ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto ) Naruto The paradise of Atlantis ผจนภัยดินแดนแอตเลนติส

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ดินแดนปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 63






    ภายในถังไม้

         ตอนนี้ถังไม้นั้นยังคงรอยคออยู่ในทะเลอย่างโดดเดียวเดียวดาย อย่างไม่มีจุดมุ่งหมายแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมายังถังไม้ที่รอย อยู่ในมหาสมุทร นกนางแอ่นที่กำลังบินออกหาปลาบ้างตัวก็บินลงมาพักบนถังไม่และก็จิกถังไม้เล่น

     
         ภายในถังไม้อันอบอ่วนเด็กน้อยสองคนยังคงหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพรียจากเหตุการณ์เมื่อคืน พวกเขารู้สึกเหนื่อยและไม่อยากจะตื่นขึ้นมาจริง

    "อืม " มินาโตะตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง ภายในถังไม้นี้ช่างมืดนักแต่ก็พอมีแสงสว่างพอส่งลงมายังรู้เล็ก ข้างกายของเขาคือเด็กสาวผมแดงที่นอนหลับอย่างเหนื่อยล้าและไม่รู้สึกตัว  ตอนนี้เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่คิดอย่างสินหวังว่า เราจะตายกลางทะเลหรือเปร่าหรือมีใครมาช่วย แต่ก็ดูจะเป็นความคิดที่ไม่ปาฏิหาริย์ใด
    เกิดขึ้น ตอนนี้พวกเขายังคงอยู่ในถังไม้ที่โคร้งเคร้งอย่างกับถูกเตะไปมา รอยคออยู่ในกลางทะเลอย่างไร้จุดมุ่งหมาย

    "หืม ทำไมถังมันไม่โครงเคร้งละ" มินาโตะเริ่มจับผิดสังเกตขึ้นมาทันที่เมื่อพบว่าถังไม้ที่เขาอยู่นั้นมันไม่โคร้งเคร้งเหมือนตอนที่อยู่ในน้ำทะเล

    (หรือว่าเราจะถึงฝั่งแล้ว) มินาโตะคิดในใจ เด็กหนุ่มผลักเปิดฟาถังออกมา เมื่อเขายื่นตัวขึ้นมาจากถังก็พบกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาจนแสบตา ทำให้เขาต้องหยี้ตาปรับม่านตา เมื่อปลับม่านตาได้แล้วก็พบกลับ

         หาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ น้ำทะเลสีคราม ที่สวยงามดุจไพริน และบนบกมีป่าต้นมะพร้าวและต้นสนสีเขียวขจี กับลูกมะพร้าวที่เต็มไปหมดอยู่บนต้น รวมทั้งยังมีก้อนหิดขนาดใหญ่หลายก่อนอยู่ตรงหาดฝั่งตรงข้าม สายลมทะเลผัดผ่านร่างของเด็กหนุ่ม ไปอย่างสะบาย พร้อมกับอากาศที่ร้อน



     เด็กหนุ่มดีใจอย่างมากที่วันนี้พวกเขาทั้งสองรอดตายแล้ว เด็กหนุ่มกลับลงไปในถัง

    "คุชินะ คุชินะ ตื่นเร็วเข้า ตื่นเร็ว" มินาโตะเขย้าร่างบ้าง จนกระทั้งคุชินะเริ่มงัวเงี้ยขึ้นมา

    "มีอะไรหรือมินาโตะคุง" คุชินะทำเสียงงัวเงี้ย  และพยายามจะปลับสมดุลของดวงตาที่เบรออยู่

    "เรารอดตายแล้ว  เรามาถึงฝั่งแล้ว" มินาโตะพูดอย่างตื่นเต็น

    "จริงหรือ" เด็กสาวผมแดงเบิกตากว้างขึ้นมาทันที่ เพราะไม่นึกไม่ถึงว่าพวกเราสองคนจะรอดมาถึงฝั่ง

    "จริงสิเร็วเข้าออกมาเร็ว"

