ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #16 : ลู่วิทยาฮุนวิศวะ : 14

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.75K
      16
      9 ก.ค. 59

    “นี่มันอะไรกัน!

     

    บรรยากาศรอบกายเงียบลงภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดทันที ผมและฮุนผละกายออกจากกันหลังสิ้นเสียงคำถามของป๊า ใบหน้าซีดเผือดจากพิษไข้ของฮุนทำให้สีระเรื่อเมื่อสักครู่หายวับไปเพียงพริบตาเมื่อต้องเผชิญกับผู้ปกครองของผม

     

    ท่าทางของป๊ายังคงสงบนิ่ง เพียงแต่เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นกับดวงตาคมดุที่มองมาทางพวกเราก็พาให้เกร็งจนแทบกลั้นหายใจ ทั้งป๊าและแม่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ซึ่งนั่นทำให้ผมตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นเพื่อเรียกสติทุกคนอีกครั้ง

     

    “เอ่อ...ป๊าครับ”

     

    “นี่มันอะไรลู่ เมื่อกี๊พวกเรากำลังทำอะไรกัน”

     

    แม้น้ำเสียงจะไม่ได้เกรี้ยวกราดอย่างที่นึกกลัว หากแต่ก็อดจะหวั่นใจกับความน่าเกรงขามนั้นไม่ได้ ผมเองก็เลิกลั่กกับคำตอบ เหลือบตาไปขอความเห็นใจกับแม่ อีกฝ่ายก็ส่ายหน้ามาให้อย่างช่วยไม่ได้กับเหตุการณ์นี้...ผมรู้ว่าป๊ากับแม่มาทันเห็นอะไร และนั่นคงไม่สามารถโกหกออกไปได้

     

    “อึกอักอะไร”

     

    “ลู่...เอ่อ...ลู่”

     

    “ผมจูบลู่ครับคุณลุง”

     

    เสียงแหบแห้งของฮุนขัดขึ้นมาท่ามกลางความน่าอึดอัด สีหน้าของเขาเจือนลงเมื่อป๊าเบนสายตาไปจ้องเขาพร้อมกับนัยน์ตาดุๆ แต่ฮุนก็เลือกที่จะเงยหน้าจ้องมองดวงตาของป๊ากลับอย่างแน่วแน่

     

    “จูบทำไม...เธอเป็นแฟนลูกชายของฉันหรือ?”

     

    “ผม....”

     

    ป๊ายังคงไล่บี้ถามเอากับฮุนที่หน้าซีดจนไม่รู้จะซีดยังไง เขาเงียบไปกับคำถามนั้น...คำถามที่ผมรู้ดีว่าฮุนไม่กล้าตอบเพราะเรายังไม่ได้คบกันในสถานะนั้น สถานะที่ผมเก็บมาคิดตั้งแต่หนีเขามาถึง2วัน มันถึงเวลาที่ผมควรจะให้ความมั่นใจแก่เขาและแก่ตัวเองได้หรือยัง

     

    “หึ...เป็นอะไรก็พูดออกมา”

     

    เขาหลบสายตาของป๊า ก่อนที่ผมจะเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่บนหน้าตัก ไหล่ของเขาเกร็งจนผมอดรู้สึกผิดไม่ได้...เขาห่วงความรู้สึกผม เขาให้เกียรติผม และผมรู้ว่าเขาจะยินดีรับความผิดนี้แต่เพียงคนเดียวทั้งที่พวกเราประมาทเลินเล่อด้วยกันทั้งคู่

     

    “ถ้าเธอไม่มีความกล้าพอ ก็ออกไปจากบ้านของฉัน...ฉันจะคุยกับลู่เอง”

     

    ด้วยความที่ป๊าเป็นทหาร ผมรู้และคุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่มันคงไม่ใช่กับฮุน สายตากดดันจากป๊ากำลังทำให้คนใจเย็นของผมกำลังข่มความกดดันลง เขาขมวดคิ้วจนแน่น สีหน้าและท่าทางไม่ดีเอาจนผมรู้สึกห่วง

     

    “ป๊าครับ”

     

    ป๊ายอมละสายตาจากฮุนมามองที่ผม ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปคลายกำปั้นของเขาออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นจับกระชับมือใหญ่เอาไว้หลวมๆ ไออุ่นส่งผ่านมาพร้อมกับแรงบีบมือระหว่างกัน นั่นทำให้ผมรีบเค้นความกล้าออกมาประสานสายตากับบิดาอย่างแน่วแน่

     

    “ฮุนเป็นแฟนลู่ครับ...เรากำลังคบกัน”

     

    “ลู่!!!

