คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : 14
“นี่มันอะไรกัน!”
บรรยากาศรอบกายเงียบลงภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดทันที ผมและฮุนผละกายออกจากกันหลังสิ้นเสียงคำถามของป๊า ใบหน้าซีดเผือดจากพิษไข้ของฮุนทำให้สีระเรื่อเมื่อสักครู่หายวับไปเพียงพริบตาเมื่อต้องเผชิญกับผู้ปกครองของผม
ท่าทางของป๊ายังคงสงบนิ่ง เพียงแต่เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นกับดวงตาคมดุที่มองมาทางพวกเราก็พาให้เกร็งจนแทบกลั้นหายใจ ทั้งป๊าและแม่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ซึ่งนั่นทำให้ผมตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นเพื่อเรียกสติทุกคนอีกครั้ง
“เอ่อ...ป๊าครับ”
“นี่มันอะไรลู่ เมื่อกี๊พวกเรากำลังทำอะไรกัน”
แม้น้ำเสียงจะไม่ได้เกรี้ยวกราดอย่างที่นึกกลัว หากแต่ก็อดจะหวั่นใจกับความน่าเกรงขามนั้นไม่ได้ ผมเองก็เลิกลั่กกับคำตอบ เหลือบตาไปขอความเห็นใจกับแม่ อีกฝ่ายก็ส่ายหน้ามาให้อย่างช่วยไม่ได้กับเหตุการณ์นี้...ผมรู้ว่าป๊ากับแม่มาทันเห็นอะไร และนั่นคงไม่สามารถโกหกออกไปได้
“อึกอักอะไร”
“ลู่...เอ่อ...ลู่”
“ผมจูบลู่ครับคุณลุง”
เสียงแหบแห้งของฮุนขัดขึ้นมาท่ามกลางความน่าอึดอัด สีหน้าของเขาเจือนลงเมื่อป๊าเบนสายตาไปจ้องเขาพร้อมกับนัยน์ตาดุๆ แต่ฮุนก็เลือกที่จะเงยหน้าจ้องมองดวงตาของป๊ากลับอย่างแน่วแน่
“จูบทำไม...เธอเป็นแฟนลูกชายของฉันหรือ?”
“ผม....”
ป๊ายังคงไล่บี้ถามเอากับฮุนที่หน้าซีดจนไม่รู้จะซีดยังไง เขาเงียบไปกับคำถามนั้น...คำถามที่ผมรู้ดีว่าฮุนไม่กล้าตอบเพราะเรายังไม่ได้คบกันในสถานะนั้น สถานะที่ผมเก็บมาคิดตั้งแต่หนีเขามาถึง2วัน มันถึงเวลาที่ผมควรจะให้ความมั่นใจแก่เขาและแก่ตัวเองได้หรือยัง
“หึ...เป็นอะไรก็พูดออกมา”
เขาหลบสายตาของป๊า ก่อนที่ผมจะเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่บนหน้าตัก ไหล่ของเขาเกร็งจนผมอดรู้สึกผิดไม่ได้...เขาห่วงความรู้สึกผม เขาให้เกียรติผม และผมรู้ว่าเขาจะยินดีรับความผิดนี้แต่เพียงคนเดียวทั้งที่พวกเราประมาทเลินเล่อด้วยกันทั้งคู่
“ถ้าเธอไม่มีความกล้าพอ ก็ออกไปจากบ้านของฉัน...ฉันจะคุยกับลู่เอง”
ด้วยความที่ป๊าเป็นทหาร ผมรู้และคุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่มันคงไม่ใช่กับฮุน สายตากดดันจากป๊ากำลังทำให้คนใจเย็นของผมกำลังข่มความกดดันลง เขาขมวดคิ้วจนแน่น สีหน้าและท่าทางไม่ดีเอาจนผมรู้สึกห่วง
“ป๊าครับ”
ป๊ายอมละสายตาจากฮุนมามองที่ผม ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปคลายกำปั้นของเขาออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นจับกระชับมือใหญ่เอาไว้หลวมๆ ไออุ่นส่งผ่านมาพร้อมกับแรงบีบมือระหว่างกัน นั่นทำให้ผมรีบเค้นความกล้าออกมาประสานสายตากับบิดาอย่างแน่วแน่
“ฮุนเป็นแฟนลู่ครับ...เรากำลังคบกัน”
“ลู่!!!”
