่งเสียงเรียกหญิงสาวที่เข้าห้องน้ำนานแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเสียที
                         "เสร็จแล้วค่ะ" เธอส่งเสียงมาพร้อมกันเดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีครีมเปิดต้นแขน ช่วงบนแขนถูกผูกไว้ด้วย โบว์สีชมพูโอรสตัดกับสีของชุดประโปรงเดรสยาวถึงเข่าผมลอนของเธอถูกคาดไว้ด้วยที่คาดผมสีชมพูหวานประดับมุกสีเดียวกันดูน่ารักน่าทะนุถนอมในสายตาคนมองอย่างภควัตร ที่จ้องจนเปรมมิกาเองเขินจนหน้าแดง
    ก่อนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
                         "ตาวัตร เสร็จหรือยังลูกใกล้จะถึงเวลาอาหารค่ำแล้วนะ" คุณพอฤดีส่งเสียงเรียกดังมาจากด้านหน้าประตูเรียกคนที่อยู่ในห้องให้ตื่นจากภวังค์ ภควัตรจึงได้สติกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากที่ถูกหญิงสาวตรงหน้าตรึงไว้จากความคิด
                         "ครับคุณแม่ เสร็จแล้วครับ" พูดพร้อมกับเปิดประตูออกไปพบมารดาและบิดารออยู่ก่อนจะลงไปทานอาหารค่ำพร้อมกันที่ริมหาดตามที่ชายหนุ่มต้องการ ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอาหารค่ำมื้อนี้เป็นไปอย่างมีความสุขและอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของครอบครัวภควัตรตักอาหารให้หญิงสาวอย่างเอาใจทำให้คุณพอฤดีและคุณภัทรต่างก็ปลื้มไปตาม ๆ กันที่เห็นลูกชายมีความสุขในชีวิตครอบครัว
                         "คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ ผมขอร่วมดินเนอร์มื้อค่ำด้วยคนนะครับทานคนเดียวเหงาน่ะครับ" พูดจบก็หัวเราะพร้อมกับขยับเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ กับเปรมมิกา
                         "เชิญตามสบายเลยนะพ่อเทพ ทานกันหลาย ๆ คน สนุกดีเอ้าทานกันดีกว่าเชิญ ๆ " เสียงคุณภัทรบอก
                         "ไอ้เทพแกนี่เป็นอะไรนะชอบเสนอหน้าอยู่เรื่อยเลย" ภควัตรเอ่ยแซวเพื่อนอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่ชายหนุ่มเพื่อนรักมาร่วมวงอาหารเย็นมื้อนี้ด้วย
                         "เอ้าไอ้วัตรแกนี่เป็นอะไรนะตั้งแต่บ่ายละกัดฉันอยู่ได้ปากว่างมากก็ทานกุ้งทานปูไปป่ะจะได้เลิกพล่าม" อัครเทพพูดกลับบ้างก่อนจะชวนเปรมมิกาคุยโน่นคุยนี่ตามประสาคนช่างพูดของเขา
                         "คุณแป้งครับ คุณแป้งชอบทานอะไรครับ ทานปูไหมครับเดี๋ยวผมแกะให้ เอหรือจะทานกุ้งดีกุ้งที่โรงแรมผมเนี่ยตัวใหญ่กว่าที่ไหน ๆ เลยนะครับ" อัครเทพบอกหญิงสาวอย่างเอาอกเอาใจจนทำให้คุณพอฤดีมองอย่างใช้ความคิดแต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
                         "ไม่เป็นไรค่ะแป้งแกะเองได้ค่ะ ขอบคุณคุณเทพมากนะคะ" เปรมมิกาบอกเสียงเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ 
                         "หนูแป้งเป็นอะไรหรือเปล่าลูกดูหน้าตาซีดเชียว" คุณพอฤดีถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าลูกสะใภ้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

