รักนี้จะมีให้เธออีกครั้ง again
ผู้เข้าชมรวม
60
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง “แคท” เด็กสาวม.ปลายกำลังยืนรอ “เตอร์” แฟนของเขาอยู่ที่หน้าร้าน วันนี้เป็นวันครบรอบที่คบกันได้ 2 ปีเต็ม แต่นี่นัดไว้ตอน 1 ทุ่ม จนปานนี้ 3 ทุ่มแล้วก็ยังไม่เห็นมาเลย ไอ้เตอร์นะ ไอ้เตอร์ !!
เวลา 22.00 น.
หืมมมม คงไม่มาแล้วสินะ แคทเลยตัดสินใจกลับบ้าน
ขณะเดินกลับบ้าน แคทเดินผ่านหน้าอาหารร้านหนึ่ง เธอมองเข้าไปในร้าน แล้วก็เพ่งเล็งไปที่ชายเสื้อน้ำเงินคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับผู้หญิงผมยาวที่เธอไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย ประเด็นเรื่องผู้หญิงเธอไม่สนใจหรอก แต่ผู้ชายคนนั้น...
ไอ้เตอร์ !!!!!!!! แคททำได้เพียงแค่กรีดร้องในใจ เพราะถ้าขืนแหกปากอยู่ตรงนั้นมีหวังได้เป็นเป้าสายตาของคนแถวนั้นแน่
ความโกรธเข้าครอบนำแคท แคทรีบเดินย่างสามขุมเข้าไปหาเตอร์โดยที่ไม่สนใจอะไร แคทเดินไปยืนอยู่ต่อหน้าเตอร์ เธอจ้องมองเขาด้วยหน้านิ่ง เตอร์และผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับเขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองแคท แล้วยิ้มอย่างฝืด ๆ ให้ แคทก็ฉีกยิ้มกว้างตอบให้กับทั้งสอง แล้วเธอก็ก้มลงไป หยิบรองเท้าผ้าใบสีแดงยี่ห้อดังราคาแพงที่เธอใส่มา ฟาดเข้าที่ใบหน้าของเตอร์อย่างจัง
พั๊ว !!!!!!
“นี่สำหรับที่แกผิดนัด” แคทพูดอย่างเฉยชา แคทวางรองเท้าลงกับพื้นแล้วใส่เดินออกจากร้านไปท่ามกลางความเจ็บแสบบนใบหน้าของเตอร์ กับความงงงวยของผู้หญิงที่นั่งโต๊ะเดียวกับเตอร์ และผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในร้าน
เช้าวันต่อมา ข่าวเรื่องของแคทและเตอร์เป็นที่ฮือฮากันอย่างมากในโรงเรียน แคทเดินเข้ามาในโรงเรียนท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องแล้วก็ซุบซิบกันตลอดระยะทางที่เธอเดินเข้าห้อง
“กรี๊ดดดดดด ยัยแคททททท เมื่อคืนทำไมไม่โทรเรียกพวกฉันไปลุมมันละย่ะ ลุยเดียวเลยนะแกรรร” ยังไม่ทันที่แคทจะได้เดินเข้าห้องเรียนของตัวเอง เสียงกรี๊ดกราดจากจีนและดี เพื่อนสาวของเธอก็ต้อนรับมาแต่ไกล
“ห่ะ ! พวกแกรู้เรื่องนี้ได้ไงกันเนี่ย ฉันยังไม่ได้เล่าให้พวกแกฟังเลยนะ”
“ก็เค้าเมาส์ให้แซดกันทั้งโรงเรียนย่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ เล่ามาดิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” จีนสะดีดสะดิ้งรีบบังคับขู่เข็นให้แคทเล่าให้ฟัง
“หึ ไอ้ผู้ชายพันธุ์ชิวาวานะหรอ ...”แคทถอดหายใจเหือกใหญ่ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวที่สุดแสนจะคับแค้นใจให้เพื่อนเธอฟัง แต่ทะว่า...
ปัง!
“แคท!!”
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นต่อหน้าแคท จีน และดี ทั้งสามสาวพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียงนั้น แต่ละคนเมื่อเห็นหน้าเจ้าของต้นเสียงก็ถึงกับหน้าเหวอกันถ้วนหน้า
“เตอร์ ! อะไรของแก มาเอ๊ะอะ โวยวายอะไรแถวนี้ !” แคทตั้งสติได้ เลยเป็นคนออกรับแทนเพื่อน ๆ เอง
“เมื่อคืนเธอทำอะไรกับฉันไว้ !!” เตอร์เริ่มโวยวาย
“ก็เอารองเท้าตบหน้าแกไง คู่เก่งของฉันด้วยนะ”
“หูยยยยย รองเท้าตบหน้าเลยอะ ”
“ฉันว่าต้องเป็นร้องเท้าสีแดงคู่เก่งของยัยแคทแน่เลย”ดีกับจีนซุบซิบกันเสียงดังต่อหน้าแคทและเตอร์ แคทและเตอร์เลยหันมาจิกทั้งสองคนอย่างพร้อมเพรียงกัน ดีกับจีนเลยชวนกันนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้กับแคทและเตอร์
“รู้ไหม ! เธอทำฉันอายขนาดไหน คนทั้งร้านมองฉันไม่วางตากันเลย แล้วเธอก็ทำให้......”
“ทำให้อะไร ! อ่ออออ ทำให้นังผู้หญิงผมยาวตาโตคนนั้นเลิกคุยกับแกอ่ะหรอ หึ ฉันเสียใจด้วยนะ”
“นี่เธอสองคนเลิกกันอย่างสมบูรณ์แบบเพราะมีมือที่สามเหรอ” จีนหลังจากนั่งสมาธิได้แปบนึงก็ลุกขึ้นมาแสมต่อ
“บ้าสิ แกสองคนคบกันมาได้1ปีเต็มเมื่อวานนี้เองไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึง ....”ดีรู้สึกสมาธิแตกเหมือนกันเลยลุกขึ้นมาสัมภาษณ์ทั้งสองช่วยจีน
“ใช่ ! เลิกกันแล้ว เลิกกันอย่างสมบูรณ์แบบด้วย” แคทพูดเสียงดังก้องทั่วทั้งห้องเรียน ทำเอาเตอร์ถึงกับหูอื้อในคำตอบที่ได้รับมา
“.....”เตอร์ได้แต่เงียบ ทำอะไรไม่ถูก แคทเริ่มแฉความจริงให้ทุกคนได้รู้
“พวกแกรู้มั๊ย ? เมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบ2ปีของฉันกับมัน มันชวนฉันไปกินข้าว แต่มันกลับปล่อยให้ฉันรอ แล้วมันก็มานั่งกินข้าวกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ แล้วมันจะนัดฉันเพื่ออะไร ถ้าจะปล่อยให้ฉันรอตั้งสองชั่วโมงกว่าขนาดนั้นอะ ถ้าไม่รักกันแล้ว ถ้ามีคนอื่นที่ดีกว่ากันแล้วก็บอกกันมาตรง ๆ ก็ได้ ไม่ต้องทำกันด้วยวิธีนี้ ฉันพร้อมหลีกทางให้ได้เสมอ แล้วจงรู้ไว้ด้วยนะ ว่า ฉัน เกลียด แก !!” แคทหง่างมือจะตบเตอร์ เตอร์หลับตาปี๋ แต่แคทก็ตบเตอร์ไม่ลง แคทค่อย ๆ ลดมือลงแล้วกำกระโปรงตัวเองแน่น
“..........” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
“เห้ย อาจารย์มาแล้ววววววววววว” คนดูต้นทางของห้องตะโกนมองให้เพื่อนทุกคนเตรียมระวัง ทุกคนในห้องเข้านั่งประจำที่ของตัวเอง รวมถึงแคทและเตอร์ด้วย
“นักเรียนทุกคน ครูจะจับกลุ่มให้นักเรียนทำรายงานนะ” แล้วครูก็เริ่มจับกลุ่มให้กับนักเรียนทุกคน ผลปรากฏว่า...