         มินาโตะกับคุชินะ เริ่มออกจากถังไม้ใบใหญ่ออกมา เท้าของทั้งสองสัมผัสพื้นทรายสีขาวที่ร้อนและอุ่นสบายทั้งสองมองไปรอบๆตัวอย่างมึนงงอย่างกับไม่เคยเจอสถานที่นี้มาก่อน    ธรรมชาติที่นี้ไม่อาจคาดเดาได้เลยถึงมันจะแปลกตาและสวยงามแต่ก็ไม่รู้เลยว่าเกาะแห่งนี้มีอันตรายใดๆซ่อนอยู่ ตอนนี้ทั้งสองกวาดตามองไปรอบ  ๆ   สถานที่แปลกใหม่

    "เราอยู่ที่ไหนกันแน่" เด็กสาวถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะที่ที่ทั้งสองอยู่นั้นดันเป็นที่ที่พวกเขาไม่รู้จัก

    "น่าจะเป็นเกาะร้างซักแห่งหนึ่งมัง" มินาโตะมองไปรอบอย่างทั้วทิศและพิจารณา

    "หานี้เรามาติดเกาะร้างงั้นหรือ " คุชินะถึงกับตาวาวขึ้นมา "ฉันไม่อยากตายอยู่ที่เป็นอันขาด ฉันไม่อยากตาย" 

    "ใจเย็นคุชินะ ไม่ต้องห่วงเธอมีฉันอยู่ทั้งคน เราไม่มีวันอดตายแน่นอน" มินาโตะพูดปลอบคุชินะ และเดินมาจับไหลไว้ทั้งสองข้าง "พวกเราต้องออกจากเกาะนี้ไปให้ได้แต่ว่าเราน่าจะเริ่มออกสำรวจกันก่อนดีกว่า"

    "ฉันเห็นด้วยตอนนี้ฉันก็ท้องร้องจอก
    ๆ ขึ้นมาแล้วละ" เด็กสาวเอามือกุมที่ท้องอย่างแผวเบา

    "งั้นเรากินมะพร้าวก่อนและค่อยออกเดินทางดีกว่า แต่ว่าเราน่าจะตากเสื้อผ้า และเช็กสำภาระก่อนดีกว่า"

         มินาโตะพูดขึ้นจากนั้นทั้งสองคนก็หยิบกระเป๋าเป้ออกมาจากนั้นก็เริ่มเช็กของต่าง ๆ ซึ่งภายในกระเป๋าเป้มีทั้งดาวกระจาย 20 อัน ,คุไนทั้งหมด 10 เล่ม , อาหารแห้งที่บรรจุในกระป๋องทั้งหมด 20 ประป๋อง, และเสื้อผ้ารำรองอีก 10 ชุด สวนทางฝั่งคุชินะก็มี ดาวกระจาย 20 อัน ,คุไนทั้งหมด 20 เล่ม , อาหารแห้งที่บรรจุในกระป๋องทั้งหมด 20 ประป๋อง, และเสื้อผ้ารำรองอีก 10 ชุด  หลังจากที่เครียสำรวจของหมดแล้ว

         มินาโตะกับคุชินะนำกระเป๋ามาวางหลบอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีหินก้อนใหญ่อยู่ตรงกลางหาดนั้นเมื่อวางของเสร็จแล้วมินาโตะก็ถอดเสือผ้าและกางเกง เผยให้เห็นร่างบอบบางผิวขาวที่มีซิกส์แผกเป็นมัด ๆ 

    "อ่า " เด็กสาวถึงกับตกใจและหน้าแดงขึ้นมาทันที่ เมื่อเห็นหุ่นของเพื่อนชายของตน

    "อะไรหรือ"

    "นาย นาย ช่วยหันไปทางอื่นได้ไหม้ไม่อายบ้างหรือไง และอีกอย่างนายช่วยหลบอยู่หลังหินได้ไหมฉันจะถอดเสื้อเหมือนกัน"

     
         คุชินะถึงกับหันหลังกลับอย่างหน้าแดงและหลบอยู่หลังหิน ชายหนุ่มเด็กสาวต่างพากันถอดเสือและกางเกง แล้วนำมาตากบนก้อนหินโดยทั้งสองนั้นยังคงนั่งอยู่คนละฝั่งโดยมีหินขนาดใหญ่เป็นตัวกันขวางกัน


    ฉีก!! ฉึก!!