“คุณคะ ใจเย็นๆ”
แม่รีบลูบไหล่ของป๊าทันทีเมื่อเขาตวาดใส่ผมเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผมเป็นลูกชายคนเดียว ผมการเรียนดีมาตลอด กีฬาก็พอใช้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ได้มีเพื่อนมาก และไม่เลือกที่จะเจริญรอยการเป็นทหารตาม แต่ผมก็ไม่เคยทำให้ป๊าผิดหวัง ผมไม่เคยถูกขึ้นเสียงใส่อย่างครั้งนี้มาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกกลัว
“ให้โอกาสพวกเราได้ไหมครับป๊า”
“แต่นี่มันไม่ถูก”
“ไม่ถูกตรงไหนครับ”
“นี่เรากล้าเถียงป๊าหรือลู่”
ผมยืดตัวตรงยืนขึ้น ไม่ได้มีเจตนาจะเถียงอะไรสักนิด ผมแค่อยากรู้เหตุผลเท่านั้นว่าสิ่งที่มันไม่ถูกของป๊าคืออะไร...มันไม่ถูกที่ตรงไหน...ตรงที่เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ตรงที่ผิดธรรมชาติ หรือไม่ถูกเพราะป๊าไม่ชอบใจและทำใจไม่ได้กันแน่
“ลู่ไม่ได้จะเถียงป๊านะครับ แต่ลู่แค่อยากรู้ว่าที่พวกเราคบกันมันผิดตรงไหน”
“มันไม่เหมาะสมในทุกอย่าง ป๊ามีหน้ามีตานะลู่ จะให้คนอื่นเอาไปพูดเสียๆหายๆน่ะหรือว่าเราเป็นแบบนี้”
“ป๊าสนใจคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของลู่อีกหรอครับ ถ้าเหตุผลป๊าคือคนอื่น...ลู่ขอไม่ยอมรับนะครับ”
ผมเม้มริมฝีปากแน่น ผมรู้ว่าตัวเองค่อนข้างดื้อมาตลอด ไม่ว่าจะฮุนหรือพี่ป๋อก็รู้ทั้งนั้นว่าผมดื้อขนาดไหน แล้วมีหรือว่าป๊ากับแม่จะไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไง เวลามีปัญหาผมมักจะถามตรงๆ แจ้งเจตนาของผมตรงๆทุกครั้ง ผมไม่ชอบความค้างคาใจ เว้นก็แต่เรื่องของฮุนเมื่อครั้งก่อนที่ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จึงงอนหนีมาแบบนี้
ป๊ารู้ว่าถ้าผมดื้อ ผมก็จะดื้อให้ถึงที่สุด และคำพูดนั้นของผมก็ทำให้แม่ที่ยืนอยู่ข้างๆป๊าระบายรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาให้พวกเราทุกคนพร้อมทั้งลูบหลังลูบไหล่ป๊าไปด้วย
“ถ้ามันเป็นสิ่งที่ลู่เลือกแล้ว และยอมรับผลที่ตามมาได้แม่ก็จะอยู่ข้างลู่ ถ้าลู่มีความสุขแม่ก็พร้อมจะสนับสนุน...คุณก็เหมือนกันใช่ไหมคะ”
ป๊าเหลือบมองไปทางแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆใส่ ท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจแบบนั้นแต่ก็ยอมหันกลับมาพยักหน้าให้ทีหนึ่งทำให้ผมใจชื้น รีบเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนทันที ก่อนจะถูกฝ่ามือใหญ่ของป๊ายีหัวจนทรงผมกระจุยกระจาย และเมื่อพวกเราพ่อแม่ลูกผละออกจากกัน ดวงตาคมดุของป๊าก็ยังคงปราดมองไปทางฮุนที่ยืนยิ้มหน้าเซียวๆอยู่ที่เดิม
“แล้วเราเป็นใครล่ะ ชื่ออะไร พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องกี่คน ไปรู้จักลู่แล้วคบกันได้ยังไง จริงจังหรือเปล่า”
“โธ่...คุณคะ ไปถามอะไรแบบนั้น ทีละคำถามสิ”
