คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : รักที่ 11 : ในคืนเดือนหงาย
Title : Taboo Love
Author : FesenyAReseT
Rating : PG-13
Author Note : นิยายเรื่องนี้คือ Au ซึ่งหมายถึงไม่อิงความเป็นจริง เพราะเช่นนั้นจะมีตัวละครใหม่และสถานที่หรือเรื่องราวที่ไม่เหมือนจริง
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นชายรักชาย ใครรับไม่ได้ปิดไปซะนะครับ ขอร้องว่าอย่าแบนหรือด่ากัน เพราะเราเตือนท่านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือห้ามหลอกเลียนไปเป็นนิยายของตนเองครับ หากจะเผยแผ่กรุณาขออนุญาติกันก่อนและลงเครดิตด้วยนะครับ หากใครต้องการลองของก็ได้นะครับ แล้วจะได้รู้กันว่าผมจะทำยังไง หึหึ....
รักที่ 11 : ในคืนเดือนหงาย
ร่างของชิโนบิหนุ่มผมสีทองยาวกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนกระอักเลือด เขาใช้ดวงเนตรสีเลือดตวัดมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก่อนที่จะยกคาตานะคู่ของตนเองขึ้นมากัน หากแต่อีกฝ่ายก็ยังคงถือไพ่เหนือกว่าเพราะเขาไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้ ‘เนตรอักขระมาร’ จนชำนาญแล้วนี่นา” เรย์สะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย้ยยัน จนเรย์นิเริ่มจักไม่แน่ใจแล้วว่า คนตรงหน้ายังเป็นน้องชายของเขาจริงๆรึเปล่า
“...เท่าที่ดูจากดวงตาของเจ้า...ที่มันเป็นสีดำนั่น เจ้าเป็นคนสังหารท่านพ่อสินะ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ชายคนนั้นสมควรตายอยู่แล้ว!”
“แต่ก็ไม่จำเป็นที่เจ้าจักต้องฆ่าล้างทั้งตระกูล! เรย์สะ!!” ถีบเข้าที่ท้องของน้องชายฝาแฝดอย่างแรงจนอีกฝ่ายกระเด็น ในจังหวะที่แรงกดดาบหายไป เรย์นิก็ตวัดดาบฟันช่วงอกของอีกฝ่าย
เรย์สะตีลังกากลับหลังสามตลบก่อนที่จะกลับมายืนได้เหมือนเดิม ถุงผ้าสีแดงร่วงลงจากรอยต่อของเสื้อที่ขาด เขาจึงก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาใส่ไว้ในกระเป๋าเก็บอาวุธที่ขา ...ถุงนั้นคือของสำคัญของยูคิมูระ
“มันอยู่กับเจ้าจริงๆ ด้วยสินะ”
“...ข้าจะไม่มีวันยอมให้พวกเขารู้ความจริงแน่ เรย์นิ” รอยยิ้มร้ายที่ปรากฏบนใบหน้าของเรย์สะทำให้เรย์นิรู้สึกปวดศีรษะเหลือเกิน ...หรือเพราะจ้องตาของอีกฝ่ายมากเกินไปกันนะ
“มันเป็นเรื่องที่ผิดไม่ใช่รึไง เรย์สะ”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้านี่นา” จบประโยคร่างของพี่ชายฝาแฝดก็ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นพร้อมกระอักไออย่างหนักคนมีเลือดปะปนออกมา
“ดูเหมือนว่าดวงตาของข้าจะชนะดวงตาของเจ้านะ เรย์นิ”
“แค่ก! ...พอเถอะเรย์สะ.... สิ่งที่เจ้า....อึก...ทำมันผิด” แม้จะยังคงทรมานจนแทบขาดใจเขาก็ยังคงจะพูดต่อ ...ดวงเนตรคู่นั้นของน้องชายเขาทำให้อีกฝ่ายถูกเรียกว่าปีศาจ ...เพราะไม่ว่าจะจ้องมองใคร คนผู้นั้นจะต้องตาย
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้า...เรย์นิ” กระชากเรือนผมของผู้เป็นพี่ที่สติเลือนลางเรื่อยๆ ดาบสั้นในมือง้างออกเตรียมที่จะตวัดฟันตัดคอของอีกฝ่าย!