                         "แป้งไม่ได้เป็นอะไรคุณแม่ อากาศเมื่อกลางวันคงร้อนมั้งคะตอนเย็นหน้าเลยดูเหนื่อย ๆ น่ะค่ะ" เปรมมิกาบอกแม่สามีก่อนจะขอตัวไปเดินเล่นรับลม
                         "แป้งขอตัวไปเดินย่อยก่อนนะคะคุณแม่" พูดจบก็ลุกจากโต๊ะไป
                      
                         "อ้าวเปรมมิกาจะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ" เสียงของแขกที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นมาจากด้านหลังของโต๊ะอาหาร
                         "สวัสดีค่ะทุก ๆ คน วีวี่ขอร่วมโต๊ะอาหารด้วยนะคะวีวี่ไม่มีเพื่อนทานข้าวเลยอ่ะค่ะ นะคะพี่วัตรวีวี่ทานด้วยคนน๊าทานกันหลาย ๆ คนสนุกดีออกค่ะ" ประโยคหลังวิลาวัลย์จงใจจะยั่วโมโหหญิงสาวอีกคนมากกว่า ทุกคนต่างตกใจกับการมาของวิลาวัลย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพอฤดีที่ทำตาดุใส่ภควัตรอย่างต้องการคำตอบ
                         "เออ วีวี่มาที่นี่ได้ยังไงครับ รู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ที่นี่" ชายหนุ่มถาม
                         "วีวี่มาพักผ่อนน่ะค่ะ แต่บังเอิญมากเลยนะคะที่ได้เจอพี่วัตรกับ" หญิงสาวปรายตามองไปที่เปรมมิกาก่อนจะพูดต่อ
                         "คุณแป้งแล้วก็ครอบครัวน่ะค่ะ" วิลาวัลย์พูดด้วยน้ำเสียงเหยียด ๆ เปรมมิกาหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างต้องการคำตอบแต่เมื่อชายหนุ่มเลือกที่จะไม่พูดอะไรเธอจึงขอตัวออกไปจากสถานที่ ๆ น่าอึดอัดอย่างที่กำลังเผชิญอยู่
                         "จะไม่ทักไม่ทายกันหน่อยเหรอคะคุณแป้ง ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ" วิลาวัลย์พูดกับเธอเปรมมิกายิ้มน้อย ๆ เพราะไม่อยากจะมีเรื่องก่อนจะพูดกับฝ่ายตรงข้ามไปตามารยาท
                         "สวัสดีค่ะคุณวิลาวัลย์ เชิญตามสบายนะคะแป้งขอตัวก่อนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกน่ะค่ะ" เปรมมิกาเดินจากไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่ายทำให้เธอคนนั้นถึงกับกำมือแน่นด้วยความแค้นที่ไม่สามารถที่จะตอบโต้อะไรให้แม่นั่นได้เจ็บใจเลย
                         "ขอวีวี่นั่งด้วยคนนะคะพี่วัตร" เธอหันมาพูดกับชายหนุ่มที่เธอหมายปอง
                         "เชิญครับวีวี่ ตามสบายนะ" ภควัตรตอบไปอย่างรักษามารยาททั้ง ๆ ที่ใจจริงอยากจะเดินออกไปพร้อม ๆ กับเปรมมิกาแต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้
                         "คุณวีวี่นี่จมูกไวจังเลยนะครับ รู้ด้วยว่านายวัตรอยู่ที่นี่ นี่มันอุตส่าห์ถ่อมาถึงภูเก็ตคุณวีวี่ก็ยังตามมาเจอจนได้เก่งจริง ๆ " อัครเทพพูดประชดให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่น เป็นจริงดังคาดชายหนุ่มสังเกตุเห็นอาการเกร็งของเธอเนื่องจากกำลังพยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้อย่างสุดกำลังเพื่อที่จะไม่ปล่อยออกมาต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองท่านอย่างคุณภัทรและคุณพอฤดี
                         "แหมคุณเทพก็พูดอะไรอย่างนั้นคะ วีวี่มาที่นี่โดยบังเอิญจริง ๆ ค่ะ" วิลาวัลย์จีบปากจีบคอพูดโดยที่ภควัตรเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบฟังการสนทนาโต้ตอบของคนทั้งคู่มากกว่า
