[ Fic Valentine ] วาเลนไทน์อันแสนเสร้า : รักที่แลกด้วยชีวิต
รักที่ยอมมอบ แม้ชีวิต รักที่ผูกพันยิ่วกว่ารัก.. "ขอรักเธอตลอดไปไม่ว่าในภพไหน ยังดีกว่าเราต้องแยกจากกันตลอดกาล.."
ผู้เข้าชมรวม
533
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วันหนึ่งที่เคยผ่านมาแล้ว ในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ที่ไม่มีใครคิดจะสนใจ หรือรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่...
เช้าวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักของปีหนึ่ง
วัตน์ เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่จะไปมอบช่อดอกไม้ให้หญิงสาวสุดที่รักอย่างที่ทำเป็นประจำทุก ๆ ปี
แต่ว่าวันนี้ เธอผู้นั้นกำลังอยู่ในห้องไอซียู ชีวิตของเธอกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
เมื่อวานนี้เป็นวันแปรผันชีวิตของเธอ เมื่อรถเก๋งคนหนึ่ง ซึ่งคนขับเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงซึ่งผลลัพธ์คือ เขาหมดสติกลางทาง และพุ่งชนเข้าใส่เธอ
แล้ววันนี้ วันที่เธอและคนรักจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข กลับเป็นวันที่เศร้าหมองยิ่งนัก
ริน กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสงบ รายล้อมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์นานาชนิด ที่จะพยุงชีวิตเธอ
เธออาจรู้หรือไม่ว่าข้างนอกห้องไอซียูยาม 20 นาฬิกา จะยังมีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเฝ้าคอยสวดภาวนาขอให้เธอพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้
วัตน์กำลังสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า เขายอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เธอฟื้นขึ้นมา เพื่อให้เธออยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
ระหว่างนั้น เขากำลังคร่ำครวญถึงเวลาอันแสนสุข ระหว่างเขาและเธอ...
วันที่เขาเข้ามหาลัยเป็นวันแรก ภายนอกทุกคนคงเห็นว่าเขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบคุยกับใคร ทุกคนคงรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาสนใจคือหนังสือและบ้านของเขาคือห้องสมุด
แต่ในความเป็นจริง เขายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สนใจ นั่นคือเรื่องของสมุทรศาสตร์
แล้ววันนั้น วันที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
วัตน์เดินเข้าไปในห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือไปทำโครงงานเรื่อง มารีนสโนว์
เขาเดินเข้าไปที่มุมอ่านหนังสือ แล้วไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งบนชั้น
ทั้ง ๆ ที่หนังสือแถบนั้นเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและเนื้อหาสาระดีมาก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่านบ่อย ๆ เหมือนหนังสือรุ่นใหม่ที่วางอยู่ข้างหน้า
เมื่อเขายื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบหนังสือในชั้นที่ 4 ก็มีมือเรียวอีกมือหนึ่งยื่นออกมาจับสันหนังสือพร้อมกัน
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษค่ะ”
ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกันก่อนที่จะชักมือกลับ
วัตน์มองหญิงสาวคนข้าง ๆ อย่างพิจารณา ‘เธออยู่ห้องไหนเนี่ย ชื่ออะไรนะ หน้าคุ้น ๆ’ เขาคิด จนหญิงสาวผู้นั้นเริ่มหน้าแดงแล้วตวาดใส่เขาเบา ๆ
“มองอะไรน่ะ วัตน์ ไม่เคยเห็นคนรึไง จำไม่ได้หรอ ชั้นไง ริน ที่เรียนห้องเดียวกับเธอน่ะ โต๊ะชั้นอยู่ข้างหลังเธอเอง จำไม่ได้หรอ” เธอมองค้อนเขาเล็กน้อย
“อ๋อ นึกออกแล้ว โทษที ๆ” เมื่อนึกขึ้นได้เขาจึงไต่ถามเรื่องหนังสือ
“เธอจะมายืมหนังสือนี่หรอ ยืมไปทำอะไรน่ะ” รินมองยื่นแฟ้มในมือให้เขาดู บนหน้าปกเขียนไว้อย่างหวัด ๆ ว่า มารีนสโนว์
“อ้าว เธอก็ทำโครงงานเรื่องนี้เหมือนกันหรอ” เขาอุทานอย่างตกใจ
“ก็ใช่สิ แล้วเธอล่ะ อย่าบอกนะว่าเราทำเรื่องเดียวกัน” เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวน ๆ
“ก็ใช่น่ะสิ งั้นเรามาทำด้วยกันมั้ย อาจารย์บอกว่าสามารถทำได้ 1 2 คน เรามาช่วยกันทำดีกว่า จะได้มีคนช่วยหาเนื้อหาอีก 1 คน” เขาเสนอด้วยความสนใจ
“อืม ก็ดีนะ ตกลง งั้นชั้นจะทำกับนายก็ได้ ไปนั่งคุยกันก่อนมั้ย” เธอตอบด้วยท่าทีกระตือรือร้น แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกลางห้องสมุด
ไม่น่าเชื่อ แม้ว่าเพิ่งจะพบปะกัน แต่เรื่องราวของทั้งสองต่างเข้ากันได้อย่างไม่มีช่องว่าง มีเรื่องที่สนใจเหมือนกันมีนิสัยเหมือนกัน ทุกสิ่งลงรอยกันอย่างน่าประหลาด...
