[Fic KNM] [Don't ask the question]
ลีโอลาผู้ใสซื่อกับคำถามที่มีอะไรถามไคซ์
ผู้เข้าชมรวม
294
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งจบ (ฮา)
ความจริงชื่อเรื่องกับเนื้อเรื่อง ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแต่อย่างใด
ไม่ต้องสงสัยหากอ่านไปแล้ว เกิดอาการอยากถามขึ้นมาว่า มันเกี่ยวอะไรกัน ? ฮ่าๆ
ก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้กับนักอ่านทุกคนด้วยนะค่ะ
และก็ สามารถวิจาร์ณ ติ-ชม อะไรต่างๆนาๆได้เลยค่ะ :D
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ยามเช้าตรู่บริเวณพระราชวังของอาณาจักรดราคอนหนึ่งในสามทวีปที่ยิ่งใหญ่นั่นช่างเงียบสงบแลดูร่มเย็นนั้นยังมีชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเงินฝึกพลังยุทธ์อยู่ท่ามกลางเหล่าต้นไม้กลางสวนสง่า ลีโอลามักจะตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรูเพื่อมาฝึกพลังยุทธ์ทุกเช้าในตอนที่ไม่มี ’ใคร ’มารบกวน ซึ่งนี่ก็ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่เขาจะได้สงบจิตสงบใจจากสิ่งรบกวนต่างๆ ในระหว่างที่เขากำลังตั้งสมาธิเพื่อถ่ายเทพลังยุทธ์อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมา ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นก็เข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ จนมาถึงข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับใช้เวทย์เคลื่อนที่ฉับพลัน ก่อนจะตะเบ้งเสียงตะโกนใส่หน้าเขาอย่างสุดเสียง
“ลี-โอ-ลา!” ชายหนุ่มผมประบ่าสีเขียวชี้ฟูราวกับทุ่งหญ้า ดวงตาสีฟ้าใสเหมือนท้องฟ้า ผู้มีตำแหน่งเป็นถึงเสนาบดีคลังแห่งอาณาจักรดราคอน ตะโกนใส่หน้า ‘ราชามังกร’ ราชาของอาณาจักรดราคอนอย่างไม่กลัวตาย ถึงแม้อีกฝ่ายมักจะไม่คิดอะไรมากก็เถอะ
“มีอะไรหรอ ไคซ์”เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“หึ ไม่มีอะไรหรอก แค่ลูกนายกับพ่อนายเล่นไปทำลายโลงศพของฟาโรห์ที่ทำขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์หายากจากพื้นแผ่นดินและมหาสมุทรทั้งสามทวีปเพราะแย่งของกิน แถมยังปฏิเสธไม่ออกเงินของตัวเอง จะให้เอาเงินในคลังไปจ่ายอย่างเดียว นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงล่ะ ลี-โอ-ลา!”เน้นเสียงหนักเพื่อให้อีกฝ่ายคิดพิจารณายอมรับว่าสิ่งนั้นเป็นความผิดของตนและต้องชดใช้
“ตัดเงินเบี้ยเลี้ยงฉันไปก็ได้”
“เงินเบี้ยเลี้ยงอันน้อยนิดของนายนั้นอ่ะนะ! โอ้ย! ฉันอยากจะบ้าตาย นี่ยังไม่รวมหนี้ที่พี่ชายนายก่อไว้อีกนะทั้งที่เซ็นหนังสือสัญญาไม่ยินยอมรับหนี้แล้วนะ ทำไมไอ้ใบท้วงหนี้มันถึงมาแทบจะทุกวันเลยห๊ะ! พี่ชายนายต้องไปทำอะไรไว้แน่!! อ่อ ใช่! ฉันเคยบอกว่าฉันจะประท้วงหยุดงาน! นายให้ฉันทำงานที่กองไว้ที่โต๊ะอย่างกับกองภูเขาทั้งที่ๆความจริงฉันควรจะนอนสบายไปทั้งชาติ แต่ไหงไอ้คนที่สบายกลับเป็นนายห๊ะ?! งานน่ะก็มาช่วยกันทำบ้างเด่ ! นายมันเปลี่ยนไป ไอ้ขี้เกียจลีโอลา!”