                         "เอ่อ พี่วัตรคะวีวี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะคะเดี๋ยวมาค่ะ" 
                         พูดจบเธอก็เดินไปทันทีแต่ไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างที่ปากพูดเมื่อสักครู่แต่อย่างใดเธอเลือกที่จะเดินตามหาหญิงสาวอีกคนที่เป็นเสี้ยนหนามคอยทิ่มตำใจเธอตลอดมาตั้งแต่ภควัตรเลือกที่จะแต่งงานกับเธอคนนั้น เธอเดินตามหาหญิงสาวอีกคนจนกระทั่งพบเธอยืนอยู่เพียงผู้เดียวตรงริมหาด วิลาวัลย์เธอมีแผนเตรียมเอาไว้แล้วเธอยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะเดินไปหากวางน้อยในสายตาเธอและทำตามแผนการของตัวเองทันที
                         "เปรมมิกาฉันมีอะไรจะพูดกับเธอนะ" น้ำเสียงที่ดูเศร้า ๆ ถูกเอ่ยออกมาจากปากบางเฉียบที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด เปรมมิกาหันหน้ามาตามเสียงที่เรียกจากด้านหลัง
                         "คุณวิลาวัลย์มีธุระอะไรกับดิฉันหรือเปล่าคะ"หญิงสาวถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก
                         "คือฉัน ฉัน ฉันท้อง" พูดจบก็ร้องไห้เปรมมิกาตกใจกับสิ่งที่ได้ยินคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอท้องกับใครเธอรวบรวมสติก่อนจะพูดกับอีกคน
                         "คุณมาบอกฉันทำไม ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกนะ" เปรมิมกาบอก
                         "ได้สิเธอช่วยฉันได้นะแป้ง ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันเกิดมาไม่มีพ่อเธอรู้ใช่ไหมว่าเด็กในท้องของฉันเป็นลูกใครคนฉลาดอย่างเธอคงไม่ต้องบอกหรอกนะ" วิลาวัลย์พูดต่อทันทีโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้โต้แย้งและไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดอะไร 
       
                         "แป้งคืนพี่วัตรให้ฉันเถอะนะ ฉันขอร้อง เธอคงไม่อยากให้เด็กตาดำ ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องขาดพ่อใช่มั้ยแป้ง" เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนาของวิลาวัลย์ทำให้เปรมมิกาอดที่จะสงสารไม่ได้นึกไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่เป็นต้นเหตุ
                         "ใจเย็น ๆ ก่อนสิคุณวิลาวัลย์คุณวัตรรู้เรื่องนี้หรือยังทำไมคุณไม่บอกเขาไปล่ะคุณมาบอกฉันมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ" เปรมมิกาพยายามที่จะปลอบใจเธอ
                         "พี่วัตรเขายังไม่รู้หรอกแป้ง ถ้าเขารู้เขาต้องบังคับให้ฉันเอาเด็กออกแน่ ๆ เพราะเขาแต่งงานกับเธอแล้วเขาคงไม่ยอมหย่าง่าย ๆ หรอก เธอจะให้ฉันทำยังไงเธอจะยอมให้เด็กถูกทำร้ายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกเลยเหรอแป้งฉันทำไม่ได้หรอก" วิลาวัลย์ยังคงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไปและคิดว่าหญิงสาวอีกคนกำลังติดกับในคำพูดสร้างเรื่องของเธอ
