The Magician
It's your choice.
ผู้เข้าชมรวม
277
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อนุบาล
เด็กชายร่างเล็กผมสีน้ำตาลอ่อน ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังรายล้อมกันรอบขอบเวทีที่กำลังมีการแสดงน่าตื่นตาตื่นใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสแจ๋วรับกับสีผมมองตรงไปยังคนบนเวที
ซ่า
ชายหนุ่มรูปร่างสูงยาวในชุดเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มมีลวดลายปักด้วยทองราวกับอักขระเวทย์มนตร์ ชูคทาในมือขึ้นอย่างสง่างาม พลันสายน้ำก็พวยพุ่งออกมาจากลูกแก้วกลมมนที่หัวคทาขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะค่อย ๆ จับตัวเป็นหิมะแล้วค่อย ๆ ตกลงบนพื้นเวทีอย่างสวยงาม
แปะ! ๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นจากฝูงชนที่รายล้อม ชายหนุ่มโค้งตัวลงรับเสียงปรบมือ ชายผ้าคลุมตัวสวยสะบัดพลิ้วไหวราวกับโค้งคลื่น แสงสีแดงสดสว่างวาบขึ้นที่หัวคทา พลันหิมะขาวบนพื้นเวทีก็เดือดพล่าน แปรเปลี่ยนจากของแข็งเป็นก๊าซในชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่ควันสีขาวโพลนจะค่อย ๆ ลอยขึ้นเหนือเวทีเกือบสามเมตร แล้วสายฝนก็ตกซ่าลงมาจากควันขาว ๆ ที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ คายประจุส่งประกายแสงสีเหลืองวาบ ๆ ให้แก่กัน และในที่สุด
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางเวที ชายหนุ่มเหวี่ยงคทาขึ้นไปทะลุหมอกเหนือศีรษะ ควันขาวถูกดูดซับเข้ามาในคทาจนหมด ก่อนที่จะชี้ปลายคทาลงพื้น ณ จุดที่สายฟ้าฟาดลงมา ลูกแก้วที่หัวคทาทอประกายแสงสีเขียวสว่างไสวสบายตา แล้วต้นไม้ต้นหนึ่งก็โผล่พรวดขึ้นมา เริ่มจากต้นเล็ก ๆ แล้วก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ราวกับได้ดูวิดีโอที่เร่งเวลา ก่อนจะแตกกิ่งก้านสาขาเป็นต้นไม้ใหญ่ออกดอกออกผลแผ่ร่มเงาให้กับเวที ฝูงชนโดยรอบอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ก่อนจะปรบมืออีกครั้งแสดงความประทับใจ ชายหนุ่มก้าวเดินอย่างสง่างามออกมาหน้าเวที เอื้อมมือข้างที่ว่างขึ้นไปเด็ดผลไม้สีแดงหน้าตาน่ากินผลหนึ่งจากต้นไม้ที่เพิ่งเสกขึ้น แล้วก้มตัวลงยื่นให้หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ขอบเวที
“สำหรับคุณครับ” เขายิ้ม
“ขอบคุณค่ะ”
แล้วการแสดงก็จบลง ชายหนุ่มโค้งคำนับรับเสียงปรบมือจากผู้ชมอีกครั้ง แล้วผู้คนที่รายล้อมค่อย ๆ ทยอยกันแยกย้ายกันออกไปเพื่อไปดูการแสดงที่ซุ้มอื่น ๆ ต่อ
“เป็นยังไงบ้างค็อด นี่แหละจ่ะนักเวทย์ น่าสนใจมั๊ยลูก” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างกายหนุ่มน้อย เด็กชายเหลือบตาขึ้นมอง สายตาทอประกายแปลกประหลาด
“ครับแม่” เด็กชายตอบเบา ๆ
ประถม
“ข้านำทัพปกป้องเมืองนี้ พวกศัตรูอย่างแกจงตายซะ” เด็กหัวโจกคนหนึ่งตะโกนลั่น ก่อนที่กลุ่มเด็กประถมสองกลุ่มจะวิ่งเฮเข้าหากัน ในมือถือดาบพลาสติกกวัดแกว่งไปทั่ว โดนพวกเดียวกันเองบ้าง โดนอีกฝ่ายบ้าง ไม่นานนักทั้งสองฝ่ายก็หมดแรงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของผู้เล่นทั้งสองฝ่าย