หลังจากพล่ามด่ายาวจบ ลีโอลาก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกอะไร นอกจากจะชูสองนิ้วขึ้นมาข้างหน้าของไคซ์
“ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้2เท่า”
“นายใช้มุกนี้ ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้วล่ะ! ต่อให้นายเรียกจอร์โนมาสวดทั้งวันทั้งคืน ฉันก็จะไม่สนใจ ฉันจะ..ฉันจะ ลา-“ พูดไม่ทันขาดคำ จอร์โนอัศวินแห่งแสงอาทิตย์ก็ปรากฏกายขึ้น ไคซ์ตอนแรกที่เห็นเขาก็แสดงท่าทีตื่นตกใจก่อนจะทำเฉยเมยไม่สนใจจอร์โน และยังคงพล่ามใส่ลีโอลา จนจอร์โนเดินเข้ามาสวดไคซ์ด้วยคำพูดเดิมๆเป็นชั่วโมง แม้ไคซ์จะบอกว่าไม่สนใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาแทบอยากจะร้องไห้ ใครใช้ให้ไอ้บ้าคุณธรรมนี่มันเอาแต่พล่ามเรื่องคุณธรรมแห่งอัศวินไม่หยุดล่ะ ฉันเป็นพ่อมดนะเฟ้ย ไม่ใช่อัศวิน!
“เฮ้อ ลีโอลา ไปช่วยฉันทำงานหน่อย”สุดท้ายเรื่องมันก็จบลงด้วยการที่ไคซ์ต้องขอให้ลีโอลาไปช่วยตนเคลียร์งานแทน ขืนเขาเรื่องมากไปมากกว่านี้ ก็ได้เจอจอร์โนสวดอีกไม่รู้จะอีกกี่พันกี่ชาติ
“อืม”
ทั้งสองเดินผ่านโถงใหญ่ไปจนถึงห้องทำงานของเสนาบดีคลังของไคซ์ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจึงพบว่า กองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะนั้นเยอะจนสูงเกือบเป็นกองภูเขาจริงๆ ไคซ์ที่ทันทีเห็นกองเอกสารนั้นก็แทบอยากจะร้องไห้คร่ำครวญลากเลือดกันเลยทีเดียว เมื่อเช้ามันไม่เห็นเยอะขนาดนี้เลยนะ! ไคซ์เดินโซซัดโซเซอย่างคนหมดแรงไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองและเริ่มดึงเจ้าปึกเอกสารกองยักษ์ออกมาอ่าน ลีโอลาที่เดินตามเข้ามาทีหลังก็ได้แต่มองกองเอกสารนั้น และพึมพำในใจว่า เขาสั่งงานเยอะเกินไปจริงๆหรือเปล่า ? เพราะงานของเขา ไคซ์ก็เป็นคนจัดการทำด้วย เนื่องจากเขาเองก็ยุ่งวุ่นวายกับการตามหาสถานที่ทำลายหัวใจราชามังกร แต่ถึงตอนนี้จะจัดการไปได้แล้ว ไคซ์ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ทำงานในส่วนของเขาอยู่ดี เขาเดินไปนั่งโต๊ะเยื้องๆกับไคซ์ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาดูบ้าง แต่ว่าพออ่านไปได้สักพัก เขาก็เริ่มตั้งคำถาม
“ไคซ์ การจัดการเงินเบี้ยเลี้ยงประจำปีของคนในอาณาจักรดราคอน มีแต่คนเรียกร้องให้เพิ่มเงิน ฉันคิดว่าน่าจะเพิ่มเงินนะ พวกเขาจะได้มีความสุข” ทันทีที่พูดจบก็โดนอีกฝ่ายถลึงตาใส่ทันที
“นายจะบ้ารึไง! แค่นี้เงินก็จะไม่พอใช้อยู่แล้ว จะเพิ่มอะไรอีกห๊ะ พวกเขาน่ะ มีความสุขแน่ แต่ฉันคงได้มีความทุกข์จนอยากจะระเบิดวัง”
ลีโอลาวางเอกสารปึกนั้นลง เขาคิดว่าเขาคงไม่เหมาะกับเรื่องการจัดการพวกนี้เท่าไหร่ เขาเลยหยิบเอกสารอีกปึกขึ้นมาดู
“ไคซ์ คือว่า..”
