ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic pokemon OC]10 days in Pokemon world

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 4 คนแปลกหน้า การปรากฏตัวของเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคน และ Z ring(ตอนจบ)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 64


    ตอนที่ 4 คนแปลกหน้า การปรากฏตัวของเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคน และ Z ring(ตอนจบ)

    ตั้งแต่ที่ถูกราชาเกาะดันเข้ามาในถ้ำ นี่ก็ผ่านมาราวๆ สิบนาทีแล้ว…
       ฟูจิกิพยายามออกแรงเข็นตู้ปลาตู้ใหญ่ของคุณนายคอยคิงให้เคลื่อนที่ไปบนพื้นหินขรุขระของถ้ำอย่างยากลำบาก เส้นทางสุดวิบากที่นอกจากจะมีพื้นขรุขระแล้วยังเต็มไปด้วยมอสเฟิร์นมากมาย แค่เผลอเดินไปเหยียบนิดหน่อยก็อาจได้แผลจากการลื่นไถลหัวฟาดพื้นได้ อุปสรรคทั้งหลายที่เด็กหนุ่มผมดำต้องเผชิญในขณะนี้ทำเอาเขาเริ่มรู้สึกอยากจะยอมแพ้ขึ้นมากลางคัน
       'ให้ตายเถอะ ในอนิเมะกับเกมก็ออกจะเป็นบททดสอบง่ายๆ แท้ๆ แต่ทำไมของจริงดันกลายเป็นถ้ำสุดวิบากแบบนี้ฟระ!? นี่มันหลอกลวงผู้บริโภคกันเห็นๆ เลย!'
       แต่ถึงแม้ในหัวจะเดือดดาลแค่ไหน ฟูจิกิก็ทำได้แค่บ่นในใจ
       นับว่าเป็นโชคดีที่ในการทดสอบใหญ่นี้ยังมีผู้นำทาง หากต้องเดินไปด้วยตัวเองฟูจิกิคงไม่รอดเป็นแน่แท้ แม้จะคิดในใจว่าผู้คุมสอบแทนอย่างฮาเคย์ดูพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่ก็คงดีกว่าการเดินไปเองแบบมั่วให้สุดแล้วไปหยุดอยู่ที่ทางตัน
       สิ่งที่ฟูจิกิทำก็แค่พยายามเข็นตู้ปลาแล้วเดินตามฮาเคย์ไปให้ทัน ง่ายอย่างกับปอกกล้วยแน่ะ
       เด็กหนุ่มผมสีดำเดินตามเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลมาติดๆ ดวงตาสีฟ้ากวาดไปรอบๆ ถ้ำเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้ตนเองถูกโปเกมอนป่าโจมตี ถึงแม้ว่าตลอดทางที่ผ่านมาจะไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยก็ตาม
       'แปลกแฮะ..ไม่เห็นมีตัวอะไรโผล่มาเลยสักตัว ไปซ่อนอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย'
       ฟูจิกินึกสงสัย แต่ในใจก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่มีตัวอะไรโผล่มา ถ้าต้องแบทเทิลกันในถ้ำล่ะก็ ดูจากสเกลพลังสุดเวอร์วังของสองสาวแล้ว คงไม่แคล้วถล่มถ้ำจนได้กลายเป็นกองหินโง่ๆ เป็นแน่แท้ เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางเข็นตู้ปลาไปตามทางตามแต่คนนำทางจะพาไป
       "เน่ โปจิกิ คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอยู่ในถ้ำนี้รึเปล่า?"
       หลังจากที่อยู่เงียบๆ มาเสียนาน ในที่สุดเอมอนก้ามาริก็ได้เปิดประเด็นขึ้นมาจนได้ คอยคิงควีเน็ตต้าเหลือบมองเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ถ้ำ
       "ในที่แบบนี้เนี่ยนะ? ต้องเป็นคนยังไงถึงจะมาหมกตัวอยู่ในถ้ำขึ้นรานี่กัน"
       ควีเน็ตต้าเอ่ย ตั้งแต่ตอนที่มาโผล่บนโลกนี้เธอก็ได้เห็นอะไรแปลกๆ อยู่บ้าง ตัวที่หน้าตาคล้ายกระรอกบินเอย ปลาทองเอย ต้นมะพร้าวเอย ดูเป็นพวกที่ไม่น่าจะมาอยู่ในถ้ำเลยสักนิด ยิ่งเป็นถ้ำเขียวๆ ขึ้นราแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่เลย ในถ้ำแบบนี้จะมีตัวอะไรอาศัยอยู่ได้จริงๆ น่ะเหรอ
       "พูดเป็นเล่นไป ควีนซัง ถ้ำนี้เป็นแดนสวรรค์ของพวกโปเกมอนเลยนะ! ทั้งดิ๊กด้า ซูแบท ยันกูส โกรัตต้า แม้แต่เฟโรเช่ อัลตร้าบีสต์ที่รักความสะอาดและนิยมความงามก็ยังเลือกที่นี่เป็นรังเลยนะเออ!"
       มาริอธิบายเสียยาวเหยียด ดวงตาสีดำกลมโตเป็นประกายเมื่อได้พูดถึงเรื่องที่ชอบ ควีเน็ตต้าฟังแล้วก็คิดตามไม่ทัน ชื่อแต่ละชื่อที่เธอได้ยินราวกับว่าเป็นภาษาจากดวงดาวอันไกลโพ้นที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบ
       "เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอบอกว่าตัวอะไรสักอย่างที่รักความสะอาดและนิยมความงามก็ยังเลือกที่นี่เป็นรัง" ควีเน็ตต้าทวนคำพูดของมาริ "นี่มันใช้อะไรมองเนี่ย ถ้ำนี้ไม่เห็นจะสะอาดหรือสวยตรงไหนเงย ตาต่ำเป็นบ้า"
       ควีเน็ตต้าพูดพลางทำท่าขยะแขยง
       "จุ๊ไว้ควีนซัง เกิดเจ๊เฟโรเช่ได้ยินจะโดนเตะปลิวเอานา"
       มาริพยายามปราม แม้จะไม่รู้ว่าในตอนนี้มีเฟโรเช่อยู่ในถ้ำจริงๆ รึเปล่าก็ตาม
       "ช่างสิ เดี๋ยวแม่จะตบให้หน้าสั่นเลยคอยดู"
       "โหย…"
       พอนึกถึงพลังโจมตีกายภาพของควีเน็ตต้าแล้ว ฟูจิกิก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
       'พลังโจมตีเจ๊ดันล่อไปตั้ง 218 ไอ้ที่ว่าจะตบอัลตร้าบีสต์หน้าสั่นนี่คงไม่ใช่แค่โม้แล้วล่ะ'
       เด็กหนุ่มคิดในใจ
       เอาล่ะ หากมัวแต่พูดคุยกันอยู่แบบนี้ เกรงว่าชาตินี้ก็คงไม่สามารถพิชิตการทดสอบใหญ่ลงได้ ฟูจิกิกลับมาเข็นตู้ปลาตามฮาเคย์ที่ทิ้งระยะห่างไปไกลในช่วงไม่กี่วินาทีที่เขาพูดคุยกับสองสาว เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเดินนำทางทุกคนไปตามทางยาวลึกเข้าไปในถ้ำ ชวนให้รู้สึกสงสัยว่าที่ปลายสุดของทางเดินนี้จะมีอะไรรออยู่
       แต่สักพัก มาริก็พูดขึ้นมาอีก
       "จะว่าไปนะ โปจิกิ"
       "อะไรอีกล่ะ" 
       "คือว่านะ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในป่าน่ะ หมอนั่นพาพวกเราเดินหลงไปมั่วเลยใช่ปะ" มาริร่อนลงมาเกาะที่ตู้ปลาอีกครั้ง ก่อนจะดันแว่นกลมๆ ของตนให้เข้าที่เข้าทาง "ไว้ใจให้หมอนี่ทำหน้าที่เป็นคนนำทางเนี่ย จะดีจริงๆ เหรอ?"
       พอได้ยินที่มาริพูด ความทรงจำเมื่อราวๆ สามสิบนาทีที่แล้วก็ย้อนกลับมาหาควีเน็ตต้ากับฟูจิกิอีกครั้ง
       ราชาเกาะทิ้งระยะห่างไปไกล ฮาเคย์ที่(น่าจะ)รู้เส้นทางในป่าเป็นอย่างดีจึงได้อาสาทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางทุกคนไปสู่จุดหมาย ด้วยเซนส์ด้านเส้นทางอันน่าเหลือเชื่อ ฮาเคย์ได้นำทางฟูจิกิเดินผ่านเส้นทางสุดวิบาก บุกตะลุยบ่อโคลน ตัดผ่านดงหนาม ถึงสุดท้ายจะไปถึงที่หมายได้ แต่ก็เล่นเอาซะสะบักสะบอม