นับจากวันนั้น ทั้งสองคนเข้ากันได้ดียิ่งขึ้น จนทุกคนเริ่มประหลาดใจ
รินเรียนเก่งขึ้นมาก เนื่องจากวัตน์ช่วยติวหนังสือให้นแกเวลาเรียน ส่วนวัตน์เองก็เข้าสังคมได้ดีขึ้นและยังเข้าชมรมฟุตบอลด้วย
หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาสนิทกัน และเริ่มนักกันออกไปกินข้าวข้างนอกบ่อย ๆ จากไปกับหมู่เพื่อน จนกลายเป็นไปด้วยกันสองต่อสอง
จนวันหนึ่ง...
วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว วัตน์นัดรินออกไปที่สวนสาธารณะ
วัตน์กำลังนั่งท่องบท ที่เขาเริ่มท่องมาได้แล้วเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เพื่อที่จะมาพูดในวันนี้
เมื่อเห็นชุดกระโปรงสีส้มอ่อนอยู่ลิบ ๆ เขาจึงซ่อนดอกกุหลาบสีแดงไว้อย่างดี
“ว่าไง วันนี้นัดมามีไรหรอ” รินถามด้วยน้ำเสียงใส ๆ เช่นเคย
“อ่า.. เรา... คือ... แบบว่า...” วัตน์ยังลังเลใจและรินกำลังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่
“ถ้าวัตน์ไม่มีอะไร เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำก่อนนะ กลับมาแล้วค่อยพูดก็ได้” รินทำท่าจะลุกออกไปวัตน์จึงร้องเรียกไว้ก่อน
วัตน์หน้าแดงเล็กน้อยแล้วจึงค่อย ๆ พูดออกมาทีละคำอย่างที่เคยท่อง
“อ่า ริน คบ กับ เรา นะ”
รินหน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบไปอย่างขัดเขิน
“ตาบ้า มาขอกันกลางที่สาธารณะอย่างเนี่ยนะ อายนะเนี่ย ไปที่อื่นกันเถอะ” เจ้าหล่อนหันหน้าหนี และเดินออกไป แต่ว่ามือใหญ่คว้าไว้ได้ก่อน
“โธ่ ริน เราอุตส่าห์นั่งซ้อมนั่งท่องมาตั้งนานนะ แล้วตกลงรินยอมมั้ย ยังไม่ได้ตอบเลย”
เมื่อเธอหันมา ใบหน้าของเธอก็เกือบชนกับช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่วัตน์ถือไว้
“อะไรเนี่ย นาย ...ขะ-ขอบใจนะ” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง และรอยยิ้มกลับผุดพรายขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วในที่สุด ริมฝีปากบางก็ค่อย ๆ ขยับ จนเปล่งเสียงออกเป็นคำพูดเบา ๆ แต่สามารถทำให้คนฟังหัวใจละลายไปได้ในตอนนั้น
“อืม เรื่องที่นายขอ.. ตกลงจ๊ะ แต่ว่า” เธอเริ่มพูดด้วยท่าทีปกติที่แสนสดใสและน่ารัก
“แต่ว่าอะไรหรอ บอกเรามาเถอะ” วัตน์เริ่มถามอย่างร้อนรนใจ
“เรื่องนั้นได้แน่ ๆ แต่ว่านายต้องสัญญาก่อนนะว่านายจะไม่นอกใจ ไม่มีกิ๊ก แล้วก็เอาใจชั้นด้วย ตกลงมั้ย” เมื่อพูดจบเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข
บัดนี้ใบหน้าของวัตน์เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีที่นาน ๆ ครั้งจะรู้สึกได้
แล้วทั้งสองก็ตัดสินใจไปเดินเที่ยวด้วยกันในที่ต่าง ๆ