     

    “คุณคะ ใจเย็นๆ”

     

    แม่รีบลูบไหล่ของป๊าทันทีเมื่อเขาตวาดใส่ผมเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

     

    ผมเป็นลูกชายคนเดียว ผมการเรียนดีมาตลอด กีฬาก็พอใช้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ได้มีเพื่อนมาก และไม่เลือกที่จะเจริญรอยการเป็นทหารตาม แต่ผมก็ไม่เคยทำให้ป๊าผิดหวัง ผมไม่เคยถูกขึ้นเสียงใส่อย่างครั้งนี้มาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกกลัว

     

    “ให้โอกาสพวกเราได้ไหมครับป๊า”

     

    “แต่นี่มันไม่ถูก”

     

    “ไม่ถูกตรงไหนครับ”

     

    “นี่เรากล้าเถียงป๊าหรือลู่”

     

    ผมยืดตัวตรงยืนขึ้น ไม่ได้มีเจตนาจะเถียงอะไรสักนิด ผมแค่อยากรู้เหตุผลเท่านั้นว่าสิ่งที่มันไม่ถูกของป๊าคืออะไร...มันไม่ถูกที่ตรงไหน...ตรงที่เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ตรงที่ผิดธรรมชาติ หรือไม่ถูกเพราะป๊าไม่ชอบใจและทำใจไม่ได้กันแน่

     

    “ลู่ไม่ได้จะเถียงป๊านะครับ แต่ลู่แค่อยากรู้ว่าที่พวกเราคบกันมันผิดตรงไหน”

     

    “มันไม่เหมาะสมในทุกอย่าง ป๊ามีหน้ามีตานะลู่ จะให้คนอื่นเอาไปพูดเสียๆหายๆน่ะหรือว่าเราเป็นแบบนี้”

     

    “ป๊าสนใจคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของลู่อีกหรอครับ ถ้าเหตุผลป๊าคือคนอื่น...ลู่ขอไม่ยอมรับนะครับ”

     

    ผมเม้มริมฝีปากแน่น ผมรู้ว่าตัวเองค่อนข้างดื้อมาตลอด ไม่ว่าจะฮุนหรือพี่ป๋อก็รู้ทั้งนั้นว่าผมดื้อขนาดไหน แล้วมีหรือว่าป๊ากับแม่จะไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไง เวลามีปัญหาผมมักจะถามตรงๆ แจ้งเจตนาของผมตรงๆทุกครั้ง ผมไม่ชอบความค้างคาใจ เว้นก็แต่เรื่องของฮุนเมื่อครั้งก่อนที่ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จึงงอนหนีมาแบบนี้

     

    ป๊ารู้ว่าถ้าผมดื้อ ผมก็จะดื้อให้ถึงที่สุด และคำพูดนั้นของผมก็ทำให้แม่ที่ยืนอยู่ข้างๆป๊าระบายรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาให้พวกเราทุกคนพร้อมทั้งลูบหลังลูบไหล่ป๊าไปด้วย

     

    “ถ้ามันเป็นสิ่งที่ลู่เลือกแล้ว และยอมรับผลที่ตามมาได้แม่ก็จะอยู่ข้างลู่ ถ้าลู่มีความสุขแม่ก็พร้อมจะสนับสนุน...คุณก็เหมือนกันใช่ไหมคะ”

     

    ป๊าเหลือบมองไปทางแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆใส่ ท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจแบบนั้นแต่ก็ยอมหันกลับมาพยักหน้าให้ทีหนึ่งทำให้ผมใจชื้น รีบเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนทันที ก่อนจะถูกฝ่ามือใหญ่ของป๊ายีหัวจนทรงผมกระจุยกระจาย และเมื่อพวกเราพ่อแม่ลูกผละออกจากกัน ดวงตาคมดุของป๊าก็ยังคงปราดมองไปทางฮุนที่ยืนยิ้มหน้าเซียวๆอยู่ที่เดิม

     

    “แล้วเราเป็นใครล่ะ ชื่ออะไร พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องกี่คน ไปรู้จักลู่แล้วคบกันได้ยังไง จริงจังหรือเปล่า”

     

    “โธ่...คุณคะ ไปถามอะไรแบบนั้น ทีละคำถามสิ”

     