       ครั้นมองเห็นแผ่นหลังของฮาเคย์ที่เดินนำทางอยู่ ณ ตอนนี้ ฟูจิกิก็สัมผัสได้ถึงลางหายนะ
       "ไม่หรอกมั้ง ถึงหมอนี่จะดูซื่อบื้อแถมยังบ้าๆ บอๆ ก็เถอะ แต่ยังไงก็ได้รับความไว้วางใจจากลุงราชาเกาะให้มาเป็นผู้คุมสอบแทนเลยนะ คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะพอรู้ทางในถ้ำอยู่" เด็กหนุ่มพยายามคิดบวก "อีกอย่าง ตั้งแต่พวกเราเดินมาเนี่ยก็เป็นทางตรงยาวเลยไม่ใช่เหรอ หลงทางได้ก็แย่แล้ว"
       "นั่นสิ ถ้ายังหลงทางได้อีกหมอนั่นก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ"
       ควีเน็ตต้าพยักหน้าเห็นด้วย
       "เฮ้ย! จะนินทาก็ให้มันเบาๆ หน่อย ฉันได้ยินนะเฟ้ย!"
       ฮาเคย์หันมาทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ ดูเหมือนว่าสามสหายเพื่อนร่วมชะตากรรมจากต่างโลกจะเผลอพูดเสียงดังไปหน่อยจนมันไปถึงหูของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล สิ่งที่คอยคิงพูดบุ๋งๆๆ นั่นน่ะเขาไม่เข้าใจหรอก แต่ไอ้ที่ฟูจิกิพูดนี่แหละได้ยินเต็มสองตาเลย(หูเว้ยยย!!! แกใช้ตาฟังเรอะ!?) ซื่อบื้อบ้างล่ะ บ้าๆ บอๆ บ้างล่ะ ก็รู้ตัวดีแหละ แต่มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายสักทีนี่หว่า!
       ครั้นเห็นหน้าฟูจิกิที่มองเขาอย่างเอือมๆ ฮาเคย์ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
       "ไหงคราวนี้หูดีงี้ฟระ ทีตอนท้าสู้ฉันปฏิเสธแบบแทบจะตะโกนกรอกหูอยู่แล้วไม่ยักได้ยิน"
       "ฮะ? ปฏิเสธตอนไหน?"
       "เอาจริงดิ นี่ตอนนั้นไม่ได้ยินจริงๆ หรอกเรอะ!?"
       "แล้วไอ้ตอนนั้นที่แกว่ามันหมายถึงตอนไหนกันล่ะเฮ้ย!?"
       "........"
       *แดรกจุดกันเลยทีเดียว
       "เชื่อเขาเลย เมื่อกี้ก็ไม่ได้พูดดังแท้ๆ แต่ดันได้ยิน ทีตอนตะโกนดันไม่ได้ยิน" มาริพูด "อ๊ะ! หรือว่าหมอนี่จะเป็นแบบ NPC ในเกม!?"
       NPC ที่มาริพูดถึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอต้องพูดถึง NPC เทรนเนอร์จากเกมโปเกมอนแน่นอน โปเกมอนเทรนเนอร์ที่ไม่ใช่ตัวละครผู้เล่นล้วนเป็นตัวละครที่เข้าใจยาก แม้จะหายใจรดต้นคอ หากไม่โผล่ไปให้เห็นในระยะสายตาก็ไม่มีทางรู้สึกตัว ทั้งยังมีความน่ารำคาญและเอาแต่ใจ หากเหล่าเทรนเนอร์เห็นตัวละครผู้เล่นแล้วล่ะก็ พวกเขาจะวิ่งเข้ามาท้าสู้ในทันที และไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นปฏิเสธ ยามที่สบตากันจึงเป็นการบังคับแบทเทิลไปโดยปริยาย
       ก็ดูคล้ายๆ ฮาเคย์อยู่นา
       โดยเฉพาะไอ้เรื่องบังคับแบทเทิลแบบไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธเนี่ย
       "ช่างเหอะ ไอ้เรื่องที่มันเคยผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปสิ แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะหลงทางด้วย ตราบใดที่มันเป็นทางตรงๆ แบบนี้ก็ไม่หลงหรอก"
       ฮาเคย์กล่าวอย่างมั่นใจ คำพูดที่ฟังดูเชื่อถือไม่ค่อยได้ของเด็กหนุ่มผมน้ำตาล อย่างน้อยก็ทำให้ฟูจิกิโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง
       "แล้วถ้ามีทางแยกหลายๆ ทางอยู่ข้างหน้าล่ะ?"
       ฟูจิกิถาม
       "ถ้าเป็นแบบนั้นก็หลงแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์"
       "งั้นฉันเดินกลับทางเก่าดีกว่า"
       "พูดเล่นโว้ยยยย!! กลับมาก๊อนนน!!"
       ฟูจิกิหันหลังกลับแทบจะในทันที จนฮาเคย์เบรกแทบไม่ทันเลยทีเดียว ฟูจิกิเหลือบหันกลับมามองฮาเคย์อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากถามว่าคำพูดไหนของฮาเคย์ฟังดูน่าเชื่อถือกว่า ไอ้ที่บอกว่า "หลงแน่นอน" ฟังดูน่าจะเป็นจริงยิ่งกว่าที่บอกว่า "แค่ล้อเล่น" เสียอีก
       แต่ที่ฟูจิกิหันกลับไปก็เป็นเพียงแค่การล้อเล่นเหมือนกัน เด็กหนุ่มผมดำกลับมาเดินตามหลังฮาเคย์อีกครั้งเพื่อดำเนินการทดสอบต่อ เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ หันกลับไปเพื่อทำหน้าที่คนนำทางต่อ
       "แต่วางใจเถอะ ตอนที่ฉันมารับการทดสอบที่นี่เมื่อประมาณห้าเดือนที่แล้ว จากทางเข้าไปจนถึงใจกลางถ้ำมันก็เป็นแค่ทางตรงยาวไปเลย ไม่มีทางแยกอะไรทั้งนั้น เพราะงั้นไม่มีหลงแน่นอน สบายใจได้"
       ได้ยินฮาเคย์พูดอย่างมั่นใจ ก็น่าจะวางใจได้อย่างที่เขาว่า ฟูจิกิเดินตามฮาเคย์ไปโดยที่ไม่คิดอะไรมากมาย ทว่าคำพูดของฮาเคย์ที่ว่า "วางใจได้" ก็กลับกลายเป็นคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ในชั่วพริบตา เมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็หยุดเดิน
       'ลางไม่ดีแล้วไง'
       ลางหายนะปรากฏให้เห็นอยู่รำไร
       มาริร่อนลงมาเกาะที่ตู้ปลา เอมอนก้าแว่นหนาทำสีหน้าหนักใจ เพียงแค่เห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมชะตากรรม ควีเน็ตต้าที่เริ่มคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็ทำสีหน้าหนักใจตามไปด้วย คอยคิงในตู้ปลาหันหน้ามาหาคุณเทรนเนอร์ ก่อนจะส่งเสียงเรียก
       "กลับตอนนี้ยังทันนะ ออกไปจากถ้ำเถอะก่อนที่จะหลง"
       คำเตือนจากปลาราชินีอย่างควีเน็ตต้า ทำให้ฟูจิกิทำหน้าหนักใจขึ้นมาอีกคน
       "พูดแบบนี้หมายความว่าไงควีนซัง" ฟูจิกิเริ่มภาวนาว่าข้างหน้าจะไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด "หรือว่าข้างหน้านี้จะ…"
       เด็กหนุ่มหันไปมองหน้ามาริ เอมอนก้าสวมแว่นพยักหน้าหงึกๆ ฟูจิกิเขย่งเท้า ชะโงกมองทางข้างหน้า เส้นทางยาวเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเดินตามมาจนถึงเมื่อครู่พลันแยกออกเป็นสี่ทาง แต่ละทางล้วนมืดสนิท คงยากที่จะหาเส้นทางที่ต้องไปหากไม่ลองเข้าไปเสียเอง
       พลันบทสนทนาระหว่างเขากับฮาเคย์พลันแวบกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง พร้อมกับการพูดล้อเลียนของมาริที่กำลังทำสีหน้าหน่ายใจ
       'แล้วถ้ามีทางแยกหลายๆ ทางอยู่ข้างหน้าล่ะ?'
       "...ถ้าเป็นแบบนั้นก็…"
       "หลงแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์...ล่ะ"


