ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Death game เกมล่า ท้าอาถรรพ์มรณะ

    ลำดับตอนที่ #1 : Genesis:: งานปฐมนิเทศสีเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 56


     

    Genesis:: งานปฐมนิเทศสีเลือด



    เสียงพูดจากผู้อำนวยการบนเวทีในห้องประชุมขนาดใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแข่งกับเสียงคุยของเด็กๆที่สอบผ่านเข้ามาในโรงเรียน เซนต์เซเทเลียน  โรงเรียนชื่อดังติดหนึ่งในสิบของประเทศเรื่องวิชาการและกีฬา ไม่เพียงเท่านั้นโรงเรียนแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่อง.....อาถรรพ์อีกด้วย

     

    ใช่และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้

     

    วาโยคิดพลางควงปากกาที่อยู่ในมือเล่นไปมาสายตามองไปยังประตูทางออกของหอประชุมที่มีกลุ่มควันสีดำรูปร่างคล้ายคนที่พอมองแปบเดี๋ยวก็สามารถทำให้ขนลุกได้ไม่ยากมากมายลอยไปมาอยู่ราวกับเป็นเพียงธาตุอากาศที่คนอื่นมองไม่เห็น

     

    แต่นั้นไม่ทำให้วาโยกลัวเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มแสยะยิ้มออกมาอย่างสนุกสนานราวกับได้พบสมบัติอันล้ำค่าก็ไม่ปานนั้น

     

    “…..ครูก็ไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้เอาเป็นว่ายินดีตอนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่โรงเรียงแห่งนี้ละกันนะ

     

    สิ้นเสียงของนรินทร์ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้อยู่ๆพัดลมตัวใหญ่ที่แขวนอยู่กับราวเหล็กด้านบนก็ส่งเสียงน่ากลัวและค่อยๆร่วงลงสู่หัวของเด็กห้าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์

     

    ครืด....ฉัวะ! โครม!

     

     ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งหลุดจากรัศมีของพัดลมที่ตกลงมานั้นได้อย่างหวุดหวิดด้วยฝีมือของชายหนุ่มปริศนาที่วิ่งเข้าไปคว้าตัวเธอได้ทัน ร่างของทั้งสองล้มลงกระแทกพื้น เด็กหนุ่มปริศนาคนนั้นหันไปมองร่างของเด็กอีกสี่คนที่เขาไม่สามารถช่วยเอาไว้ได้เพราะทั้งสี่คนอยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะวิ่งเข้าไปช่วยได้ทัน

     

    ร่างสี่ร่างที่หลบไม่พ้นรัศมีของพัดลมตัวที่ตกลงมานั้น ใบหน้าและลำคอของพวกเขาถูกปั่นออกเป็นชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใครร่างทั้งสี่ล้มลงไปกองกับพื้น  เลือดสีแดงฉานไหลนองไปทั่ว เด็กที่เห็นเหตุการณ์สยดสยองนี้ต่างกรีดร้อง บ้างก็เป็นลมหมดสติ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นภายในหอประชุม

     

    ช่วยได้แค่คนเดียวเองหรอ...

     

    เด็กหนุ่มคิดก่อนจะหันไปมองทางกลุ่มควันสีดำรูปร่างคล้ายคนที่ลอยไปมาตรงประตูทางออกที่กำลังหัวเราะเยาะกับเหตุการณ์กันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่รัตติกาลทำได้เพียงแค่กำมือแน่นเท่านั้น

     

     ผู้ชายคนนั้นก็มองเห็นสินะ ไม่น่าเชื่อแหะ…

     

    วาโยที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบแสยะยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะในลำคออย่ากลั้นไม่อยู่ก่อนจะเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งปลอบเด็กสาวที่เขาเข้าไปช่วยชีวิตไว้อยู่

     

    นี่แกนะเห็นมันสินะ

     

    ชายหนุ่มที่ถูกถามทำหน้างงๆจนวาโยถึงกับเซ็งนิดๆกับความโง่ของเด็กหนุ่มคนนี้ ก่อนจะหันไปทางประตูทางออกที่ตอนนี้พวกกลุ่มควันสีดำเริ่มจางลงเรื่อยๆ

     

    นะ...นายเห็นมันด้วยหรอ..