เมื่อเดินผ่านร้านขายของร้านหนึ่งในตอนบ่าย วัตน์ก็ขอตัวไปห้องน้ำกะทันหันและทิ้งให้รินกินไอติมอยู่หน้าร้านขายเสื้อ
ถึงตอนเย็น วัตน์มาส่งรินที่หน้าบ้าน และก่อนที่รินจะหันหลังกลับไป วัตน์ยื่นซองกระดาษสีชมพูให้ริน
“เปิดดูบนบ้านนะ” เขาบอก ก่อนที่จะนั่งรถแทกซี่ออกไป
เมื่อรินกลับเข้ามาบนห้อง เธอก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟายาว แล้วเปิดซองนั้นดู
ข้างในนั้นมีสร้อยคอเส้นหนึ่ง มีจี้เป็นรูปหัวใจซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น และข้างล่างหัวใจคือตัวอักษร RW รินแปลกใจมาก แต่เมื่อเห็นโน้ตข้างใน คำถามทุกอย่างก็กระจ่าง
‘ริน เราไปซื้อสร้อยเส้นนี้ตอนออกจากห้องน้ำน่ะ เราเห็นว่ามันมัตัวอักษรอยู่ แต่พอถามคนขายเค้าไม่รู้ว่ามันมาจากคำว่าอะไร เลยรีบ ๆ ซื้อมา ถือวะว่ามันมาจากคำว่า Rin กับ Wat ละกันนะ พรุ่งนี้เจอกันครับผม”
...
ถึงแม้จะเป็นความรักที่เรียบง่าย หรือการบอกรักที่ธรรมดา แต่เพียงทั้งสองมีความรัก ความจริงใจต่อกัน เพียงแค่นั้น รัก ก็จะไม่ธรรมดาแล้ว...
วันนั้นรินไม่ไปเรียนพิเศษ วัตน์จึงพยายามโทรหา แต่ว่าโทรไม่ติด จึงตัดสินใจไปเยี่ยมรินที่บ้าน
เมื่อเข้าไปที่ห้องรับแขกก็เห็นรินนั่งอ่านวารสารอย่างปกติ ไม่มีวี่แววของคนไม่สบายแม้แต่น้อย
“อ้าววัตน์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ” เธอถามด้วยสีหน้าปกติและร่าเริงเช่นเคย
“ทำไมวันนี้ไม่ไปเรียนพิเศษล่ะ เอ้านี่ เราเก็บชีตไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว” วัตน์ยื่นชีตให้ริน รินเก็บไว้ในแฟ้มก่อนที่จะกล่าวขอบคุณ
“คือเมื่อเช้าไปหาหมอ เลยไม่ได้ไปเรียนน่ะ”
“อ้าว รินไม่สบายหรอ เป็นอะไรมากรึเปล่า” วัตน์ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
รินเก็บวารสารแล้วหันมาคุยกับวัตน์ตรง ๆ
“วัตน์ ไม่ต้องเป็นห่วงรินหรอกนะ รินไม่เป็นไรหรอก รินรู้นะ ว่าวัตน์เป็นห่วง แต่ว่า รินไม่เป็นไรจริง ๆ นะ” รินยิ้มให้วัตน์อย่างอบอุ่น ให้เขาสบายใจ
“ครับ ๆ เราจะไม่เป็นห่วงรินมากเกินไปอีกแล้ว แต่รินต้องรักษาตัวนะ รินต้องรู้นะ ว่า.. รินคือนางฟ้าของเรา ที่ต้องอยู่กับเราไปอีกนาน รินอย่าจากวัตน์ไปไหนนะ...” วัตน์พูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เพราะว่าอะไรล่ะ ก่อนหน้านี้ ลางสังหรณ์เขาบอกอยู่ตลอดเวลา ว่าสักวันหนึ่ง คนที่เขารักมากจะจากเขาไป อย่างไม่มีวันกลับ และสิ่งที่เขากลัวมากกว่านั้นคือ คน ๆ นั้นจะกลายเป็น ริน
“อืม ได้สิ” เขาทั้งสองยิ้มให้แก่กัน
วัตน์เอื้อมไปจับมือรินเอาไว้ แล้วพูดเบา ๆ
“ริน เรารักรินเสมอนะ”
ทั้งสองหยุดนิ่ง ราวกับต้องการให้คำพูดแต่ละคะฝังไปในจิตใจของทั้งคู่
รินยิ้มตอบแล้วเอ่ยขึ้นเช่นกัน
“รินก็รักวัตน์นะ”
....