“เอ่อ..ไคซ์ “
“การหักลบ อันนี้คืออะไร”
“ฉันไม่เข้าใจเลย”
“นาย อธิบายหน่อยได้ไหม”
“โว้ยยยยยยยยย!!!! นายอยู่เฉยๆไปเหอะ ไม่ต้องทำมันแล้ว ขืนนายยังไม่หยุดถามไอ้คำถามพวกนั้นฉันจะฆ่านายให้ตายเลยไป๊!!!”
“ยังไงนายก็ฆ่าฉันไม่ได้” เขาไม่ได้ยกตัวเองว่าเหนือคนอื่น แต่นั้นคือความจริงที่ไคซ์ยังไงก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการเขาได้อยู่ดี แม้ฝีมือจะพัฒนาขึ้นมากแต่ก็คงยังไม่สามารถจะฆ่าเขาได้ แต่ประโยคนี้ ยิ่งทำให้ไคซ์แทบจะกระชากลิ้นชักออกมาแล้วหยิบปืนขึ้นมาจ่อกระบาลตัวเองยิงให้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ !
“โอ้ยย! ประสาทจะกินกับนาย ได้โปรดท่านลีโอลา กรุณาช่วยอยู่เฉยๆเถอะ”
“อืม”
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น ไคซ์และลีโอลาจึงเดินออกมาจากห้องทำงาน ไคซ์มีสีหน้าซีดเสียวอย่างเห็นได้ใช่ เดินเอนไปเอนมาราวกับคนเพิ่งผ่านศึกหนักมา ตรงกันข้ามกับอีกคนที่เดินสบายๆออกมา สรุปแล้ว เขาให้มันมาช่วยทำงานนะ ไม่ใช่ให้มานั่งหายใจเล่น!
“ลีโอลา” น้ำเสียงหวานใสดังมาจากด้านหลังของทั้งคู่ ซึ่งก็คือแลนสกี้และบิสลีที่พึ่งกลับมาจากการผจญภัย อีกฝ่ายตอบรับด้วยการหันไปมองแทน
“เอ่อ.. คือว่านะ เอ่อ..” บิสลีพูดติดๆขัดๆจนทำให้แลนสกี้ทนไม่ไหวจึงพูดแทนให้ แต่หลังจากนั้นก็ได้สายตาค้อนก้อนโตเป็นการตอบแทน
“คือว่านะบิสลีเขาอยากจะชวนนายไปเดทตอนเย็นนี้ ว่างไปมั้ย?”