“หึยย จีน ดี เราได้อยู่กลุ่มเดียวกัน กรี๊ดดดดดดดดด” แคท จีน และดีได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ทำเอาสามสาวดี๊ด๊ากันยกใหญ่ แต่....
“แคท เราได้อยู่กลุ่มเดียวกันด้วยนะ ที่ร๊ากกก” เตอร์เดินมาพูดเหยาะเย้ยกวนประสาทแคทเล่น พร้อมกับส่งจูบให้
“นี่ ! ฉันด่าแกไปทั้งหมดนี้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างรึไง นี้ฉันกับแกพึงเลิกกันนะ !!” แคทเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมที่ดูมีความสุขของเตอร์ ทั้ง ๆ ที่เลิกกันทำไมไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยละ ฉันเป็นคนบอกเลิกแกแท้ ๆ ฉันเจ็บมากเลยรู้ไหม TT
“จะเสียใจทำไม เลิกเป็นแฟนกันนิ ไม่ได้เลิกเป็นเพื่อนกัน แล้วที่สำคัญ ฉันกับแกก็อยู่ห้องเดียวกัน ถ้าฉันจะขอคบแกใหม่ก็ไม่ยากหรอก ใช่ไหม ??”
“โลกสวยนะจ๊ะ เลิกเป็นแฟน แต่ยังเป็นเพื่อนกันได้เนี่ย ถามฉันซักคำหน่อยไหมว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับแกไหมอะ”
“ถึงแกไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน แกก็ต้องเป็น เพราะเราอยู่ห้องเดียวกัน และที่สำคัญก็อยู่กลุ่มเดียวกัน ต้องใช้ชีวิตร่วมกันอีกนาน ใช่ไหม ??”เตอร์ยิ้มอย่างเจ้าเลห์
“ฮิ้ววววววววววว ใช้ชีวิตร่วมกันน” สิงโตกับสามเพื่อนของเตอร์ที่นั่งอยู่ข้างหลังสามสาวบลูเบอร์รี่ที่อยู่กลุ่มเดียวกัน ได้ทีก็พากันแซวเตอร์กับแคทใหญ่
“อ่าว ๆๆ เพื่อน ๆๆ สนทนาอะไรกันอยู่ กลุ่มเราได้หัวข้อรำวงมาตรฐานนะ วันที่เราออกมาแสดงหน้าห้องเราต้องรำโชว์อาจารย์กับเพื่อนนะ” ทรงสิทธิ์เด็กเนิร์ดประจำห้องซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มของเราด้วยแหละ เพราะไม่น่าจะมีใครเหมาะสมเท่าทรงสิทธิ์อีกแล้ว
“แล้วเราจะมาซ้อมรำกันตอนไหนล่ะ” ดีถาม
“เราว่านะ เริ่มพรุ่งนี้เลยดีกว่า เพราะเรามีเวลาแค่3วันเอง” ทรงสิทธิ์ตอบอย่างฉะฉาน
“ห่ะ มีเวลาแค่สามวัน !!!!” สมาชิกในร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกัน
“เร็วไปมั๊ยอะ !!” แคทบ่น ๆ
“ถ้าไม่อยากให้เสียเวลา งั้นเรามาจับคู่รำกันเลยดีกว่า” ทรงสิทธิ์แสดงความเป็นผู้นำออกมา
“เอ่ออ คือกลุ่มเรามี7คนจะจับคู่ยังไงอะ” เตอร์สงสัย
“งั้นเดี๋ยวเราเป็นคนพูดเปิด/ปิดการแสดงให้ งั้นก็จะเหลือ6คน ลงตัวละ พวกนายก็จับคู่กันเองได้เลยนะ” ทรงสิทธิ์พูด
“สามมมมม ฉันจะคู่กับนายยย” จีนตะโกนเลือกคู่โดยไม่เหลือความเป็นหญิงไทยไว้เลย
“ดี งั้นเธอคู่กับฉันนะ” สิงโตเดินไปอยู่ข้างดีแล้วก็กระแซะไหล่ดีเป็นอันว่าขอคู่ด้วย ส่วนดีก็ทำหน้าแดงเขินบิดไปมา เค้ามาขอเป็นคู่รำวงด้วยย่ะ ไม่ใช่มาขอแกเป็นแฟนซะหน่อย
“ห่ะ งั้นฉันต้องคู่กับยัย/ไอ้นี่เหรอ” แคทกับเตอร์ตะโกนออกมาพร้อมกัน แล้วก็ทำหน้าทำตาขยะแขยงกันและกัน
“ทรงสิทธิ์ ฉันขอคู่กับเธอไม่ได้เหรอ ฉันไม่อยากคู่กับ.... เอิ่ม ... ไอ้เนี่ย ๆๆ !!” แคทอ้อนวอน คิดดูสิ ขนาดชื่อเตอร์ แคทยังไม่ค่อยอยากเรียกเลย นี้ถึงขั้นเกลียดกันเข้ากระดูกดำของแท้เลยนะเนี่ย
“แต่ฉันอยากคู่กับเธอนะ แคท” เตอร์เปลี่ยนใจอยากจะมาคู่กับแคท แล้วก็ส่งสายตาหวานเยิ้มให้
“ไม่เอาาาาา” แคทโวยวาย
“ไม่เอาไม่ได้หรอกแคท ฉันรำไม่เป็น แล้วฉันก็เลือกที่จะเป็นคนพูดเปิด/ปิดการแสดงแล้วด้วย ขอโทษนะ”พูดจบ ทรงสิทธิ์ก็เดินหนีไปเลย
“เห้ย ! คิดว่าเก่งแล้วเห็นแก่ตัวได้เหรอว่ะ กะอีแค่รำ #@%$)@)&!!” แคทโวยวาย หาเรื่อง จะเดินตามไปตบทรงสิทธิ์ถึงที่ แต่ดีกับจีนดึงไว้ทันซะก่อน
“ผู้หญิงอะไรชอบใช้ความรุนแรง พูดลอย ๆ นะ ไม่ได้ว่าใคร”เตอร์พูดจบก็ทำหน้าลอยไปลอยมา
“หื้มมมมมม ไอ้เตอร์ !!! อดทนไว้แคท เราเป็นผู้หญิง เราสวย เชิ่ดไว้ ”เหมือนแคทท่องบทสวดอะไรสักอย่างเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลง พอสงบสติอารมณ์ตัวเองก็เดินเชิ่ดเก๊กสวยเป็นนางแบบเดินบนแคทวอร์คหายออกไปนอกห้องทันที
“ผู้หญิงสมัยนี้เข้าใจอยากวะ” สิงโตพูดแล้วก็ส่ายหัวเบา
“งั้นมึงมาลองเป็นผู้หญิงดูป่ะละ เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น” สามแนะนำวิธีดี ๆ ให้กับสิงโต
“ก็ดีเหมือนกันนะฮ่ะ เย็นนี้พาไปซื้อยาคุมหน่อยนะ กะว่าจะกินเร่งให้นมโตซะหน่อยอะ” สิงโตพูดแล้วทำไม้ทำมือ แล้วจิกตาหวานใส่สามกับเตอร์ สามกับเตอร์เลยพากันลุมเตะต่อยให้สิงโตมันกลับมาเป็นผู้ชายอีกครั้ง แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ยังอยากมีเพื่อนเป็นผู้ชายอยู่วะ
เย็นวันต่อมา หลังจากเลิกเรียนแล้ว
“ทุกคน ใครที่อยู่กลุ่มเราอะ อยู่ซ้อมด้วยนะ”ทรงสิทธิ์ประกาศกร้าวดังทั่วห้อง
แล้วกลุ่มของทรงสิทธิ์ทั้งหมดซึ่งได้แก่ ทรงสิทธิ์ แคท ดี จีน เตอร์ สิงโต และสาม ทั้ง 7 คนเริ่มพากันซ้อมรำกันเป็นคู่ ๆ คู่ของดีและจีนถือว่าไปได้สวยมาก แต่...