    ………..
    ..ปิ๊งป่อง!
    ยินดีด้วย คุณได้รับ "ความฉิบหาย" มา 1EA ล่ะ
    .
    .
    .


       สุดท้ายก็มาจบด้วยการเดินเข้าทีละทางไปเลย…
       หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทางแยกทั้งสามมาเสียนาน จู่ๆ ฮาเคย์ก็ได้ปัดความรับผิดชอบมาที่สามสหายเพื่อนร่วมชะตาจากต่างโลกด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นอย่าง "ฉันคือคนคุมสอบนะ ไม่ใช่คนนำทางสักหน่อย! พวกนายเป็นคนเข้ารับการทดสอบก็หาทางไปถึงใจกลางด้วยตัวเองซะสิ!" แล้วเดินตามหลังมาต้อยๆ กลายเป็นว่าฟูจิกิได้สูญเสียคนนำทางไป แต่ได้รับคนไร้ประโยชน์ที่วางท่าเป็นคนคุมสอบมาแทนเสียอย่างนั้น
       จะบ้าตาย หาประโยชน์จากหมอนี่ไม่ได้เลยจริงๆ
       จากทฤษฎีบทขวาร้ายซ้ายดีอันเลื่องชื่อของพีทาเกาลัด ผนวกเข้ากับประสบการณ์ในเกมที่สอนให้เด็กหนุ่มได้รู้ว่าทุกทางตันย่อมมีรางวัลซ่อนอยู่เสมอ เส้นทางที่ฟูจิกิเลือกจึงได้อ้างอิงตามทฤษฎีบทขวาร้ายซ้ายดี เลือกทางร้ายๆ ไปเพื่อหวังเก็บของตามทางตันเป็นผลพลอยได้
       นั่นทำให้ทางแรกที่พวกเขาเลือกเป็นทางขวาสุดก่อนยังไงล่ะ
       "นี่ โปจิกิ ขวาร้ายซ้ายดีไม่ใช่เหรอ ทำไมเลือกทางขวาอะ"
       มาริเอ่ยถามด้วยความสงสัย ตัวเธอยังขาดความเข้าใจในทฤษฎีบททางตันซึ่งศาสตราจารย์ชินาอิ ฟูจิกิได้บัญญัติไว้แต่ไม่ได้ประกาศให้โลกรู้ เธอจึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทั้งๆ ที่ขวาร้ายซ้ายดี แล้วทำไมคุณเทรนเนอร์ถึงเลือกทางร้ายๆ แทนที่จะเป็นทางดีๆ กันล่ะ
       ในเมื่อเพื่อนร่วมชะตากรรมไม่เข้าใจในทฤษฎีบททางตันอันเยี่ยมยอดนี้ ก็ถึงเวลาแล้วที่ฟูจิกิจะต้องชี้แจงแถลงไข
       "ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกทางขวาแล้วล่ะก็ พวกเราก็พร้อมที่จะชี้แจงแถลงไข"
       ฟูจิกิเริ่มต้นประโยคยอดฮิต มาริที่ได้ยินก็ทนเงียบต่อไปไม่ได้จนต้องพูดต่อ
       "เพื่อปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย"
       "เพื่อปกป้องสันติภาพของโลกใบนี้"
       "เผยความชั่วแห่งสัจธรรมและความรัก"
       "ตัวโกงผู้แสนน่ารักและ--"
       "ปัญญาอ่อน"
       ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกควีเน็ตต้าพูดขัดเสียก่อน คอยคิงในตู้ปลาส่งสายตามองแรงใส่คุณเทรนเนอร์ราวกับจะบอกว่า 'จะอธิบายก็อธิบายเร็วๆ เข้าสิ มัวแต่พูดจาอะไรไร้สาระอยู่ได้' หันกลับไปก็เห็นฮาเคย์ที่มองเขาราวกับกำลังมองคนบ้าไม่เต็มเต็ง ฟูจิกิแกล้งทำเป็นกระแอมไอ ก่อนจะเริ่มอธิบายเหตุผลให้มาริเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกทางขวา
       "ไม่เคยเล่นเกมรึไง ทางร้ายๆ นี่แหละของซ่อนเยอะนักล่ะ"
       "แต่นี่มันไม่ใช่ในเกมนา"
       มาริแย้งในทันที
       "ไม่ลองดูแล้วมันจะรู้ได้ยังไงเล่า อาจจะมีมอนสเตอร์บอลวางอยู่ตรงทางตันก็ได้"
       "เพ้อเจ้อ ติดเกมจนหลอนแล้วล่ะสิคุณน่ะ"
       "ไม่ได้ติดเกมสักหน่อย -_-;"
       ในระหว่างที่กำลังฟังบทสนทนาระหว่างควีนเน็ตต้ากับฟูจิกิอยู่เพลินๆ สายตาของมาริก็พลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
       "อ๊ะ! โปจิกิดูนั่นสิ! ตรงนั้นมันเชื่อมกับที่อื่นล่ะ!"
       "อะไรนะ!?"
       มาริชี้ไปยังปลายสุดของทางเดินที่เชื่อมต่อกับที่ใดที่หนึ่ง ฟูจิกิถึงกับอ้าปากค้าง ร้องดังลั่นว่า 'อะไรนะ!?' บากะน่า! นี่สุ่มเดาทางแบบขอไปที ดันเจอทางที่ถูกต้องตั้งแต่ทางแรกเลยเนี่ยนะ!?
       "เอาจริงดิ!? แค่ทางแรกก็ใช่เลยเหรอ?"
       ฟูจิกิยังคงสงสัย แต่ถ้าเป็น เด็กหนุ่มออกแรงเข็นรถเข็นให้เคลื่อนที่ไวขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะได้ไปถึงปลายทางไวๆ โดยมีมาริและฮาเคย์ไล่ตามมาไม่ให้คลาดสายตา
       ทว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ที่ปลายทางก็คือ….
       "น...นี่มัน!?"
       ภาพทิวทัศน์ที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ทางที่ฟูจิกิเดินออกมานั้นได้เชื่อมต่อกับทางตรงลากยาวจากทางเข้าถ้ำเช่นเดียวกับทางแยกอีกสามทางที่เหลือ เด็กหนุ่มยืนกำหมัด สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะแหกปากให้สุดเสียงด้วยความคับแค้นใจ
       "อ..ไอ้ถ้ำบ้านี่…."
       "อย่าทำทางแยกให้มันย้อนกลับมาที่เดิมสิว้อยย!!!!!!"
       ว้อย...ว้อย...ว้อย…..
       ผนังของถ้ำเขียวขจี สะท้อนเสียงของเด็กหนุ่มซ้ำไปซ้ำมา


    .
    .
    .


       "ทางนี้แน่ๆ ล่ะ ฉันมั่นใจ"
       เมื่อเป็นเรื่องของทิศทางแล้ว ไม่ว่ายังไงคำพูดของฮาเคย์ก็ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
       หลังจากที่ตัดเส้นทางที่ไม่ใช่ออกไปได้สองทางจากความผิดพลาดของฟูจิกิ จู่ๆ ฮาเคย์ก็พูดขึ้นมาว่า 'นึกออกแล้ว!' และกลับมาทำหน้าที่เป็นคนนำทางให้กับสามสหายเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกครั้ง ทางที่ฮาเคย์บอกคือทางที่สองเมื่อนับจากทางซ้ายมือ เป็นทางที่มืดและแคบกว่าทางก่อนหน้าที่ฟูจิกิเดินเข้าไป ยังดีที่มีแสงสลัวจากไฟฉาย พอให้มองเห็นทางข้างหน้าอยู่บ้างแม้จะเพียงแค่เล็กน้อย
       "เออ เอาที่นายสบายใจ"
       ฟูจิกิพูดพลางถอนหายใจ ตอนที่ฮาเคย์บอกว่า 'ทางนี้แหละ' ใจจริงเขาอยากจะเลือกเดินไปอีกทางซะด้วยซ้ำ แต่พอจะเดินไปเท่านั้นล่ะ ไม่รู้ว่าหมอนั่นเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะถึงได้ลากทั้งฟูจิกิทั้งตู้ปลาเดินเข้าทางนั้นได้แบบหน้าตาเฉย สุดท้ายเขาก็เลยต้องเดินตามฮาเคย์มาอย่างช่วยไม่ได้
       ตามมาทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ…
       ...ว่าทางนี้ต้องเป็นทางตันแน่นอนหมื่นล้านเปอร์เซ็นต์!
       "แฟลชแบ็กล่ะ ตอนที่หลงทางในป่าก็พูดแบบนี้นี่"
       มาริกล่าว
       "อืม ตอนนั้นที่ให้หมอนั่นนำทางก็ไปเจอบ่อโคลน ดงหนาม แล้วก็รังของอิโตมารุกับอาริอาดอส" ฟูจิกิย้อนนึกถึงสิ่งที่เคยเจอมา "แต่ในถ้ำแบบนี้คงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก"
       "อาจจะเป็นอะไรที่แย่กว่านั้นก็ได้นะ อย่างเช่นว่าหลุมพรางที่เต็มไปด้วยหินงอกแหลมๆ พร้อมเสียบคนที่ตกลงไป…."
       ควีเน็ตต้าพูดเสียน่ากลัว
       "อันนั้นก็สยองไป"
       ฟูจิกินึกภาพตามแล้วก็ขนลุกซู่
       ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ฮาเคย์ที่ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตนกำลังพูดอยู่คนเดียวก็ได้พูดพล่ามถึงความยอดเยี่ยมของตัวเองให้กับก้อนหินใหญ่น้อยฟังไปตลอดทาง พูดนู่นพูดนี่ อะไรต่อมิอะไรที่ยากเกินจะจับใจความได้
       ยกเว้นประโยคหนึ่งที่ถึงจะไม่ได้ฟัง ฟูจิกิก็ยังได้ยินชัดแจ๋ว
       "ทางนี้แหละไม่ผิดแน่ ถ้าทางนี้ไม่ใช่ฉันให้นายเลยพันนึง"
       พอเป็นเรื่องเงินเท่านั้นล่ะ หูผึ่งขึ้นมาในทันทีเลย
       ไม่ใช่ว่าหน้าเงินหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ แค่ตอนนี้ถังแตกน่ะ
       "เฮ้ย พูดแล้วห้ามกลับคำล่ะ"
       "ไม่กลับหรอก นี่คิดว่าฉันเป็นคนยังไงเนี่ย"
       ฮาเคย์หันมาถาม ฟูจิกิแสยะยิ้ม
       "งั้นก็เอามาตอนนี้เลย พันนึงที่ว่าน่ะ"
       "หา?"
       โป๊ก!
       ฮาเคย์นึกสงสัยกับคำพูดของฟูจิกิ ขาทั้งสองของเขายังคงก้าวเดินต่อไปทั้งๆ ที่ไม่ได้มองทางข้างหน้า สุดท้ายก็ไปชนกับอะไรบางอย่างที่ขวางอยู่ข้างหน้าเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มร้องโอดโอย ส่งเสียงเอะอะโวยวายก่อนที่จะได้หันไปมอง
       "อูย..เจ็บๆๆ บ้าอะไรวะเนี่ย!?"
       ครั้นเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าก็ถึงบางอ้อ ฮาเคย์เข้าใจแล้วว่าฟูจิกิหมายถึงอะไร สิ่งที่แรากฏอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาในขณะนี้คือทางตัน! เส้นทางที่ทั้งแคบและมืดมิดที่ฮาเคย์มั่นใจนักหนานำพาพวกเขามาสู่ทางตันนี่เอง
       ซวยละ..ไม่ใช่ทางนี้หรอกเหรอ!?
       ฮาเคย์เหลียวหลังกลับไป สบตากับฟูจิกิที่ตอนนี้กำลังทำหน้าประมาณว่า 'ส่งเงินพันนึงมาตามที่พูดซะเดี๋ยวนี้!' เด็กหนุ่มนึกถึงเงินในกระเป๋าของตน เห็นภาพแบงค์หนึ่งพันโปเกดอลลาร์ลอยหายไปกับตา
       ...ซาโยนาระ พันนึงของฉัน….
       ฮาเคย์ยื่นแบงค์พันให้กับฟูจิกิทั้งน้ำตา
       ……
       บ้าเอ๊ย…
       รู้สึกเหมือนฉันเป็นนักเลงที่กำลังไถตังค์หมอนี่อยู่เลย..
       ในระหว่างที่รับแบงค์พันมาจากฮาเคย์ ฟูจิกิกำลังรู้สึกแบบนั้นล่ะ


    .
    .
    .


