คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : 17
ใต้เงาจากต้นมะม่วงต้นใหญ่ โต๊ะหินอ่อนถูกจับจองพื้นที่โดยแม่ของผมที่กำลังลูบขนสีเหลืองของเจ้าแมวตัวอ้วนไปด้วย เสียงงี๊ดง๊าดของมันยามมือเล็กๆของแม่เกาหูเกาคางให้แลดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ ทีกับผม มันแทบจะไม่เคยญาติดีด้วยสักครั้ง
“ไอ้เหลืองมันจะมีความสุขอะไรขนาดนั้น แม่ชอบเอาใจมันใช่ไหม”
ด้วยความพาล ผมก็อดไม่ได้ที่จะแซะเจ้าแมวอ้วน หากแต่แม่กลับทำเพียงแค่ยิ้มๆแล้วส่ายหน้าให้กับผม ฝ่ามือเล็กย้ายที่ เปลี่ยนจากขนสีเหลืองนุ่มมือมาเป็นกลุ่มผมสีเข้มของผมแทนพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังไม่จางลง
“แล้วลู่ล่ะ...มีความสุขไหมลูก?”
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะครับ...ก็ต้องมีความสุขสิ”
ดวงตาอ่อนโยนของแม่ทอดมองมาที่ผม ก่อนจะเบนไปอีกทางหนึ่งมองชายสองคน สองวัยกำลังถกเถียงกันเสียงดังโดยที่ในมือของฮุนมีผ้าแห้งเตรียมเช็ดรถยนต์คันโปรดของป๊าที่เต็มไปด้วยละอองน้ำหลังการล้างรถ ทั้งที่ฮุนเองก็ตัวเปียกไปด้วย แต่ดันไม่ได้ใส่ใจตัวเอง ไม่ รีบเช็ดรถให้เสร็จๆแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หากแต่กลับยืนเถียงกับป๊าของผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมขำกับท่าทางของเขาแล้วนึกไปถึงครั้งแรกที่ป๊ากับฮุนได้เจอกัน ไอ้ท่าทีประหม่า หวาดหวั่น เกรงกลัว หน้าซีด หรืออะไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ฮุนมีความเคารพและเกรงใจเหมือนเดิม แต่ก็กล้าบ้าบิ่นมากขึ้น ซ้ำทำอะไรก็รายงานป๊าจนหมดคล้ายกับหวังให้ป๊าวางใจ
แต่ป๊าก็ยังเป็นป๊า...ผมเองก็พอจะดูออกว่าป๊าก็คงเอ็นดูฮุนอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะด้วยความจริงจัง กล้าได้กล้าเสีย หรืออาจจะเพราะความขี้เล่นที่เขามักสรรหามาทำให้ครอบครัวของผมคึกครื้นเสมอ และที่แน่ๆ ป๊าก็คงจะชอบความตรงไปตรงมาของเขาอย่างเช่นเรื่องที่เถียงกันอยู่ตอนนี้
“เทอมหน้า ให้ลู่อยู่ห้องเดียวกับผมเถอะครับคุณลุง เราแชร์ค่าเช่ากันก็ได้ครับ จะเช่าสองห้องทำไม”
“ไม่ได้...นี่ไม่คิดจะมีเวลาส่วนตัวกันเลยหรือไง”
“โธ่! เทอมหน้าผมมีฝึกงานนะครับ ลู่มีเวลาส่วนตัวเยอะแยะ แค่กลับมาได้นอน...เอ้ย! ได้อยู่ด้วยกันเองครับ”
“อันที่จริงเธอควรถามความสมัครใจลู่เอาเองนะ หรือลู่ปฏิเสธมาล่ะ”
ผมเห็นป๊าหลุดยิ้มตอนที่ฮุนทำหน้ายุ่งแล้วเอามือยีหัวตัวเองไปด้วย
“ลู่บอกให้มาขออนุญาตป๊าเองครับ...คุณลุงให้ลู่มาอยู่กับผมเถอะ”
ฮุนทำหน้าจริงจัง แต่ป๊ากลับกอดอกแล้วทำเป็นไม่สนใจคำขอร้องของเขา ฮุนจึงหันกลับมามองผมด้วยแววตาอ้อนวอน ก่อนที่ผมจะต้องใจอ่อนยอมลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาเขาจนแม่ต้องหัวเราะขึ้นมาให้กับพวกเรา
“ป๊าให้ลู่ไปอยู่กับฮุนไหมครับ”
“เราอยากหรือเปล่าล่ะ...ป๊าบังคับลู่ได้เหรอ?”