“โอ้ย ! ยัยแคท เธอรำดี ๆ หน่อยดิ แขนเธอฟาดหน้าฉันจนแดงหมดแล้วเนี่ย”
“ใครใช้ให้หน้าแกอยู่ตรงมือฉันพอดีล่ะยะ”
ก็คงจะมีแต่คู่แคทกับเตอร์นี้แหละมั้งที่ยังดูขัด ๆ เขิน ๆ กันอยู่เนี่ย (เอ่อ นี่เขาเรียกว่าขัด ๆ เขิน ๆ เหรอ ??)
พอซ้อมมาได้ซักพัก แต่ละคู่ก็เริ่มเหนื่อย เลยพากันมานั่งพัก คู่ของแคทและเตอร์ก็เช่นกัน รู้สึกเหนื่อยกว่าคู่อื่น ๆ เป็นไหน ๆ เพราะต้องใช้ทั้งร่างกายและฝีมือปากในการซ้อมรำและซ้อมมวย การพักครั้งนี้เหมือนการพักยกที่หนึ่งบนสังเวียนมวย ขนาดเดินแยกออกจากกัน แคทและเตอร์ก็ยังจ้องตากันเขม่น ทั้งสองเดินออกมายังมุมของตัวเอง แล้วก็พักกินน้ำกินท่า พอเห็นว่าหายเหนื่อยดีแล้ว สิงโตเลยอาสาเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ให้ เรียกทั้งคู่ขึ้นบนเวที แคทกับเตอร์เดินออกไปหาสิงโต สิงโตจับมือทั้งสองมาชนกัน แล้วก็ .....
“พวกนาย !! เล่นอะไรกันอะ ทำไมไม่ซ้อมรำกันละ !!” เหมือนทุกคนหลุดออกมาจากภาพเวทีมวยที่อยู่ตรงหน้า แคทกับเตอร์ถึงกับสะดุงเหือก แล้วก็คิดในใจว่า ฉันคล้อยตามเล่นกับไอ้สิงโตทำไม?
“เอ่อ ... นี่ไงทรงสิทธิ์ ฉันกำลังสอนสองคนนี้รำอยู่ไง สองคนเนี่ย รำไม่ได้เรื่องเลย ....ใช่ไหม?”สิงโตที่กำลังเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์อยู่ ออกรับแทนเพื่อนทุกคน เพื่อนทุกคนก็เลยยอมที่จะเอ่ออ่อด้วย
จีนเหมือนอ่านความคิดของสิงโตออกว่าจะแกล้งสองคนนี้ เลยมาช่วยสานฝันของสิงโตให้เป็นจริง จีนเลยมาช่วยจัดท่าทางให้กับแคทกับเตอร์ โดยจับทั้งสองตั้งท่ารำวง และก็หันหน้ามามองกัน ดีเห็นจีนกับสิงโตเล่นแล้วก็อยากเล่นด้วย เลยสั่งให้แคทกับเตอร์ยิ้ม ทั้งสองก็ยอมทำตามอย่างง่ายดาย สามไปเปิดเพลง พอได้ยินเสียงเพลงขึ้น แคทกับเตอร์ก็พากันรำอย่างอ่อนช้อยและสวยงาม ทั้งสองมองตากันและยิ้มให้กัน ทำเอาเหล่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มถึงกลับอดยิ้มตามด้วยไม่ได้
“พวกเธอว่า สองคนนี้มันรักกันอยู่ป่ะ” สามกระซิบกับจีน ดีและสิงโต
“อือ ๆ คิดเหมือนกัน” จีนตอบ พอเท่านั้นแหละ ทุกคนมองตากันและยิ้มออกมาอย่างเจ้าเลห์...
“เห้ย ๆๆ ไอ้เตอร์ แกอย่ามาทำสายตาน่าขนลุกอย่างนี้ใส่ฉันนะ”ยังไม่ทันไร แคทก็โวยวายขึ้นมาทันที เหมือนจะรู้สึกตัวแล้วสินะ แคทรีบถอยห่างออกจากเตอร์ เตอร์ก็หลบสายตาออกจากแคท ต่างคนต่างเดินหนีกัน
และแล้วก็ถึงวันที่ต้องออกไปแสดงหน้าห้อง
กลุ่มของทรงสิทธิ์ก็พากันออกมารำให้เพื่อน ๆ ดู พอรำเสร็จ ก็เข้ามานั่งที่เดิม ยังไม่ทันได้นั่งเต็มก้นเลย ยัยเฟิร์นที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ กับแคทก็รีบสะกิดแคททันที
“แคทเธอกลับมาคบกับเตอร์แล้วหรอ?”
“บ้าเหรอ(โวยวาย) ไม่ได้คบกันยะ แค่คำว่าเพื่อนฉันก็ไม่ให้มันหรอก !!”
“อ่าวเหรอ ฉันขอโทษนะ แต่เมื่อกี้ฉันเห็นสายตาตอนรำที่มันมองแกอะ หวานเชียว ก็เลยสงสัย”
“อือ ๆ ไม่เป็นไร ๆ”
ดีกับจีนพอได้ยินที่เฟิร์นคุยกับแคทก็เกิดปิ๊งไอเดียกันขึ้นมา
“จีน !”
“คิดเหมือนกันดี !”