         มินาโตะเขวี้ยงดาวกระจายไปตัดลูกมะพร้าวอย่างชำนาญ ลูกมะพร้าวตกลงมาถึงพื้นไม่รอช้าเด็กหนุ่มใช้คุไรแทงลงไปในมะพร้าวทั้งสองลูกเพื่อเปิดรู และส่งลูกพะร้าวข้ามหินที่ขว้างเขาไว้อยู่

    "อะนี้ของเธอ"

    "ขอบใจมากมินาโตะคุง"

     
         เด็กสาวเอื่อมมือไปหยิบมะพร้าวที่วางอยู่บนหินที่สูง เมื่อได้มาแล้ว ก็จัดการดื่มน้ำมะพร้าวเข้าปากอย่างกระหาย เมื่อดื่มเสร็จเด็กสาวก็ใช้คุไนหันลงไปที่ลูกมะพร้าวเพื่อแงะเอาเนื้อมะพร้าวมากิน

     
         แสงแดดสาดส่องลงมาอย่างหนักทำให้เสื้อผ้าของทั้งสองที่ตากอยู่บนหินแห้งขอดเมื่อทั้งสองเห็นว่าเสื้อผ้าแห้งแล้ว ทั้งสองก็นำเอาเสื้อผ้าที่แห้งแล้วมาใส่

     "เราไปสำรวจเกาะร้างนี้กันเถอะ"

    "ใช้ไปกันเถอะ"

         คุชินะพยักหน้า ทั้งสองก็กระโดดอย่างรวดเร็วไปตามหมู่แมกไม้เพื่อออกสำรวจดินแดนที่ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ทั้งสองคนกระโดดไปตามต้นไม้น้อยใหญ่มากมายที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน   ต้นไม้พวกนี้เป็นต้นไม้เมืองร้อน และซึ่งอาจจะป่าดิบชื้นขนาดใหญ่บนเกาะนี้ อากาศที่นี้ร้อนอบอ้าวมาก  นอกจากนี้ทั้งสองยังได้พบกับหมู่วิหคสายพันธ์ต่างๆที่ไม่อาจหาได้ในแผ่นดินใหญ่ จนกระทั้งพวกเขามาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ที่สูงใหญ่กว่าต้นใด มันเป็นต้นไม้ที่เขียวขจี และมีขนาดใหญ่และสูง  ที่สุดในป่าแห่งนี้ 

    "ฉันว่าเราขึ้นไปสำรวจดูทิวทัศน์บนต้นไม้ใหญ่ข้างบนนั้นดีกว่าไม" มินาโตะเสนอแนะ

    "ฉันว่างั้นเหมือนกัน"

         คุชินะเห็นด้วยกับมินาโตะ  ไม่รอช้าทั้งสองก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่นั้นจนกระทั้งไปถึงยอดต้นไม้ เมื่อมาถึงแล้วทั้งสองก็พบกับสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ที่ไม่มีสถานที่ใดเคยพบเห็นมาก่อน




     


         พื่นป่าเขตร้อนขนาดใหญที่เขียวขจีดุจทะเลหยก มีหมู่แมกไม้สูงใหญ่อยู่มากมาย อีกทั้งยังมองเห็น ขุนเขาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าสูงเสียดฟ้ามีหิมะปกคลุมอยู่บนเทือกเขา เบื่องล่างของขุนเขาคือมหานทีที่สวยงามสายน้ำไหล่ลงมาจากต้นกำเนิดบนภูผา เหล่าหมู่ไม้ป่าต่างเติบโตตระหง่าอยู่สองฝั่งแม่น้ำ หมู่เมฆาสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมเทือกเขาและลอยผ่านไปอย่างไม่รีบเร่งตามกระแสวายุ หมู่วิหคน้อยใหญ่โผบินอิสระเสรีอยู่บนท้องนภา ลมเย็นจากเทือกเขาพัดผ่านร่างของทั้งสองเย็นสะบาย  ทั้งสองกวาดตามองไปทั่วทิศด้วยความมหัศจรรยยิ่งนักเพราะไม่เคยมีนักสำรวจหรือมนุษย์ผู้ใดเคยเหยียบยำที่นี้มาก่อน เกาะแห่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งหนัก บางที่อาจจะเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและยังไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อนก็ได้

