[ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ]ตอนเด็กใบ้ - [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ]ตอนเด็กใบ้ นิยาย [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ]ตอนเด็กใบ้ : Dek-D.com - Writer

    [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ]ตอนเด็กใบ้

    นิยายกึ่งนิทาน-เด็กใบ้...กับความรักอันเป็นนิรัน...เธอยังยิ้มได้แม้ถูกรังเกรียด...เด็กน้อยผู้น่าสงสาร กับ รักอันเป็นนิรัน...ยิ่งของเขาและเธอ \'เด็กใบ้\'

    ผู้เข้าชมรวม

    928

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    928

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.ค. 48 / 11:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      uP tO`u ขอเสนอเรื่อง
      [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ] ตอน เด็กใบ้

          ใครเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้บ้าง ‘เด็กใบ้’ รู้มั้ยฉันชอบนิทานเรื่องนี้มากเลยน่ะ พ่อของฉันมักจะเล่าให้ฉันฟังบ่อยๆ มา!...ตอนนี้ก็ถึงตาของฉันเล่าบ้างแล้วล่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า...

          ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ยังมีเด็กตัวเล็กๆ คนนึง อ่า...เธอเป็นคนที่น่ารักและสะดุดตากว่าใครๆ แต่...น่าเสียดายที่เธอเป็นใบ้...แต่พอผู้คนในหมู่บ้านรู้ว่าเธอพูดไม่ได้แล้ว ทุกคนก็จะหาว่าเธอ ’ถูกสาบ’ ถึงแม้ผู้คนในหมู่บ้านจะพูดแบบนั้นกับเธอ แต่เธอก็ยังยิ้มให้กับคนที่ว่าเธอแบบนั้น

          นานวันเข้าทุกคนในหมู่บ้านก็เริ่มรู้มากขึ้นว่าเธอเป็นใบ้ พอเธอเดินเข้าไปในตลาดทุกคนก็จะพากันเดินออกห่างจากเธอ และจับลูกหลานของตัวเองไว้แน่ และพูดเสียงเบาๆ ว่า

          “ลูก อย่าเข้าไปใกล้เด็กคนนั้นน่ะรู้มั้ย เพราะเธอคนนั้นนะ ‘ถูกสาบ’ รู้มั้ยลูก”

          แต่พอเธอได้ยินแทนที่เธอจะโกรธ ก็เปล่าเลยเธอกลับยิ้มอย่างเต็มใจให้กับคนที่ว่าเธอว่า ‘ถูกสาบ’ อ่า...ทำไมน่ะ ทำไมเธอถึงยังยิ้มได้ ถึงฉันจะเป็นคนที่นั่งอ่านให้พวกคุณฟังอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันซิน่ะว่าทำไมเธอถึงยังยิ้มได้ ถึงแม้ผู้คนในหมู่บ้านจะรังเกลียดเธอมากมายขนาดไหนก็ตาม

          เธอเดินยิ้มให้ทุกคนที่เธอเดินผ่าน ถึงแม้ทุกคนในหมู่บ้านพอเห็นเธอก็แทบจะกระโดดถอยหลัง และวิ่งออกห่างจากเธอทันทีก็ตาม

          แล้ววันหนึ่ง...ที่เธอออกมาเดินเล่นที่ตลาดในหมู่บ้านอีกครั้ง เธอสะดุดตาเข้ากับแอปเปิ้ลลูกหนึ่ง ที่ตั้งขายอยู่ในร้านหัวมุม...เธอหยุดดู คนขายมองเธอพลางหวาดผวา เธอชี้นิ้วลงไปที่แอปเปิ้ลสีแดงสดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบและสวยงามอยู่ในตะกร้า ในที่สุดเธอก็ควักเงินออกมาจากกระเป๋ากระโปร่งเก่าๆ ของเธอและยื่นมันให้กับคนขาย แต่คนขายกลับปัดมือของเธอทิ้งและพูดจาหยาบคายใส่เธอ