“ใช่ ! ชั้นดูยังไง๊ ยังไง ไอ้เตอร์ก็เหมือนยังรักแคทอยู่ เซ็นส์ชั้นมันแรงงงส์”
“ใช่ ! แล้วชั้นก็ดูยังไง๊ ยังไง ไอ้แคทก็ยังรักเตอร์อยู่ มันก็ปากแข็งไปตามภาษามันนั้นแหละ เซ็นส์ชั้นมันแรงงงส์”
“อะแห่ม ๆ! ซุบซิบนินทาอะไรใครอยู่จ๊ะ เพื่อน ๆ” ทั้งดีและจีนถึงกับสะดุงเมื่อได้ยินเสียงกระแอม และยิ้มหวาน ๆ ที่ทรงพลังของแคท (ผู้หญิงคนนี้เป็นปีศาจหรือเด็กม.ปลายเนี่ย ทำไมน่ากลัวอย่างนี้)
“แคทที่รัก ไปกินข้าวกันเถอะตัวเอง” เตอร์ไม่รู้มาจากไหน เดินคว้ามือแคทแล้วจูงไปกินข้าว
แคทก็สบัดมือสุดฤทธิ์สุดเดช พยายามจะหนีเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเตอร์ ทำเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ยังไงยังงั้น
ดีกับจีน มองหน้า แล้วพยักหน้าให้อย่างรู้ใจกัน แผนยังไม่ได้วางหรอก แต่จะทำทุกวิถีทางให้สองคนนั้นกลับมารักกันให้ได้ !!
“แคทเดี๋ยวตามไปนะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน”ทั้งดีและจีนไม่รอฟังคำตอบจากแคท แล้วก็เดินหายไปทางห้องน้ำดื้อ ๆ แคทรู้สึกงง ทำตัวไม่ถูก เลยยืนเอ๋ออยู่เฉย ๆ เตอร์ได้ทีเห็นว่าสองคนนั้นเปิดทางให้ เลยใช้โอกาสนี้ลากแคทไปที่
โรงอาหาร แคทเดินตามแรงลากของเตอร์มาได้ 2 3 ก้าว ก็ตื่นขึ้นจากภวังค์แห่งความงง แล้วก็เล่นตัวเป็นนางเอกที่โดนผู้ร้ายลักพาตัวมา
“อ๊ายยยย ปล่อยฉันนะไอ้เตอร์ ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อยงายยยย ปล่อยยยยย”แคทปัดป้องมือเตอร์ออกจากตัวเอง เตอร์รู้สึกงงกับท่าทางที่สะดีดสะดิ้งเกินไปของแคท ก็เลยยอมปล่อยง่าย ๆ แคทรีบวิ่งหนีเตอร์ออกมา แล้วตรงไปที่ห้องน้ำที่ดีกับจีนอยู่ เอิ่ม ... นี้แคทมันกำลังซ้อมละครเวทีอยู่หรือยังไงเนี่ย เล่นซะใหญ่เชียว
ดีกับจีนที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาก็ถึงกับเซง
“แผนแรกไม่ได้ผล เริ่มแผนสองได้” จีนพูดเสียงเข้ม ทำเหมือนตัวเองกำลังเล่นหนังเรื่องเจมส์บอน
“เดี๋ยวๆๆ แผนแรกอะมันเป็นเพราะความบังเอิญ แล้วแผนสองอะ อะไร ?? ”ดีถาม
“อ่าว ก็.... เอ่อ ไม่มีหรอก พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ” พอจีนพูดจบ ดีก็ถึงกับสายหัวให้เพื่อนตัวเอง
หลังจากพักเที่ยงเสร็จ 3สาวก็เดินเข้าห้องเพื่อที่เตรียมตัวจะเรียน พอเดินเข้าห้องได้ก้าวเดียว ดีกับจีนที่เดินนำหน้าแคทมาก็ถึงกับต้องชะงักทันที แคทที่เดินตามหลังมาไม่ทันระวังก็เลยเดินชนสองคนนั้นเข้า
“โอย อะไรกัน เป็นอะไร ยืนขว้างประตูทำไม” แคทรู้สึกประหลาดใจเลยเดินแทรกสองคนนั้นเข้าไปในห้อง และภาพที่เห็นนั้นคือ เตอร์กับเฟิร์น(เพื่อนในห้องเดียวกัน)กำลังนั่งคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิงหวานหยาดเยิ้มน้ำผึ้งเดือนหกยังต้องกดไลค์ให้ นั่งคุยกันเท่านั้นยังไม่พอ เฟิร์นนั้นยังนั่งตักเตอร์อยู่อีกด้วย แคทเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดีกับจีนถึงต้องหยุดชะงักการเคลื่อนไหวกันขนาดนั้น เหอะ เหอะ ก็แน่นอนนะสิ แคทเป็นแฟนกับเตอร์มาเกือบ2ปี จับมือกันยังนับครั้งได้เลย แหม ไม่น่าเชื่อเลย เลิกกันแปบเดียวมีพัฒนาการการจีบหญิงเพิ่มขึ้นเยอะเชียว พอ ๆ กันนะเลยทั้งหญิงทั้งชายเนี่ย
ปัง !!
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นต่อหน้าเฟิร์นกับเตอร์ ทำให้ทั้งสองต้องเงยหน้าขึ้นมองตามต้นเสียง
“ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่ถ้าเธอสองคนจะนั่งคุยกันขนาดนี้นะ ก็ช่วยเกรงใจเพื่อนในห้องบ้างก็ดีนะ เก้าอี้ตัวเล็กมากรึไงถึงได้ไปนั่งซ้อนกันอยู่อย่างนั้นน่ะ ถ้าอาจารย์มาเห็นจะทำไง ไม่ใช่ซวยแต่พวกเธอนะ เพื่อนในห้องก็ซวย เผลอๆ ข่าวอาจจะแพร่ไปทั่วโรงเรียน ไม่ก็แพร่ไปออกนอกโรงเรียน เสียทั้งภาพพจน์ของโรงเรียน เสียทั้งภาพพจน์ของนักเรียนไทย บอกขนาดนี้แล้ว ช่วยคิดตามด้วยนะ !!”พูดจบ แคทก็เดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง เฟิร์นด้วยความอายจึงรีบลุกขึ้นจากตักของเตอร์แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ทำเอาเพื่อนในห้องถึงกลับเงียบกันเลยทีเดียว ส่วนเตอร์ก็ได้แต่มองแคทที่นั่งอยู่ด้านหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกที่มันบรรยายไม่ถูก ไม่ทันที่เตอร์จะได้วิเคราะห์อารมณ์ตัวเอง อาจารย์ก็เดินเข้ามาพอดี
“เอิ่ม นักเรียน ทำไม .. เงียบกันแปลก ๆ ล่ะจ๊ะ ?? หรือครูเข้าห้องผิด ??” ครูอรอุมา ครูรุ่นใหม่ไฟแรงผู้แสนอารมณ์ดีมีดีกรีเป็นครูสอนชีววิทยาถึงกลับแปลกใจที่อยู่มาวันหนึ่งนักเรียนของเธอก็เรียบร้อยผิดปกติ
“.......” นักเรียนเงียบ ครูสาวเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง จึงหยิบตารางสอนตัวเองออกมาดู
“ก็ถูกนิ” ครูสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วเธอก็หันหน้ากลับไปยิ้มให้กับนักเรียนของเธอ เป็นเชิงว่า ครูจะเริ่มสอนแล้วนะ
ระหว่างที่ครูอรอุมากำลังสอน
“เตอร์ แกเป็นอะไรกับเฟิร์นอะ” จีนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างเตอร์หันหลังไปกระซิบถามเรื่องเตอร์โดยที่ไม่สนใจครูอรอุมาที่กำลังสอนอยู่
“มีอะไรถามฉันก็นะ”เฟิร์นที่นั่งเยื้องอยู่หน้าจีนนิดหน่อยหันหลังมาถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เพื่อนก็เค้าแค่สงสัยน่ะ ไม่เป็นไรหรอกเฟิร์น”เตอร์บอกเฟิร์นพรางยิ้มให้ รอยยิ้มอย่างนี้มันทำให้เฟิร์นอดยิ้มตามไม่ได้
“นั้นน่ะสิ เธอสองคนเป็นอะไรกัน”ดีที่นั่งอยู่ข้างแคทเลยหันไปถามเตอร์ย้ำ แคทใช้สายตาพิฆาตสยบความอยากรู้ของดี ดีได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้แคทแล้วก็หันกลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิม แล้วแคทก็กวาดสายตาพิฆาตไปที่เตอร์
“ทำไม มองอย่างนั้น หึงแฟนเก่าเหรอ” เตอร์รู้สึกมั่นไส้แคท
“หึงบ้าบออะไร ฉันรำคานย่ะ” แคทร้อนตัวรีบอธิบายยกใหญ่
“ไม่อยากรู้จริง ๆ เหรอ ว่าฉันกับเฟิร์นเป็นอะไรกันอะ”
“.......” แคทค้าง พูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกประมาณว่า อยากรู้แต่ไม่อยากถาม
“จะบอกให้ก็ได้นะ ฉันกับเฟิร์นน่ะ ......”