ผมยิ้มออกมาได้กว้างกว่าเดิมเมื่อป๊ากับแม่ให้ความสนใจฮุน ถึงแม้ว่าป๊าจะทำท่าเหมือนจะเขม่นฮุนอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกผมพองในอกอย่างบอกไม่ถูก
“เออๆ ชื่ออะไรล่ะเรา”
“ฮุนครับ...พ่อเป็นวิศวกร มีบริษัทรับเหมา ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านครับ มีพี่ชาย 1 คนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนเจอกับลู่ได้ยังไง เอาเป็นว่ามันคือรักแรกพบแล้วกันครับ และที่แน่ๆ ผมจริงจัง”
จบประโยคยาวๆของฮุนที่ตอบคำถามป๊าเสร็จเขาก็ไอโขลกๆออกมายกใหญ่จนผมต้องลูบหลังเขา พร้อมทั้งยื่นแก้วน้ำแก้วใบเดิมให้เขาดื่ม ท่าทางกึ่งๆไม่สบายของเขาพอจะทำให้แม่จับสังเกตได้ และทันทีที่มือนุ่มของแม่ผมแตะลงบนหน้าผากเขา ฮุนก็สะดุ้งจนแม่ผมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู
“ไม่สบายนี่คะลูก ขึ้นไปนอนพักสักหน่อยไหม เดี๋ยวแม่ให้ลู่เอายาขึ้นไปให้”
“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกครับ...เดี๋ยวผมมกลับไปพักที่บ้านก็ได้”
“แบบนี้แม่ไม่อนุญาตให้ขับรถนะคะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปกลางทางจะแย่เอา...หรือยังไง ถ้าจะกลับ ให้ลู่ไปด้วยไหม ลู่จะกลับคอนโดเลยหรือเปล่าลูก”
ฮุนเหลือบสายตามามองผมกึ่งๆเกรงใจแต่ก็เว้าวอนไปในตัว...ผมว่าเขาก็คงทำตัวไม่ถูกที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวของผมแบบนี้โดยเฉพาะป๊าที่เอาแต่จ้องสำรวจเขาจนเกือบพรุน
“ลู่กลับวันนี้เลยก็ได้ครับ”
“เดี๋ยว”
ผมหันไปมองป๊าที่เอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะหันไปรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาของบ้านที่แสดงท่าทางจริงจังออกมาจนผมเผลอเกร็งอีกจนได้
“ป๊ายอมให้คบกัน หมายถึงเราทั้งสองคนต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่...เข้าตามตรอกออกตามประตู เข้าใจใช่ไหมฮุน”
“ครับ”
“ดี...ถ้าแบบนั้นกลับบ้านทุกเย็นวันศุกร์ แล้วกลับไปคอนโดเย็นวันอาทิตย์ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป”
“แต่ป๊าครับ ลู่ใกล้จะสอบแล้ว แล้วก็มีงานกลุ่มอีกนะครับ” อดที่จะแย้งความต้องการของป๊าไม่ได้ เพราะยิ่งช่วงใกล้สอบปลายภาค งานอะไรต่อมิอะไรก็รุมเร้าเข้ามาเยอะไปหมด
“หรือไม่อยากคบกันแล้ว”
“ผมจะพาลู่กลับมาส่งที่นี่ทุกวันศุกร์ แล้ววันอาทิตย์จะมารับกลับไปคอนโดเองครับ”
“พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดี ไปเถอะ ไปพักผ่อนกันซะ”
ผมกลอกตามองฮุนที่รับปากอะไรกับป๊าอีกหลายอย่างพลางเดินไปรอเขาที่รถ เมื่อเขาเดินตามมาผมก็แบมือขอกุญแจรถจากเขาทันที ผมไม่ไว้ใจให้เขาขับกลับเองแน่ๆ ยิ่งปลายจมูกแดงๆของเขากับดวงตาฉ่ำน้ำแบบนั้นแล้ว กลัวจะสลบไปก่อนถึงห้องจริงๆ