“ได้”
“ดีเลย! งั้นไปตอนนี้เลยล่ะกัน” พูดจบแลนสกี้ก็ดันทั้งสองร่างหันเดินไปด้วยกัน ถึงเธอจะให้สองคนนั้นไปด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไร ในใจของเธอยังคงมีความเจ็บปวดที่หลงเหลือมาจากความรักที่เธอมีให้ผู้ที่เป็น’น้องชาย’ของตนเอง แต่ถึงอย่างนั้น บิสลีก็ยังชอบลีโอลาได้ มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องขัดขวางด้วยล่ะ สู้เธอสนับสนุนเพื่อนเธอยังดีเสียกว่า
ไคซ์ผู้ซึ่งถูกบุคคลทั้งสามลืมการมีตัวตน ป่านฉะนี้เขาได้มาถึงห้องอาหารเรียบร้อย และเริ่มยัดอาหารต่างๆลงไปในกระเพาะอย่างกับมีพยาธิเป็นล้านๆตัวอยู่ในท้อง จากนั้นจอร์โนก็เดินมานั่งตรงข้ามกับเขา ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาอะไรสักอย่าง
“ไคซ์ แล้วราชาจันทร์สีเงินล่ะ”
“ลีโอลาไปเดทกับบิสลีนู้น ฉันว่าป่านนี้เธอคงประสาทกินกับเจ้าลีโอลาแล้วล่ะมั้ง”
“นายต้องเรียกว่าราชาจันทร์สีเงิน ถึงนายกับราชาจันทร์สีเงินจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็ไม่ควรจะเอ่ยพระนามของท่าน นายควรมีความเคารพยำเกรงท่านในฐานะราชามังกร แล้วการวิจาร์ณธุระของผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงแค่ไหนก็ตาม เข้าใจมั้ย”
ไคซ์ที่ได้ฟังก็ทำสีหน้าเหยเก เกิดอาการกินอาหารไม่ลงทันที จะบ้ารึไง จะกินข้าวก็ต้องสวดอีก เบื่อไอ้พวกอัศวินยึดมั่นคุณธรรมจริงๆโว้ย แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายเขาก็ยังคงกินอาหารเข้าไปจนแม่ครัวของพระราชวังแทบร้องไห้อยู่ดี ป่านนี้เจ้าลีโอลาจะเป็นยังไงนะ จะเข้าใจอะไรกับเขาไหมนั่น หวังว่าคงไม่ใช่ซื่อจนทำผู้หญิงร้องไห้ หรือไม่ก็ นิ่งซะเหมือนเครื่องทำน้ำแข็งเดินได้หรอกนะ คิดไปคิดมาชักจะเครียดแทน แต่ก็นั่นไม่ใช่เรื่องของเขาจะคิดให้รกสมองทำไม
“เฮ้อ ทำไมหงุดหงิดจังแฮะ”
อีกด้านหนึ่งของภัตตาคารหรูระดับห้าดาว เป็นที่นั่งทานอาหารติดริมกระจกใสซึ่งทำให้เห็นบรรยากาศข้างนอกได้ชัดเจน ท้องนภาผืนใหญ่ที่แม้จะมืดมิดไปแล้ว แต่ยังคงมีแสดงดวงดาวทอประกายเต็มท้องฟ้า แม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านเป็นรอยแยกระหว่างสองพื้นดิน พื้นน้ำที่เคลื่อนไหวเพราะแรงลมยังคงสะท้อนเงาภาพของดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่ยังคงสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าได้อยู่ดี บรรยากาศแบบนี้พาให้บุคคลทั้งหลายหลงใหลไปกับมัน ถึงแม้จะมีกระจกกั้นแต่ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในนั้น สำหรับคู่รักแล้วมันเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมาก แต่คำๆนี้คงใช้ไม่ได้กับลีโอลา เพราะเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยสักนิด จะว่าไปร้านนี้วิวสวยดี
“ลีโอลา นายจะกินอะไร”
“อะไรก็ได้”
“งั้นเอา##$%#$%” บทสนาทนาที่ช่างสั้นแสนสั้น แต่ก็ทำให้บิสลีมีความสุขได้ แม้จะเป็นเรื่องแค่นี้ แค่ได้มองหน้า ได้อยู่ใกล้ๆ ได้พูดคุย ก็มีความสุขแค่ไหนแล้ว
เวลาล่วงเลยไปได้ไม่นาน บิสลีซึ่งเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบจนเกินไป จึงถามขึ้นมา
“นายไม่ชอบหรอ”
“เปล่า”
“อืม หรอ งั้นนายอยากทำอะไรระหว่างนี้รึเปล่า”
“ยังไงก็ได้”
“งั้นมาเล่นเกมจ้องตากัน”
“เกมจ้องตา?”