       ทางสุดท้ายที่เหลือ...ดูจะมืดกว่าทางตันที่ฮาเคย์พาไปเมื่อกี้นี้เสียอีก….
       ทางแยกฝั่งซ้ายสุด ความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะนำพาไปสู่ใจกลางของถ้ำเขียวขจีได้ ฟูจิกิและฮาเคย์จำเป็นต้องเกาะกลุ่มกันไว้ แม้แต่มาริก็ไม่สามารถบินไปดูลาดเลาข้างหน้าได้เนื่องจากไม่มีแสงไฟส่องทาง
       "มืดจังเลยนะ"
       มาริพูดขึ้นมาลอยๆ
       "ถ้ามีโปเกมอนที่ใช้แฟลชได้ก็ดีสิ"
       ฟูจิกิกล่าว พลางนึกถึงเกมโปเกมอนเก่าๆ ที่เขาเคยเล่น
       "อะไรล่ะนั่น ถ้าอยากได้แฟลชก็เปิดเอาในโทรศัพท์ก็ได้นี่ ในกล้องถ่ายรูปน่ะ"
       ควีเน็ตต้าถาม ฟูจิกิส่ายหน้า
       "ไม่ใช่แฟลชแบบนั้นสิควีนซัง แฟลชของโลกโปเกมอนนี่คือทำให้ทั้งถ้ำนี่สว่างในพริบตาได้เลยนะ"
       "นั่นไม่น่าใช่แฟลชแล้ว ติดหลอดไฟในถ้ำเลยมากกว่า แฟลชบ้าอะไรจะสว่างขนาดนั้น"
       "ก็มันสว่างขนาดนั้นจริงๆ นี่"
       ฟูจิกิพยายามอธิบายให้ควีเน็ตต้าเข้าใจว่าแฟลชของโลกโปเกมอนมันเป็นยังไง แต่ดูคุณเธอจะยึดติดกับความเป็นจริงมากเกินไปว่าไม่มีแสงแฟลชที่ไหนจะสว่างได้ขนาดนั้น
       ทว่าคุยกันอยู่ดีๆ ฮาเคย์ก็พูดแทรกขึ้นมา
       "ถ้าคิดจะใช้แฟลชล่ะก็ บอกไว้ก่อนเลยว่าอย่าดีกว่า"
       คำพูดของฮาเคย์ ทำเอาฟูจิกิกับมาริสงสัย
       "หมายความว่าไง"
       ฟูจิกิถาม
       "งั้นขอถามหน่อย นายรู้รึเปล่าว่าถ้ำนี้มีตัวอะไรอยู่บ้าง?"
       พอถามไปก็กลายเป็นว่าได้คำถามกลับมาซะอย่างนั้น
       "ฮะ?...ก็มีดิ๊กด้า โกรัตต้า ซูแบต…" ฟูจิกิไล่ชื่อโปเกมอนเท่าที่เขานึกออก "แล้วมันทำไม?"
       จนตอนนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฮาเคย์ถึงพูดว่าไม่ใช้แฟลชจะเป็นการดีกว่า
       "ก็นั่นไง ซูแบตน่ะ เจ้าพวกค้างคาวพวกนั้นไม่ถูกกับแสงสว่าง ถ้าเจอแสงเข้าไปล่ะก็ได้อาละวาดแน่ แถมถ้ำนี้ก็มีแต่ซูแบตเต็มไปหมด" พูดจบก็ยกไฟฉายขึ้นเพดานถ้ำ "ดูดิ เต็มไปหมดเลย เห็นมั้ย"
       แสงจากไฟฉายของฮาเคย์ส่องเข้าเต็มๆ หน้าของฝูงซูแบตที่เกาะอยู่บนเพดาน คราวนี้แหละฟูจิกิกับมาริได้อุทานขึ้นมาพร้อมกันว่า "ฉิบหายละ" ควีเน็ตต้ายังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ เหลือบมองไปก็เห็นฮาเคย์ที่ทำท่าเหมือนจะรู้สึกตัว
       "อุปส์….."
       "ไม่ต้องมาอุปส์เลยนะว้อยยย!!"
       "แกร๊!!!!!!!"
       (เสียงซูแบตมันเป็นยังไงหว่า? ฝากผู้รู้คอมเมนต์บอกด้วยนะคะ ฮือTwT//ไรท์เตอร์)
       เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง ฝูงซูแบตที่จู่ๆ ก็โดนแสงฉายเข้าหน้ากางปีกออก พุ่งตรงเข้าสู่ผู้ที่มารบกวนเวลานอนกลางวัน ฟูจิกิกับฮาเคย์รีบก้มหลบ มาริโดดจ๋อมลงไปในตู้ปลาเพื่อหลบภัยชั่วคราว
       "เยอะขนาดนี้สู้ยากแน่! วิ่งเร็ว!"
       "ไม่บอกก็รู้น่า!"
       สองหนุ่มรีบหนีจากฝูงซูแบตไป วิ่งไปอย่างเร่งรีบจนไม่ได้สนใจดูเลยว่าอีกคนหนึ่งยังอยู่รึเปล่า ฟูจิกิวิ่งหนีไปตามทางที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เห็นทางเลี้ยวก็เลี้ยว เห็นทางตรงก็ตรง วิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อเอาชีวิตรอดจากซูแบตที่พุ่งเข้ามาโจมตี
       วิ่งไปวิ่งมากว่าห้านาที ในที่สุดก็หนีพ้น…
       "แฮ่ก...แฮ่ก…"
       ฟูจิกิหอบด้วยความเหนื่อยล้า
       "ร..รอดรึยัง?"
       "ไม่ตามมาแล้ว ดูท่าพวกเราจะรอดแล้วล่ะ"
       ควีเน็ตต้าตอบพลางกอดอก
       "ให้ตายเถอะ เป็นความผิดของนายคนเดียวเลย...หือ?"
       ฟูจิกิกำลังจะบ่นฮาเคย์ ทว่าพอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เจอใครนอกจากเพื่อนร่วมชะตากรรมสองสาว เด็กหนุ่มมองไปทางซ้าย สักพักก็มองไปทางขวา ตีลังกากลับไปมองข้างหลัง แต่ไม่ว่ายังไง้ยังไงก็หาอีกคนหนึ่งไม่เจอ
       "อ้าว? หมอนั่นไปไหนแล้ว?"
       ฟูจิกิถาม
       "อีกทางหนึ่ง"
       จู่ๆ ควีเน็ตต้าก็พูดขึ้นมา
       "?"
       "ตอนที่หนีมันมีทางแยกอยู่ หมอนั่นแหกปากแล้วก็วิ่งไปคนละทางกับที่คุณวิ่งมา ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ไหน" 
       ควีเน็ตต้ากล่าว
       ทว่าจู่ๆ เสียงบุ๋งๆๆ ก็ดังขึ้นข้างหลังคอยคิงสาว
       "ฮ้า!"
       เอมอนก้ามาริโผล่ขึ้นมาจากก้นตู้ปลา เผยให้เห็นสภาพที่เปียกโชกเนื่องจากมุดเข้าไปซ่อนอยู่ในตู้ปลาเป็นเวลานาน เล่นเอาฟูจิกิสตันต์ไปราวๆ สามวินาที ก็ว่าอยู่จู่ๆ หายไปไหน ที่เงียบไปก็เพราะแอบไปหลบอยู่ในตู้ปลาหรอกเหรอ!?
       "เน่ โปจิกิ พวกซูแบตไปยังอะ"
       พอขึ้นมาก็อ้าปากถามเสียงใส
       "ไปกันตั้งนานแล้ว แล้วก็ออกไปจากตู้ปลาของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
       เห็นมาริโผล่ขึ้นมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ช่างชวนให้หงุดหงิดเกินคาด ควีเน็ตต้าตวัดหางส่งมาริโบยบินออกไปสู่เพดานถ้ำด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลของปลาราชา เอมอนก้ามาริถูกส่งไปสู่เพดานถ้ำ โชคดีที่กางปีกออกทันเวลา ไม่อย่างนั้นหัวของเธอคงจะชนกับเพดานถ้ำเข้าเต็มๆ
       "โธ่! ควีนซังทำอะไรเนี่ย อีกนิดเดียวก็จะชนเพดานถ้ำแล้วนา หัวแตกขึ้นมาจะทำยังไงเล่า"
       มาริกอดอก ทำแก้มป่อง
       "หัวเธอไม่แตกหรอก เพดานถ้ำมันจะถล่มลงมาแทนน่ะสิ"
       ฟูจิกิกล่าว พลางหวนนึกถึงความแข็งของหัวของมาริ
       "เดี๋ยวนะ ก็เข้าใจอยู่ว่าหัวแข็ง แต่มันแข็งขนาดนั้นเชียวเหรอ"
       ฟังจากคำพูดของฟูจิกิ ควีเน็ตต้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
       "ไม่หรอก โปจิกิก็เวอร์ไป๊" มาริส่ายหน้า "หัวใครจะไปแข็งขนาดนั้นล่ะ ถ้าเป็นฮากาเนลก็ว่าไปอย่า--อ๊า!!!"