“โตขึ้นพวกนายอยากเป็นอะไรกัน” เด็กหัวโจกถามขึ้น
“ข้าอยากเป็นนักดาบ” เด็กคนข้าง ๆ ยกมือตอบ
“ข้าก็อยากเป็นนักดาบ” เด็กอีกคนชูมือเห็นด้วย
“ข้าก็อยากเป็นนักดาบ” เด็กคนข้าง ๆ พยักหน้า
“ข้าก็อยากเป็นนักดาบเหมือนกัน” เด็กชายผมสีน้ำตาลยกดาบในมือขึ้นชูอย่างมีความสุข นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายประกายเริงร่า
“ดี!” เด็กหัวโจกกระชับดาบพลาสติกในมือแล้วลุกขึ้นยืน “งั้นโตขึ้น พวกเรามาเป็นนักดาบด้วยกันนะ”
“เฮ้!” เด็ก ๆ ทั้งกลุ่มส่งเสียงเฮกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเริ่มวิ่งเข้าหา เอาดาบฟาดฟันกันอีกครั้ง
“ค็อด มัวแต่เล่นอะไรอยู่น่ะ กลับบ้านได้แล้วนะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะค่อย ๆ ลดดาบลงแล้วเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับแม่” เด็กชายยิ้มแหะ ๆ กลบเกลื่อน แล้วหันไปโบกมือลาเพื่อน ๆ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาเล่นกันอีกนะ” ใครคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยชวน
“คงไม่ได้หรอกจ่ะ พรุ่งนี้ค็อดมีเรียนพิเศษเวทมนตร์พื้นฐานน่ะ” แม่เด็กชายยิ้มให้กลุ่มเด็ก ๆ ก่อนจะจูงมือพาลูกชายกลับบ้าน
มัธยมต้น
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว เด็กชายผมสีน้ำตาลเริ่มเติบโตเป็นเด็กหนุ่ม ค็อดก้าวลงจากรถม้ารับจ้างลงที่หน้าบ้านของเขาเอง เขายกมือขึ้นเคาะประตูบ้าน
“กลับมาแล้วครับ” ค็อดร้องบอกแม่
ไม่นานนัก แม่ของเขาก็ออกมาเปิดประตูให้พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นยังไงบ้างลูก เรียนพิเศษเหนื่อยมั๊ย”
“นิดหน่อยน่ะครับแม่” หนุ่มน้อยเดินเข้าประตูไปเช็ดเท้าที่พรมเช็ดเท้าหน้าบ้าน
“วันนี้ทางโรงเรียนส่งผลสอบมาให้ ลูกได้ที่หนึ่งของห้องอีกแล้ว” แม่ของเขาเอ่ยชมน้ำเสียงสดใส “ลูกอยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าจ๊ะ”
“ไม่มีหรอกครับแม่” ค็อดยิ้มตอบขณะสาวเท้าขึ้นบันไดตรงไปยังห้องของเข้าได้ไม่กี่ขั้น
“จ่ะ ถ้าคิดได้เมื่อไหร่ก็บอกนะ”
ค็อดหยุดเท้าตัวเองที่ขั้นที่สาม
“แม่ครับ ผมอยากเป็นนักดาบ ”
“จ้า ๆ” แม่ยิ้มให้เขาอีกครั้ง “ไว้โตขึ้นแล้วค่อยคิดก็ยังไม่สายนะจ๊ะ”
ค็อดพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินช้า ๆ ขึ้นไปยังห้องของเขาที่ชั้นบน หน้าประตู มีโล่ของเล่นหนึ่งอันกับดาบสองเล่มไขว้กันแปะไว้ในระดับสายตา
เด็กชายยืนมองมันสักพักก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไปในห้อง นอกจากโต๊ะของเขาที่วางอยู่กลางห้องแล้ว ของเล่นที่วางอยู่รอบ ๆ ล้วนเป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับนักดาบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ดาบของเล่น โล่ของเล่น ชุดเกราะสำหรับเด็กที่ตอนนี้เขาใส่ไม่ได้แล้ว และโปสเตอร์รูปตราประจำตัวของอัศวินแปะอยู่เหนือโต๊ะทำงานของเขา