“เป็นเกมที่ต้องจ้องตากัน ห้ามกระพริบตา ใครกระพริบตาก่อน คนนั้นแพ้ แล้วผู้แพ้ก็ต้องได้รับบทลงโทษ โดยผู้ชนะจะเป็นฝ่ายกำหนด”บิสลีอธิบายทุกอย่างเสร็จสรรพ ลีโอลาพยักหน้าอย่างเข้าใจกับวิธีการเล่นเกมนี้
“เริ่มล่ะนะ”บิสลีเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอหรี่ตาลงเพื่อที่จะได้จ้องอีกฝ่ายได้นานๆ
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจที่เต้นรัว เลือดที่สูบฉีดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ นี่คืออาการที่บิสลีประสบอยู่ตรงนี้ยิ่งจ้องนานเท่าไหร่ ยิ่งรู้ว่าคนตรงหน้าน่าหลงใหลเพียงใด จนลีโอลากระพริบตา เกมจึงจบลง ไม่งั้นบิสลีคงได้หลงรักอีกฝ่ายจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่ๆ บิสลียิ้มอย่างปราชัยที่ตนเป็นผู้ชนะก่อนจะผู้กับอีกฝ่ายว่า
“ฮ่าๆ นายแพ้เพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ฮ่าๆๆ เอาเหอะๆ เอาเป็นว่านายต้องรับบทลงโทษ” ลีโอลาที่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนบทลงโทษอะไรนั่นเขายิ่งไม่ใส่ใจเลยมากกว่า เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่เล่นถึงเอาชีวิตกันแน่นอน บิสลีนิ่งไปครู่นิ่งก่อนจะยืนขึ้นและโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกฝ่ายช้าๆ เรื่อยๆ จนริมฝีปากของทั้งคู่แตะกัน บิสลีที่รับรู้ได้ถึงการสัมผัสก็รีบเด้งตัวออกจากอีกฝ่ายทันทีก่อนจะก้มงุดแทบจะมุดโต๊ะก็ว่าได้ ส่วนลีโอลาก็ได้แต่นั่งนิ่งแบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เขามีข้อสงสัยซะแล้วแฮะ ไว้กลับไปถึงวังค่อยถามไคซ์เอาล่ะกัน
เวลาผ่านไปไม่นานนัก อาหารที่ถูกสั่งไปก็ได้มาวางอยู่บนโต๊ะของทั้งคู่ การเดท(?)ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
บริเวณหน้าห้องของเสนาบดีคลังได้มีชายหนุ่มผมยาวสีดำเงาเป็นประกาย ดวงตาสีเงินสวยงามเด่นชัด ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชา แต่ก็ทำให้สาวๆหลายคนใจละลายมาแล้วยืนอยู่ และกำลังทำสีหน้าลังเลอย่างหาได้ยาก จนในที่สุดก็ตัดสินใจเคาะประตู
ก๊อกๆ
สิ่งที่ได้รับตอบมาคือความเงียบ โดยไม่มีท่าทีว่าคนอีกฝากหนี่งของประตูจะได้ยิน เขาจึงลองเคาะประตูเรียกอีกครั้ง
ก๊อกๆ
ก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ลีโอลาเลยเพิ่มแรงและรอบของการเคาะลงไป
ก๊อกๆ ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“มีอะไร?!” ประตูที่เคยปิดอยู่ถูกกระชากออกมาอย่างรุนแรง ไคซ์โผล่หน้าออกมาพร้อมถามเสียงดังด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดขีด
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“นายจะมาถามอะไรตอนดึกๆดื่นๆเนี่ยนะ! จะบ้ารึไง คนจะหลับจะนอน งานก็เต็มโต๊ะพรุ่งนี้ฉันต้องเคลียร์งานอีก มีอะไรก็ว่ามาเร็วๆ”
“เล่นเกมจ้องตาแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย”
“ห๊ะ?”