“ป๊าบังคับได้ แต่ป๊าไม่ทำหรอกใช่ไหมครับ...ลู่อยากอยู่กับฮุนครับ”
ผมยิ้มให้ป๊า และเผื่อแผ่มันให้กับคนที่ใจห่อเหี่ยวไปในตอนแรก ผมอยากอยู่กับเขา อยากใช้เวลาด้วยกัน อยากเป็นเพื่อนคุย เพื่อนคิด และหลายๆอย่างระหว่างกัน อย่างน้อยความสุขที่มีในตอนนี้ ผมก็อยากที่จะคว้าเอาไว้โดยที่ผมได้ยอมรับแล้ว
“แล้วป๊าจะห้ามยังไงได้...ถ้าอยากอยู่ด้วยกันก็ตามใจ”
“คุณลุงอนุญาตแล้วใช่ไหมครับ!” ฮุนโพล่งขึ้นมาเสียงดังอย่างดีใจจนป๊าต้องหันไปขมวดคิ้วใส่
“แต่...” แต่ไม่ทันไรรอยยิ้มของเขาก็ต้องชะงักลงกับน้ำเสียงที่ดูจริงจังของป๊า “ฉันอนุญาตก็จริง และลู่เต็มใจก็จริง...ฉันรู้ว่าเธอจริงจังกับลู่...ฉันขอพูดในฐานะของคนเป็นพ่อ ของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน การที่คนเราจะอยู่ด้วยกันมันก็คงต้องมีทะเลาะกันบ้าง ถ้าวันใดวันหนึ่งเราสองคนเกิดทะเลาะกันขึ้นมา...คิดให้ดี ทบทวนตัวเองให้ดี การให้อภัยก็ถือเป็นส่วนสำคัญของความรัก อยู่ที่ว่าจะเลือกใช่หรือเปล่า เข้าใจที่บอกใช่ไหม”
“ครับ”
“ถ้ายืนยันว่าจะอยู่ด้วยกัน เธอย้ายมาห้องลู่ได้ไหมล่ะ อย่างน้อยก็เป็นหลักประกัน ถ้าวันใดวันหนึ่งไปกันไม่รอดจริงๆ ลู่จะต้องไม่เป็นคนที่ไม่มีที่ไป”
ดวงตาของป๊าอ่อนแสงลงยามมองสบกับฮุน ผมรับรู้ได้ถึงความห่วงใยและความเอื้อเอ็นดูในดวงตาคู่นั้น ฝ่ามือหยาบกร้านตามวัยของป๊าวางลงบนบ่าของเขา พร้อมกับฮุนที่ยินดีตกปากรับคำขอของป๊าด้วยความเต็มใจ
“ตกลงครับ...และผมจะไม่ทำให้ลู่เสียใจ”
“ดี! ถ้าอย่างนั้นฝากเช็ดรถให้สะอาดด้วยล่ะ...ไปลู่ เข้าไปโหลดหนังให้ป๊าหน่อย”
พูดจบป๊าก็ลากแขนผมให้เดินเข้าบ้านไปโหลดหนังให้อย่างที่ว่า และก็ได้แต่ปล่อยฮุนไว้กับเจ้าแมวอ้วนสีเทาอีกตัวของผมที่หน้าบ้านแทน
-----------------------