“นายฉันทวิทย์ ยัยแคททรียา !!!!!” สิ้นเสียงเรียกชื่อ ก็มีแท่งชอล์กลอยมา
ฟิ้ววววววว ชอล์กลอยมาตกอยู่ต่อหน้าแคทและเตอร์ ทำเอาทั้งสองถึงกับสะดุ้งกันสุดตัว ไม่นานนัก เสียงรองเท้าส้นสูงก็ค่อยๆเดินมาใกล้พวกเขาแล้วหยุดลงต่อหน้า ทั้งแคทและเตอร์ค่อยๆมองตามรองเท้าขึ้นไปจนพบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอาจารย์อรอุมา แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ภายใต้รอยยิ้มที่แสนใจดีนั้น อาจมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้
“เย็นนี้หลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จแล้ว เรามีนัดเจอกันที่ห้องแล๊ปชีววิทยานะจ๊ะ” พูดจบครูอรอุมาก็หยิกแก้มแคทและเตอร์คนละทีสองทีด้วยความเอ็นดู แล้วเธอก็เดินยิ้มกลับไปที่หน้ากระดานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกคนในห้องเงียบรวมไปถึงแคทและเตอร์ที่พากันต่างเอามือลูบแก้มตัวเอง ถึงจะบอกว่าหยิกแก้มด้วยความเอ็นดูก็เถอะ แต่ถ้าเอ็นดูจนแก้มแดงขนาดนี้ก็คงไม่ดีเท่าไรหรอก
ทุกคนต่างรู้ดีว่า นี้คือบทลงโทษของครูอรอุมาผู้แสนใจดี นี้ยังแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้ามากกว่านี้เมื่อไรมีหวังโลกได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แน่นอน เหมือนอย่างที่เค้าว่ากันว่า คนที่เงียบที่สุด คือคนที่อันตรายที่สุด
เวลา 16.00 น.
“โอย!!!!!!! อยากกลับบ้านนนนน” สิงโตและสามโวยวายออกมาพร้อมกันหลังจากครูที่สอนคาบสุดท้ายเดินออกไป
“เรื่องเนี่ย ถ้าจะผิดอะ มันก็มีอยู่คนเดียวแหละ”แคทพูดไปพรางเก็บของไป
“เธอว่าฉันหรอยัยแคท” เตอร์ร้อนตัว รีบโวยวายทันควัน
“ป๊าววว ไม่ได้ว่าใคร ถ้าไม่ผิดก็อย่าร้อนตัวสิจ๊ะ”แล้วแคทก็ยิ้มหวานให้เตอร์
“ยัยผู้หญิงปีศาจ !!!!!”
“กรี๊ดดดด แกว่าใครเป็นผู้หญิงปีศาจห่ะ !!”
“ป๊าววว ไม่ได้ว่าใคร ถ้าไม่ผิดก็อย่าร้อนตัวสิจ๊ะ” เตอร์ยอกย้อน
“นี่ไม่สำนึกเลยรึไงที่ทำให้เพื่อนทุกคนในห้องต้องเดือนร้อนเนี่ย !!”
“เธอนั้นแหละที่ทำให้เพื่อนเดือดร้อน ถ้าเธอไม่หันมามองฉัน ฉันก็คงไม่คุยกับเธอ แล้วครูก็จะไม่เห็น เพื่อนก็จะไม่เดือนร้อน เธอ นั้น แหละ ผิด !!”