    ผมยิ้มออกมาได้กว้างกว่าเดิมเมื่อป๊ากับแม่ให้ความสนใจฮุน ถึงแม้ว่าป๊าจะทำท่าเหมือนจะเขม่นฮุนอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกผมพองในอกอย่างบอกไม่ถูก

     

    “เออๆ ชื่ออะไรล่ะเรา”

     

    “ฮุนครับ...พ่อเป็นวิศวกร มีบริษัทรับเหมา ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านครับ มีพี่ชาย 1 คนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนเจอกับลู่ได้ยังไง เอาเป็นว่ามันคือรักแรกพบแล้วกันครับ และที่แน่ๆ ผมจริงจัง”

     

    จบประโยคยาวๆของฮุนที่ตอบคำถามป๊าเสร็จเขาก็ไอโขลกๆออกมายกใหญ่จนผมต้องลูบหลังเขา พร้อมทั้งยื่นแก้วน้ำแก้วใบเดิมให้เขาดื่ม ท่าทางกึ่งๆไม่สบายของเขาพอจะทำให้แม่จับสังเกตได้ และทันทีที่มือนุ่มของแม่ผมแตะลงบนหน้าผากเขา ฮุนก็สะดุ้งจนแม่ผมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู

     

    “ไม่สบายนี่คะลูก ขึ้นไปนอนพักสักหน่อยไหม เดี๋ยวแม่ให้ลู่เอายาขึ้นไปให้”

     

    “แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกครับ...เดี๋ยวผมมกลับไปพักที่บ้านก็ได้”

     

    “แบบนี้แม่ไม่อนุญาตให้ขับรถนะคะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปกลางทางจะแย่เอา...หรือยังไง ถ้าจะกลับ ให้ลู่ไปด้วยไหม ลู่จะกลับคอนโดเลยหรือเปล่าลูก”

     

    ฮุนเหลือบสายตามามองผมกึ่งๆเกรงใจแต่ก็เว้าวอนไปในตัว...ผมว่าเขาก็คงทำตัวไม่ถูกที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวของผมแบบนี้โดยเฉพาะป๊าที่เอาแต่จ้องสำรวจเขาจนเกือบพรุน

     

    “ลู่กลับวันนี้เลยก็ได้ครับ”

     

    “เดี๋ยว”

     

    ผมหันไปมองป๊าที่เอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะหันไปรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาของบ้านที่แสดงท่าทางจริงจังออกมาจนผมเผลอเกร็งอีกจนได้

     

    “ป๊ายอมให้คบกัน หมายถึงเราทั้งสองคนต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่...เข้าตามตรอกออกตามประตู เข้าใจใช่ไหมฮุน”

     

    “ครับ”

     

    “ดี...ถ้าแบบนั้นกลับบ้านทุกเย็นวันศุกร์ แล้วกลับไปคอนโดเย็นวันอาทิตย์ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป”

     

    “แต่ป๊าครับ ลู่ใกล้จะสอบแล้ว แล้วก็มีงานกลุ่มอีกนะครับ” อดที่จะแย้งความต้องการของป๊าไม่ได้ เพราะยิ่งช่วงใกล้สอบปลายภาค งานอะไรต่อมิอะไรก็รุมเร้าเข้ามาเยอะไปหมด

     

    “หรือไม่อยากคบกันแล้ว”

     

    “ผมจะพาลู่กลับมาส่งที่นี่ทุกวันศุกร์ แล้ววันอาทิตย์จะมารับกลับไปคอนโดเองครับ”

     

    “พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดี ไปเถอะ ไปพักผ่อนกันซะ”

     

    ผมกลอกตามองฮุนที่รับปากอะไรกับป๊าอีกหลายอย่างพลางเดินไปรอเขาที่รถ เมื่อเขาเดินตามมาผมก็แบมือขอกุญแจรถจากเขาทันที ผมไม่ไว้ใจให้เขาขับกลับเองแน่ๆ ยิ่งปลายจมูกแดงๆของเขากับดวงตาฉ่ำน้ำแบบนั้นแล้ว กลัวจะสลบไปก่อนถึงห้องจริงๆ

     

    “เราขับเอง ฮุนนอนเถอะ งีบสักหน่อย ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวเราปลุก”

     

    ครั้งนี้เขาว่าง่าย ทันทีที่ยัดตัวเองขึ้นรถเขาก็ปิดเปลือกตาลงพร้อมทั้งเอนศีรษะไปพิงกระจก ท่าทางผ่อนคลายลงจนผมวางใจ ก่อนจะยื่นมือไปลูบแก้มเขาเสร็จก็ขยับเกียร์พาเขากลับมาที่คอนโด