ค็อดเอื้อมมือออกไปลูบดาบพลาสติกอันเล็ก ๆ ที่เคยใช้มันฟันเล่นกับเพื่อน ๆ สมัยอนุบาล ตอนนี้เขาอยู่คนละโรงเรียนกับเพื่อน ๆ เหล่านั้นแล้ว เขาอยู่ในโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศของชั้นมัธยมต้น และกำลังติวเข้มเพื่อเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนชั้นมัธยมปลายที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน
เด็กชายถอนหายใจเบา ๆ
มัธยมปลาย
“เธอ ๆ มหาลัยเธอจะเข้าคณะอะไรเหรอ” เด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งข้าง ๆ เขาเอ่ยถาม
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดเลย” หนุ่มน้อยผมสีน้ำตาลที่บัดนี้กลายเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัวตอบ ในมือหมุนดินสอที่วางอยู่บนตำราเล่มโตตรงหน้า
“แล้วเธอล่ะ” เขาถามกลับ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันว่าเป็นนักเวทย์ก็ดีนะ ไหน ๆ ก็เรียนจนมาถึงขนาดนี้แล้ว” เด็กสาวตอบ “นักเวทย์น่ะไม่ได้เป็นกันได้ง่าย ๆ นะ คนที่คุณสมบัติถึงน่ะมีแค่ไม่กี่คน อีกทั้งปีนึงก็ยังรับแค่หยิบมือเดียว บ้านไหนที่มีนักเวทย์อยู่ในบ้านนะ นับเป็นเกียรติแก่วงตระกูลมาก ๆ เลย”
“นั่นสินะ” ค็อดพยักหน้าเห็นด้วย ดินสอขีด ๆ เขียน ๆ กระดาษเปล่าตรงหน้าเป็นรูปดาบสั้น
“เราว่าเธอน่ะ เหมาะเป็นนักเวทย์นะ” เด็กสาวยิ้มให้เขา พลางเอียงหน้ามาหา
“ตรงไหน” เขาเลิกคิ้ว
“ก็เธอน่ะ เรียนก็เก่ง หัวก็ดี แถมหน้าตายังให้เป็นนักเวทย์อีกตะหาก”
“หน้าตาให้เป็นนักเวทย์นี่มันเป็นยังไงกันฮะ” ค็อดหัวเราะ
“ก็ไม่รู้สิ ดูดีมีความรู้มั๊ง” เด็กสาวตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ
“ที่จริงเราก็อยากเป็นนักดาบอยู่นะ” ชายหนุ่มสางผมสีน้ำตาลเข้มของเขาเล่น
“นักดาบเหรอ” หญิงสาวทวน “จริง ๆ ก็น่าสนใจอยู่นะ” เธอเปรย
“แต่เดี๋ยวนี้น่ะสำนักดาบมันมีเยอะ จบมาก็ไม่รู้จะหางานทำได้รึเปล่า ต่อให้หางานทำได้ก็ต้องหมั่นฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา ถ้าแรงหมดเมื่อไหร่ก็ถูกบีบให้ออก เพื่อจ้างนักดาบรุ่นใหม่ ๆ ไฟแรงเข้ามาทำงานแทน”
“นั่นสินะ” เขาแอบถอนหายใจเบา ๆ
“นักเวทย์น่ะ มั่นคงกว่าเยอะ ถึงจะต้องทำงานหนัก เที่ยวไปนู่นไปนี่บ่อยหน่อย แต่ก็สามารถทำได้ไปจนแก่ รายได้ก็ดี ผู้คนนับหน้าถือตา ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเคารพนะ” เด็กสาวเอ่ยต่อ
“แล้วเธอ สมัครอะไรไว้บ้างล่ะ” ชายหนุ่มถาม
“ก็แม่เราให้สมัครเผื่อ ๆ ไว้อะนะ ก็มีทั้งนักเวทย์ นักบวช นักดาบ แล้วก็รับตรงที่อื่น ๆ บางที่น่ะจ่ะ” เธอตอบพลางยกนิ้วมือขึ้นมานับ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามกลับ “แล้วเธอล่ะ”
เขายิ้มมุมปาก
“เหมือนกัน”
ใกล้สอบ
“แม่ครับ” ค็อดเรียกขณะนั่งรถม้ากลับบ้าน
“อะไรหรือจ๊ะ” แม่หันกลับมาถาม
“ผมอยากเป็นนักดาบครับ” เขาบอกสายตาเงยขึ้นประสานกับมารดา
“แต่ ”
“ผมทราบครับแม่” เด็กชายยิ้มน้อย ๆ “แม่บอกผมมาหลายครั้งแล้วครับ”
แม่ของเขาเงียบไปพักหนึ่ง