       สายตาของเอมอนก้าสาวที่มองผ่านแว่นเปียกๆ เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า มาริร้องลั่นพลางชี้นิ้วไปในทิศทางที่เห็น ฟูจิกิหันกลับไปมองข้างหลัง แต่ก็ไม่เห็นอะไร
       "เป็นอะไรไปมาริ ทำหน้าอย่างกับเห็นผี"
       ฟูจิกิถาม
       "ช..ไชนี่!? ออนแบตไชนี่ล่ะ!!?"
       "อะไรนะ!?"
       พอได้ยินคำว่าไชนี่ สัญชาตญาณเทรนเนอร์ในตัวของฟูจิกิก็ร่ำร้อง โปเกมอนสีแปลกประหลาดที่มีโอกาสค้นพบเพียงแค่ 1 ใน 4096 เท่านั้นสามารถพบได้ในถ้ำแบบนี้งั้นเหรอ!? ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ฟูจิกิหยิบมอนสเตอร์บอลออกมาเตรียมขว้างแม้จะยังไม่เห็นตัว กวาดสายตามองหาแทบทุกซอกทุกมุม
       "ไหนล่ะมาริ? ไม่เห็นเจอเลย"
       ฟูจิกิถาม
       "ข้างหลังนายไง บนพื้นน่ะ!"
       มาริชี้ไป ฟูจิกิมองตาม พลันเหลือบไปเห็นเจ้าโปเกมอนค้างคาวกำลังออกแรงลากอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นโดยหันหลังให้กับเขา มันมีใบหูขนาดใหญ่และมีขนปกคลุมรอบลำคอ แม้จะเห็นเพียงแค่ข้างหลังของมัน แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฟูจิกิและมาริระบุได้ว่ามันคือตัวอะไร
       เจ้านี่คือออนแบต โปเกมอนคลื่นเสียงที่มีรูปร่างเหมือนกับค้างคาว มีลักษณะเด่นคือใบหูขนาดใหญ่ที่มีไว้ปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงใส่ศัตรู โดยปกติแล้วลำตัวของมันจะเป็นสีม่วงอ่อน ไม่ใช่สีมินต์อย่างตัวที่ฟูจิกิพบเจอ
       สีที่ผิดแผกไปจากปกติ..นี่คือออนแบตสีสุกสกาวอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ!
       ออนแบตสีประหลาดยังไม่รู้สึกตัวว่าในตอนนี้มีมนุษย์กำลังจ้องมาตาเป็นมัน ฟูจิกิเตรียมมอนสเตอร์บอลเอาไว้พร้อมขว้าง เด็กหนุ่มใช้เวลาในการเล็งอยู่นานเหมือนกับตอนที่จะขว้างบอลในภาค Let's go เขาต้องรอ..รอจนกว่าจะถึงเวลานั้น!
       ตอนนี้แหละ!
       ฟูจิกิกำลังจะขว้างบอลออกไป แต่ก็ถูกมาริพูดขัดซะก่อน
       "เอ..แต่ไม่ใช่ว่าโปจิกิไม่สามารถจับโปเกมอนตัวอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมชะตากรรมได้หรอกเหรอ?"
       ฉึก!
       ความเป็นจริงช่างโหดร้าย…
       ฟูจิกิฝันสลาย ช็อกจนเผลอปล่อยมอนสเตอร์บอลหลุดมา ลืมไปเสียสนิทเลยว่ามอนสเตอร์บอลของเขาจะไม่ทำงานหากใช้มันกับโปเกมอนที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมชะตากรรม เด็กหนุ่มกำหมัด เงยหน้าขึ้นมองเพดานถ้ำก่อนจะแหกปากลั่น
       "บ้าเอ๊ยยย!! มีโปเกมอนไชนี่อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่ดันจับไม่ได้เนี่ยนะ!? นี่มันโหดร้ายไปแล้วเกินไปแล้ววว!!"
       แล้ว…...แล้ว…..แล้ว…..
       "!?"
       เสียงตะโกนของฟูจิกิดังสะท้อนกับผนังถ้ำ เสียงสะท้อนดังก้องไปมาทำให้เจ้าออนแบตรู้ตัว มันเหลียวหลังกลับมา ครั้นเห็นมนุษย์กับคอยคิงในตู้ปลาก็สะดุ้งตกใจ รีบถอยกรูดไปจนหลังของมันชนเข้ากับทางตัน
       "โปจิกิ! ออนแบตไชนี่จะหนีไปแล้วนะ!"
       มาริร้องบอก ฟูจิกิยืนนิ่ง มือข้างที่ถือมอนสเตอร์บอลอยู่นั้นออกแรงบีบมหาศาลจนพื้นของมอนสเตอร์บอลบุบเข้าไปด้วยความคับแค้นใจ
       นี่แหละคือความรู้สึกของคนที่เจอโปเกมอนร่างไชนี่แต่ดันจับไม่ได้ล่ะ!
       "ในเมื่อจับไม่ได้...งั้นก็ตีทิ้งเอา exp. เลยก็แล้วกัน!"
       ฟูจิกิพูดด้วยความเกรี้ยวกราด
       ออนแบตที่ได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับด้วยความหวาดกลัว
       "ด..เดี๋ยวสิ! อย่าใช้ความรุนแรงเลยนะ ม..มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จาสิ!"
       มันร้องตอบกลับมาเป็นภาษามนุษย์ แต่ดูเหมือนฟูจิกิจะไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย
       "ร่างไชนี่ที่ฉันจับไม่ได้ มันก็เป็นได้แค่เศษ exp. เท่านั้นแหละ!" ฟูจิกิโยนมอนสเตอร์บอลที่ถูกบีบจนบุบทิ้งไป ก่อนจะหันไปมองมาริ "จัดการเลยมาริ ใช้ท่าสุด OP ของเธอจัดการไอ้ค้างคาวเขียวนี่ซะ!"
       "อ..เอาจริงดิโปจิ?
       เด็กหนุ่มยังคงยืนกรานว่าจะตื้บทิ้งท่าเดียว แต่มาริยังคงเสียดายถ้าหากจะต้องตีโปเกมอนร่างไชนี่ทิ้งไป พลันควีเน็ตต้าที่มองจากในตู้ปลาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ดูผิดแปลกไป คอยคิงในตู้ปลาจึงได้ทักท้วงเสียก่อนที่ฟูจิกิจะจัดการเจ้าออนแบตนี่ทิ้งไป
       "เดี๋ยวก่อน ห้ามโจมตีเจ้าค้างคาวนั่น"
       ได้ยินควีเน็ตต้าห้ามไว้ก็ชักจะรู้สึกแปลกๆ ฟูจิกิหันกลับมาด้วยใบหน้าที่ฉายแววสงสัย
       "ทำไมถึงห้ามโจมตีล่ะ? ควีนซัง"
       มาริถามพลางเอียงคอ
       "พวกคุณนี่นะ ไม่ได้สังเกตเลยรึไงกัน ที่หูเจ้าค้างคาวนั่นน่ะมีตุ้มหูอยู่ด้วยนะ ถ้าเป็นค้างคาวที่อยู่ตามธรรมชาติล่ะก็คงไม่มีของแบบนั้นอยู่หรอก"
       ควีเน็ตต้ากล่าว ฟูจิกิและมาริหันกลับไปมองออนแบต ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
       "จะว่าไปก็ใช่แฮะ"
       พอลองสังเกตดูดีๆ ฟูจิกิก็เริ่มเอะใจ
       'เดี๋ยวนะ..ปกติแล้วตาของออนแบตมันไม่ใช่สีดำนี่ หรือว่าเจ้านี่จะเป็น….'
       ฟูจิกิหันมาพินิจดูเจ้าออนแบตสีเขียวอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าเจ้าออนแบทนี่มีบางอย่างที่มันดูผิดแปลกไป ไม่ใช่แค่เรื่องตุ้มหูที่ควีเน็ตต้าว่า แต่ยังมีสีของดวงตาที่กลายเป็นสีดำแทนที่จะเป็นสีเหลืองอย่างออนแบตทั่วไป ออนแบทมองตาฟูจิกิ ก่อนจะเหลือบหันไปมองควีเน็ตต้าที่ลอยคออยู่ในตู้ปลาสลับกับมาริที่ร่อนอยู่ไม่ไกล มันเอียงคอราวกับว่ามีเรื่องที่มันสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยภาษาที่ฟูจิกิคุ้นเคย
       "ร..หรือว่า..พ..พวกนายก็คือ…"
       "เพื่อนร่วมชะตากรรม...เหรอ?"
       ฟูจิกิกับออนแบตตัวนั้นพูดขึ้นมาพร้อมกัน


