ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักด่วน ขบวนสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #6 : สถานะอะไร (๑๐๐%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      11
      11 มี.ค. 59

    เช้าวันใหม่ในบ้านของตาไม่เลวร้ายนักหรอกเมื่อไม่มีเสียงสุนัขเห่ากันขรมหรือเสียงมนุษย์ป้าพูดจากับสุนัขคนเดียว คนที่ตื่นเช้าเป็นนิจผิวปาก จากนาฬิกาบนโทรศัพท์ซึ่งเขาเสียบหูฟังฟังเพลงบอกเวลาแปดนาฬิกา ป่านนี้ผู้ร่วมชายคาคงออกจากบ้านไปแล้ว

    นายโปรดเปิดประตูออกมาสูดอากาศนอกระเบียง เขาแกว่งแขนอบอุ่นร่างกายอย่างที่ปฏิบัติเป็นกิจวัตร ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่สุด

    ชายหนุ่มลูบผมยาวระท้าวทอยด้วยเจลแต่งผมไปด้านหลัง เปิดหน้าผากนูนสวยรับกับคิ้วโก่งราวผู้หญิง เสื้อยืดแขนยาวสีดำขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟคือชุดโปรดที่สุดของเขา ทว่าเมื่อนายโปรดก้าวไปหยิบกุญแจรถบนชั้นวางข้างโทรทัศน์ สายตาเขาก็เหลือบเห็นสิ่งซึ่งไม่เข้ากับตนที่สุด

    'พวงกุญแจกระต่าย'

    อารามดีใจที่เอาชนะยัยป้านั่นได้เมื่อคืนทำให้เขาไม่ได้สนใจพวงกุญแจนี้ชั่วขณะ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มต้องทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อพยายามถอดตุ๊กตาออกจากกุญแจอย่างไรก็ไม่เป็นผล เขาจำต้องยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงคับแคบ ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ในคอนโซลหน้ารถอีกที

    เขาผิวปากขณะดึงลูกบิดประตูเปิดพลางกดตอบข้อความในโทรศัพท์มือถือ แต่แล้วสายตาซึ่งหลุบลงก็เหลือบเห็นขาคน ขา...ขาคนยืนห่างเขาไปเพียงหนึ่งเมตร

    นายโปรดค่อยเลื่อนสายตาขึ้นมองภาพตรงหน้าด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ อย่าบอกนะว่าบ้านนี้...บ้านนี้มีวิญญาณสิงอยู่

    "เฮ้ย!" ชายหนุ่มอุทานพร้อมกับผงะถอยหลัง

    นี่ยิ่งกว่าเจอผีด้วยซ้ำ ยัยมนุษย์ป้าในชุดเดรสสีน้ำตาลที่ดูอย่างไรก็ไม่พอดีตัวยืนค้อมเกาะราวบันไดราวผีในหนังญี่ปุ่นอยู่หน้าห้องเขา ใบหน้าของเธอซีดเผือดผิดจากแก้มแดงๆ ที่เขาเคยเห็นประจำ

    "ทำไมยังไม่ไปทำงาน นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดอะไรกับ... ฮึ้ย! ยัยบ้า ยัยป้าโรคจิต"

    เขายกแขนสองข้างขึ้นปิดบังหน้าอก ทว่าอีกฝ่ายเพียงสั่นศีรษะอ่อนใจ หญิงสาวเจ็บคอเกินกว่าจะตอบโต้ ร่างอวบได้แต่ฝืนสังขารเกาะราวบันไดไว้มือหนึ่ง อีกมือก็กุมท้องที่ปวด ก้าวช้ากระย่องกระแย่งลงไป

    "นี่เธอไม่สบายหรือไง หน้าซีดเป็นผีเลย อย่ามาตายในบ้านตาฉันอีกคนนะ"

    "ไอ้บ้า" เธอหันไปต่อว่าเขาทั้งเสียงแหบพร่าอย่างเหลืออด

    นายโปรดนิ่วหน้า นอกจาก 'เพื่อนทอมเพื่อนเทยของเขาแล้วก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ต่อว่าเขาทั้งนั้น แล้วยัยมนุษย์ป้าที่ไม่เจียมสังขารตัวเองคนนี้มีสิทธิ์อะไร แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย

    "อย่าบอกนะว่าจะไปสอนเด็กอนุบาลลูกศิษย์เธอ เอาเชื้อไปแพร่เขาเปล่าๆ น่ะซี้"

    อนาวิลาชะงักมือซึ่งกำลังดึงส้นรองเท้าสวม จริงสินะ เธอมัวแต่ห่วงงานมากไป พอรู้ว่าสายก็รีบฝืนลุกจากเตียงทันที

    หญิงสาวกุมท้องที่ปวดขึ้นมาอีก เธอหนาวสะท้านทั้งที่เหงื่อกาฬชื้นท่วมกาย พอฝืนจะลุกยืน ขาก็แทบไร้กำลังจะหยัดยืนขึ้นมาจนต้องนั่งกุมท้องอยู่ข้างประตูนั่นเอง

    "ไหวไหมเนี่ยป้า นี่เธอเป็นโรคอะไรกันแน่ ปวดท้องเหรอ เอ... เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าไส้ติ่งจะแตก" นายโปรดคิดเองเออเองเสร็จสรรพ

    "นายจะ...ไปไหนก็ไป...ไป"

    ยิ่งอยู่ใกล้เขา เห็นท่าทางและน้ำเสียงตื่นตูม อนาวิลาก็ยิ่งปวดศีรษะจนต้องหลับตาลง

    ทว่า...

    "อุ๊ย!" เธอหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ร่างตนก็ลอยหวือขึ้นจากพื้น

    ชายหนุ่มไม่ฟังคำใดทั้งนั้น เขาคิดอย่างเดียวว่าจะไม่ยอมให้เจ้าหล่อนมีอันเป็นไปในบ้านหลังนี้ ขืนวิญญาณเธอร่วมมือกับตาเขาล่ะก็ คงเล่นงานเขาจนอยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นแน่ แล้วตนก็จะชวดทุกอย่าง รวมทั้งเงินลงทุนเปิดห้องเสื้อห้าล้านบาทจากพ่อด้วย

    "โอ๊ย ทำไมหนักอย่างนี้เนี่ย" เขาบ่นอุบขณะช้อนอุ้มคนป่วยผ่านบรรดาสุนัขที่พากันออกมากระดิกหางด้วยความสนใจ

    "นายจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ"

    "ฉันไม่บ้าปล่อยให้เธอมาตายทุเรศทุรังในบ้านแน่" เขาตอบกระแทก ก่อนจะเซไปก้าวหนึ่งเมื่อสุนัขขวางทาง

    อนาวิลาเผลอจ้องมองใบหน้าสวยซึ่งฉายแววบึ้งตึง ถึงคำพูดของเขาจะร้ายกาจ หากเธอก็อยากเชื่อว่าก้นบึ้งจิตใจเขาไม่หยาบกระด้างเกินไปนักหรอก อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจในเวลาที่เขาคงคิดว่าคับขัน ค่อยสมกับเป็นหลานคุณตาอยู่บ้างสินะ

    "คนหรือหมูวะเนี่ย"

    นายโปรดวางคนป่วยลงบนเบาะรถแรงราวหมดแรงล้าพอดี เขาสบถตามมาอีกเมื่อรถสปอร์ตของตนกำลังจะแปรสภาพเป็นรถขนหมู ก่อนจะปิดประตูแรงอย่างไม่มีทางเลือกดีกว่านี้ หมายเลขโทรศัพท์รถฉุกเฉินหรือโรงพยาบาลเขาก็ไม่มี

    "รถราคาเป็นสิบล้าน กลายเป็นรถขนหมูไปเสียฉิบ"

    หญิงสาวได้แต่กำมือแน่นอย่างข่มอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าเธอเองต้องการพบแพทย์หรือพอมีเรี่ยวแรงไปโรงพยาบาลเองไหว จะไม่มานั่งบนรถคันนี้ให้เขาค่อนว่าแม้แต่วินาทีเดียว