อีกอย่างที่ผมสังเกตได้ ฮุนเป็นพวกใจร้อน ใจเร็ว หลังจากป๊าอนุญาตให้เราอยู่ด้วยกันได้ เขาก็รีบเช็ดรถให้ป๊าด้วยความรวดเร็ว รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และขอพาตัวผมกลับมาที่คอนโดในทันที...เขากวาดตามองไปรอบๆห้องผมอย่างถี่ถ้วน ทำเหมือนไม่เคยมาทั้งที่เสื้อผ้าของเขาถูกแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมไปแล้วตั้งหลายตัว
“เป็นอะไร...ของฮุนเยอะหรอ ถ้าไม่พอเดี๋ยวเราเคลียร์ของเราให้ก่อนก็ได้”
“ไม่ใช่ๆ”
“อ้าว แล้วมายืนสงบนิ่งอะไรอยู่กลางห้องเราแบบนี้เล่า”
“แค่กำลังมองภาพที่อยู่ในหัวตอนนี้”
“หื้อ? ภาพอะไร?”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อคนตัวโตหันกลับมามองหน้ากัน รอยยิ้มของเขาเหมาะกับใบหน้าหล่อและทรงผมที่ไม่ได้เซ็ตจนผมเผลออมยิ้มตาม ผมคิดว่าเขาต้องสรรหาอะไรมาหยอดให้เขินอีกจนได้ แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่คิด
“ภาพที่ลู่นั่งรอเราตรงนี้” เขาชี้นิ้วไปที่โซฟาตัวยาว
“ทำอาหารอยู่ตรงนี้” เขาชี้ไปที่เค้าท์เตอร์ครัว
“รดน้ำต้นไม้อยู่ตรงนี้” เขาชี้ไปที่ระเบียงด้านนอกที่ผมปลูกดอกไม้ต้นเล็กๆไว้
“นั่งทำงานอยู่ตรงนี้” นิ้วของเขาวกกลับมาที่โต๊ะทำงานตัวเดียวในห้อง ก่อนจะฉุดข้อมือของผมให้เดินตามเข้ามาในห้องนอน เตียงหลังใหญ่พอที่เราจะนอนกันสองคนได้อย่างสบาย แต่มันกลับทำให้ผมขัดเขินขึ้นมาดื้อๆเมื่อเขาตั้งท่าจะพูดอะไรต่อ
“หยุด...พอเลย ทำไมชอบพูดอะไรน้ำเน่าๆอยู่เรื่อย”
ผมบ่นอุบอิบออกมาทั้งที่เชื่อว่าแก้มเริ่มแดง ยิ่งสายตาของเขายิ่งทิ่มแทงให้ผมรู้สึกเห่อร้อนไปทั้งใบหน้า
“แล้วที่เตียงแบบนี้ รู้ไหมว่าคิดภาพอะไรอยู่”
“ฮุน! เลิกมโนเดี๋ยวนี้!”
“อย่าเสียงดังดิ...ไม่แกล้งก็ได้ ไหนๆมากอดที”
เขารั้งแขนผมที่ยื้อยุดกันอยู่เมื่อครู่เข้ามา อ้อมกอดของเขานิ่งสงบและอบอุ่นจนต้องยอมซุกหน้าลงกับลาดไหล่แข็งแรงนั้น ฝ่ามือหนาลูบหลังผมแผ่วเบา ก่อนมันจะเลื่อนขึ้นมาลูบท้ายทอยของผมช้าๆพร้อมกับปลายจมูกโด่งของเขาที่กดลงมากลางศีรษะบนกลุ่มผมนุ่ม
“ลู่”
“ว่า?”