“แม่ครับ วันนี้มีสำนักดาบจากต่างประเทศมาที่โรงเรียนครับ” ค็อดเอ่ยขึ้นเบา ๆ “เป็นสำนักดาบที่ชื่อดังที่สุดในโลกเลยนะครับ”
แม่ของเขาพยักหน้ารับ
“เขามาประกาศให้ไปสอบชิงทุนเรียนที่สำนักดาบของเขา” เด็กชายเอ่ยต่อ “ถ้าจบจากที่นี่รับรองได้ครับ อาชีพมั่นคง ไม่ตกงาน แถมดีไม่ดีจะมีรายได้มากกว่านักเวทย์ซะอีกนะครับ”
“จ่ะ” แม่เขาตอบสั้น ๆ
“แต่ว่าข้อสอบยากมากเลยครับ ดีไม่ดีจะยากกว่าสอบเข้าเป็นนักเวทย์เสียอีก คนชิงกันสอบเข้าก็มากมาย” เขาพูดเรื่อย ๆ
แม่เขายิ้ม “แม่ก็เคยได้ยินชื่อสำนักดาบแห่งนี้มาเหมือนกัน ความจริงก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งนะแม่ว่า แล้วลูกสมัครไปหรือยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ” ค็อดยิ้มกว้าง “แม่ครับ ถ้าผมสอบเข้าที่นี่ได้ แม่ให้ผมเป็นนักดาบนะครับ”
“จ่ะ” แม่ตอบแล้วดึงเขาเข้าไปกอด “แต่ลูกต้องสอบนักเวทย์ให้ได้ด้วยนะ”
ค็อดเงียบไม่ตอบ
“แค่สอบให้ได้ก็พอจ่ะ” แม่เขาเสริมเบา ๆ
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ
ประกาศผล
แม่ของค็อดนั่งสนทนากับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องรับแขก
“นี่นะคะ ลูกคนที่สามของฉันเนี่ยก็ได้เป็นนักเวทย์อีกแล้วค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นคุยอย่างร่าเริง “บ้านของเราเนี่ยมีนักเวทย์เยอะจังเลยนะคะ โฮะ ๆๆ ได้ข่าวว่าค็อดก็สอบเหมือนกัน รู้ผลยังคะเนี่ย เพิ่งประกาศเมื่อวานนี้เอง”
“รู้แล้วค่ะ ค็อดเองก็ได้นักเวทย์เหมือนกัน” แม่ของเขายิ้มตอบ
“ดีใจด้วยนะคะ” ผู้หญิงอีกคนจับมือแม่ค็อดเขย่าอย่างยินดี “เห็นว่าเพื่อน ๆ ของค็อดก็ได้นักเวทย์กันหมดเลย ก็ดีแล้วนะคะ จะได้ไปเรียนต่อด้วยกัน”
“ค่ะ” แม่ค็อดพยักหน้า
กึก ๆๆ
ค็อดก้าวลงมาตามบันไดบ้าน
“จะไปไหนจ๊ะลูก”
“ไปดูประกาศชิงทุนนักดาบครับ” เด็กชายตอบ ผมสีน้ำตาลเข้มฟูกระเซิงแสดงให้เห็นถึงความเร่งรีบ
“จ่ะ รีบไปรีบกลับนะ”
“ครับ” ค็อดวิ่งไปถึงประตูแล้วตอนที่หันกลับมาตอบ เขายิ้มทักทายป้าของเขาซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งคุยกับแม่เขาอยู่เล็กน้อยก่อนจะรีบรุดออกจากบ้านไป
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมาเขาก็วิ่งกระหืดกระหอบมาถึงบอร์ดที่โรงเรียนที่มีคนมุงแน่น ค็อดอาศัยความสามารถส่วนตัวสอดแทรกตัวเองเข้าไปท่ามกลางฝูงชนจนได้ เด็กชายรีบไล่สายตามองรายชื่อหาตัว ‘ค’ อย่างรวดเร็ว
ตึก ๆๆๆ
เขาเชื่อว่าเขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น และแล้วเขาก็เห็นมัน ชื่อของเขาอยู่ตรงนั้นเอง ผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ ค็อดยิ้มกว้างอย่างมีความสุขก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ในที่สุดความฝันตั้งแต่วันเด็กของเขาก็จะเป็นความจริงแล้ว
น้ำตาหยดใส ๆ ค่อย ๆ ไหลออกมาโดยเจ้าของไม่ทันรู้ตัว
สุดท้าย
วันเปิดเรียน
“หวัดดีจ่ะ ค็อด” เพื่อนสาวคนเดิมของเขาร้องทักก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้ามาหาท่ามกลางนักเรียนมากมายที่กำลังเดินเข้ารั้วมหาลัยในตอนเช้าเปิดเรียนวันแรก