“ไว้เจอกันที่โลกหน้านะ พี่ชาย”
เคร้ง! ดาบสั้นลอยอยู่กลางอากาศก่อนที่จะปักลงพื้น ร่างของเรย์สะถูกต่อยอย่างแรงจนจุกและกระเด็นออกไปกระแทกต้นไม้อย่างแรง ส่วนร่างของเรย์นิที่กำลังจะล้มลงกลับมีชายหนุ่มผมสีส้มเข้มมาพยุงเอาไว้ได้ทัน
“การา..สุเทนกุ โนะ คางะ (การาสุเทนกุแห่งคางะ) งั้นเหรอ” เรย์สะพยุงตัวเองให้มั่นคงก่อนที่จะชักมีดสั้นออกมาพุ่งเข้าหาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ...หากแต่!
ฟุบ! ชิโนบิหนุ่มกระโดดถอยหลังออกมาเมื่อร่างที่มากันคือชายหนุ่มผมสีน้ำเงินยาวสลวย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ คาตานะในมือของเขาชี้มาที่เรย์สะ
“ข้ายอมให้เจ้าทำร้ายเขา!” ประโยคกร้าวที่ฟังดูแปลกประหลาดหากแต่เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนของอีกฝ่าย เรย์สะกัดฟันแน่น ...ดอกไม้ต้องห้าม...แสบนักนะ
“เจ้าคิดจะมาช่วยเขารึไง ....ภูติยักษ์ขวางโลกที่แม้แต่พูดยังกลับความหมายอย่างเจ้า...อามาโนะจากุ โนะ ไค!”
ดวงเนตรทั้งคู่จ้องมองกันและกัน บัดนี้ดวงเนตรสีน้ำเงินของยักษ์หนุ่มนั้นวาวโรจน์!
“ไม่ใช่!!”
~
สำหรับคำพูดของอามาโนะจากุไปกลับความหมายกันเอาเองนะครับ /โดนเสย
~
ดาบสั้นของชิโนบิหนุ่มและคาตานะของยักษ์หนุ่มปะทะกันหลายต่อหลายครั้ง ...รู้ดีว่าไม่มีทางชนะกันและกันแน่ ด้วยเหตุผลของเรย์สะทีว่าตาคู่นี้ยังใช้กับภูติพรายไม่ได้ และอีกเหตุผลของอามาโนะจากุคือ หากเขาทำอะไรน้องชายฝาแฝดของเรย์นิเข้าคงไม่เป็นเรื่องดีแน่
“ดอกไม้ต้องห้ามส่งพวกเจ้ามารึไง?” รอยยิ้มเย้ยยันฉายชัดบนใบหน้าของเรย์สะ เรียกให้อามาโนะจากุฉายรอยยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน
“หากไม่ใช่แล้วทำไม? เจ้าเองก็ไม่ได้มาด้วยคำสั่งของมังกรตาเดียวนี่นา แม้จะเต็มๆ ก็เถอะ” เอ่ยออกมาด้วยคำพูดกลับตาลปัตรชวนให้การาสุเทนกุที่พยุงร่างของเรย์นิอยู่ด้านหลังขมวดคิ้วอย่างงุนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย
...หมายความว่าไงฟะ?
...ไม่ได้มาด้วยคำสั่ง? ...เต็มๆ?
...รึหมายความว่า มาด้วยคำสั่งที่แม้จะครึ่งเดียว?
...กลับไปเรียนคำตรงข้ามเลยไป อามาโนะจากุ!!
“พอได้แล้วละ อามาโนะจากุ” เสียงที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นพร้อมหมอกสีฟ้าที่ลอยต่ำ ดวงไฟสีเดียวกับหมอกค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ละดวง พร้อมกับดวงตานับร้อยคู่ที่เป็นสีแดงเลือด
เรย์สกัดฟันอย่างเจ็บใจก่อนกระโดดกลับหลังถอยออกไปตั้งหลัก ...เขาดูถูกดอกไม่ต้องห้ามมากเกินไป ไม่นึกเลยว่าตัวช่วยของเขาจะเป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งอย่าง ขบวนร้อยอสูร!
“ดูเหมือนว่า เจ้าจะหนักมือกับเขาเกินไปหน่อยรึเปล่า?” ร่างที่ก้าวออกมาจากหมอกสีฟ้าเป็นคนแรก คือภูติหนุ่มผมสีเงิน ...หรือก็คือ
“...นุอุริเฮียน” เรย์สะเอ่ยชื่อของภูติหนุ่มหัวหน้าขบวนร้อยอสูรออกมาอย่างแผ่วเบา เรียกให้เจ้าของผมสีเงินแย้มยิ้มออกมา
“วันนี้เลิกแล้วต่อกันไปก่อนแล้วพวกเจ้าค่อยไปเจอกันตอนสงครามโอชู-โอซาก้า ก็คงไม่สาย”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้หรอก!” เตรียมจะพุ่งเข้าหาพี่ชายฝาแฝดของตนเองอีกครั้งหากแต่ครานี้ร่างที่มากันเขากลับมีถึงเจ็ดคน ทำให้เขาชะงัก...