“หัวเหม็นว่ะ”
ท่ามกลางบรรยากาศหวานละมุนที่อบอวลอยู่รอบตัว เขาก็สามารถทำพังลงไม่เป็นท่า เรียกให้ผมเผลอฟาดมือไปที่กลางหลังเขาอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอดโอยพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าหมั่นไส้
“เหม็นมากไหม ใช่สิ ตอนนี้หมดโปรโมชั่นแล้วนี่”
ผมดันตัวออกจากอ้อมกอดหนาแน่นนั้น และใบหน้าผมก็คงจะบูดบึ้งมาก เขาจึงบีบปากเป็ดๆของผมจนต้องตีแขนไปอีกหลายทีกว่าจะยอมปล่อย
“หมดโปรอะไรล่ะ เหม็นก็รักไง เนี่ยๆ เหม็นทั้งตัวก็รัก”
“ฮุน! เล่นบ้าอะไร ปล่อยๆๆๆเลย จั๊กจี้”
ผมหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อเขาผละปลายจมูกออกจากหัวเหม็นๆของผมมาที่ข้างขมับ ไล้ต่ำลงมาตามพวงแก้ม ก่อนจะแกล้งซุกไซ้ซอกคอด้วยตอหนวดบางๆจนผมต้องย่นคอหนี ผมหอบหายใจหนักขึ้นเมื่อมือเขาเริ่มซุกซนสอดเข้ามาในเสื้อยืด ปลายนิ้วของเขาจงใจหยอกล้อและกลั่นแกล้งผมจนเผลอหลุดร้องเสียงหวิวออกมา
“อะ...ฮุน”
“อาบน้ำกันนะ”
เสียงของฮุนแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูพาให้ผมยินยอมพยักหน้าตาม ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากเตียงและไม่ลืมที่จะอุ้มผมติดเอวเป็นลูกหมีเข้าห้องน้ำไปด้วย
----------------------------
เอกสารประกอบการเรียนเกลื่อนกลาดเต็มโต๊ะแทบแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร ช่วงสอบไฟนอลทำเอาเราทั้งสองคนวุ่นวายกับการอ่านหนังสือมาก ผมสอบเสร็จก่อนฮุนแต่ก็ยังต้องตามส่งงานอีกเล็กน้อยถึงจะได้ปิดเทอมอย่างใครเขา ผมจัดเรียงกองหนังสือและชีททุกอย่างไว้ให้เป็นระเบียบ เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าใกล้ได้เวลาที่นัดกับเขาไว้แล้วจึงรีบเก็บของและออกจากห้องมา
โชคดีว่าวิศวกรรมศาสตร์ของเขาอยู่ตรงหน้ามหาวิทยาลัยพอดี ผมจึ้งไม่ต้องเดินไกลมาก มองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งก็เหมือนว่าผมจะช้าไปเกือบยี่สิบนาที นึกขอโทษขอโพยฮุนอยู่ในใจและรีบเร่งฝีเท้าก้าวข้ามสัญลักษณ์เกียร์อันใหญ่หน้าตึกเข้ามาในลานเกียร์
นักศึกษาในเสื้อชอปสีน้ำเงินนั่งจับจองกันเต็มทุกโต๊ะ สีหน้าท่าทางแต่ละคนคล้ายจะอ่อนล้ากับข้อสอบกันไปหมด ผมเจอชานที่กำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ก่อนจะสะกิดเรียกเขาให้เงยหน้าขึ้นมาทักทายกัน
“ชาน เป็นไง? ทำข้องสอบได้ป่ะ”
“ได้กับผีดิ”
ผมหัวเราะให้ท่าทางหมดอาลัยตายอยากแบบนั้นแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเขา เพราะมั่นใจได้ว่าฮุนก็คงต้องนั่งโต๊ะเดียวกับชานอยู่แล้ว และผมก็เห็นว่ากระเป๋าของเขาวางอยู่ตรงนี้เช่นกัน...ชานงึมงำๆอยู่กับตัวเองได้ไม่ทันไรก็เด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงแน่วจนผมสะดุ้งตามแล้วหันไปถามหาความผิดปกติจากเขา
“เป็นอะไรหรือเปล่า เราตกใจนะเนี่ย”
“มาหาไอ้ฮุนหรอ?”