    "มันสวยวามจริงเลยๆ" คุชินะตะโกนอย่างดีใจ "ฉันไม่เคยเห็นธรรมชาติอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย"

    "จริงอย่างที่เธอพูดที่นี้มันสวยงามมากเลย " มินาโตะยังคงกวาดตามองไปทั่วทิศ

    "ฉันอยากให้นี้เป็นความฝันจริงๆ" คุชินะถึงกับปาดน้ำตาในความสวยงามของธรรมชาติที่งดงามดุจสรวงสวรรค์

    "จริงสิเราต้องหาที่พัก และอาหารกันก่อนนี้"

    "จริงอย่างที่นายพูดฉันว่าเราลงไปข้างล้างกันเถอะ และอีกอย่างเราหน้าจะกลับไปที่ที่เราขึ้นฝั่งกันดีกว่า"

    มินาโตะเริ่มฉุกคิดได้ว่าต้องรีบหาที่พักและอาหารการกินก่อนไม่อย่างนั้นพวกเราต้องอดตายแน่นอน

    "ช้าก่อน " เสียงคุรามะพูดขึ้นจากนั้นก็ปรากฎตัวอยู่บนไหล่ของคุชินะโดยมันได้ย่อตัวให้เล็กลงจนกลายเป็นคุรามะตัวน้อย ที่มี 9 หาง ขนสีส้มหูยาวและขอบตาดำที่ยาวถึงหู 

     "อะไรละคุรามะนายจะออกมาทำไมอีกละ" คุชินะบ่นขึ้นมาใช้เพราะในช่วงที่เกิดเหตุเรือล่มคุรามะนั้นเอาแต่นอนหลับอยู่ภายในตัวเธอตลอดเวลาโดยไม่ได้ช่วยอะไรเลย

    "ฉันอยากออกเดินทางสำรวจเกาะใหญ่แห่งนี้หน่อยที่ นี้ดูใหญ่กว่าภายในร่างของเธอจริง " 

    "ทำไมละ นายอยากหนีไปเที่ยวใช้ไหม ฉันรู้นะ" คุชินะจับไตของคุรามะได้เธอรู้ดีว่าไอ้เจ้าจิ้งจอก 9 หางมันอยากหนีเที่ยวเป็นอิสระ ในใจของเธอ เธออยากจะอัดเจ้าจิ้งจอกนี้ซักปาบ"อีกอย่างฉันมีเรื่องกับนายที่จะต้องสะสางกันหน่อยโดยฉะเพราะ เรื่องที่นายไม่ออกมาช่วยตอนเรือกำลังอัปปาง"

    "ก็ข้าหลับอยู่นี้ใครจะสน ละ" คุรามะโต้กลับอย่างไม่กลัวนาย " ฉันอยู่ในตัวเธอจนเบื่อแล้วฉันอยากออกไปเที่ยวอิสระเสรีหน่อยหลังจากที่อยู่ภายในร่างเธอที่อึดอัดขนาดนี้ "

    "นายจะเดินทางไปทั่วเกาะเลยหรือ" คุรามะเอี้ยงคอมองมินาโตะที่ถามกลับ ขณะที่อยู่บนไหล่ของคุชินะ

      มินาโตะถามคุรามะด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าจิ้งจอกตนนี้คิดอะไรอยู่

    "ไม่ต้องห่วง หรอกถ้ามีอะไรใหม่มาฉันจะบอกพวกเธอเอง " คุรามะกระโดดลงมาจากไหล่ "งั้นไม่ว่าอะไรฉันไปสำรวจดินแดนใหม่ก่อนนะ"

         จิ้งจอกเก้าหางกระโดดลงไปข้างล่าง ต้นไม้จากนั้นก็ขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นมโหฬาร จนพื้นดินสะเทือนไปทั้ว จนเกือบทำเด็กทั้งสองตกต้นไม้

    "ให้มันเบาหน่อยได้ไหมคุรามะ ฉันเกือบจะตกอยู่แล้วนะ" คุชินะร้องออกมาอย่างไม่สบอารหมณ์

    "โทษจ่ะ" คุรามะหันมายิ้มและชูชองนิ้วอย่างไม่สนใจเจ้านายของมัน มันวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนทำให้พื้นป่าที่อยู่ในทางที่มันเดิน ต่างโค้นล้มเป็นระเนระนาดจนโล่งไปหมดจนกระทั้งมันก็ได้ลับสายตาของทั้งสองไป 