     

     “ไม่เห็นแล้วฉันจะถามแกไหมละ

     

    คำตอบของวาโยเล่นเอาเด็กหนุ่มถึงกับคิวกระตุกด้วยความหมั่นไส้ขึ้นมาในทันใด ส่วนวาโยที่เห็นเด็กหนุ่มข้างหน้าทำหน้าแบบนั้นก็เริ่มเบื่อแถมเสียงดังจากรอบๆนั้นทำให้เขาต้องตะโกนแข่งกับเสียงรอบข้าง

     

    “แกน่ะ...มากับฉันหน่อยดิ”

     

    ในที่สุดวาโยก็ทนไม่ไหวก้มลงไปดึงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นแล้วก็ลากเด็กหนุ่มคนนั้นให้เดินตามไปยังห้องน้ำข้างเวทีของหอประชุมในขณะที่ตอนนี้มีเสียงไซเรนของรถตำรวจเพิ่มเข้ามาทำให้เหตุการณ์ยิ่งดูวุ่นวายยิ่งขึ้น   และเมื่อถึงหน้าห้องน้ำวาโยก็โยนรัตติกากาลเข้าไปข้างในก่อนจะเดินตามเข้าไปแล้วปิดประตู

     

    แกน่ะรู้ข่าวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมห้องเรียนต้องสาปของที่นี่ไหมวาโยกอดอกแล้วยืนพิงประตูด้วยท่าทางสบายๆแล้วถามด้วยน้ำเสียงชิวๆราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันเป็นแค่เรื่องธรรมดาที่สามารถเห็นได้ทั่วไปอย่างไหงอย่างงั้น

     

    หมอนี่บ้าก็โรคจิตไปแล้วแหงๆ..

     

    เด็กหนุ่มคิดในใจแล้วถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบ

     

    “เรื่องที่ว่ามีการตายปริศนาของนักเรียนโรงเรียนนี้เกิดขึ้นโดยที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำๆกันมาสามปีแล้วเกิดที่เดิมตลอดสินะ”

     

    “ไม่ใช่สามแต่เป็นสี่ตะหาก”วาโยตอบ “รวมรอบนี้ด้วย...ไง”

     

    “อย่ามาพูดบ้าๆน่ายังไม่เปิดเทอมเลยนายรู้ได้ยังไง อีกอย่างเหตุการณ์นี้น่ะมัน.....”

     

    “มันไม่เกิดขึ้นมาแล้วปีนึงสินะ แกนี่โง่จริงๆ” วาโยพูดแทรกขึ้น

     

     “จริงๆแล้วเหตุการณ์โศกนาฏกรรมห้องเรียนต้องสาปน่ะมันไม่ได้ไม่เกิดขึ้นหรอกนะเจ้าบื้อ มันเกิดขึ้นแค่....ไม่มีใครรู้ตะหาก”

     

    แล้วคุณมาเล่าให้ผมฟังทำไมกัน!?”

     

    เด็กหนุ่มตัดสินใจถามสิ่งที่ข้องใจเขามากที่สุดออกไป ซึ่งคำถามของเขาเล่นเอาวาโยหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ

     

    “ฉันชักจะชอบนายแล้วสิ นายชื่ออะไร”

     

      มีผู้ชายมาบอกชอบผมก็ไม่ดีใจหรอกนะ..