เขายิ้มตอบ
“เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ หน้าหน้าตาเหมือนไม่ค่อยสบายเลยนะ”
“ไม่มีอะไรหรอก” เด็กชายตอบสั้น ๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลสดใสคู่เดิมทอประกายล้อแสงแดด
“งั้นไปเรียนกันเถอะจ่ะ เพื่อน ๆ ก็มากันครบแล้วนะ” เด็กสาวชวนก่อนจะคว้ามือค็อดให้ออกก้าวเดินตามกลุ่มเพื่อนไป
เขายิ้มน้อย ๆ อีกครั้ง กระชับไม้เท้าหัวลูกแก้วในมือแล้วออกเดินตามเพื่อน ๆ ของเขาไป
ผลงานอื่นๆ ของ Tsofinity ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Tsofinity
"สุดยอด >.,"
(แจ้งลบ)แรกๆอ่านดูแล้วอาจจะเข้าว่าเป็นแนวแฟนตาซี แต่จริงๆให้ข้อคิดดีมาก ^^ สุดยอดไปเลยอ่ะ โดนใจจังๆเลย(มันคือ วิศวะ กับ ทันตะ ใช่ป่าว??) 55+ จริงๆเราก็เคยคุยกับแม่เรื่องอักษรนะ แต่แผนการล้มพับอย่างรวดเร็ว --" (จริงๆวิจารณ์จบนานแล้ว แต่มันให้เขียนอย่างน้อย300 ตัวอักษรอ่ะ ไม่รู้จะอะไรกับเรานักหนา 55+) เล่าต่อละกัน -- ตอนนั้นแม่ถามว่า "อยากเข้าอะไร" เราตอบว่ ... อ่านเพิ่มเติม
แรกๆอ่านดูแล้วอาจจะเข้าว่าเป็นแนวแฟนตาซี แต่จริงๆให้ข้อคิดดีมาก ^^ สุดยอดไปเลยอ่ะ โดนใจจังๆเลย(มันคือ วิศวะ กับ ทันตะ ใช่ป่าว??) 55+ จริงๆเราก็เคยคุยกับแม่เรื่องอักษรนะ แต่แผนการล้มพับอย่างรวดเร็ว --" (จริงๆวิจารณ์จบนานแล้ว แต่มันให้เขียนอย่างน้อย300 ตัวอักษรอ่ะ ไม่รู้จะอะไรกับเรานักหนา 55+) เล่าต่อละกัน -- ตอนนั้นแม่ถามว่า "อยากเข้าอะไร" เราตอบว่า "อักษรมั๊ง" แม่บอกว่า "ทำไม"(บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป) เราก็ตอบว่า "ก็ชอบเขียนหนังสือ" แม่บอกว่า "เป็นหมอก็เขียนหนังสือได้" แล้วไหนบอกว่าอยากเข้าอะไรก็ตามใจลูกไงฟะ --? อ่านน้อยลง
faithty | 25 พ.ย. 54
0
0
"สุดยอด >.,"
(แจ้งลบ)แรกๆอ่านดูแล้วอาจจะเข้าว่าเป็นแนวแฟนตาซี แต่จริงๆให้ข้อคิดดีมาก ^^ สุดยอดไปเลยอ่ะ โดนใจจังๆเลย(มันคือ วิศวะ กับ ทันตะ ใช่ป่าว??) 55+ จริงๆเราก็เคยคุยกับแม่เรื่องอักษรนะ แต่แผนการล้มพับอย่างรวดเร็ว --" (จริงๆวิจารณ์จบนานแล้ว แต่มันให้เขียนอย่างน้อย300 ตัวอักษรอ่ะ ไม่รู้จะอะไรกับเรานักหนา 55+) เล่าต่อละกัน -- ตอนนั้นแม่ถามว่า "อยากเข้าอะไร" เราตอบว่ ... อ่านเพิ่มเติม
แรกๆอ่านดูแล้วอาจจะเข้าว่าเป็นแนวแฟนตาซี แต่จริงๆให้ข้อคิดดีมาก ^^ สุดยอดไปเลยอ่ะ โดนใจจังๆเลย(มันคือ วิศวะ กับ ทันตะ ใช่ป่าว??) 55+ จริงๆเราก็เคยคุยกับแม่เรื่องอักษรนะ แต่แผนการล้มพับอย่างรวดเร็ว --" (จริงๆวิจารณ์จบนานแล้ว แต่มันให้เขียนอย่างน้อย300 ตัวอักษรอ่ะ ไม่รู้จะอะไรกับเรานักหนา 55+) เล่าต่อละกัน -- ตอนนั้นแม่ถามว่า "อยากเข้าอะไร" เราตอบว่า "อักษรมั๊ง" แม่บอกว่า "ทำไม"(บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป) เราก็ตอบว่า "ก็ชอบเขียนหนังสือ" แม่บอกว่า "เป็นหมอก็เขียนหนังสือได้" แล้วไหนบอกว่าอยากเข้าอะไรก็ตามใจลูกไงฟะ --? อ่านน้อยลง
faithty | 25 พ.ย. 54
0
0
ความคิดเห็น