          “ไปให้พ้น! ฉันไม่ขายแกหรอกไอเด็ก ‘ถูกสาบ’ ถอยออกไปให้ห่างจากร้านของฉันน่ะ! ฉันไม่รับเงินที่ ‘ถูกสาบ’ เหมือนกับตัวของแกหรอก ออกไปให้พ้น อ๊ะ! แอปเปิ้ลลูกนี้แกชี้แล้ว สกปรกเป็นการากินี แกก็เอาของๆ แกที่แกชี้กลับไปด้วย”

          ชายแกที่เป็นคนขายของพูดขึ้นพลางหยิบแอปเปิ้ลที่เธอชี้ขึ้นอย่างขยะแขยง และปาใส่เข้าที่หน้าอกของเธออย่างแรง เธอรับมันไว้และยื่นเงินให้คนขายอีกครั้ง และเขาก็ปัดเงินในมือของเธอตกพื้น เธอก้มเก็บอย่างน่าเวทนา
          “ฉันบอกว่าฉันไม่เอาเงินที่ของแก ออกไปไกลๆ จากร้านของฉันเดี๋ยวนี้น่ะ!”

          เธอลุกขึ้นอีกครั้งและเงยหน้ามองชายผู้เป็นเจ้าของร้าน และส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจพลางผงกหัว ‘ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ’ ก่อนที่เธอจะวิ่งออกมาจากร้านและเก็บแอปเปิ้ลลูกนั้นไว้ในเสื้อไม่ให้ตกหรือเลอะเปรอะเปื่อนเลยแม้แต่น้อย อะไรกันทั้งๆ ที่เขาทำเลวร้ายกับเธอขนาดนี้ แต่เธอก็ยังผงกหัวของคุณและยิ้มให้เขาอย่างจริงใจอีก เธอเป็นคนยังไงกันน่ะ

          เธอวิ่งออกมาจากตลาดในหมู่บ้านและนั่งอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวขจี ที่บนเนินนั้นมีต้นไม้ใหญ่ตั้งตรงสง่าแผ่กิ่งก้านสาขาขยายออกมาเป็นร่มเงาขนาดใหญ่

          เธอนั่งเอาหลังพิงต้นไม้และมองแอปเปิ้ลลูกแรกที่เธอได้มาจากคนขายของในตลาด เธอลุกขึ้นอีกครั้งพลางวิ่งไปที่ลำธารเล็กที่มีอยู่แถวนั้น เธอยื่นแอปเปิ้ลลงไปในลำธาร เธอค่อยๆ ล้างมันอย่างถนุดถนอม แต่...เธอทำมันหลุดมือไป เธอกระโดดลงไปในลำธารอย่างไม่ลังเล แต่...มันช้าไปเสียแล้ว แอปเปิ้ลลูกแรกที่เธอได้มาจากคนขายของในตลาดกลับถูกกระแสน้ำพัดหายไปตรงหน้า เธอก้มหน้าลงและกำลังจะร้องไห้

          “ของเธอหรอ”

          เธอเงยหน้าขึ้นมองชายที่พูดอยู่ตรงฝั่งของลำธารข้างหน้า ชายคนนั้นค่อยๆ ชูแอปเปิ้ลของเธอขึ้น เธอวิ่งลุยน้ำไปหาเขาอย่างทุลักทุเล ตอนนี้เธอเปียกไปหมดทั้งตัวแล้ว ทั้งเสื้อสีขาวกับกระโปร่งตัวเก่านั่นทั้งผมเผ้าและใบหน้าที่ขาวสะอาดดั่งปุยนุ่น เธอกางขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล และคว้าแอปเปิ้ลที่เธอได้มาไว้แน่น

          “เธอ...เปียกหมดแล้ว”

          ชายคนนั้นถอดเสื้อกักออกแล้วคลุมกายให้เธอ เธอมองชายคนนั้นอย่างสงสัย ชายคนนั้นเอามือลูบศีรษะของเธอและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน นั่นทำให้เธอตาโตขึ้นและจ้องมองรอยยิ้มที่เธอได้จากคนทั่วไปเป็นครั้งแรก เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วกำแอปเปิ้ลลูกนั่นไว้แน่น

          “หนาวมั้ย ผมเธอก็เปียกหมดแล้วด้วย เอ่อ...เอาไงดีน่ะ ใช่!...”
          
          ชายคนนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงและค่อยๆ เช็ดผมให้เธอ เธอยกมือขึ้นจับผ้าเช็ดหน้าของเขาที่เขากำลังเช็ดหัวของเธอไว้แน่น เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองหน้าชายคนนี้ให้เต็มสองตา ‘ฉันอยากจะเห็นรอยยิ้มของคุณอีกครั้ง ยิ้มให้ฉันอีกทีได้มั้ย’ เหมือนเขาฟังคำที่พูดดังก้องในใจเธอ เขายิ้มให้เธออีกครั้งแล้วเอามือลูบศีรษะของเธอเบาๆ

          “อย่าร้องไห้ไปเลยน่ะ”

          น้ำตาของเด็กสาวผู้ไม่เคยพูด ที่ไม่เคยไหลออกมาจากดวงตาของเธอเลยแม้แต่หยกเดียว ถึงแม้จะโดนด่าหรือว่าๆ ‘ถูกสาบ’ หรือผู้คนในหมู่บ้านทุกคนจะรังเกลียดเธอมากมายขนาดไหน...บัดนี้ไหลออกมาไม่หยุดราวกับว่าฝนกำลังตกลงมาไม่หยุดเป็นเวลาหนึ่งปี...กับแค่รอยยิ้มของเขา...ใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ามาก่อน ถึงกับทำให้เธอร้องไห้ไม่หยุด...ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

          “อ้าว! เธอพูดไม่ได้หรอกหรอ ว้า...แย่จังเลยน่ะ อุส่าได้เจอคนน่ารักๆ แบบเธอแล้วแต่ๆ ถ้าฉันรักเธอขึ้นมาเธอจะว่าไงเนี่ย ฮ่า ฮ่า”

          เขาพูดกับเธอพลางเอามือทั้งสองสอดเข้าไปที่ไท้ทอย พวกเขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินหญ้าเขียวขจีที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปมากมายกลายเป็นร่มเงาขนาดใหญ่

          “ไม่เป็นไรๆ ฟังฉันพูดคนเดียวก็ได้ กินแอปเปิ้ลซิ เธอคงอุส่าเอาลงไปล้างใช่มั้ยล่ะ”

          สาวน้อยพยักหน้า แต่เธอกลับยื่นแอปเปิ้ลลูกสำคัญให้กับเขา เขาทำท่าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ดันมือของเธอกลับไป เขามองหน้าเธอและส่งยิ้มให้พลางส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มช้าๆ

          “เธอกินเถอะ นั่นมันของๆ เธอ อ๊ะ! ลืมไปเธอจะเรียกฉันว่าอะไรดีล่ะ เอ่อ...เรียกฉันว่าที่รักน่ะ”

          เด็กสาวทำตาโตพลางก้มหน้าลง และเขียนอะไรบางอย่างลงพื้น ‘เรียม’

          “นั่นชื่อของเธอหรอ เรียม”

          เธอเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น

          “เรียม...เรียม...เรียม...ขอเรียกอีกน่ะ...เรียม...”

          เขาพูดชื่อของเธอซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เธอเขินและหลบตาเขา เธอก้มหน้าลงพื้นและดึงต้นหญ้าเล่น เธอเงยหน้ามองชายคนนั้นอีกครั้ง เขากำลังมองเธอและส่งยิ้มให้เธออยู่ เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าของเธอที่ละนิดๆ

          “อ๊ะฉันกลับก่อนน่ะ เย็นแล้วพรุ่งนี้ตอนเช้าเธอมารอฉันที่นี่น่ะ เดี๋ยวมาหา แล้วไปเดินเล่นที่ตลาดกัน”

          เด็กสาวผู้ไม่เคยพูดมองหน้าชายคนนั้น อย่างอึ้งๆ และเขาก็เดินจากไปทิ้งเสื้อกักตัวสวยไว้ให้เธอใส่ วันนี้คงจะเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดเลยก็เป็นได้ ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอใจเต้นแรงจนบอกไม่ถูก...