     

    เด็กหนุ่มคิดแล้วยืนพิงอ่างล้างมือก่อนจะตอบ

     

    “รัตติกาล เรียก ผมว่ารัตน์ ก็ได้”

     

    “โอเค...งั้นฉันเรียกแกว่าเจ้าบื้อละกัน” วาโยพูดจบก็หันหลังทำท่าเปิดประตูก่อนจะหันไปหารัตติกาลที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอไปเรียบร้อยแล้วแล้วเจอกันใหม่นะ เจ้า-บื้อ หึๆๆ

     

       หลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในห้องประชุมจบลงรัตติกาลถูกพาตัวไปห้องปกครองในฐานะพยานรู้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากสภาพเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยเลือดอาจารย์ฝ่ายปกครองจึงให้เด็กหนุ่มไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องอาบน้ำของห้องพยาบาล

      

     ครืดดด ดดดด ดดดด......

     

     หลังจากที่รัตติกาลอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับไปหาอาจารย์ที่ห้องฝ่ายปกครองนั้นอยู่ๆก็มีเสียงดังมาจากเตียงริมหน้าต่างในห้องพยาบาลที่มีผ้าม่านปิดอยู่ ด้วยความสงสัยเด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ปลายเตียงดังกล่าวก่อนที่จะเตรียมเปิดออก....

     

    ควับบ บบบบ บบบบ...

     

    “…!!”

     

    “ทำอะไรอยู่เหรอค่ะ..”

     

    ในขณะที่รัตติกาลกำลังจะเปิดผ้าม่านอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งผิวขาวซีก ผมสั้นประบ่า สูงประมาณไหล่ของเด็กหนุ่ม ที่ไหนก็ไม่รู้มาคว้ามือของรัตติกาลเอาไว้ก่อนจะดึงมือของเด็กหนุ่มให้ออกห่างจากผ้าม่านนั้นแล้วปล่อยมือออกจากเด็กหนุ่ม

     

    “เอ่อ...คือเมื่อกี้ผมได้ยินเสียงแปลกๆเลยจะมาดูน่ะครับ” รัตติกาลตอบ “แล้วคุณมาทำอะไรครับ”

     

    “ฉันเป็นพยาบาลอาสาน่ะค่ะเลยมาเข้าเวร เธอคงเป็นเด็กใหม่สินะดูจากสีของเน็กไทแล้ว”เด็กสาวตอบพร้อมถามกลับ

     

       เนื่องจากโรงเรียนเซนต์เซเทเลียน เป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่และส่วนใหญ่เด็กนักเรียนของที่นี่เป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูลประกอบกับเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ทำให้เครื่องแบบของที่นี่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกด้วยเน็กไทตามระดับชั้นการศึกษา โดย ม.4 สีแดง ม.5 สีน้ำเงิน และ ม.6 สีน้ำตาล ส่วนกางเกงและกระโปรงจะเป็นสีดำ

     

    “ครับ ผมม.4 ห้อง 3 ชื่อ รัตน์ ครับ”

     

    “ส่วนฉันชื่อ สายลม ม.5 ห้อง 4 ค่ะ” เด็กสาวตรงหน้ารัตติกาลยิ้มบางๆก่อนจะหันไปดูนาฬิกาบนผนัง “นี่ก็ใกล้จะเที่ยงครึ่งแล้วยังกลับอีกหรอค่ะ เมื่อเช้าก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแล้วนิค่ะ?

     

       ซวยแล้วสิไม่น่าสนใจอย่างอื่นเลย.....

     

     คำพูดของหญิงสาวตรงหน้าทำให้รัตติกาลนึกขึ้นได้ว่าเขาควรจะต้องรีบไปห้องฝ่ายปกครองแทนที่จะมาอยู่ที่นี่

     

    “เอ่อ...งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับพี่ลม ไว้พบกันใหม่นะครับ” รัตติกาลรีบพูดขึ้นพรางยิ้มแล้วโบกมือไปมาก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

     ปังงงงง

     

    ค่ะ..แล้วพบกันใหม่นะค่ะรัตน์...ไม่สิ....อาโป

     

    หญิงสาวพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาหลังจากที่รัตติกาลปิดประตูลง


     ________________________________________________________________________________

    ขอบคุญที่ช่วยหาคำผิดให้ไรท์เตอร์นะค่ะไรท์เตอร์พึ่งแวะมาดูตอนนี้แก้แล้วค่ะ



     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×