    หนูขอถอนคำพูด ไม่ใช่สิ หนูขอถอนความคิดเมื่อกี้นี้นะคะคุณตา

     

    คนป่วยต้องปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนใจ นอกจากเธอจะคิดผิดที่มากับคนขี้บ่นตลอดทางแล้ว ตอนนี้ตนก็ต้องปวดศีรษะยิ่งกว่า เมื่อชายหนุ่มขับรถมาจอดยังหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชน และทำท่าจะลงไปโวยวายเมื่อเจ้าหน้าที่เข็นเก้าอี้มารับเธอ

    "ไปเอาเตียงมาสิ ไม่เห็นเหรอคนป่วยใกล้ตายอยู่แล้ว"

    อนาวิลาต้องฝืนลุกเกาะขอบประตูรถสปอร์ตราคากว่าสิบล้านที่เจ้าของว่า ทว่าตลอดทางที่โดยสารมากลับไม่มีความประทับใจสักนิด

    "ไม่ต้องค่ะพี่" เธอชิงบอกเจ้าหน้าที่พร้อมกับย้ายไปนั่งยังเก้าอี้เข็น ก่อนจะเอ่ยประโยคหลังลอยๆ ตามมา "แค่ปวดท้อง ไม่ได้ไส้ติ่งจะแตก"

    นายโปรดยืนอึ้งมองตามคนเจ็บที่ถูกเข็นเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินครู่หนึ่ง ก่อนรถพยาบาลซึ่งตามมาจอดต่อท้ายทำให้เขาต้องผละไปเลื่อนรถ ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ถูกยัยมนุษย์ป้าหลอกใช้อย่างหงุดหงิดใจ

    อนาวิลาถูกย้ายให้ไปนอนพักบนเตียงหลังแพทย์สั่งฉีดยาแก้ปวด ร่างกายที่หนักอึ้งราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อครู่นี้ค่อยผ่อนคลาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปวดท้องประจำเดือนจนต้องมาฉีดยาเช่นนี้ แต่พอหายก็กลับเบี้ยวนัดพบแพทย์เฉพาะทางร่ำไป

    เมื่อความเจ็บป่วยทุเลา เธอก็ประหวัดนึกถึงผู้ที่พาตนมาส่งยังโรงพยาบาล อดขันระคนอ่อนใจไม่ได้ที่เขาช่างกลัวเธอจะมีอันเป็นไปในบ้านเสียเหลือเกิน ถึงขนาดแช่งชักเธอมาตลอดทางนี่นะ ไม่รู้ป่านนี้หมอนั่นจะไปไหนต่อแล้วกระมัง

    หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง ถ้าได้หลับสักตื่นเธอคงสบายกายขึ้นกว่านี้ หากไม่มีเสียงรูดม่านรอบเตียงเปิดแรง ก่อนร่างสูงของชายหนุ่มจะปรากฏยังปลายเตียง

    "อ้าว ยังไม่ไปเหรอ" เธอถามอย่างแปลกใจมากกว่าต้องการจะไล่

    นายโปรดมองคนป่วยจากหางตา เขาดึงเก้าอี้ข้างเตียงมานั่ง แม้ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่สักนิด แต่เพราะเขาใช้มันเป็นข้ออ้างที่จะเบี้ยวนัดกีรณาและฟ้าใหม่ในวันนี้

    "เอ่อ ออกไปรอข้างนอกก็ได้นะ"

    ขืนเขานั่งอยู่ตรงนี้ เธอจะหลับลงได้อย่างไร

    นายโปรดทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความรำคาญ เขานั่งไขว่ห้างหันข้างให้เธอแต่ก็ไม่ยอมลุกไป พร้อมกับที่เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี

    อนาวิลามองคนไม่รู้กาลเทศะอย่างอ่อนใจ เธอพยายามใช้นิ้วสะกิดบอกให้ออกไปคุยข้างนอก กระนั้นชายหนุ่มก็เพียงเบี่ยงตัวหนี ยังคงพูดสายด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบต่อไป

    "เออ ไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกน่า พายัยป้ามาส่งโรงพยาบาลจริงๆ จะคุยไหมล่ะ"

    อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ได้รู้อีกอย่าง ลับหลังเธอกับใครก็แล้วแต่ เขาเรียกเธอว่า 'ป้าได้อย่างเต็มปากเต็มคำ!