     

    ----------------------

     

    ฮุนสะลึมสะลือเดินตามผมเข้ามาในห้อง ท่าทางที่จะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแคบๆก็พาให้ผมดึงดันเขาเข้ามานอนบนเตียงในห้องแทน เชื่อขนมกินได้เลยว่าถ้าเขาทนนอนบนโซฟาแบบนั้นจากปวดเมื่อยเพราะพิษไข้ เป็นได้ปวดเมื่อยเพราะร่างกายเคล็ดเพิ่มไปอีกอย่างแน่ๆ

     

    “แล้วลู่จะนอนไหน”

     

    “เดี๋ยวเรานอนพื้นเอง เรามีฟูกในตู้”

     

    “เฮ้ย งั้นเรานอนฟูกก็ได้ หรือเรากลับไปนอนห้องเองก็ได้ถ้าทำให้ลู่ลำบาก”

     

    ผมหันไปมองหน้าฮุน ก่อนจะจิ้มนิ้วไปบนระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของเขาให้มันคลายลง

    “นอนนี่แหละ ถ้ากลับไปนอนคนเดียวแล้วดึกๆเป็นอะไรขึ้นมาทำไง...เรานอนฟูกเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรด้วย ไม่ต้องคิดมากนะ”

     

    “นี่อ่อยรึเปล่า”

     

    “แล้วแต่ฮุนจะคิด”

     

    อยู่ๆเขาก็รวบเอวผมเข้าไปกอด ก่อนจะซบหน้าลงให้ผมโอบกอดเขากลับ ผมลูบท้ายทอยเขาเบาๆก่อนฮุนจะรั้งให้ผมลงมานั่งบนตัก ผมมองดวงตาอิดโรยของเขาแล้วเลือกที่จะยกมือลูบมันช้าๆโดยที่ฮุนก็ยอมหลับตาให้ผมลูบไล้แผ่วเบา

     

    “เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?”

     

    “หึ” ผมหลุดขำให้คนไม่มั่นใจ แล้วก็ได้รับแรงกอดหนักๆจากเขาก่อนที่เสียงแหบแห้งของฮุนจะถามย้ำผมอีกครั้งพร้อมทั้งลืมตาขึ้นมามองสบกัน

     

    “คบกันนะ...เป็นแฟนกันนะครับ”

     

    “อือ...เป็น”

     

    ผมยิ้มให้กับท่าทางดีใจเป็นเด็กๆของเขา ก่อนจะประกบแก้มของฮุนเข้าด้วยกันแล้วกดจูบลงไปเน้นๆครั้งหนึ่งก่อนจะผละออก

     

    “จูบอีกไม่ได้หรอ”

     

    “ให้หายป่วยก่อน”

     

    “ถ้าหายแล้วขึ้นมานอนด้วยกันนะ”

     

    “ให้หายก่อนเถอะ...เอ้า นอนได้แล้ว เดี๋ยวเราเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”

     

    ผมดันตัวลุกขึ้นจากตักเขา ก่อนจะไล่ให้ฮุนลงไปนอนบนเตียงดีดี ท่าทางเขาเองก็เพลียๆอยู่แล้วไม่รู้จะพยายามปรือตามองผมอะไรนักหนา และยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเคอะเขินมากเท่านั้นโดยเฉพาะดวงตาคมที่ทั้งปรือทั้งฉ่ำแบบนี้

     

    ฮุนถอดเสื้อออกแต่โดยดี ระหว่างที่เช็ดตัวเขาก็ไม่ดื้อไม่ซนอะไร มีเพียงดวงตาฉ่ำวาวเท่านั้นที่กดดันจนผมรู้สึกคันแก้มยุบยิบแบบที่รู้แน่ๆว่ามันต้องแดงเป็นมะเขือเทศ และเมื่อผมส่งเสื้อยืดของผมให้เขาใส่ เจ้าตัวก็แกล้งสูดจมูกเข้ากับเสื้อเน่าๆของผมจนอดไม่ไหวตีเข้าที่แผ่นหลังเขาไปเต็มๆ

     

    “เล่นอยู่นั่นแหละ กินยาแล้วรีบนอนไปเลย”

     

    “เป็นห่วง อยากให้เราหายดีเร็วๆอ่ะดิ”

     

    “อือ เป็นห่วง...เราไม่รู้ว่าเพราะเราหนีไปแบบนั้นแล้วทำให้ฮุนป่วยรึเปล่า แต่รีบๆหายได้แล้ว ไม่งั้นเราคงรู้สึกผิดแย่”