...สามพี่น้องคาไมทาจิแห่งคางะ
...อาซึกิ อาราอิแห่งโอซาก้า
...กัปปะแห่งเอจิโกะ
...ทานูกิแห่งโฮโจ
...ซาชิกิ วาราชิแห่งมิคาว่า
...หมายความว่าตอนนี้ภูติในขบวนร้อนอสูรที่เป็นภูติประจำแคว้นก็ขาดแค่ อิตสึมาเด็นแห่งอากิ
อุมิโบซึแห่งชิโกกุ และ คิซึเนะคิวบิแห่งโอชู(จิ้งจอกเก้าหางแห่งโอชู) เท่านั้น
เจ้าคงไม่คิดว่าจะชนะพวกเขาได้หรอกนะ ไทโร เรย์สะ” ด้วยคำพูดของนุอุริเฮียนที่อุ้มพี่ชายของเขาขึ้นทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังหมดสติทำให้เขาต้องเก็บดาบสั้นคู่ของตนกลับเข้าฝัก
“ก็ได้ ...วันนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน แต่เจอกันครั้งหน้า ข้าไม่รับประกันชีวิตของเขา” ผืนผ้าสีดำถูกผูกกลับไว้ที่เดิม ดวงตาคู่นี้ของเขามีความสามารถในการมองมากกว่าตาของคนปกติ มองทะลุกำแพงก็ยังได้เพราะงั้นแค่ผ้าผืนบางๆ ทำอะไรการมองเห็นของเขาไม่ได้หรอก
“ขอบคุณเจ้ามาก ที่ให้เรากลับไป...โดยที่ข้ายังไม่ต้องจัดการเจ้าที่ทำร้ายเขา” รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของภูติหนุ่มเพียงคู่เดียวก่อนจะกลับมาแย้มยิ้มอีกครั้ง “ก่อนจาก ข้ามีเรื่องให้เจ้าไปคิดดูก่อน”
“อะไร” ตอบกลับไปส่งๆ อย่างรำคาญ ....หากแต่นุอุริเฮียนกลับแย้มรอยยิ้มออกมามากกว่าเดิม
“ข้าเป็นนุอุริเฮียนที่ถูกเลี้ยงโดยตระกูลไทโร ...และได้เจ้ากับเรย์นิช่วยเอาไว้”
“หมายความว่ายังไง?!”
รอยยิ้มจางๆ ยังคงฉายบนใบหน้าของแม่ทัพภูติหนุ่มที่หันหลังเดินกลับไปในหมอกสีฟ้า ก่อนที่เหล่าภูติแห่งขบวนร้อยอสูรจะหายไปโดยไร้ร่องรอย...
เช้าในอีกวันในปราสาทโอชู
“พวกเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวก็พูดมา!” ด้วยเสียงตะคอกของมังกรตาเดียวทำให้ประชากรอีกสี่คนในห้องส่งสายตาหากันโดยไม่รู้ตัว มาซามุเนะตวัดตาข้างเดียวมาหาโคจูโร่ที่เป็นคนสนิทที่สุด ซึ่งอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง
“ขออภัยด้วยขอรับ มาซามุเนะซามะ ข้าไม่คิดว่าซารุโทบิจะมีแรงขนาดหนีออกไปได้!” โกหกออกไปคำโตอย่างแนบเนียน หากไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่รู้หรอกว่า จริงๆ แล้วเขาตั้งใจวางกำลังในปราสาทให้น้อยลงเพื่อให้เหล่าตัวประกันหนีออกไปโดยง่าย ...ต่อมาดวงตาข้างเดียวก็ตวัดไปหาคนที่อายุน้อยรองจากโคจูโร่หรือก็คือ ไอดะ อาสึคากะ ...ที่ยังยิ้มแย้มดื่มชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว...แม้จะอายุมาก...
“อิซานะไม่ได้ให้ข้าทำอะไร เมื่อวานข้าเลยไปหอนางโลมที่คางะมาเพิ่งกลับมาเมื่อเช้า” ...แต่ก็ยังทำตัวไร้สาระไม่เปลี่ยนแปลง...