“เราขับเอง ฮุนนอนเถอะ งีบสักหน่อย ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวเราปลุก”
ครั้งนี้เขาว่าง่าย ทันทีที่ยัดตัวเองขึ้นรถเขาก็ปิดเปลือกตาลงพร้อมทั้งเอนศีรษะไปพิงกระจก ท่าทางผ่อนคลายลงจนผมวางใจ ก่อนจะยื่นมือไปลูบแก้มเขาเสร็จก็ขยับเกียร์พาเขากลับมาที่คอนโด
----------------------
ฮุนสะลึมสะลือเดินตามผมเข้ามาในห้อง ท่าทางที่จะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแคบๆก็พาให้ผมดึงดันเขาเข้ามานอนบนเตียงในห้องแทน เชื่อขนมกินได้เลยว่าถ้าเขาทนนอนบนโซฟาแบบนั้นจากปวดเมื่อยเพราะพิษไข้ เป็นได้ปวดเมื่อยเพราะร่างกายเคล็ดเพิ่มไปอีกอย่างแน่ๆ
“แล้วลู่จะนอนไหน”
“เดี๋ยวเรานอนพื้นเอง เรามีฟูกในตู้”
“เฮ้ย งั้นเรานอนฟูกก็ได้ หรือเรากลับไปนอนห้องเองก็ได้ถ้าทำให้ลู่ลำบาก”
ผมหันไปมองหน้าฮุน ก่อนจะจิ้มนิ้วไปบนระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของเขาให้มันคลายลง
“นอนนี่แหละ ถ้ากลับไปนอนคนเดียวแล้วดึกๆเป็นอะไรขึ้นมาทำไง...เรานอนฟูกเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรด้วย ไม่ต้องคิดมากนะ”
“นี่อ่อยรึเปล่า”
“แล้วแต่ฮุนจะคิด”
อยู่ๆเขาก็รวบเอวผมเข้าไปกอด ก่อนจะซบหน้าลงให้ผมโอบกอดเขากลับ ผมลูบท้ายทอยเขาเบาๆก่อนฮุนจะรั้งให้ผมลงมานั่งบนตัก ผมมองดวงตาอิดโรยของเขาแล้วเลือกที่จะยกมือลูบมันช้าๆโดยที่ฮุนก็ยอมหลับตาให้ผมลูบไล้แผ่วเบา
“เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?”
“หึ” ผมหลุดขำให้คนไม่มั่นใจ แล้วก็ได้รับแรงกอดหนักๆจากเขาก่อนที่เสียงแหบแห้งของฮุนจะถามย้ำผมอีกครั้งพร้อมทั้งลืมตาขึ้นมามองสบกัน
“คบกันนะ...เป็นแฟนกันนะครับ”
“อือ...เป็น”
ผมยิ้มให้กับท่าทางดีใจเป็นเด็กๆของเขา ก่อนจะประกบแก้มของฮุนเข้าด้วยกันแล้วกดจูบลงไปเน้นๆครั้งหนึ่งก่อนจะผละออก
“จูบอีกไม่ได้หรอ”
“ให้หายป่วยก่อน”
“ถ้าหายแล้วขึ้นมานอนด้วยกันนะ”
“ให้หายก่อนเถอะ...เอ้า นอนได้แล้ว เดี๋ยวเราเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”
ผมดันตัวลุกขึ้นจากตักเขา ก่อนจะไล่ให้ฮุนลงไปนอนบนเตียงดีดี ท่าทางเขาเองก็เพลียๆอยู่แล้วไม่รู้จะพยายามปรือตามองผมอะไรนักหนา และยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเคอะเขินมากเท่านั้นโดยเฉพาะดวงตาคมที่ทั้งปรือทั้งฉ่ำแบบนี้
ฮุนถอดเสื้อออกแต่โดยดี ระหว่างที่เช็ดตัวเขาก็ไม่ดื้อไม่ซนอะไร มีเพียงดวงตาฉ่ำวาวเท่านั้นที่กดดันจนผมรู้สึกคันแก้มยุบยิบแบบที่รู้แน่ๆว่ามันต้องแดงเป็นมะเขือเทศ และเมื่อผมส่งเสื้อยืดของผมให้เขาใส่ เจ้าตัวก็แกล้งสูดจมูกเข้ากับเสื้อเน่าๆของผมจนอดไม่ไหวตีเข้าที่แผ่นหลังเขาไปเต็มๆ
“เล่นอยู่นั่นแหละ กินยาแล้วรีบนอนไปเลย”
“เป็นห่วง อยากให้เราหายดีเร็วๆอ่ะดิ”