“ไอ้เตอร์ !! อย่ามาโยนความผิดให้ฉันนะเว้ยยยย ถ้าแกไม่คุยกับจีนจนฉันรำคาน ฉันก็ไม่ต้องหันไปมองแกหรอก”
“หยุดดดดด !!! พอเลย ๆ อย่ามาโยนความให้ฉันนะเว้ย แกสองคนอะผิดเต็ม ๆ ถ้าพวกแกไม่ทะเลาะกันนะ ครูก็จะไม่ได้ยินหรอก นี่เล่นโวยวายกันซะดังเชียว ไปเลย ๆ อย่ามาเถียงกันอยู่แถวนี้ ไปเรียน ๆ !! ” จีนรำคานที่สองคนนี้ทะเลาะเลยรีบห้ามปรามก่อนที่ทุกอย่างจะหนักไปกว่านี้ แต่เหตุผลส่วนหนึ่งไม่ได้มาจากรำคานหรอก แต่เป็นเพราะตัวเธอนั้นแหละผิดเต็ม ๆ อย่างที่แคทบอก ถ้าไม่รีบห้ามสองคนนั้นให้หยุดเถียงกัน มีหวังเพื่อนในห้องคงรู้ต้นตอที่แท้จริงแน่ ๆ
ณ ห้องแล๊ปชีววิทยา
กลุ่มของแคทและกลุ่มของเตอร์เดินมาถึงพร้อมกัน และที่สำคัญยังมาสายอีกต่างหาก แต่ละคนต่างกล้าๆกลัวๆ ไม่พากันเข้าห้องซักที
“เข้าห้องสิจ๊ะ” ครูอรอุมาเรียกทั้งหมดเข้าห้อง เสียงที่ครูอรอุมาใช้เรียกมันก็ดูปกติดี แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับทำให้เพื่อนในห้องทั้งหมดรวมถึงกลุ่มของแคทและเตอร์ถึงกลับสะดุ้งกันสุดตัว ทั้งสองกลุ่มเลยเดินเข้ามาในห้องทีละคนด้วยความเรียบร้อย แล้วก็แยกย้ายกันไปนั่งที่ของตัวเอง
“แหม เพื่อนนักเรียนกลุ่มนี้นี่น่ารักจริง ๆ เลยนะคะ คุยกันในห้องจนต้องทำให้เพื่อนมาเรียนเสริมตอนเย็นยังไม่พอ ยังมาสายอีก ตอนแรกก็คิดว่าจะสอนแค่ชั่วโมงเดียวนะ แต่เพื่อนเธอมาสายกันเอง งั้นครูเพิ่มเป็น2ชั่วโมงเลยนะ”พูดจบครูอรอุมาก็แจกยิ้มให้กับนักเรียนเหมือนเช่นเคย
“กูเกลียดรอยยิ้มแบบนี้จริงๆ” สิงโตบ่นพึมพำกับเพื่อนตัวเอง
“อะไรนะจ๊ะนายสิงห์ เธอพูดว่าอะไรนะ ครูไม่ค่อยได้ยินเลย”
“อ๊ะ อะ ปะ ปะ.. ป่าวครับ ป่าว ”
“อ่าวหรอจ๊ะ ครูคงหูแว่วไปเองอย่างนั้นหรอ ช่างมันเถอะ เรามาเรียนกันเถอะนะจ๊ะ” แล้วครูอรอุมาก็ยิ้มให้นักเรียนอีกครั้ง
เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง
“ขออนุญาตครับ ครูครับ หมดเวลาแล้วครับ” ทรงสิทธิ์ยืนขึ้นแล้วทวงเวลากับคุณครู
“อ๊าว ครูขอโทษนะ สอนเพลินไปหน่อย โอเคจ๊ะ อย่าลืมนะ พรุ่งนี้เรามีนัดสอบกันนะจ๊ะ โอเค วันนี้เอาไว้แค่นี้คะ” แล้วครูอรอุมาก็เก็บของแล้วเดินออกจากห้องไป
“รีบกลับบ้านกันเถอะแก หกโมงเย็นแล้วอะ ไม่ได้บอกแม่ไว้ด้วย รีบกลับเถอะ” ดีรีบเก็บข้าวเก็บของอย่างรวดเร็วแล้วฉุดกระชากลากดึงแคทและจีนออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สนใจเพื่อนเลยว่าจะเก็บของเสร็จหรือยัง
ทั้งสามพากันวิ่งมาจนถึงหน้าโรงเรียน
“เดี๋ยว ๆ ฉันลืมว่าฉันลืมสมุดชีวไว้ในห้องอะ” แคทหยุดวิ่งแล้วจะดึงเพื่อนกลับที่ไปห้องแล๊ป
“เดี๋ยวค่อยไปเอาพรุ่งนี้ก็ได้แก”ดีรั้งไว้
“จะบ้าเหรอ พรุ่งนี้สอบนะ แล้วฉันจะเอาอะไรอ่านสอบเล่า!!”
“ก็ได้ ๆ งั้นฉันรออยู่ตรงนี้นะ เร็วด้วยล่ะ”
“ป่ะ จีนไปเป็นเพื่อนหน่อย”
“ไม่ ๆ มันไกล ไปเองเลย เอากระเป๋านักเรียนมาฉันจะถือไว้ให้จะได้ไปเร็วขึ้น”จีนปฎิเสธทันทีแต่เลือกที่จะถือกระเป๋าไว้ให้เพื่อน แคทเลยต้องวิ่งไปที่ห้องแล๊ปคนเดียว
เวลา 18.10 นาที
แคทวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องแล๊ปชีววิทยา ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบเงียบมาก โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ค่ำมากทำให้ยังพอมองเห็นอะไรอยู่บ้าง
ในห้องแล๊ปชีววิทยา ด้านหน้าสุดของห้องจะเป็นโต๊ะอาจารย์ที่มีเครื่องมือการสอนต่าง ๆ อยู่ และภายในห้องนี้จะมีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวใหญ่ 6 ตัวเรียงกันแถวละ 2 ตัว เพื่อให้นักเรียนได้นั่งกันเป็นกลุ่มเวลาทำการทดลอง และถัดลงมาจากโต๊ะเรียนจะเป็นชั้นวางโหลดองสัตว์ต่าง ๆ มีทั้งหมด 3 หลัง วางเรียงซ้อนกันอยู่
แคทเข้าไปในห้องแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะของตัวเองที่อยู่ด้านหลังสุด ซึ่งภายในห้องตอนนี้มืดมาก มีแค่เพียงแสงที่เล็ดลอดเข้ามาให้ห้องทางประตูเท่านั้น ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะทำให้มองเห็นสมุดของแคทที่วางอยู่บนโต๊ะได้ เธอรีบหยิบมันขึ้นมาจากโต๊ะแล้วเดินตรงไปที่ประตูทันที
ปัง !!!!
ประตูปิดต่อหน้าต่อตาเธอทันที ด้วยความตกใจเธอจึงรีบวิ่งไปผลักประตูให้เปิดออก ไม่ว่าเธอจะใช้พละกำลังในการเปิดมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเปิดประตูออกได้
“มีใครอยู่ข้างนอกไหม เปิดประตูให้หน่อย !!”ในเมื่อเปิดประตูไม่ได้ แคทจึงเลือกที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือแทน
“ใช่โทรศัพท์ โทรบอกให้จีนกับดีมาช่วย”เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอจึงลวงกระเป๋ากระโปรงตัวเองเพื่อที่จะหยิบเอาโทรศัพท์ แต่ว่า ..