“เอ่า ถ้าไม่มาหาฮุน เราจะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
ผมแกล้งรวนเขานิดหน่อย ในเมื่อแฟนผมอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีธุระกับฮุนแล้วจะมาหาใครที่ไหนได้อีก...ถึงตอนนี้ผมจะคบกับฮุนแล้ว แต่ผมก็ยังคงเป็นคนเพื่อนน้อยเหมือนเดิมไม่ต่างจากตอนแรก
“แล้วฮุนไปไหนอ่ะ? นัดกับเราไว้ตอนสี่โมง นี่จะสี่ครึ่งแล้ว นึกว่าเราจะสายซะอีก”
“เอ่อ...คือ”
ชานดูอ้ำอึ้งอะไรสักอย่าง แต่ผมกลับคุ้นเคยท่าทางแบบนี้ของเขา อะไรบางอย่างทำให้ผมขมวดคิ้วและนึกไปถึงเมื่อเดือนก่อน และก่อนหน้าที่ผมจะคบกับฮุน อย่าบอกนะว่า...อีกแล้ว
“อย่าบอกนะว่าน้องรินอะไรนั่นอีกแล้ว”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มาที่นี่ทีไรเจอทีเด็ดทุกที แม้วันนี้จะยังไม่เห็นกับตา แต่ผมก็พอเดาได้ว่ามันจะมาในรูปแบบไหนอีก
“โอเคป่ะวะลู่”
“เราโอเค”
“ไม่ไปตามไอ้ฮุนอ่ะ เดี๋ยวมันโดนลากไปปล้ำเอานะ”
“ก็ถ้าโดนปล้ำได้ ก็คงไม่เหมาะจะเป็นแฟนเราหรอกมั้ง”
“โหดสัด”
ผมหลุดหัวเราะให้คำอุทานของชาน ก่อนจะถูกคนข้างๆชี้ชวนให้มองไปเบื้องหน้า...ฮุนกำลังเดินมาด้วยใบหน้าติดจะขรึมเล็กน้อย ข้างหลังของเขามีร่างเล็กของรุ่นน้องผู้หญิงคนเดิมเดินตามมาด้วย เพียงแต่ท่าทางหยิ่งยโสที่ผมเคยเห็น แววตาไม่เป็นมิตรที่เคยถูกมอง วันนี้กลับคลอไปด้วยน้ำตาทั้งสองข้าง
คงไม่ได้จะปล้ำฮุนอย่างที่ชานแกล้งแหย่ แต่เห็นลักษณะแบบนี้ก็คงไม่แคล้วสารภาพรักอะไรเทือกๆนั้นหรือเปล่า
“รอนานไหมลู่ โทษที”
“ไม่หรอก แล้ว...เป็นอะไร?”
ผมถามเสียงค่อย พยักเพยิดไปทางหญิงสาวเพียงคนเดียวที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลังฮุน ปลายจมูกของไอรินขึ้นสีแดงก่ำจนน่าสงสาร แต่ฮุนกลับส่ายหน้าให้ และหันไปหาน้องรินอีกครั้ง
“เทอมหน้าคงไม่ได้เจอกัน หนังสือพี่ฝากไว้กับปีสองแล้ว รินไปเอาก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
“แล้วก็เลิกพยายามเข้าหาพี่ได้แล้ว พี่มีแฟนแล้วครับ หวังว่าจะเข้าใจนะ...ไปเถอะลู่”
เขายกมือขึ้นโบกลาชาน ก่อนจะเก็บสมบัติของตัวเองและเดินผ่านไอรินไปโดยไม่รอผมด้วยซ้ำ...ผมมองหญิงสาวตรงหน้า ท่าทางที่น้ำตาคลออยู่เต็มหน่วยแบบนั้นเรียกคะแนนความสงสารจากผมไปได้มาก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การผิดหวังจากความรักคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
สุดท้ายผมก็แพ้น้ำตาของผู้หญิง ควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋า ก่อนจะส่งให้รุ่นน้องของฮุนถือมันไว้ แม้ว่าไอรินจะดื้อไม่ยอมรับในตอนแรก แต่ผมก็จับมันยัดใส่มือเธอไว้ได้ในที่สุด
“พี่คงสะใจแล้วใช่ไหม ที่รินถูกพี่ฮุนปฏิเสธ”
“พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกครับ”
ผมยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะเล็กของเธอ เพียงเท่านั้นหยดน้ำตาที่คลออยู่ก็ร่วงลงมาอย่างห้ามไม่ได้...ผมไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินจากออกมา ทิ้งให้ไอรินยืนร้องไห้เงียบๆอยู่ตรงนั้น โดยหวังว่าชานจะไม่ทำอะไรแปลกๆใส่น้องให้รู้สึกแย่ไปอีก
ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อแผ่นหลังของฮุนกำลังก้าวนำออกไปไกลมากขึ้นจนถึงขั้นต้องเร่งเท้าวิ่งตาม ผมคว้ามือใหญ่ของฮุนเอาไว้ให้เขาหยุดเดิน ก่อนจะอ้อมไปยืนเผชิญหน้ากับคนตัวโตที่ยังคงไม่คลายความตึงเครียดบนใบหน้าลง
“เป็นอะไรหรือเปล่า...ทำหน้าเป็นยักษ์”
“ลู่...”