    หญิงสาวหลับตาลงอย่างไม่อยากสนใจคนไร้มารยาทอีก ก่อนเสียงรอบตัวจะค่อยๆ เงียบเสมือนตนได้เดินทางห่างออกไป เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็สุดรู้ที่เธอได้พักผ่อนโดยไม่มีความเจ็บปวดทางกายรบกวนอีก กระทั่งถูกสะกิดเรียกแรงขึ้นๆ

    เป็นใครไปไม่ได้ที่ใช้นิ้วจิ้มแรงบนแขนเธอ และเปิดปากด้วยวาจาแสบๆ คันๆ

    "นี่ถ้าจะนอนนานขนาดนี้ก็แอดมิตเลยไหม นู่น... หมอมาตรวจแล้ว"

    คนป่วยปรายตามองตามที่ชายหนุ่มพยักพเยิด แล้วก็ต้องยิ้มแห้งออกมาเมื่อพบแพทย์หญิงยืนอยู่อีกฝั่งของเตียง นี่เจ้าหล่อนคงได้ยินคำค่อนขอดเธอของนายโปรดเต็มสองหูทีเดียว

    "เป็นไงบ้างคะ ปวดท้องอยู่ไหม"

    "ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ" เธอตอบอ้อมแอ้ม

    "งั้นหมอจะเขียนใบนัดให้ไปพบสูตินรีแพทย์อีกทีนะคะ แล้วก็จ่ายยาลดไข้แก้หวัดให้ด้วย"

    อนาวิลาผงกศีรษะรับทราบ ครั้นคุณหมอถามว่ามีสิ่งใดจะสอบถามเพิ่มเติมไหม เธอก็สั่นศีรษะแรง

    "น้องชายน่ารักนะคะ อยู่เฝ้าพี่สาวตลอดเลย" คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย

    "ไม่ใช่นะคะ!"

    "เฮ้ย! ไม่ใช่"

    สองเสียงปฏิเสธขึ้นพร้อมกัน ทว่าแพทย์สาวเพียงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับผละไปเขียนใบนัดและใบสั่งยา

    นายโปรดหันกลับมาจ้องคนบนเตียงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อนาวิลาลอบถอนหายใจยาวอย่างเข้าใจหัวอกคนอย่างเขาดี ใครจะอยากเป็นพี่น้องกับผู้หญิงอย่างเธอ

    "ฉันถึงบอกให้นายรอข้างนอกไง ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเกี่ยวพันกับฉันหรอก"

    "แล้วเธอชอบงั้นสิ" เขาย้อนเสียงฉุน คำก็ไล่ สองคำก็ไล่ "ฉันก็ไม่ได้พิศวาสอยากเฝ้าเธอนักหรอก นอนก็กรน น้ำลายไหลยืด แต่ข้างนอกที่นั่งมันเต็ม มีคนประสบอุบัติเหตุมา รู้ไว้ซะด้วย"

    นายโปรดตวัดม่านเปิดเดินออกไป หญิงสาวพยายามยันตัวขึ้นนั่ง กระนั้นก็ยังรู้สึกโอนเอนจนต้องปิดเปลือกตานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง

    ..................................

    เรื่องอื่นเขามีแต่ทักผิดว่าเป็นแฟนกันเนาะ แต่อัลไลคือคุณหมอทักว่าน้องชาย 5555

    เค้ามาอัพบ่อยและมายาวแล้ววว หวังว่าคนอ่านจะใจอ่อนคลิกมาอ่านและกด fav เค้าเยอะๆนะคะ >///<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×