นับจากวันนั้น รินและวัตน์รักกันมากขึ้น และมากขึ้น เขาทั้งสองยิ่งผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น
ในที่สุด ลางสังหรณ์ของวัตน์ก็เป็นจริงดังคาด
วันก่อนวันวาเลนไทน์ ท่ามกลางสายฝน จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขั้นที่บ้านของวัตน์
“ฮัลโหลครับ” วัตน์รับโทรศัพท์อย่างที่ทำเป็นประจำทุกครั้ง
“วัตน์เหรอ” ปลายสายอีกฝั่งหนึ่งดังมาด้วยความร้นรน แต่เขาก็ยังจับได้ว่าเป็นเสียงของฝ้าย เพื่อนสนิทริน
“ใช่แล้ว ฝ้ายมีอะไรหรอ” เขาถามอย่างปกติ
“วัตน์มาโรงพยาบาลด่วนเลย ตอนนี้รินอยู่ในห้องไอซียู เมื่อตอนสามโมง รินถูกรถชน!! เร็วเข้า วัตน์ ฮัลโหล วัตน์ ยังอยู่มั้ย”
ฝ้ายยังพูดต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้วัตน์กำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านอย่างเร่งรีบในทันที
สุดท้าย วันนี้ เหลือเพียงชายหนุ่มตัวคนเดียวที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องไอซียู และเฝ้าอ้อนวอนต่อพระเป็นเจ้าอย่างไม่ขาดสาย เพราะอยากให้เธอผู้นั้น นางฟ้าคนหนึ่งที่ช่วยชุบชีวิตเขา ให้นางฟ้าคนนั้นคืนสู่อ้อมกอดของเขาโดยเร็ว
“พระเจ้า ลูกขอร้อง ขอให้รินหายวันหายคืน พ้นขีดอันตราย กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเดิมด้วยเถอะ ลูกขอร้อง... เธอคือดวงใจของลูก ถ้าพระองค์พรากเธอไป ก็เหมือนฆ่าลูกด้วย”
น้ำตาอีกหนึ่งหยดพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้
พ่อเคยสอนว่า น้ำตาเป็นสิ่งที่ไม่คู่ควรกับลูกผู้ชาย
แต่ว่าน้ำตาทุกหยดนี้ แสดงถึงความอ่อนแอในเบื้องลึกของจิตใจได้เป็นอย่างดี
ความกลัว... กลัวว่าจะเสียส่วนหนึ่งของชีวิตไป
ค่ำคืนนั้น วัตน์กำสร้อยคอของรินไว้แน่น สร้อยคอที่เขาซื้อให้รินในวันบอกรักเป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของรินในใจเขา
‘สวรรค์ ลูกขอร้อง ขอให้รินกลับมา กลับสู่อ้อมกอดของลูก ลูกขอร้อง’
คำสวดอ้อนวอนที่พร่ำบอกเป็นรอบที่ร้อย รอยน้ำตาที่เหือดแห้ง มิใช่ว่าเขามิเสียใจ แต่น้ำตาในกายเขาได้หมดไปนานแล้ว.. เสียงที่แหบแห้ง จนเขาจึงต้องสวดภาวนาในใจ ความเพลีย และความอ่อนล้ากำลังรุมเร้า แต่ว่า ด้วยความศรัทธา เขาจึงยังยืนหยัดอยู่ได้
‘หากว่าเธอต้องตายจากไป แต่ด้วยความรักที่ยังคงอยู่ เจ้าจะยอมไหม’
เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นอย่างก้องกังวานในหัวสมอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะคิด ว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน และเป็นเสียงใคร เขาทำได้เพียงแต่ตอบไป
“หากว่าต้องเป็นอย่างนั้น ผมก็ขอตายแทนเธอ”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