          เด็กสาวผู้ไม่เคยพูดนั่งรอชายผู้ที่ทำให้เธอใจเต้นที่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่...แต่เช้าตรู่ เธอนั่งรอพลางกำเสื้อกักตัวสวยของเขาไว้แน่น

          “รอนานมั้ย!”

          เขาวิ่งมาพลางเหนื่อยหอบ และเขาก็จูงมือของเด็กสาวผู้น่ารักเดินตรงไปที่ตลาดทันที...สายตานับร้อยคู่ที่จ้องมองพวกเขาทั้งสอง แต่สายตานับร้อยคู่พวกนั้นไม่ได้ทำให้เขา...ปล่อยมือของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกำมือของเธอแน่นขึ้น

          “ต๊ายตาย! คุณชายผู้สูงยศมากบรรดาศักดิ์คนนั้นทำไมถึงได้ไปอยู่กับไอเด็กผู้หญิงที่ ‘ถูกสาบ’ ได้ล่ะ ห๊ะ นั่นเธอดูซิ”

          มีเสียงซุบซิบมากมายพูดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาคือคุณชายผู้สูงยศมากบรรดาศักดิ์อย่างงั้นหรอ...เธอค่อยๆ ก้มหน้าลงและค่อยๆ คลายมือเล็กๆ ออกมาจากมือของคุณชายผู้มากยศ

          คุณชายหันมามองหน้าเธอที่หยุดเดินอยู่ข้างหลัง เขาจะคว้ามือเธอไว้ แต่เธอกลับชักมือออกทุกครั้งไป เธอกำมือแน่นพลางส่ายหัวทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่

          “เธอเหมาะสมกับฉัน”

          แต่เธอก็ยังสายหน้าไม่หยุด เธอส่ายหน้าพลางก้มหน้าอย่างเจ็บปวด ดูเธอทุกข์ทรมาน

          “ฉันบอกว่าเธอเหมาะสมกับฉัน การที่เธอพูดไม่ได้มันไม่ได้ ทำให้ฉันบันทอนคำว่ารักที่มอบให้กับเธอไว้นานแล้วได้เลย ฉันบอกว่าเธอเหมาะสมกับฉันยังไง้ล่า เพราะฉันรักเธอ”

          เด็กสาวผู้ไม่เคยพูดเงยหน้าขึ้นมองหน้าคุณชายผู้มากยศ คุณชายเดินเข้าไปใกล้เธอและยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับแก้มของเธอที่ตอนนี้มีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

          “การที่เธอพูดไม่ได้...มันไม่ใช่ทุกอย่าง...ฉันรักเธอในแบบที่เธอเป็น รอยยิ้มของเธอที่ถูกส่งให้ชาวบ้านทุกคนและรวมไปถึงฉัน ถึงแม้พวกเขาจะว่าเธอว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ ‘ถูกสาบ’ หรืออะไรก็ตามแต่เธอก็ยังส่งยิ้มให้พวกเขาและรวมไปถึงฉัน...ฉันรักเธอมานานแล้ว...และฉันก็รักเธอมาก มากกว่าใครๆ”

          คุณชายผู้มากยศบอกกับเธอและดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมแขน ทุกคนในตลาดพากันตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขากับเธอยังคงกอดกันแบบนั้นนานเท่านาน

          “ลูก! ออกมาจากอีนังการากีนีนี่ซะ!”