“เล่นเกมจ้องตาแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย” ลีโอลาถามซ้ำคำเดิม แต่อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจสุดขีด ไอ้บ้านี่มันมาถามคำถามบ้าอะไรของมันอีกว่ะนี่
“ไม่รู้! แต่ถ้าให้เดาถ้านายไปเล่นกับผู้หญิงมา อีกฝ่ายคงหน้าแดงเพราะหลงนายล่ะมั้ง มีแค่นี้ใช่มั้ย? จะไปนอนแล้ว!!!” ว่าจบไคซ์กระแทกประตูใส่อีกฝ่ายอย่างไม่สนใจ แต่ถึงอย่างนั้น ลีโอลาก็ยังมีคำถามอีก จึงเคาะประตูเรียกอีกครั้ง ไคซ์เดินมาเปิดประตูด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนจะพูดประชด
“เออ! มีปัญหานักก็ถามมันทั้งคืนเลย ไม่นงไม่นอนมันแล้ว จะยืนบื้ออะไรอยู่หน้าห้อง! บอกไว้ก่อนนะฉันไม่ยืนตอบคำถามนายแน่!!!”ลีโอลาปิดประตูเบาๆหลังจากเดินเข้ามา เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างดี ส่วนไคซ์ก็นั่งลงบนเตียงนอนสีขาวใหญ่ของตนเยื้องๆกับเขา
“มีอะไรก็ว่ามา ฮ้าววว~”
“ทำไมเล่นเกมจ้องตา ถึงหลงได้ด้วย?”
“ก็เพราะหน้าอันหล่อเหลาของนายมันดึงดูดให้คนหลงไงล่ะ!”
“หลงแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย ฉันเห็นบิสลีหน้าแดงตลอดเลย”
“ก็เพราะเธอชอบนายไง ไอ้โง่ลีโอลา!”
“อื้ม”
“หมดคำถามสักที”
“ไคซ์มาเล่นเกมจ้องตากัน”
“ห๊ะ?! อะไรนะ”
“เกมจ้องตา”
“เล่นทำไมคนจะหลับจะนอน อย่างมาขัดขวางเวลานะ.” พูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ยื่นข้อเสนอให้
“เพิ่มเงินเดือนสามเท่า”
“โอเค จะเล่นจ้องตาทั้งคืนก็เอาว่ะ!”ไคซ์ที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเงินก็ตาเป็นประกายแวววับทันทีทันใด สลัดความง่วงทิ้งไปได้เลย
“เอาล่ะนะ 1 2 3” พอไคซ์นับเสร็จ ทั้งคู่ก็จ้องตากัน ไคซ์ที่พยายามเบิ้งตาให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนลีโอลาก็ยังคงทำสีหน้าเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลีโอลามองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลใสที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ตลอดเวลาดังเช่นแสดงนิสัยเจ้าของของมันได้เป็นอย่างดี ช่างเป็นสีดวงตาที่สวยจริงๆ แวบแรกที่เขาเจอกับไคซ์เขาก็คิดว่าต้องเป็นเด็กที่น่ารักใสๆนิสัยสมกับใบหน้า แต่พอจริงๆแล้วไคซ์เป็นคนที่ทั้งฉลาด เจ้าเล่ห์ ไม่เหมือนกับลักษณะภายนอกเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเขา ไคซ์ก็ยังคงน่ารักอยู่ดี หรือแม้กระทั่งตอนนี้ ที่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มทำท่าแปลกๆ อยู่ๆก็เริ่มหน้าแดงเหมือนบิสลี
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงที่ดังออกมาภายในห้องที่เงียบสนิทนั้น ลีโอลาได้ยินเป็นอย่างดี เสียงนี้ไม่ได้มาจากเขา แต่มาจากอีกฝ่ายตรงหน้าเขา เขายังคงเล่นเกมจ้องตากับอีกฝ่ายอยู่เหมือนเดิม ในขณะเดียวกันไคซ์ก็ยังคงเล่นเกมอยู่ แต่ใบหน้าใสกลับขึ้นสีแดงระเรื่อชวนให้ยิ่งมองเข้าไปใหญ่ เสียงนั้นยังคงดังขึ้นอีกแต่คราวนี้ไม่ใช่จากอีกฝ่าย แต่เป็นจากตัวเขาเอง เขาเอามือไปกุมไว้บริเวณที่ส่งเสียงออกมา ทำไมมันถึงเต้นเร็วจัง เลือดก็ไหลสูบฉีดเร็วไปหมด คงไม่ใช่ใครมาร่ายคำสาปใส่เขาหรอกนะ จนสุดท้ายไคซ์ก็เป็นฝ่ายแพ้ เขาจึงต้องลงโทษไคซ์ เพราะตามเกมแล้ว ไคซ์ต้องได้รับบทลงโทษ
“เออ ตามสบายเลย ชิ! ห้ามหักเงินเดือนนะ!!!!”