ไล่สายตามาที่ดอกไม้ต้องห้ามที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนไอ้พี่หัวเงินข้างๆ พร้อมตอบด้วยดวงตาใสปิ๊งที่ใครๆ เห็นต้องอุทาน ‘คาวาอี้!~’
“ข้าบอกแล้วว่าไอดะไม่เกี่ยวกับงานนี้”
...ลูกน้องเขาแต่ละคนมันเป็นบ้ากันไปหมดแล้วรึไง? มีใครใช้งานหนักเกินรึไงฟะ! (แกอะแหละ)
สุดท้ายก็กลับมาที่ลูกน้องที่เขาไม่เคยไว้ใจเลยสักครั้งอย่างคากะคาเงะ เรย์สะ ...ที่ดูผิดปกติไปตั้งแต่ที่เจอกันเมื่อคืน เขาเอาแต่ก้มหน้างุดราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างอยู่
“แล้วเจ้าละ...คาเงะ”
“ขออภัยขอรับ นายเหนือหัว ....ข้ามัวแต่จะแก้แค้นมากเกินไปจึงไม่ได้ตามตัวพยัคฆ์น้อยแห่งไคไป...” ก้มลงไปกราบขอขมาแก่เจ้านายอย่างรู้สึกผิด จนทำให้พวกที่มองตกใจ
...คนอย่างคากะคาเงะ ทำถึงขนาดนี้เพราะอะไร?
“ข้ามีอะไรอยากบอกให้ท่านทราบขอรับ ...ความจริงแล้วข้า คือข้ามีความเกี่ยวข้องกับมหาอนเมียวไทโร หรือก็คือชิโนบิที่ลอบเข้ามาพาตัวประกันของท่านไปไป ข้า...เป็นน้องชายฝาแฝดของ ไทโร เรย์นิ ที่มีชื่อจริงว่า ไทโร เรย์สะ ขอรับ...” ความจริงที่เขาไม่คิดจะบอกคนตรงหน้าค่อยๆ พรั่งพรูออกมา “ข้าแค้นพี่ชายตัวเองจนอยากจะฆ่าทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด แต่หากว่าฆ่าเขาทิ้งแล้ว...ท่านโนบุชิเงะ...ต้องเสียใจแน่”
“คาเงะ...เมื่อกี้เจ้าพูดชื่อใครนะ...!” มาซามุเนะเขย่าไหล่ชิโนบิหนุ่มที่เงยหน้ามองเขาอย่างแรงจนร่างนั้นขยับตามแรงเขย่า ...ชื่อเมื่อกี้ คือคนที่เขาตามหามาตลอด!
“ตอบข้ามาสิ!! คาเงะ!!!”
“ข้าตอบแทนเขาให้เอง...ซานาดะ ยูคิมูระ มีนามเดิมว่า โนบุชิเงะ ...เจ้ามังกร”
เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครหากแต่เป็นดอกไม้ต้องห้ามแห่งโอชู หรืออีกชื่อที่เรียกขานกันว่า สายลมแห่งโอชู ที่กำลังสูบกล้องยาสูบด้วยแววตาอ่านไม่ออก
“เจ้า...โกหกใช่ไหม?”
“ไม่ขอรับ ...ดอกไม้ต้องห้ามไม่ได้โกหกขอรับ... สิ่งนี้ คือสิ่งที่เขาพกติดตัวเอาไว้ตลอดขอรับ” เรย์สะหยิบถุงสีแดงออกมาให้มาซามุเนะ ที่คว้ามันไปเปิดอย่างแรงจนถุงขาด ...
...ต่างหูจี้พระจันทร์เสี้ยวสีทองคู่หนึ่งตกลงสู่พื้น...
...มันคือของต่างหน้าบิดาของเขาที่ได้ให้เด็กคนนั้นไป...
ดวงเนตรสีมหาสมุทรของมาซามุเนะเบิกกว้างอย่างตกตะลึง หยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูเพื่อให้แน่ใจ ดวงเนตรสีเลือดของไอซากิจ้องมองไปที่มังกรหนุ่มที่ดูจะตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
“เรย์นิเองก็รู้เรื่องนี้ดี จึงให้มิเก็นสึนำปิ่นที่อยู่กับเจ้าไปให้เสือน้อย...คงจะถึงมือของเขาแล้วละ” พูดไปก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ฟังเลย
เสียงหัวเราะที่ดังออกมาพร้อมกับน้ำตาของมังกรหนุ่มดังไปทั่วห้อง
ยกมือขึ้นมากุมขมับอย่างสมเพชตัวเอง
...มันสายเกินไปแล้ว
...เพราะเขาได้ประกาศสงครามกับโอซาก้าไปเสียแล้ว
ติดตามตอนต่อไป
ความคิดเห็น