อ่านได้เลยค่ะ 
>ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
>แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
>ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี
>วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ
>ของฉันมีกัน
>
>จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง
>
>พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
>โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
>\"ใครขโมยเงินไป\" พ่อตวาด
>
>ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน
>พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
>\"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ
>ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ\"
>
>พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
>
>ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้
>แล้วพูดว่า
>\"ผมขโมยเองครับ\"
>ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
>พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด
>จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
>พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน
>\"ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก
>
>แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย\"
>
>
>คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้
>หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
>แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
>
>กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก
>
>น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า
>\"พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว\"
>
>ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้
>ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ
>
>หลายปีผ่านไป
>แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
>
>ฉันไม่อา จลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...
>
>เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น
>เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน
>ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
>ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกั น
>
>คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
>
>ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า \"ลูกเราทั้งคู่เรียนดี
>เรียนดีมากนะ\"
>
>แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
>\"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร
>ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน\"
>
>ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
>\"ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว\"
>
>พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่
>\"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้
>ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
>พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้\"
>
>คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ
>ทั่วทั้งหมู่บ้าน
>เพื่อขอยืมเงิน
>
>ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
>\"ต้องให้น้องได้เรียนต่อ
>
>ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้\"
>
>แต่ในขณะเดียวกัน
>ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
>ใครจะรู้ได้ .... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
>น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
>และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
>
>ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน
>ขณะฉันกำลังหลับ
>\"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....
>ผมจะไปหางานทำ
>แล้วจะส่งเงินมาให้พี่\"
>
>ฉันนั่งอยู่บนเตียง
>อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ....
>ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี ....
>
>ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที่
>ไซท์ก่อสร้ าง ....
>ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
>
>วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
>เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า \"มีชาวบ้านมาหาเธอ
>อยู่ข้างนอกแน่ะ\"
>
>ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???
>ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
>ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
>...
>ฉันถามเขาว่า
>\"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ\"
>
>น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า \"ก็ดูผมสิ
>สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
>ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ
>ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี\"
>
>ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
>และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ
>\"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
>เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม\"
>
>จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
>
>เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ ... เขาติดกิ๊บให้ฉัน
>แล้วพูดว่า
>\"ผมเห็นสาวๆ ในเมือ งเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง\"
>
>ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
>ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ....
>
>วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก
>ฉันสังเกตเห็นว่า
>หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
>
>เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
>
>หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
>\"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
>เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ\"
>
>แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า \"แม่ไม่ได้จ้างหรอก
>น้องชายลูก ต่างหาก
>วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
>ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
>น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ\"
>
>ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา
>
>ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
>
>ฉันจับมือน้องเอ าไว้อย่างเบามือที่สุด \"เจ็บมากไหม\"
>ฉันถาม
>
>\"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
>มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
>แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
>และ...\"
>
>น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด
>เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
>น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...
>
>หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
>หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน
>...
>แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
>
>ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้ งหนึ่ง
>แต่เมื่อออกไปแล้ว
>ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
>จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
>
>น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป
>...
>เขาบอกกับฉันว่า
>\"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
>ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง\"
>
>สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
>เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
>...
>แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้
>เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา
>
>วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
>และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
>... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล
>
>ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
>น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
>... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า
>
>\"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
>ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้
>ดูตัวเองซิ
>เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง\"
>
>คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
>ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
>\"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน
>ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
>ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
>คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด\"
>
>น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ....
>ฉันบอกกับน้องว่า
>\"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...\"
>
>\"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ\"
>น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...
>
>เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี
>
>เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน
>
>ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
>\"ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้\"
>
>น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล \"พี่สาวของผมครับ\" ....
>และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
>
>\"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้ านหนึ่ง
>เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน
>และเดินกลับบ้าน
>วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
>พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
>และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
>เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
>เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .... นับจากวันนั้น
>
>ผมสาบานกับตัวเอง
>ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี
>และจะทำดีกับเธอ\"
>
>เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว
>สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
>
>คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .... \"ในโลกใบนี้
>คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ\"
>
>ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
>น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
>
>จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ
>วันในชีวิตของคุณและเขา
>คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ
>น้อยๆ
>แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
>...ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ
>พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน
>หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก......ก็ตาม
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น