‘อืม แล้วถ้าแม่สาวคนนั้นยังรักเธออยู่แต่ว่าเธอต้องเป็นอัมพาธตลอดชีวิตล่ะ’
วัตน์ตอบไปจากใจ อย่างมุ่งมั่น
“ผมยอมให้พระเจ้าพรากผมไป แล้วให้เธออยู่อย่างเป็นสุข”
เสียงนั้นเงียบไปซักพัก แล้วจึงถอนหายใจอย่างดัง ก่อนถามคำถามสุดท้าย
‘แล้วถ้าเกิดว่าเธอหายดีเป็นปกติ แล้วต้องสูญเสียความทรงจำล่ะ’
วัตน์อึ้งไปซักพัก แล้วจึงตัดสินใจตอบเสียงปริศนา
“ผมจะต้องทำให้เธอกลับเป็นอย่างเดิมให้ได้ ไม่งั้นผมก็ขอเริ่มต้นใหม่กับเธออีกครั้ง”
เสียงปริศนาที่ฟังดูเย็นชา กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงที่อบอุ่นขึ้น
‘รักหนอรัก ข้าเพิ่งจะเห็นรักบริสุทธิ์เช่นนี้ในรอบ 10 ปีก็วันนี้ล่ะ รักที่ต้องการเพียงการให้ รักเพื่อผู้อื่น ข้าฟังเจ้าสวดอ้อนวอนมานานแล้ว และข้าสัญญาว่าจะทำให้คำขอของเจ้าเป็นจริง และต้องมีข้อแลกเปลี่ยน แต่ว่าตอนนี้ เจ้าหลับให้สบายเถอะนะ’
ทันใดนั้น ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ความรู้สึกทั้งหมดก็หายไป....
เช้าวันรุ่งขึ้น วัตน์ตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย เขาพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนที่นั่งรอผู้ป่วย และเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะ และเสียงร้องไห้อยู่ข้างหลังเขา
เมื่อพยายามจะพยุงตัวขึ้นเขาก็พบว่าร่างกายหนักไปหมด เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุก
แม่ของรินสังเกตุเห็นตัวเขาจึงเข้ามาช่วยพยุงทั้งเสียงหัวเราะและทั้งน้ำตา
“วัตน์ ตื่นแล้วเหรอ รู้มั้ย หมอบอกว่ารินพ้นขีดอันตรายแล้ว คอยอีกซักเดือนสองเดือน คงพอจะกลับบ้านได้ แม่ดีใจมากเลย”
สิ่งที่วัตน์แสดงให้เห็นเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ได้ คือการพยักหน้าเล็กน้อย
ฝ้ายวิ่งเข้ามาด้วยดวงตาที่บวมเป่ง แต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความยินดี
“นี่วัตน์ ไปพักก่อนมั้ย ที่ห้องพักนี่ไง นายเฝ้าหน้าห้องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่หรอ”
วัตน์ยอมทำตามอย่างโดยดี โดยให้ฝ้ายเป็นคนช่วยพยุง
วันคืนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งวันหนึ่ง รินกำลังนอนอ่านนิตยาสารอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามาจ๊ะ” เธอตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากบทความ
“เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นมากรึยัง วันนี้เราเอาของโปรดเธอมาเยี่ยมด้วยนะ” เสียงนี้ทำให้เธอทิ้งความสนใจจากทุกอย่างแล้วหันหน้ามาคุยกับแขกใหม่
“สวัสดีจ๊ะวัตน์ ทำไมวันนี้มาเยี่ยมแต่เช้าเลยล่ะ แล้วเอาอะไรมาฝากเราหรอ” เธอถามด้วยเสียงปกติ และด้วยท่าทางร่าเริง ไม่เหมือนเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้ว ที่เธอต้องนอนบนเตียงตลอดเวลา และห้ามเข้าเยี่ยม