“อื้ม”
ลีโอลาลุกจาเก้าอี้มายืนอยู่ข้างๆเตียงของไคซ์ เขาจับให้อีกฝ่ายหันมาหาตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวไปใกล้ๆอีกฝ่าย ช้าๆ จนใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงห้าเซนต์ ดวงตาของทั้งคู่จ้องกันราวกับจะสื่อความหมายอะไรให้แก่กัน ใบหน้าที่แดงระเรื่อของไคซ์ทำให้เขาช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน ริมฝีปากของทั้งคู่ประทับเข้าหากัน ราวกับมีแรงดึงดูดให้ทั้งสองอยู่ติดกัน ต่างฝ่ายต่างหลับตาลง เวลาผ่านไปสักพักทั้งคู่ถึงแยกออกจากกัน ไคซ์ตอนนี้มีสีหน้าแดงจนไม่รู้จะว่ายัง เขาจึงต้องก้มหน้าหลบสายตาของอีกฝ่าย ส่วนลีโอลาก็ได้ยินเสียงแปลกๆนั้นดังอีกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับดังกระหึ่มยิ่งกว่าโอเปร่าเสียอีก
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
“นะ..นาย! ลีโอลา!!!! บทลงโทษนี้ ! มันแย่ยิ่งกว่าหักเงินเดือนซะอีก แต่ว่า ก็ ไม่ได้แย่มากอ่ะนะ!!” ไคซ์พูดทั้งที่ยังก้มหน้าหนำซ้ำยังหน้าแดง แล้วก็ยังไม่มองหน้าอีกฝ่ายด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกว่าไคซ์ไม่ได้รู้สึกแย่ตามที่พูดสักนิด ส่วนตัวเขา เขากลับรู้สึกดีจนไม่สามารถหาคำบรรยายได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกดีขนาดนี้ก็ไม่รู้ เวลาที่ได้เห็นใบหน้าที่เขินอายของไคซ์ มันช่างน่ามองยิ่งกว่าอะไรซะอีก
“หึ”
“หัวเราะอะไรนะ! เจ้าบ้าลีโอลา!”
ตึกตัก ตึกตัก
ถึงเขาจะยังไม่เข้าใจอะไรมากมาย แถมเสียงที่ดังนั้นก็ยังคงดังต่อเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตอนนี้เขาคิดว่า เขาคงโดนคำสาปเข้าจริงๆ ‘ คำสาปของการตกหลุมรัก’ ยังไงล่ะ
PS..ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่อ่านจบมาถึงจุดนี้ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ :D
PS.2 มีอะไรผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ
PS.3 ความจริงคือ มันยังมีภาคต่อ(ซึ่งคนแต่งคนยังดองเค็มมันไว้) แล้วก็ไม่มั่นใจว่ายังจะมีใครอ่านต่อ ฮ่าๆ
ผลงานอื่นๆ ของ theblueheart ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ theblueheart
ความคิดเห็น