     

    “อย่าคิดมากอีกก็พอ ต่อไปมีอะไรก็ถามตรงๆ ไม่พอใจก็ต่อยเราเลยโอเคไหม”

     

    ฮุนจับมือผมขึ้นมาตีไปที่แก้มเขาเบาๆ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาลูบแก้มลูบคางเขาเล่นแทน...ตอนนี้ผมไม่ติดใจเรื่องของน้องไอรินคู่จิ้นเขาอะไรอีกแล้ว เพราะเมื่อสถานะมันชัดเจน ความรู้สึกในใจของผมก็ชัดเจนตามมาจนกล้าที่จะเอ่ยปากบอกป๊าไปแบบนั้น

     

    “ขอบคุณนะลู่ ที่บอกป๊าไปแบบนั้น ขอบคุณที่ให้โอกาสเราว่ะ”

     

    “ก็เรามั่นใจแล้วไง อย่าทำให้ป๊าเราผิดหวังแล้วกัน”

     

    ผมถูกรั้งลงไปกอด ก่อนเสียงฮุนจะพึมพำว่าขอบคุณอยู่ข้างหูซ้ำๆ มันเป็นความรู้สึกอุ่นใจที่น่าประหลาด เพราะมันทำให้ผมโล่งใจกว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้ฮุน แรงเต้นหนักๆของหัวใจบอกกับผมได้ดีว่าผมวางใจแล้วกับคนนี้ โดยที่คิดว่าเขาก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน

     

    ฮุนปล่อยผมออกจากอ้อมกอดเขาแต่โดยดีเมื่อฤทธิ์ยาเริ่มทำงาน ผมทิ้งเขาไว้ ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกมาอีกทีฮุนก็หลับไปแล้ว...ผมกระชับผ้าห่มให้เขาอีกครั้งพลางทิ้งตัวลงนอนบนฟูกที่ปูเอาไว้ข้างเตียง ไม่ทันที่จะได้หลับตา โทรศัพท์มือถือของผมก็ขึ้นแจ้งเตือนให้ต้องจิ้มเข้าไปดูในเฟซบุ๊คเจ้าปัญหาอีกจนได้

     

    เพียงแต่ครั้งนี้ผมไม่ต้องคิดมากอะไร ไม่ต้องคิดว่าผมมีสิทธิ์ในตัวฮุนหรือไม่...ในเมื่อวันนี้ เขาให้สทธิ์นั้นกับผม เช่นเดียวกับที่ผมยินดีให้เขาเช่นกัน











    TBC


    พี่ฮุนจีบติดซักที /ปาดเหงื่อ

    ขอโทษที่หายไปค่ะ คอมเราอืดแบบไม่อยากจะทำอะไร T^T

    ตอนนี้มาคุยกันหน่อยเนอะ
    ตอนแรกที่แต่งเรื่องนี้คือเราไม่ได้คิดอะไรเลย แค่คิดถึงบรรยากาศชิลๆสมัยเป็นเด็กมหาลัย
    เวลามีคนมาจีบ ออกตัวแรงๆ ตามรับตามส่ง พาไปนั่นนี่ มีเรื่องผิดใจกันบ้างเพราะความไม่มั่นใจ
    พอมั่นใจแล้วจะกล้าบอกที่บ้านไหม (แต่ในที่นี้คือลู่ฮุนงานเข้าเอง) เป็นเรื่องสบายๆ เราไม่อยากให้เครียดอะไร
    เพราะตอนเราเรียนมหาลัย เราชิลมาก ไม่มีเรื่องดราม่าอะไรทั้งนั้น เพื่อนเรา คนรอบตัวเราก็ไม่ดราม่า
    เราเลยไม่รู้จะดราม่าชีวิตนักศึกษาไปทำไม เรียกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาๆในแต่ละวันดีกว่า
    เราก็ไม่รู้ว่าทุกคนเบื่อไหมกับการดำเนินเรื่องเอื่อยๆ แถมเราก็ผีเข้าผีออกตามอารมณ์ธีสิส 55555 
    ก็ต้องขอขอบคุณมากจริงๆที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ อันนี้บอกเลยว่าใกล้จบแล้วจริงๆ น่าจะสัก 3-5 ตอนไม่เกิน
    ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่า มีอะไรอยากบอก อยากเม้นท์ก็ว่ามาได้เลย #ลู่วิทยาฮุนวิศวะ

    สกอป :)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×