    .
    .
    .


       ใครมันจะไปคิดว่าการหลงทางจะทำให้เจอเพื่อนร่วมชะตากรรมได้….
       พอพบเพื่อนร่วมชะตากรรมคนใหม่ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการทำความรู้จักกันเพราะดูแล้วคงได้อยู่ด้วยกันไปอีกยาวๆ ฟูจิกิ มาริ และออนแบตสีประหลาดที่ยังไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามนั่งลงบนพื้นถ้ำเย็นเยียบ ควีเน็ตต้าลอยคออยู่ในน้ำอุ่นๆ คอยฟังบทสนทนาจากไกลๆ
       "เข้าประเด็นเลยนะ ทำไมนายถึงมาโผล่เป็นร่างไชนี่อยู่โลกนี้ได้ นี่โลกก่อนนายเป็นมนุษย์ร่างไชนี่รึไงกัน"
       ฟูจิกิเริ่มเปิดบทสนทนา ไม่รอช้า รีบเข้าประเด็นสำคัญในทันใด
       ...ดูยังไงนั่นก็ไม่น่าใช่ประเด็นหลักเลยนะ
       มาริและควีเน็ตต้าคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
       "ม..ไม่รู้เลยครับ..ผ..ผมก็ตกใจเหมือนกันที่..จ..จู่ๆ ก็กลายเป็นออนแบทสีไชนี่..บ..แบบนี้ ที่โลกก่อนผมก็เป็นแค่..ม..มนุษย์..ป..ปกตินะควัฟ"
       ตื่นเต้นเสียจนลิ้นพัน ดูท่ามนุษย์ในร่างออนแบตไชนี่จะไม่ถนัดเรื่องการพูดคุยเอาเสียเลย
       'ลิ้นพันล่ะ'
       มาริที่นั่งมองอยู่ก็รู้สึกเอ็นดูขึ้นมาหน่อยๆ แต่ดูเหมือนการพูดติดอ่างของออนแบทจะทำให้ควีเน็ตต้าหงุดหงิด
       "ขอทีเถอะ ช่วยพูดแบบปกติทีได้มั้ย ติดอ่างแทบทุกคำแบบนี้มันน่ารำคาญ"
       คอยคิงกล่าวพลางกอดอก
       "ฮึ้ย!? ข..ขอโทษคร้าบบบ!!!"
       ออนแบตก้มกราบ พลางร้องตะโกนเสียงดัง
       "หวา..อย่าไปทำเขากลัวสิควีนซัง"
       มาริพูดพลางทำหูลู่ลง ควีเน็ตต้าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
       "ฉันก็แค่พูดตามความจริง เอาแต่พูดติดอ่างทุกคำแบบนั้นมันน่ารำคาญจะตายไป" พูดจบก็กอดอก เบือนหน้าหนีไปอีกทาง "ถ้ายังพูดติดอ่างอยู่แบบนี้ฉันก็ไม่ฟังต่อแล้ว น่าหงุดหงิดจะตายชัก"
       ควีเน็ตต้า ออกจากห้องแชต...
       "......"
       บัดนี้คนที่อยู่ในวงสนทนาเหลืออยู่เพียงแค่สามคน ออนแบตนั่งซึมเพราะไม่รู้ว่าจะแก้นิสัยของตนที่มักจะพูดติดอ่างอย่างไรดี บรรยากาศของที่นี่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความน่าอึดอัด จนมาริต้องพยายามต่อบทสนทนาก่อนที่มันจะเงียบไปมากกว่านี้
       "เอ..จะว่าไปแล้วเนี่ย ยังไม่รู้จักชื่อไชนี่คุงเลยนี่นา" มารินึกขึ้นได้ "ชื่ออะไรเหรอ? จากนี้ไปพวกเราต้องอยู่ด้วยกันไปยาวๆ เลยนะ มาทำความรู้จักกันไว้เถอะ"
       พูดจบก็ยิ้มให้
       ออนแบตเงียบไปสักพัก แล้วจึงลุกขึ้นแนะนำตัว
       "ผ..ผมชื่อเคน อายุสิบหกปี ย..อย่างที่ทุกคนเห็นนั่นแหละ ผมเป็น..ออนแบต..ล..แล้วก็เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมกลายเป็นสีไชนี่..บ..แบบนี้" ออนแบทยังคงแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ค..เคยดูโปเกมอนอยู่บ้าง พ..เพราะงั้นก็เลยรู้วิธีเอาตัวรอด..จ..จากเจ้าพวกนี้อยู่นิดหน่อย..ย..ยังไงก็..ขอฝากตัวด้วยนะครับ"
       พูดจบก็ก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตา ในที่สุดก็ได้รู้ชื่อของเพื่อนร่วมชะตากรรมคนใหม่สักที คราวนี้ก็เป็นตาของพวกฟูจิกิบ้างที่จะต้องแนะนำตัว ฟูจิกิกำลังจะอ้าปากพูด แต่เอมอนก้าปากมากก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อนซ้ำยังแนะนำตัวให้ทุกคนเสร็จสรรพ
       "งั้นเหรอๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะเคนซัง ฉันชื่อมาริ เป็นเอมอนก้าหัวแข็งโป๊ก ส่วนนี่คือโปจิกิ เป็นคุณเทรนเนอร์ที่ซื้อบอลมามากมายแต่จับตัวอะไรไม่ได้เลย" พูดแล้วก็เทมอนสเตอร์บอลของฟูจิกิลงพื้น ก่อนจะหันไปมองควีนเน็ตต้าที่ออกจากวงสนทนาไป กลายเป็นคอยคิงเดียวดาย "แล้วที่อยู่ตรงนั้นก็คือควีนซัง คอยคิงเวล 99 ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีพีพีพีพี"
       มาริทำเสียงเอคโค่เองโดยไม่ต้องใช้ผนังถ้ำช่วยสะท้อน ฟูจิกิกุมขมับเพราะความไม่เต็มบาทของเพื่อนร่วมชะตากรรมแว่นหนา เด็กหนุ่มก้มลงเก็บมอนสเตอร์บอลอย่างเสียดาย พลันนึกได้ว่ามาริพูดชื่อของเขาผิดไป คงต้องรีบแก้เสียก่อนที่จะเข้าใจผิด
       "อย่าเอาบอลมาเททิ้งสิมาริ" ฟูจิกิดุ "แล้วอีกอย่าง ฉันชื่อฟูจิกิ ไม่ใช่โปจิกิ เธอเล่นเรียกฉันแต่โปจิกิ โปจิกิ อยู่นั่นแหละ รู้มั้ยว่าตอนนี้คนอ่านเขาคิดว่าฉันชื่อโปจิกิจริงๆ แล้วนะ!"
       "อ้าว ไม่ได้ชื่อโปจิหรอกเหรอ?"
       "อันนั้นยิ่งไปกันใหญ่เลย!"
       "........"
       เอ่อ….เวลาแบบนี้ควรจะพูดอะไรดีล่ะเนี่ย?
       เคนคิดในใจ
       "อ๊ะ! จะว่าไปแล้ว..ท..ทำไมทุกคนถึงเข้ามาในถ้ำเขียวขจีกันล่ะ? แถมยัง...เอ่อ..เข้ามาลึก..มากๆ เลยด้วย" เคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย "ผ..ผมไม่คิดว่าในถ้ำนี้จะมีอะไรที่มัน..เอ่อ..แบบว่า..น่าสนใจ?.."
       เด็กหนุ่มในร่างออนแบตพยายามเรียบเรียงถ้อยคำให้กลายเป็นประโยค แต่ดูเหมือนว่ามันจะยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้สื่อสารกับคนอื่นๆ มากเท่าไรนักอย่างเขา มาริเงี่ยหูฟัง คาดเดาสิ่งที่เคนต้องการจะถามแล้วพูดตอบกลับไปในทันที
       "อ๋อ! เรื่องนั้นอะนะ คือแบบว่า…." มาริลากเสียงยาว เหล่ไปมองฟูจิกิกับควีเน็ตต้าเล็กน้อยแล้วหันมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยย่อให้เคนฟัง "เมื่อเช้าน่ะนะ พวกเรานั่งเรือมาจากเกาะโพนิ แล้วพอออกมาจากท่าเรือก็เจอเจ้าบ้าคนนึงมาท้าสู้ล่ะ ทีแรกโปจิกิก็ปฏิเสธไป แต่หมอนั่นก็ตื๊ออยู่นั่นแหละ ยังไงก็จะท้าสู้ให้ได้ โปจิกิก็เลยต้องรับคำท้าล่ะ แล้วพอเริ่มการแบทเทิลก็ตู้ม!!! ฝนดาวตกของควีนซังร่วงลงมาใส่โปเกมอนของหมอนั่น กลายเป็นโกโกครันช์ แล้วแบบว่าจู่ๆ ราชาเกาะก็เดินมาเห็นพอดี กลายเป็นว่าพวกเราได้มาเข้ารับการทดสอบใหญ่ในถ้ำนี้แบบงงๆ ล่ะ"