                        "เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะหย่ากับเขาเองลูกของเธอจะได้มีพ่อเด็กจะได้ไม่ต้องมีปัญหาฉันจะพูดเรื่องนี้กับคุณวัตรเอง" เปรมมิกาบบอกหญิงสาวอีกคน
                        "อย่านะแป้ง อย่าบอกเขา ฉันไม่อยากให้เธอเดือดร้อนเพราะฉันถ้าเขารู้ว่าฉันมาเล่าให้เธอฟังเขาต้องโกรธฉันจนพาลไปถึงลูกในท้องแน่ ๆ ฉันขอร้องนะแป้งฉันขอบอกเรื่องนี้กับพี่วัตรเองได้มั้ยนะแป้งนะ ฉันขอร้อง" วิลาวัลย์อ้าง
                        "ก็ได้แล้วแต่เธอละกัน เธอไม่ต้องห่วงนะกลับถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ฉันจะขอหย่ากับคุณวัตรทันที" เปรมมิการับปากกับหญิงสาวอีกคนก่อนจะเดินจากไปด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ อย่างบอกไม่ถูก
               

                        "ในที่สุดแกก็หลงเชื่อจนได้นังโง่ ดี ฉันกับพี่วัตรจะได้มีความสุขด้วยกันซักทีไม่ต้องมีแกมาคอยเป็นมารทิ่มแทงใจฉันอยู่แบบนี้ โง่ ช่วยไม่ได้นะเปรมมิกาเธอมันโง่เอง" วิลาวัลย์หัวเราะอย่างคนถือชัยชนะอยู่ในมือก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของภควัตรซึ่งตอนนี้คุณภัทรและคุณพอฤดีไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วเหลือเพียงแค่อัครเทพกับภควัตรสองคนเท่านั้น
                        "คุณวีวี่ครับทำไมเข้าห้องน้ำนานจังดูสิเนี่ยทุกคนหายไปหมดเลย" อัครเทพเอ่ยแซว
                        "วีวี่มัวแต่เดินหาห้องน้ำอยู่น่ะค่ะเลยนานน่ะค่ะ" หญิงสาวแก้ตัวก่อนจะเดินเข้าไปนั่งเบียดใกล้ ๆ กับชายหนุ่มที่หมายปอง
                        "วีวี่เขยิบไปหน่อยได้มั้ยพี่อึดอัด" ชายหนุ่มบอกทำให้เธอหน้าเสียไปทันทีแต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
                        "แหมพี่วัตรก็ เมื่อก่อนเราก็นั่งใกล้ ๆ กันแบบนี้ไม่เห็นพี่วัตรจะว่าวีวี่ซักคำเลยนี่คะ" หญิงสาวอ้าง
                        "นั่นมันเมื่อก่อนครับน้องวีวี่ เดี๋ยวนี้ไอ้วัตรมันแต่งงานมีครอบครัวมีเมียแล้วจะให้ทำตัวเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้หรอกนะครับ จริงมั้ยวะไอ้วัตร" อัครเทพหันไปถามความเห็นจากเพื่อน
                        "จริงอย่างที่ไอ้เทพมันพูดนะพี่มีครอบครัวแล้ว อีกอย่างวีวี่มานั่งใกล้พี่แบบนี้คนอื่นมาเห็นมันจะเสียหายนะตัวเองพี่ไม่กลัวหรอกกลัวแต่วีวี่น่ะแหละเดี๋ยวเกิดนักข่าวมาเห็นเข้าจะยุ่งนะ" ภควัตรรับสมอ้างจากเพื่อนรักทันที
                        "คุณวีวี่ครับผมว่านี่ก็ดึกมากแล้วนะครับผมขอตัวพาเพื่อนไปพักผ่อนก่อนนะครับคุณวีวี่ก็ไปพักเถอะครับเหนื่อยแย่แล้วเดินทางมาตั้งไกล" อัครเทพประชดก่อนจะดึงตัวเพื่อนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
                        "ไปไอ้วัตรนั่งอยู่ได้เมียรอที่ห้องแล้วไปเดี๋ยวฉันไปส่ง" อัครเทพพาเพื่อนรักออกมาจากแม่มดอย่างวิลาวัลย์ได้อย่างยากลำบากลำพังตัวเขาเองไม่เท่าไหร่แต่เพื่อนเขานี่สิสุภาพบุรุษเหลือเกินจะทิ้งผู้หญิงนั่งคนเดียวไม่ได้เลยเชียวกลัวจะเกิดอันตรายเขาก็เลยขอเป็นตัวร้ายพาพระเอกออกมาเอง