“นี่ไง องุ่นแดง เราไปซื้อมาเมื่อวานนี้เอง ยังสด ๆ อยู่เลย นั่งกินด้วยกันมั้ย” วัตน์ถาม แล้วเมื่อหันหน้ามามองที่เตียง เขาก็ไม่ต้องการคำตอบ เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายอย่างนั้น
สีหน้าของรินดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เธอร่าเริงขึ้น พอเดินได้ และเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย หมอเลยให้พักอยู่ที่โรงพยาบาลอีกซักพัก
ระหว่างทีทั้งสองกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยและดูทีวีไปพลางอยู่นั้น วัตน์ก็ถามขึ้นมาอย่างลอย ๆ
“ริน รินรู้มั้ยว่าตอนนั้นที่รินป่วย วัตน์เจออะไร”
“หือ มีอะไรหรอ เล่าให้เราฟังหน่อย” รินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
วัตน์จึงเล่าเรื่องราวให้รินฟังทั้งหมด
เมื่อเล่าจบ วัตน์จึงถามริน
“รินว่า เสียงที่เราได้ยินคือเสียงของพระเจ้าจริง ๆรึเปล่า”
รินนิ่งไปซักพักแล้วตอบ
“วัตน์ แล้ววัตน์เชื่อเรามั้ย ว่าวันนั้น เราฝันไปว่า ถ้าเราหายดีแล้ววัตน์ต้อง.. “เธอหลับตาลง แล้วจึงพูดต่อ “วัตน์ต้องเป็นอะไรไป เราจะเอามั้ย” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เราตอบไปว่า ถ้าต้องเป็นอย่างนั้น ก็ขอให้เราได้ตายด้วยกัน... ยังดีกว่า” วัตน์เอื้อมมาจับมือรินไว้แน่น รินกำมือวัตน์ไว้เช่นกัน เหมือนว่าทั้งสองจะรั้งกันและกันเอาไว้
วัตน์เริ่มพูดขึ้นก่อน
“ริน เราขอรักรินตลอดไปไม่ว่าในภพไหน ยังดีกว่าเราต้องแยกจากกันตลอดกาล..”
น้ำตาแห่งความซึ้งใจ ไหลออกมาจากดวงตาของริน
“วัตน์ เรารักวัตน์นะ”
เวลารอบกายเขาทั้งสองเหมือนหยุดนิ่ง ปล่อยให้คำพูดของทั้งสองตราตรึงลงไปในจิตใจตลอดกาล...
รักหนอรัก
รักที่บริสุทธิ์ใจ บริสุทธิ์กาย ช่างหายากนัก
รักที่เปี่ยมล้นด้วยการให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และให้ได้แม้แต่ชีวิต...
คงหารักอย่างนี้ได้ยาก....
รักที่ไม่สมหวังยังคงมีอีกมากในโลกนี้
รักที่หลอกลวงยังคงพบได้อยู่ทั่วไป...
ผู้ใดพบรักที่บริสุทธิ์ได้
ผู้นั้นดุจได้ขึ้นสวรรค์แล้ว...
รักบริสุทธิ์หายากนัก
แต่ว่ารักที่ผิดหวังมีหลากหลาย
รักที่หลอกลวงมีมากมาย
มีแต่รักที่งมงายเพียงฝ่ายเดียว
รักที่คอยให้มีน้อยนัก
แต่รักนี้หากได้พบคงโชคดี
เหมือนน้ำทิพย์หยดลงใจเท่าที่มี
ความรักนี้จะคงอยู่คลอดกาล
อ่า กลอนนี้ห่วยไปหน่อย
แต่เข้ามาที่กลอนในนี้สิ รับรอง เพราะแน่
http://my.dek-d.com/writer/story/view.php?id=120270
กลอนทุกแนว และล่าสุด กลอนรักฉลองวันวาเลนไทน์
ผลงานอื่นๆ ของ PrineZeth ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ PrineZeth
ความคิดเห็น