       จบการย้อนอดีตของมาริ เคนนั่งฟังแล้วก็นึกภาพตาม ถึงช่วงที่ควีนเน็ตต้าใช้ฝนดาวตกก็ทำหน้าประหลาดใจ หันไปมองคุณนายในตู้ปลาแล้วกะพริบตาปริบๆ พอนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบก็ถึงบางอ้อ พอเข้าใจสาเหตุที่สามเพื่อนร่วมชะตากรรมมาอยู่ในที่แบบนี้
       "ง..งี้เอง มาหา Z-Crystal สินะ" 
       เคนพยักหน้า แต่แล้วก็ฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
       "เอ๊ะ? ต..แต่ว่าที่ที่มี Z-Crystal อยู่มันอยู่คนละทางกับที่นี่เลย..ไม่ใช่เหรอ?"
       "จะไปรู้ได้ไงเล่า ก็เส้นทางในถ้ำนี้มันพาไปมั่วหมดเลย" ฟูจิกิบ่นอุบ "ทั้งทางที่พาวนกลับมาที่เดิมบ้างล่ะ ทางที่เต็มไปด้วยซูแบตบ้างล่ะ สารพัดเส้นทางสุดบรรลัย อย่าว่าแต่หา Z-crystal เลย ตอนนี้จะหาทางกลับออกจากถ้ำได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ"
       เด็กหนุ่มผมดำสาธยายถึงสิ่งที่ตัวเองประสบมา โดยที่มีมาริพยักหน้าตามหงึกๆ
       "เห็นด้วยเลยล่ะโปจิกิ" มาริพยักหน้าเห็นด้วย "ว่าแต่...เคนซังพอจะรู้มั้ยว่า Z-crystal อยู่ตรงไหนน่ะ?"
       เอมอนก้าสาวหันมาถามออนแบตหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่ว่าจะได้รับคำตอบกลับมา ทว่าผิดคาดที่เคนพยักหน้า ก่อนจะตอบคำถามของมาริเสียงดังฟังชัด
       "แน่นอน รู้สิ"
       "จริงเหรอ!?"
       "เหวอ!?"
       ทั้งมาริและฟูจิกิยื่นหน้าเข้ามาใกล้พลางพูดขึ้นมาเสียงดังพร้อมกันจนเคนสะดุ้งโหยง ออนแบตหนุ่มถอยกรูดจนหลังชนกับผนังถ้ำ เอมอนก้าและคุณเทรนเนอร์ พอรู้ตัวว่าเมื่อกี้เสียงดังจนเกินไปก็แกล้งทำเป็นกระแอมไอเบาๆ ก่อนจะกลับมาพูดกับเคนด้วยน้ำเสียงปกติ
       "งั้นช่วยนำทางไปหน่อยได้รึเปล่า?"
       ฟูจิกิถาม เคนพยายามตั้งสติ ก่อนจะพยักหน้าตอบ
       "อ..อื้ม ด..ได้" เคนยังคงพูดติดอ่าง ออนแบทหนุ่มกางปีกออก ก่อนจะใช้ปีกข้างหนึ่งชี้ไปยังก้อนหินก้อนหนึ่งที่วางอยู่บนพื้นถ้ำ "ต..แต่ว่า..ผ..ผมขอฝากเจ้านั่นไว้กับ..เอ่อ..คุณ..ฟูจิกิ? ด..ได้รึเปล่า? แบบว่า ม..ไม่อยากให้มันเสียหายน่ะ"
       "แน่นอน ได้อยู่แล้ว"
       ฟูจิกิรับคำ ก่อนจดเดินไปเก็บก้อนหินที่เคนชี้ไป พลันเด็กหนุ่มก็นิ่งค้างไป นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
       "!?"
       "หือ? โปจิกิ?" มาริที่เห็นฟูจิกิค้างไปเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย ครั้นเห็นหินในมือของฟูจิกิ เอมอนก้าสาวก็ร้องออกมาดังลั่นด้วยอาการตกใจไม่ต่างกัน "น..นี่มัน!?"
       "หินต้นกำเนิด Z-ring อย่างงั้นเหรอ!!!?"
       เหรอ..เหรอ..เหรอ…..
       ผนังถ้ำยังคงทำหน้าที่เป็นตัวสร้างเสียงสะท้อนให้โดยที่ไม่มีใครร้องขอ มาริกับฟูจิกิจ้องมองหินตาเป็นประกายจนควีเน็ตต้าอดไม่ได้ที่จะสงสัย คอยคิงที่เงียบหายไปนานถอนหายใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมจะตกใจขนาดนี้เพียงเพราะหินแค่ก้อนเดียว
       "ถามจริงเถอะ นี่ตกใจอะไรกัน มันก็เป็นแค่ก้อนหินโง่ๆ เองไม่ใช่รึไง?"
       ควีเน็ตต้าเอ่ย
       "ไม่ใช่แค่ก้อนหินโง่ๆ หรอกนะ!!"
       ฟูจิกิกับมาริตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
       ได้เวลาบทเรียนโลกโปเกมอนของศาสตราจารย์มาริ&ฟูจิกิ!
       "ฟังนะควีนซัง เจ้านี่ไม่ใช่แค่หินธรรมดา แต่เป็นหินต้นกำเนิด Z-ring เชียวนะ! เป็นสุดยอดหินล้ำค่าที่จะมอบให้กับคนที่คู่ควรเท่านั้น!"
       มาริอธิบายด้วยความตื่นเต้น
       "แล้วก็ว่ากันว่าเจ้านี่เป็นเศษเสี้ยวที่หลุดลอกออกมาของเนครอซมา โปเกมอนในตำนานจากอัลตร้าสเปสเชียวนะ แถมในเกมก็เป็นไอเทมที่จะได้รับมาจากผู้พิทักษ์ประจำเกาะอย่างพวกทาปูเท่านั้นด้วย และยังไม่สามารถขายได้เพราะค่าของมันไม่สามารถประเมินได้ พูดง่ายๆ เลยก็คือ…"
       "..เป็นโคตรของโคตรแรร์ไอเทมยังไงล่า!!"
       ล่า..ล่า..ล่า….
       เสียงเอคโค่ดังก้องไปทั่ว
       "......."
       ควีเน็ตต้า..ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับคนบ้าสองคนในสถานการณ์เช่นนี้
       แต่เอ...ทุกคนลืมไปแล้วรึเปล่านะว่าจริงๆ แล้วตั้งใจจะทำอะไรต่อกันแน่
       "โอ๊ะ! ตื่นเต้นไปหน่อย เกือบลืมธุระสำคัญไปเลยแฮะ เคนซัง!"
       ในที่สุดมาริก็นึกขึ้นได้ เอมอนก้าสาวหันไปหาเคนที่สแตนด์บายรอนำทางให้อยู่นานแสนนาน ฟูจิกิเก็บหินต้นกำเนิด Z-ring เข้ากระเป๋า นึกขึ้นได้ว่าจะให้เคนช่วยนำทางไปยัง Z-crystal ที่พวกเขาต้องตามหาเพื่อจบการทดสอบใหญ่
       "อะแฮ่ม! พวกเราพร้อมแล้ว นำทางไปได้เลย เคน"
       คุณเทรนเนอร์กระแอมไอเบาๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเคน
       ทว่าแทนที่จะเริ่มกางปีกออกแล้วบินพาทุกคนกลับไปทางเก่า เคนกลับหันหน้าไปที่ผนังถ้ำซึ่งเป็นทางตัน
       "มาคิดอีกที...คงไม่จำเป็นต้องนำทางแล้วล่ะ"
       เคนพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ฟูจิกิก็ดันหูดีได้ยินสิ่งที่เคนพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มผมดำก็สัมผัสได้ถึงลางหายนะ เดินถอยไปไกลโดยที่ทิ้งตู้ปลาของควีเน็ตต้าไว้ตรงนั้น
       "เดี๋ยวนะ..พูดแบบนี้หมายความว่าไง?"
       ฟูจิกิเอ่ยถาม
       "......."
       ทว่าเคนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา…