“เห้ย อยู่ไหนอะ ในกระเป๋ากระโปรงก็ไม่มี หรือว่าอยู่กระเป๋านักเรียน ในกระเป๋านักเรียนแน่ ๆ ฮือออ” แคทรู้สึกหมดหวัง เธอนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้ออกมาเสียงดังซึ่งไม่ได้ตรงกับนิสัยที่เข้มแข็งของเธอเลย
กึก กึก
มีเสียงบางอย่างดังออกมาจากชั้นวางโหลดอง แคทรีบเช็ดน้ำตาทันที แล้วมองไปตามต้นเสียง แต่ท่ามกลางห้องเรียนที่มืดอย่างนี้ แม้แต่แสงเล็ก ๆ ยังไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ ประกอบกับใจที่เริ่มอ่อนแอลงทุกที ทำให้แคทนึกถึงเรื่องเล่าสุดสยองที่ถูกเล่าสืบต่อกันมาว่า สมัยก่อนมีครูสอนชีววิทยาท่านหนึ่งได้นำเด็กทารกจากแม่ที่ตายทั้งกลมมาดองไว้ในโหลดองเพื่อใช้สอน โดยครูคนนั้นได้นำเด็กทารกมาดองไว้ในโหลดองขนาดใหญ่แล้วเก็บไว้ในห้องแล๊ปชีววิทยาแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นาน ใครก็ตามที่กลับบ้านค่ำ ๆ มืด ๆ แล้วเดินผ่านห้องแล๊ปนี้ก็ตามจะได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง หรือได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเคาะโหลแก้วอยู่บ้าง หรือถ้ามีใครอยู่ในห้องคนเดียวตอนมืด ๆ ก็จะได้เห็นเด็กทารกคลานไปมาอยู่บริเวณชั้นวางโหลดอง พอนึกเรื่องนี้ขึ้นมาแคทเลยรีบกระเสือกกระสนทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองออกจากห้องนี้ให้ได้
กึก กึก
เสียงมันดังขึ้นอีกครั้ง แคทลุกขึ้นยืน
“เอาวะ ผีก็ผีวะ แม่จะตบให้น่วมเลย” แล้วเธอก็ค่อย ๆ เดินไปยังที่มาของเสียงนั้นท่ามกลางความมืด ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกล จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนอยู่ข้างหลัง เธอเลยตัดสินใจหันกลับไปดู แต่ก็ไม่มีใครหรืออะไรเลย
แต่แล้วความรู้สึกเดิมก็กลับมา ไม่เพียงแต่ความรู้สึกที่มีคนอยู่ข้างหลัง แต่มันยังกลับมีความรู้สึกอีกว่าใครกำลังจับไหล่อยู่
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แคทหลับตาปี๋กรีดร้องและพยายามที่จะสะบัดมือปริศนานั้นออกอย่างไม่คิดชีวิต
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เจ้าของมือนั้นหัวเราะรวนด้วยความสะใจ แคทหยุดร้องทันทีและรีบลืมตามองเจ้าของมือปริศนานั้น
“ไอ้เตอร์ !!!!!!!! ไอ้บ้า เล่นอะไรเนี่ย ก็รู้ว่าฉันกลัวผีแล้วมาเล่นอะไรอย่างนี้เล่า TT”แคททั้งด่าทั้งตีเตอร์พร้อมกับร้องไห้ไปในเวลาเดียวกัน เตอร์ดึงแคทมากอดแล้วเอามือลูบหัวเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“โอเค ๆ ฉันยอมแล้ว ฉันขอโทษ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”เตอร์ยังคงกอดแคทอยู่อย่างนั้นแล้วก็ยิ้มให้กับความขี้แยของเธอ
แคทเริ่มรู้สึกตัวกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง เธอเลยรีบผลักเตอร์ออกห่าง ๆ แล้วก็รีบเช็ดน้ำตาทันที
“แล้วแกมาทำบ้าอะไรอยู่ในห้องนี้ อ่อ หรือว่าแกตั้งใจจะแกล้งขังฉันใช่ไหม รีบเปิด ๆ ประตูเดี๋ยวนี้เลย เพื่อนฉันรออยู่ จะรีบกลับบ้าน”
“พูดอะไรของเธอ ฉันมาเอาของให้ครูอรอุมา แต่หาตั้งนานแล้วก็หาไม่เจอซักทีเนี่ย ไม่รู้ว่าอยู่ไหน ว่าแต่เธอเถอะ มาทำอะไรในห้องนี้ อ่ะ ๆ หรือว่า .. เธอรู้ว่าฉันอยู่ในห้องนี้เลยจะทำเนียนแกล้งทำเป็นเปิดประตูไม่ได้ โดนผีหลอก ร้องไห้แล้วให้ฉันปลอบใช่ไหมล่ะ ” พูดจบเตอร์ก็ยิ้มแบบกรุ่มกริ่ม เมื่อนึกถึงอ้อมกอดสุดฟินเมื่อกี้นี้
“อ๊ากก คนอะไรชอบพูดเองเออเอง ไม่ได้แกล้งหรือทำเนียนอะไรทั้งนั้นอะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดประตูดูสิ”
เตอร์ไม่เชื่อที่แคทพูดเลยเดินไปเปิดประตู ไม่ว่าจะพยายามผลักดันทุบหรือถีบมากเท่าใด ก็ไม่สามารถที่จะเปิดประตูออกได้
“แล้วนายมีโทรศัพท์ไหม ลองโทรหาใครดูดิ”
“โทรศัพท์อะหรอ มี ๆ แต่แบตหมดอะ”เตอร์ไม่พูดเปล่าพร้อมกับโชว์โทรศัพท์ตัวเองให้ดู
“ในห้องก็มืดมองอะไรก็ไม่เห็น แล้วจะหาทางออกได้ยังไงละ”แคทน้ำตาเริ่มคลอเบ้า
“มันจะยากอะไรมืดก็เปิดไฟดิ” เตอร์ควานหาสวิตซ์ไฟไปตามผนังห้องแล้วก็กดปุ่มเปิดสวิตซ์ไฟ แต่ความซวยมาเยือนอีกครั้ง
“ไฟ ไม่ ติด”เตอร์พูดเบา ๆ กับแคท
“ฮือออออออออออออออออออออ ช่วยด้วยค่า มีคนติดอยู่ในนี้ !!!!!!!!!!”คราวนี้แคททั้งร้องไห้ทั้งร้องขอความช่วยเหลือ
“แคท แคท แคท !! ใจเย็น ตั้งสติหน่อย !!” เตอร์เขย่าตัวแคทเพื่อเรียกสติคืนมา แคทเงียบและพยายามจะหยุดร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำตามันกลับไหลออกมาเอง
“แคทก็รู้ใช่ไหม ว่าใคร ๆ เค้าก็ไม่อยากผ่านมาแถวนี้กัน แล้วใครที่ไหนเค้าจะมาช่วยเรา ตอนนี้เธอต้องตั้งสติให้ดีๆก่อน แล้วมาช่วยกันคิดว่าเราจะหาทางออกได้ยังไง”เตอร์มองตาแคท ทั้งสองมองตากันอย่างมีความหวัง
“หน้าต่าง เตอร์หน้าต่าง ออกทางหน้าต่างกัน” แคทไม่รอช้าเธอรีบเดินฝ่าความมืดไปทันที
แคทพยายามที่จะเปิดหน้าต่างทุกบานแต่ก็เปิดไม่ได้เลยซักบาน จะว่าง่าย ๆ เลยก็ได้ว่า ห้องนี้มันคือห้องปิดตายชั้นดีนั้นเอง แล้วเธอก็เดินกลับมาหาเตอร์ที่เดิม
ทั้งสองรู้สึกท้อและหมดหวัง สงสัยคงต้องรอให้ภารโรงมาเปิดให้ตอนเช้าแล้วล่ะ แล้วทั้งสองก็เงียบ
“ฉันกับเฟิร์นอะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” อยู่ดี ๆ เตอร์ก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“บอกทำไม ฉันไม่ได้อย่างรู้ซักหน่อย”แคทหันหน้าหนีเตอร์
“ที่เฟิร์นนั่งตักฉันวันนั้นอะ เพราะว่า........ ฉันก็แค่...... แค่... แค่อยากให้เธอหึงเฉย ๆ”เตอร์สารภาพความจริงทุกอย่าง แต่แคทก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม เตอร์เลยเลือกที่จะพูดต่อไปเรื่อย ๆ
“แล้วเรื่องที่ฉันผิดนัดเธอวันนั้นอะ ผู้หญิงคนนั้นเค้าเอาข้อความที่คุยกับเธอในไลน์มาให้ฉันดู แล้วในข้อความที่เธอคุยกับเค้าอะ เธอบอกว่าอยากเลิกกับฉัน เธอบอกว่าเบื่อฉัน ฉันโมโหมาก เลย....”