“เป็นอะไร”
ผมถูกคว้าตัวเข้าไปกอดดื้อๆ ใบหน้าคมซุกไหล่ผมอยู่พร้อมกับถอนหายใจเฮือกๆใส่ พอผมจะแงะตัวเขาออกมาพูดคุยให้รู้เรื่อง เจ้าตัวก็ไม่ยอม เอาแต่ซุกไหล่อยู่อย่างนั้นจนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ยืนนิ่งๆให้เด็กโข่งเอาแต่ใจซุกจนกว่าจะพอใจ
“ลู่อย่าโกรธนะ” เสียงงึมงำลอดออกมาให้ผมสงสัย แล้วผมก็คิดว่าฮุนคงแคร์ความรู้สึกผมมากๆที่ไปคุยกับไอรินแบบนั้น
“ไม่เป็นไรๆ เราไม่ได้คิดมากอะไรหรอกเรื่องไอริน...เรารู้ว่าฮุนไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา ไม่ซีเรียสดิ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือ...” เขาทิ้งช่วงไปนานจนผมเผลอลุ้น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆแผ่วๆแต่ผมกลับได้ยินชัดเจน “เราโดนน้องปล้นจูบว่ะ”
“ห๊ะ!”
ผมใช้แรงทั้งหมดที่มีดันหน้าเขาออกมาจากไหล่ทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของฮุนสับสนและตึงเครียดไปหมด หากแต่แววตาของเขามันหงอยลงจนน่าเหลือเชื่อ แล้วคำพูดของชานก็ลอยมาให้ผมนึกถึงมันอีกครั้ง
‘ไม่ไปตามไอ้ฮุนอ่ะ เดี๋ยวมันโดนลากไปปล้ำเอานะ’
“แล้วทำไมถึงบื้อให้โดนจูบเล่า!”
ผมได้แต่หงุดหงิดคนตรงหน้า เพราะอุตส่าห์มั่นใจและเชื่อใจความแมนและความเป็นสุภาพบุรุษอกสามศอกของเขาแท้ๆ...ใครจะไปคิดว่าจะบื้อโดนผู้หญิงหลอกเข้าจนได้
แต่ที่น่าเจ็บใจกว่าก็คือ...ผมเองนี่แหละ ที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
‘ก็ถ้าโดนปล้ำได้ ก็คงไม่เหมาะจะเป็นแฟนเราหรอกมั้ง’
เพราะผมรักเขาไปแล้ว...
ตอนหน้า เป็นบทส่งท้ายสั้นๆค่ะ เย่
แต่ยังไม่ได้เขียน T^T เราจะรีบมา ดีใจที่เข็นมาจนจบได้
ขอบคุณที่มีหลายคนชอบ แล้วก็เม้นท์และแท็กให้มากมาย
เราเจอในแท็ก บรรยายฟิคที่ชอบแต่ไม่ให้บอกชื่อ อะไรนี่ด้วย ขอบคุณมากค่าาาาาาาาาาา
แล้วเจอกันในบทส่งท้ายเนาะ
สกอป :)
ความคิดเห็น