          เสียงชายแกอายุราวสี่สิบพูดขึ้น และดึงเขาแยกออกจากเธอ การแยกครั้งนี้ทำให้เธอล้มลงกับพื้น

          “พ่อทำบ้าอะไร! ดูซิเธอล้มลงไปแล้ว”

          “เดี๋ยวนี้กล้าเถียงงั้นหรอ ไปอยู่ใกล้มันเดี๋ยวก็ ‘ถูกสาบ’ ไปด้วยอีกคนหรอก พ่อจะส่งแกกลับอังกฤษถ้าแกยังจะคบกับอีนังนี่อยู่”

          “พ่อเรียกเธอว่าไงน่ะ ‘นี่นังนี่’ งั้นหรอ หล่อนเป็นคนน่ะพ่อ และหล่อนคือภรรยาของผมในอนาคต”

          การเถียงกันของพ่อกับลูกเริ่มเสียงดังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอลุกขึ้นและเดินไปหลบอยู่หลังเขา และดึงเสื้อกักของเขา ‘หยุดทีเถอะ อย่าทะเลาะกันอีกเลย’ แต่เสียงในใจครั้งนี้มันไม่ได้ผล มันไม่สะทกสะท้านอะไรเขาเลย เขาเถียงกับพ่อผู้มีพระคุณเพราะเธอผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ‘ถูกสาบ’ อย่างงั้นหรอ ‘อย่าทะเลาะกันอีกเลย ฉันขอร้องละ’ เสียงในใจของเธอตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ

          “งั้นพ่อก็ตัดผมออกไปจากกองมรดกได้เลย น้องชายผมไงมันก็เรียนเก่งนี่ แถมยังเชื่อฟังคำสั่งของพ่อทุกกระเบียดนิ้ว พ่อก็ฝากความหวังไว้กับมันก็แล้วกัน”

          หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ดึงมือเธอ และพาวิ่งไปที่เนินหญ้านั่นอีกครั้ง...เขาหยุดนั่งลงที่ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับเหนื่อยหอบพร้อมกับเธอ เขาหันไปมองหน้าเธอและส่งยิ้มให้อีกครั้ง...เขาหัวเราะเสียงดัง และนั่งเอาหลังพิงต้นไม้อย่างสบายใจ

          “อย่าลืมล่ะ เรียกผมว่าที่รักแทนชื่อ ต่อไปนี้ฉันจะย้ายไปอยู่บ้านเธอ บ้านเธออยู่ไหนล่ะ”

          เด็กสาวตัวน้อยต่อไปนี้จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว เธอเดินนำไปที่กระท่อมเล็กๆ ที่ทำจากไม้ทั้งหลัง มันตั้งอยู่เลยจากเนินหญ้าไปเล็กน้อย

          “บ้านเธอหรอ โห! น่าอยู่ชะมัด”

          เขาวิ่งนำหน้าเธอไปและเปิดประตูบานเล็กออก ในบ้านหลังนี้มีแต่เตียงหนึ่งเตียง...กับโต๊ะกินข้าวขนาดพอเหมาะตั้งอยู่เท่านั้น

          “ฉันรักเธอ”

          เขาพูดพลางส่งยิ้มให้เธออีกครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้และก้มลงจูบเธอเบาๆ ที่ริมฝีปากเล็กๆ ของเธออย่างนุ่มนวล

          “ที่รัก...อย่างพึ่งเป็นอะไรไปน่ะ”

          เวลาผ่านมาสี่สิบปีแล้ว ตลอดระยะเวลาสี่สิบปีที่ผ่านมา...พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และวันนี้เป็นวันแรกที่ ‘เธอ’ ผู้ไม่เคยพูดไม่สบาย... แต่เธอก็ยังคงนอนยิ้มอยู่บนเตียง

          “เดี๋ยวที่รักคนนี้จะไปตามหมอมาให้”

          เขาพูดและเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่เธอก็ดึงชายเสื้อซึ่งเธอเป็นคนทักให้เขาใส่เอาไว้ และส่ายศีรษะไปมาและยิ้มร่า

          “ทำไมล่ะแม่ รอก่อนซิเดี๋ยวไปตามให้”

          แต่เธอก็ส่ายหัวพลางยิ้มร่าไม่หยุด

          “โอเค ที่รักของพ่อ พ่อจะนั่งอยู่ข้างแม่ตลอดน่ะ จับมือฉันไว้”