“อือ เป็นห่วง...เราไม่รู้ว่าเพราะเราหนีไปแบบนั้นแล้วทำให้ฮุนป่วยรึเปล่า แต่รีบๆหายได้แล้ว ไม่งั้นเราคงรู้สึกผิดแย่”
“อย่าคิดมากอีกก็พอ ต่อไปมีอะไรก็ถามตรงๆ ไม่พอใจก็ต่อยเราเลยโอเคไหม”
ฮุนจับมือผมขึ้นมาตีไปที่แก้มเขาเบาๆ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาลูบแก้มลูบคางเขาเล่นแทน...ตอนนี้ผมไม่ติดใจเรื่องของน้องไอรินคู่จิ้นเขาอะไรอีกแล้ว เพราะเมื่อสถานะมันชัดเจน ความรู้สึกในใจของผมก็ชัดเจนตามมาจนกล้าที่จะเอ่ยปากบอกป๊าไปแบบนั้น
“ขอบคุณนะลู่ ที่บอกป๊าไปแบบนั้น ขอบคุณที่ให้โอกาสเราว่ะ”
“ก็เรามั่นใจแล้วไง อย่าทำให้ป๊าเราผิดหวังแล้วกัน”
ผมถูกรั้งลงไปกอด ก่อนเสียงฮุนจะพึมพำว่าขอบคุณอยู่ข้างหูซ้ำๆ มันเป็นความรู้สึกอุ่นใจที่น่าประหลาด เพราะมันทำให้ผมโล่งใจกว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้ฮุน แรงเต้นหนักๆของหัวใจบอกกับผมได้ดีว่าผมวางใจแล้วกับคนนี้ โดยที่คิดว่าเขาก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน
ฮุนปล่อยผมออกจากอ้อมกอดเขาแต่โดยดีเมื่อฤทธิ์ยาเริ่มทำงาน ผมทิ้งเขาไว้ ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกมาอีกทีฮุนก็หลับไปแล้ว...ผมกระชับผ้าห่มให้เขาอีกครั้งพลางทิ้งตัวลงนอนบนฟูกที่ปูเอาไว้ข้างเตียง ไม่ทันที่จะได้หลับตา โทรศัพท์มือถือของผมก็ขึ้นแจ้งเตือนให้ต้องจิ้มเข้าไปดูในเฟซบุ๊คเจ้าปัญหาอีกจนได้
เพียงแต่ครั้งนี้ผมไม่ต้องคิดมากอะไร ไม่ต้องคิดว่าผมมีสิทธิ์ในตัวฮุนหรือไม่...ในเมื่อวันนี้ เขาให้สทธิ์นั้นกับผม เช่นเดียวกับที่ผมยินดีให้เขาเช่นกัน
TBC
พี่ฮุนจีบติดซักที /ปาดเหงื่อ
ขอโทษที่หายไปค่ะ คอมเราอืดแบบไม่อยากจะทำอะไร T^T
ตอนนี้มาคุยกันหน่อยเนอะ
ตอนแรกที่แต่งเรื่องนี้คือเราไม่ได้คิดอะไรเลย แค่คิดถึงบรรยากาศชิลๆสมัยเป็นเด็กมหาลัย
เวลามีคนมาจีบ ออกตัวแรงๆ ตามรับตามส่ง พาไปนั่นนี่ มีเรื่องผิดใจกันบ้างเพราะความไม่มั่นใจ
พอมั่นใจแล้วจะกล้าบอกที่บ้านไหม (แต่ในที่นี้คือลู่ฮุนงานเข้าเอง) เป็นเรื่องสบายๆ เราไม่อยากให้เครียดอะไร
เพราะตอนเราเรียนมหาลัย เราชิลมาก ไม่มีเรื่องดราม่าอะไรทั้งนั้น เพื่อนเรา คนรอบตัวเราก็ไม่ดราม่า
เราเลยไม่รู้จะดราม่าชีวิตนักศึกษาไปทำไม เรียกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาๆในแต่ละวันดีกว่า
เราก็ไม่รู้ว่าทุกคนเบื่อไหมกับการดำเนินเรื่องเอื่อยๆ แถมเราก็ผีเข้าผีออกตามอารมณ์ธีสิส 55555
ก็ต้องขอขอบคุณมากจริงๆที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ อันนี้บอกเลยว่าใกล้จบแล้วจริงๆ น่าจะสัก 3-5 ตอนไม่เกิน
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่า มีอะไรอยากบอก อยากเม้นท์ก็ว่ามาได้เลย #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ
สกอป :)
ความคิดเห็น