“เลยไม่ทันได้คิดว่า ฉันไม่ได้เล่นไลน์ แล้วก็ประชดฉันด้วยการไปกินข้าวกับมัน และยังทำให้ฉันต้องรอแกเป็นชั่วโมงเนี่ยนะ ” แคทพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด แคทพุ่งตรงเข้าบีบคอเตอร์ หวังทำให้ตายคามือในตอนนั้นทันที
“โอย ฉัน ขอ โทษ เป็น แฟน กัน นะ”เตอร์รวบรวมลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วพูดประโยคนี้ออกมา แต่แคทก็ไม่ได้เบามือลงเลย แล้วเธอยังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินด้วยซ้ำ
กึก กึก
มีเสียงดังออกมาจากชั้นวางโหลดองอีกแล้ว คราวนี้แคทรีบปล่อยมือออกจากคอเตอร์และกระโดดกอดเตอร์อย่างรวดเร็ว เตอร์ได้ทีเลยกอดแคทไว้แน่น แคทพยายามดิ้นหนีสุดตัว แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชาย
“ถามจริงเถอะ เธอไม่ได้รักฉันแล้วจริงหรอ”เตอร์รู้สึกเหลืออดกับแคท
“ไม่ !!”
“แต่ฉันยังรักเธออยู่นะ” เตอร์พูดแล้วยิ้มฟิน ๆ ให้กับแคท แคทรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหน้าแดง เธอจึงรีบหันหน้าหนีเตอร์ทันที
“แต่ฉันไม่ได้รักแกแล้ว ปล่อยได้แล้ว!!”
“เรากลับมาคบกันอีกครั้งไม่ได้หรอ”เตอร์ทำเป็นไม่ได้ยินคำตอบของแคทเมื่อกี้
“ไม่!!”แต่คำตอบเดิมของแคทก็ยังคงอยู่
“เล่นตัวจริง ๆ เลยนะ เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำซะหรอก ว่าไง จะคบหรือไม่คบ !!” เตอร์รู้สึกอารมณ์เสีย
“ไม่โวย ยังไงก็ม่ายยยย”แคทโวยวาย ถึงจะกลัวแค่ไหน แต่ยังไงก็ยังยืนยันคำตอบเดิม
“ได้ !! จะเล่นอย่างนี้กับพี่ใช่ไหมน้อง”
“อ๊ากก ม่ายยยย ไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้ ฉันยอมคบกับแกตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว ให้เล่นตัวหน่อยก็ไม่ได้ ฉันเป็นผู้หญิงนะย่ะ” พูดจบทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข
“กรี๊ด อ๊าก คิก คิก เฮ” มีเสียงร้องดังมาจากนอกห้อง ทั้งแคทและเตอร์มองตากันอย่างรู้ใจ เสียงด้านนอกไม่ใช่เสียงใครที่ไหนหรอก ก็เสียงเพื่อน ๆ พวกเขาเองนั้นแหละ แหม วางแผนเนียนกันจังเลยนะ
“อ๊ากก กรี๊ดดดด ช่วยด้วยยยย ผี ๆๆ ผีเด็กทารกมาคลานออกมาแล้ว ช่วยด้วยย ”อยู่ดี ๆ แคทและเตอร์ก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
“เห้ย แย่แล้วหรือว่า !!??” จีน ดี สิงโต สาม ที่แอบอยู่นอกห้องเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมา ใครมันจะไปรู้ละ ว่าตำนานผีเด็กทารกจะมีจริง ทั้งหมดจริงรีบเข้าไปช่วยเพื่อนทันที
“เพื่อนแคท เพื่อนเตอร์ เรามาช่วยแล้ว !!” ผลปรากฏว่าในห้องว่างเปล่า
กึก กึก
เสียงดังมาจากชั้นวางโหลดองอีกแล้ว ทั้ง4พากันสะดุ้งโหยง
“หรือว่ามันจะอยู่ตรงนั้นกันวะ”สามพูดแล้วก็ชี้ไปที่ชั้นวางโหลดองพรางกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ลงคอด้วยความยากลำบาก
“เอาวะ ไป เข้าไปดูกัน”สิงโตทำใจดีสู้เสือแล้วลากเพื่อน ๆ เดินไปที่ชั้นวางโหลดอง แต่เขากลับรู้สึกว่าขาของเค้าก้าวเดินไม่ได้ เหมือนมีใครกำลังจับขาไว้ เขาค่อยๆก้มลงมองที่ขาตัวเอง และเขาก็พบกับ ..
“แฮ่ !!! ”
“ว๊ากกกกกกก ผีหลอกกกกกก”สิงโตโวยวายลั่นห้อง ทำเอาแคทและเตอร์หัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ไอ้เตอร์ ยัยแคท”จีน ดี สิงโต สาม ตะโกนเรียกชื่อเพื่อนพร้อมกันด้วยความตกใจ
“เล่นอะไรกันอะ หัวใจแทบวาย”ดีบ่น
“แล้วทีพวกแกอะ ! แหม แกล้งทำเป็นรีบกลับบ้าน สมุดของฉันนี้ก็คงแอบเอาออกสินะ” แคทบ่นบ้าง
“โทษพวกเราก็ไม่ได้นะคะ ไอ้เตอร์คนวางแผนเลยค่ะ มันอะเป็นคนสั่งให้เราปิดไฟตึกนี้ทั้งตึกเลย”จีนแฉความจริง
“อ่อ อย่างนั้นเองเหรอ” แคทหันไปมองเตอร์ด้วยสายตาอาฆาต
“ก็ถ้าไม่ทำอย่างนี้ เธอจะยอมฟังฉันอธิบายดี ๆ หรอ คุยกันครั้งไหนทะเลาะกันครั้งนั้นเลยอะ ฉันเลยต้องคิดแผนนี้ไง” เตอร์ยิ้ม แคทกำลังจะอ้าปากด่าเตอร์ แต่ทว่า ...
ตึก ตึก ตึก
“เสียงใครเดินมาอะ”แคทเริ่มระแวง ทุกคนในห้องเริ่มเกาะกลุ่มกัน
เอี๊ยดดด
เสียงประตูห้องกำลังค่อย ๆ ถูกเปิดออก ทุกคนหลับตาปี๋ ….
“นี่พวกเธอ !! นี่มันทุ่มกว่าแล้วทำไมไม่กลับบ้านกันอีกห่ะ !!” ทุกคนลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบกับครูอรอุมาในโหมดโหดสุดขีด แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจเป็นไหน ๆ ซะอีกที่เป็นครูอรอุมา ทุกคนพากันหัวเราะรวนอย่างมีความสุข ซึ่งนั้นมันกลับทำให้ครูอย่างอรอุมาถึงกลับงง แต่ถึงอย่างนั้นครูอรอุมาเองก็กลับหัวเราะตามด้วยซะอย่างนั้น
แล้วทุกอย่างก็จบลงด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอย่างมีความสุข .
ผลงานอื่นๆ ของ Jane Suwanich ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Jane Suwanich
ความคิดเห็น