                        "ขอบใจมากนะไอ้เทพที่พาฉันออกมาไม่งั้นคงอึดอัดตายเลยอยู่กับวีวี่สองคน" ภควัตรเอ่ยขอบใจเพื่อนรัก
                        "ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนเพราะฉันรู้ว่านายขี้เกรงใจแถมยังเป็นสุภาพบุรุษเหลือหลายไม่ยอมทิ้งหญิงสาวให้อยู่คนเดียว แหมนี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนแกล่ะมั้งที่เป็นฝ่ายกระโจนเข้าใส่เขาน่ะ" พูดจบก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
                        "แกจะบ้าเหรอไอ้เทพเมื่อก่อนก็ส่วนเมื่อก่อนตอนนี้ฉันแต่งงานแล้วนะเว้ยจะให้ฉันทำตัวเหมือนเมื่อก่อนได้ยังไง" ภควัตรอ้างขึ้นมาบ้าง
                        "แหม ๆ ๆ ๆ แต่งแค่ในนามแกจะใส่ใจอะไรนักหนาวะมาวางแผนจีบคุณแป้งให้ฉันดีกว่าไหน ๆ แกก็แต่งกันแค่ไหนนามยกให้ฉันเถอะว่ะแกจะได้ไม่ต้องฝืนใจเวลาอยู่กับเธอไง" อัครเทพเสนอความคิดเห็นแต่แทนที่อีกคนจะเห็นด้วยกลับหน้าบึ้งไม่ยอมพูดอะไรอีก
                        "แกเป็นอะไรไปวะไอ้วัตร อย่าบอกนะว่าแกหวงคุณแป้งน่ะ เฮ้ย มากไปว่ะ" อัครเทพหยอกเพื่อนทีเล่นทีจริง
                        "ไอ้เทพ" ภควัตรเรียกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้อัครเทพหยุดหัวเราะไปพร้อมกับนิ่งรอฟังว่าเพื่อนจะพูดอะไร
                        "ถ้าฉันบอกแกว่าฉันกับแป้งไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแค่ในนามล่ะแกจะว่าไงวะ" ภควัตรถาม
                        "เฮ้ย อย่ามาล้อเล่นสิวะ แกเป็นคนพูดเองนี่นา" อัครเทพทำใจดีสู้เสือทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใจของเขากำลังเต้นโครมครามเหมือนจะทะลุออกมานอกอก
                        "ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันพูดจริง ๆ มันเป็นเหตุสุดวิสัยว่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันรู้สึกยังไงกับยัยแป้งเน่า ฉันไม่แน่ใจว่ะ"ภควัตร    สารภาพความรู้สึกออกไปตามตรง อัครเทพอึ้งจุกจนพูดอะไรไม่ออกนี่ใช่มั้ยคือเหตุผลที่เพื่อนพยายามกีดกันเขากับหญิงสาวภรรยาเพื่อนที่บอกว่าแค่ในนาม 
                        "ไอ้วัตรแล้วคุณแป้งรู้รึยัง" อัครเทพถาม
                        "ยังว่ะ ฉันยังไม่ได้บอกเธอคิดว่าจะบอกตอนที่มาเที่ยวนี่แหละ ฉันต้องการพิสูจน์ในตัวเองด้วยว่ารู้สึกยังไงกับเธอกันแน่เลยต้องใช้วิธีนี้ ฉันต้องขอโทษแกด้วยนะที่ใช้แกเป็นเครื่องมือ มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันต้องการเปรมมิกามากแค่ไหน"
                        ชายหนุ่มสารภาพกับเพื่อนรักไปตามความจริง อัครเทพถอนหายใจงานนี้เขาคงจะหอบเอาแห้วกลับบ้านทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มจะลงแข่งด้วยซ้ำ           


                         "เออ ๆ ฉันต้องกินแห้วใช่มะ ฉันรู้เฮ้อออ แกนี่จริง ๆ เลยนะไอ้วัตรอย่าลืมบอกเธอด้วยล่ะไม่งั้นฉันจะฉกตัวเธอไปจากแกแน่ ๆ ถ้าขืนแกยังชักช้าอยู่แบบนี้" อัครเทพถึงแม้จะเสียใจและผิดหวังเรื่องความรักของเขากับเปรมมิกาแต่เพื่อเพื่อนเขายอมอกหักเพื่อเพื่อนรักจะได้มีความสุข 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×