    .
    .
    .


       ณ ใจกลางของถ้ำเขียวขจี
       จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของการทดสอบใหญ่แห่งเกาะเมเลเมเล่ เป็นทั้งที่ตั้งของแท่นวาง Z-crystal และรังของฝูงยันกูสในเวลาเดียวกัน แม้โดยธรรมชาติแล้วฝูงยันกูสจะมีนิสัยดุร้าย แต่โปเกมอนป่าเหล่านี้จะไม่โจมตีใครนอกเหนือจากผู้เข้ารับการทดสอบหรือใครก็ตามที่คิดจะเคลื่อนย้าย Z-crystal ตามอำเภอใจ
       ย้อนกลับไปตอนที่วิ่งหนีตายจากฝูงซูแบตที่อาละวาดเพราะฮาเคย์เผลอไปฉายไฟฉายเข้าเต็มๆ หน้าขณะที่พวกมันกำลังนอนหลับสบาย ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆ ทางหนีของพวกเขาจะแยกออกเป็นสองทาง ทางที่ฟูจิกิวิ่งเข้าไปกลายเป็นทางตัน แต่ทางที่ฮาเคย์เลือกมากลับนำพาเขามาสู่ปลายทางของการทดสอบได้แบบนี้
       แต่ไม่สิ! นี่มันไร้ความหมายสุดๆ ไปเลย!
       คนที่ต้องทดสอบในครั้งนี้คือฟูจิกิ การมีตัวตนของผู้คุมสอบชั่วคราวอย่างฮาเคย์ท่ามกลางฝูงยันกูสนั้นเรียกได้ว่าเจือจางราวกับอากาศธาตุ เด็กหนุ่มผมน้ำตาลยืนพิงผนังถ้ำ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเวลาเป็นระยะๆ
       "......."
       สิบนาทีแล้ว….
       ตั้งแต่ที่แยกจากฟูจิกิก็ผ่านมาได้ราวๆ สิบนาทีแล้ว ฮาเคย์ในตอนนี้กำลังถูกความกังวลเข้าครอบงำ การที่เขาคลาดสายตาจากผู้เข้ารับการทดสอบนี่นับได้ว่าเป็นความล้มเหลวในฐานะคนคุมสอบชั่วคราวรึเปล่า? แต่ครั้นจะออกไปตามหาก็เกรงว่าตัวเขาจะหลงทางไปอีกคน ถึงเขาจะสามารถหาทางออกจากถ้ำได้ด้วยโปเกมอนที่เขามีอยู่ แต่การที่ออกไปคนเดียวแล้วทิ้งผู้เข้ารับการทดสอบไว้ข้างในจะทำให้คุณฮาระ อาจารย์ที่เขาเคารพและนับถือผิดหวังในตัวเขารึเปล่า?
       "ทำไงดีวะเนี่ย.."
       ฮาเคย์พูดกับตัวเองเบาๆ
       "กรรรรร"
       เสียงคำรามดังอยู่ข้างๆ หูของเด็กหนุ่ม เมื่อฮาเคย์หันมาก็พบกับเดคากูสที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติหลายเท่าตัว แผ่ออร่าที่ทรงพลังออกมาจนแม้กระทั่งมนุษย์ธรรมดาก็สัมผัสได้
       ไม่ผิดแน่นอน..เดคากูสตัวนี้คือโปเกมอนเจ้าถิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย
       และฮาเคย์ก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี..เพราะเดคากูสเจ้าถิ่นตัวนี้คือคู่ซ้อมที่ดีที่สุดของเขานั่นเอง
       "กรรร..รรร.."
       เดคากูสเจ้าถิ่นวางมือลงบนหัวของฮาเคย์ก่อนจะลูบหัวเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน คล้ายจะบอกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ฝ่ายเด็กหนุ่มที่ถูกโปเกมอนปลอบ แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็รู้สึกดีอยู่หน่อยๆ
       "เหอะ จะปลอบฉันอย่างนั้นเหรอ เป็นโปเกมอนเจ้าถิ่นที่ใจดีจังเลยนะ" ฮาเคย์กล่าว "นึกถึงตอนที่ฉันมารับการทดสอบใหญ่ครั้งแรกเลย ตอนที่แบทเทิลแพ้นายก็เข้ามาปลอบแบบนี้.."
       ฮาเคย์ย้อนนึกถึงความทรงจำสมัยก่อน เดคากูสเจ้าถิ่นเองก็ทำท่าคล้ายจะนึกถึงอดีตแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขัดกับหน้าตาที่ดูหน้ากลัว
       พอเห็นรอยยิ้มแบบนั้นแล้ว ฮาเคย์ก็รู้สึกว่าแม้มันจะไม่แฟร์กับฟูจิกิที่เขาบอกข้อมูลของผู้เข้ารับการทดสอบให้กับโปเกมอนเจ้าถิ่นรู้แบบนี้ แต่เขาก็ต้องเตือนเพื่อนเก่าของเขาให้รับรู้ถึงความไม่ปกติของผู้เข้ารับการทดสอบตั้งแต่เนิ่นๆ
       "นี่ เดคากูส เกี่ยวกับผู้เข้ารับการทดสอบครั้งนี้น่ะ…"
       "?"
       ทันทีที่ฮาเคย์เอ่ยปากถึงการทดสอบ เดคากูสเจ่าถิ่นก็หันมามองอย่างสงสัย
       "ระวังด้วยล่ะ หมอนั่น--"
       "กรร!?"
       เด็กหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ เดคากูสเจ้าถิ่นและฝูงยันกูสมากมายก็พากันตั้งท่ารับมือกับอะไรบางอย่างที่อยู่อีกฟากของกำแพง ฮาเคย์ตามสถานการณ์ไม่ทัน มองตามพวกโปเกมอนไปอย่างงงๆ
       "ฮ..เฮ้ย เดคา--"
       ตู้มมมมม!!!!
       พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ผนังของถ้ำก็ถูกเป่ากระจุย สัญชาตญาณเทรนเนอร์ของเด็กหนุ่มควบคุมมือของเขาให้เปิดมอนสเตอร์บอลแล้วหลบภัยอยู่ข้างหลังเกราะป้องกันของโครแบตได้ทันท่วงที เพียงเสี้ยววินาทีที่ผนังถ้ำถูกเป่มกระจุยนั้น ระเบิดคลื่นเสียงได้ทะลวงเข้ามาซัดฝูงยันกูสกระเด็นไปคนละทิศละทาง ทุกอย่างพังพินาศภายในเวลาไม่กี่วินาที แม้กระทั่งโปเกมอนเจ้าถิ่นตัวใหญ่ยักษ์ก็ถูกระเบิดคลื่นเสียงซัดเข้าเต็มรักจนลอยไปชนกับผนังถ้ำ
       มีเพียงฮาเคย์ที่หลบอยู่หลังที่กำบัง..และแท่นวาง Z-crystal ที่ถูกปกป้องด้วยม่านพลังบางอย่างเท่านั้น ที่ยังคงอยู่รอดปลอดภัย
       "อ..อ..อ…"
       เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลถึงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพียงแค่จู่ๆ ผนังถ้ำก็ระเบิดตู้มก็ทำให้เขาตกใจมากแล้ว แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าฟูจิกิกับเหล่าผองเพื่อนนักทำลายสามัญสำนึกแห่งโลกโปเกมอนยืนอยู่หลังส่วนที่ถูกเป่ากระจุยนั่น ยิ่งไปกว่านั้น โปเกมอนของเทรนเนอร์ผมดำดูจะมีมากกว่าเดิมเสียอีก! คงเป็นฝีมือของเจ้าตัวใหม่นั่นแน่ๆ ที่เป่าทุกอย่างกระจุยในทีเดียว
       สมองของฮาเคย์เริ่มที่จะประมวลผลตามไม่ทัน ระเบิดตู้มจนเด็กหนุ่มติดสภาวะสตันต์ไปชั่วคราว ฟูจิกิเดินออกมาจากจุดที่ยืนอยู่นั้นมาจนถึงแท่นวาง ผ่านยันกูสนับสิบตัวที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
       "......"
       เด็กหนุ่มยืนพินิจ Z-crystal บนแท่นบูชาอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูแล้วหยิกแก้มตัวเองสักสองสามทีราวกับว่าจะยืนยันให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ก็แหงล่ะ ใครจะไปคิดว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมคนใหม่จะระเบิดผนังถ้ำเสียกระจุยแถมยังซัดพวกโปเกมอนเจ้าถิ่นกระเด็นไปไกล ถึงแม้ฟูจิกิจะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกพ้องของเขาจะมาพร้อมกับสเกลพลังที่เวอร์วังผิดปกติ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเวอร์ขนาดนี้! สามัญสำนึกของเขาแหลกเละจนแทบไม่เหลือแล้ว!!
       ฟูจิกิในตอนนี้ เรียกได้ว่ายังคงอยู่ในสภาวะสตันต์ชั่วคราว ไม่ต่างอะไรกับฮาเคย์เลยล่ะ
       "...แบบนี้..ผ่าน..ใช่มั้ย?"
       ฟูจิกิหันไปถามฮาเคย์ที่ยังคงยืนสตันต์อยู่ตรงนั้น
       "เอ่อ……...ผ่าน..มั้ง?"
       สามัญสำนึกของฮาเคย์...ถูกทำลายในชั่วพริบตา


    .
    .
    .


       ณ สวนดอกไม้เมเลเมเล่
       ทุ่งดอกไม้สีเหลืองสุดใส เบ่งบานรับกับแสงตะวันที่สาดส่อง เหล่าโปเกมอนมากมายหลายสายพันธุ์หลบซ่อนอยู่ในดงบุปผา ทั้งโอโดริโดริสไตล์ปอมปอมที่กำลังออกหาน้ำหวานพลางเต้นรำกันอย่างรื่นเริง อะบูรีและอะบูรีบงแข่งขันเก็บเกี่ยวน้ำหวานกับฝูงบัตเตอร์ฟรี พอสังเกตดีๆ ก็เห็นโมนเม็นล่องลอยไปมา ตามแต่สายลมจะพาพัดไป
       ที่ใจกลางของทุ่งดอกไม้ที่เหล่าโปเกมอนมารวมตัวกันนั้น คือที่อยู่อาศัยของสาวน้อยบุปผาหลากสีสันที่ซ้อนเร้นกายจากมนุษย์เพศชาย ไม่ให้ย่างกรายเข้ามาใกล้
       "....."
       ฟลาเอ็ตเต้ดอกไม้ขาวเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้า นั่งนับหมู่เมฆาที่ล่องลอยผ่านไปอย่างเรื่อยเปื่อยด้วยดวงตาสีฟ้าไร้ชีวิตชีวา ท่ามกลางเพื่อนๆ ฟลาเอ็ตเต้ที่ล่องลอยพลางยิ้มและหัวเราะอย่างไร้เดียงสาดูน่ารักสมวัย ฟลาเอ็ตเต้ดอกไม้ขาวมองได้แต่ตามเพื่อนๆ ไป ก่อนจะหลับตาลง
       "เพื่อนร่วมชะตากรรม...จะหาเจอได้ที่ไหนกันนะ?"


    .
    .
    .
    [โปรดติดตามตอนต่อไป]
    -*-*-*-*-*-*-*-
    ไรท์กลับมาแล้วค่าทุกคนนนน><
    ในที่สุดตอนที่ 4 ก็จบสักที สาเหตุที่ตอนนี้ยาวก็คงจะเป็นเพราะมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นเลยค่ะ ทั้งการเปิดตัวฮาเคย์เอย รับการทดสอบใหญ่เอย หลงทางเอย แต่แล้วในที่สุดก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชะตากรรมคนที่สามแล้วค่ะ ปรบมือ!!
    ตอนที่ 4 ถ้าเอาทั้งสามตอนย่อยมารวมกันคงจะยาวมากๆ แต่ที่ยาวที่สุดก็คงจะเป็นตอนนี้นี่แหละค่ะที่มีถึง 30,000+ ตัวอักษร คือเหนื่อยมากกกก อ่านกันยาวๆ เลย
    แต่คือว่า..ถ้าหากมันยาวเกินไปก็รบกวนท่านผู้อ่านทั้งหลายคอมเมนต์บอกด้วยนะคะ จะพยายามหาวิธีปรับปรุงค่ะ ฮือTwT
    แล้วก็ๆ คือไรท์ก็รู้ดีเรื่องที่ตัวเองทิ้งช่วงหายไปนานมากๆ ชีวิตม.4 นี่ยุ่งกว่าที่คิดมากเลยค่ะ ทั้งติดงาน ติดสอบ ติดเกม(หวีดท่าน N อยู่ค่ะ ท่าน N ในเกมมือถือคือดือมาก และท่าน N ก็พังตับไรท์อีกแล้ว ฮือ ;^;) หลังจากนี้ก็คงจะหายไปนานๆ อีก แต่จะกลับมาอัพแน่นอนค่ะ 
    ตอนหน้าก็พวกฟูจิกิก็คงจะออกไปตามหาเพื่อนร่วมชะตากรรมกันอีกเช่นเคย เนื้อเรื่องในตอนที่ 5 จะเป็นยังไง มารอลุ้นไปพร้อมๆ กับพวกฟูจิกิกันเถอะค่ะ!
    เจอกันตอนหน้า สำหรับตอนนี้ บ๊ะบายค่า><
    -*-*-*-*-*-*-*-
    Status Board


    อธิบายเพิ่มเติม

    จริงๆ แล้ว Ability ของออนแบตจะเป็น Frisk หรือไม่ก็ Infiltrator หรือ Telepathy ค่ะ แต่เนื่องจากว่าเคนเนี่ยดูค่อนข้างขี้กลัวเอามากๆ ก็เลยให้ Ability Forewarn ที่จะช่วยเตือนถึงอันตรายให้รู้ล่วงหน้าค่ะ บางทีถ้ารู้ล่วงหน้าอาจจะทำให้กลัวน้อยลงก็ได้
    ค่า Stats ของออนแบท Lv. 42 คือ
    Hp : 98
    Attack : 38
    Defense : 47
    Sp.Atk : 55
    Sp.Def : 51
    Speed : 70

    *สำหรับข้อมูลตัวละครที่เคยโผล่มาก่อนหน้า จะอัพเดทให้ทีเดียวในตอนจบนะคะ*
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×