          เขายื่นมือไปกำมือของเธอที่ชื่อเรียมไว้แน่น เธอมองเขาด้วยสายตาที่ลิบลี่เต็มที...แต่เธอก็ยังคงยิ้มอยู่ และเขาก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน

          “รู้มั้ยตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้เจอเธอ รู้มั้ย...เธอยังเดินยิ้มอยู่ในตลาดเลย แม่ของฉันบอกว่าเธอถูกสาบ ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันรักเธอมานานแค่ไหนแล้วน่ะ...นึกไม่ออกเลยแฮะ ฉันทรมานมากเลยน่ะรู้รึเปล่าตั้งแต่ที่พ่อส่งฉันไปเรียนที่อังกฤษ ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอเธอแล้วซะอีก แต่ก็ได้เจอ...ถึงแม้เธอจะไม่เคยพูดกับฉันเลยก็ตาม แต่...ยังไงถึงแม่จะเป็นยังไงพ่อก็รักน่ะ รักมากกว่าใครๆ ที่เคยรักแม่ พ่อไม่อยากให้แม่ไปเลยจริงๆ น่ะ เพราะพ่อรักแม่มาก ถ้าเกิดมาชาติหน้าพ่อขอเป็นคู่กับแม่แบบนี้ตลอดไป...เหมือนดั่งวันนี้...ที่เป็นอยู่...อยากฟังจังคำว่ารักจากปากของแม่...”

          เธอยังคงนอนยิ้มและหันหน้ามาทางเขา ‘ผู้เป็นสามีที่ดี’ ของเธอ เธอค่อยๆ กำมือของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้ม...แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นเธอก็ยังคงยิ้ม ยิ้ม และก็ยิ้ม ปากของเธอค่อยๆ อ้าขึ้น...

          “ที่...รัก...แม่...ระ...รัก...พะ...พ่อ...มะ...มา...มาก…น่ะ...กวะ...กว่า...ใครๆ...รักมาก....ไม่อยากไป...หากกันเลยแม้แต่...วิ...นะ...นาที...เดียว...รัก...ระ...รัก...พะ...พ่อมาก...นะ...น่ะ”

          นั่นคือประโยคแรก...และเป็น...ประโยคสุดท้าย...ที่เธอพูดออกมาจากปากของเธอเอง...ประโยคที่เขาผู้เป็นสามีที่ดีของเธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

          แล้วคุณล่ะ...อ่านนิทานเรื่องนี้แล้วรู้สึกยังไง...รู้สึกเหมือนฉันรึเปล่า เธอผู้ที่ยิ้มแย้มแม้โดนรังเกลียด เธอผู้ที่ยังยิ้มได้เมื่อถูกดูหมิ่น เธอที่ยังยิ้มและกล่าวคำขอบคุณกับคนที่ทำไม่ดีกับเธอ...คุณคิดว่าเธอ ‘โง่’ งั้นหรอ ไม่เลย เธอไม่เคย ‘โง่’ แต่เธอ...มีบางสิ่งที่คนๆ หนึ่งคนต้องการ และคนๆ นั้นก็มีบางอย่างที่เธอต้องการเช่นกัน การเติมเต็ม...เป็นสิ่งดีที่ถูกเรียกว่า ‘รัก’

          การรักใครซักคน...คือพรอันประเสริฐที่เกิดมาพร้อมกับมนุษย์แต่ละคน...เธอไม่เคยโง่ในสายตาฉัน แล้วคุณล่ะคิดกับเธอว่ายังไง ‘โง่’ หรือ ‘ไม่โง่’ ล่ะ...


      นิทานกึ่งนิยาย ที่แต่งขึ้นเองถ้าเห็นจากนามปากกาอื่น
      อ๊าก! ก็เค้านี่แหละเป็นคนแต่ง ก็ลองเอาไปลงนามปากกาอื่นดู
      โฮ่ะๆ ไม่รู้ซิ เลยเอามาลงนามปากกาเก่านี่แทน อ๊าก! รักคนอ่าน

      สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ...แล้วคุณล่ะคิดว่า เธอ...โง่รึเปล่าล่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×