     "ไอ้เจ้าคุรามะค่อยดูเถอะกลับมาเมื่อไหล่แม่จะอัดใหเและเลย คอยดู" คุชินะกระโดดลุกขึ้นอย่างโมโห จนทำให้มินาโตะถึงกับขำเพราะเวลาคุชินะโกรธที่ไรนี้จะกลายเป็นปีศาจทันที่จนมีฉายาว่าแม่ผลิกขี้หนูเลือดสาด

     "ขำอะไรของนาย" คุชินะหันสายตาอาฆาตมาจ่องมองมินาโตะ

     "เปล่า ไม่มีอะไร" มินาโตะถึงกับตัวตรงทีนที่เพราะเขาไม่อยากถูกมัดของคุชินะอัดใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา

     "ฉันว่าเรารีบกลับไปที่ชายฝั่งของเรากันดีกว่า" มินาโตะเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกอัด

         ทั้งสองก็ไต่ลงมาจากต้นไม้ และก็เดินทางต่อไปโดยการกระโดดไปตามต้นไม้ โดยมีเป้าหมายที่จะกลับไปยังชายฝั่ง ทั้งสองยังคงกระโดดต่อไปเรื่อยจนในที่สุดก็กลับมายังชายฝั่งที่ที่พวกเขาได้ลอยมาติดที่เกาะแห่งนี้

    ณ ชายฝั่ง



         ตอนนี้ทั้งสองได้กลับมายังสถานที่เดิมที่ซึ่งพวกเขาได้ขึ้นมาติดเกาะ ตรงบริเวณเดิม อากาศในช่วงนี้ร้อนเป็นพิเศษจนเกือบจะเผาผิวกายของทั้งสองให้ดำได้ในทันที่ เหล่าต้นมะพร้าวต่างสั่นไหวไปตามสายลมจากท้องทะเลที่พัดผ่านมา ในน้ำมีเหล่ามัจฉามากมายกำลังออกหาอาหารตามซอกหินและพื้นทรายสีขาว

    "ฉัน จะออกหาอาหารก่อนนะ สวนเธอก็ออกไปเอาฟืนมานะ"

    "ได้เลยเดียวฉันจะไปหาฟืนมาให้"

    "ระวังตัวด้วยละที่นี้ธรรมชาติอาจมีอันตรายซ่อนอยู่เสมอ หากไม่ระวังมันอาจฆ่าเราได้ขอให้โชคดีน่ะคุชินะ"

     ตอนนี้ทั้งสองแยกทางจากกัน โดยมินาโตะนั้นมุ่งออกไปหาอาหารผลไม้ภายในป่าใหญ่ส่วนคุชินะนั้นจะออกไปเก็บฟืน โดยทั้งสองต่างแยกย้ายกันเข้าไปในพื้นป่าอันกว้างใหญไพศาลแห่งนี้

    .................................................................................................................................................

    ทางด้านมินาโตะ

         เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในป่า ซึ่งภายในป่านี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งหนักซ่ำอาหารยิ่งหายากมากด้วย แต่เมื่อมินาโตะเดินทางถึงกลางป่าก็พบกับ เหล่าบรรดาต้นไม้ต่างๆที่มีผลไม้ อยู่เต็มไปหมดทั้งป่า และแต่ละลูกก็มีสีและรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป

    " แถวนี้มีผลไม้เยอะจริงแต่จะทำอย่างไรได้ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าลูกในเป็นผลไม้พิษ " มินาโตะพูดกับตัวเองใช้เพราะในสมัยที่เขาเป็นศิษย์ของจิไรยะนั้น จิไรยะได้เคยสอนไว้ว่าผลไม้ต่าง
    ในป่านั้นมีพิษ เพราะฉะนั้นเวลากินก็ควรระวังเป็นพิเศษ

    "จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี" มินาโตะถึงกับเอามือกุมหัวไปมาอย่างหาทางออกไม่ได้ "ขืนหาอาหารไม่ได้เราทั้งคู่อดตายแน่ๆ"

    เจียก เจียก เจียก

         มีเสียงเจี้ยวจ่าดังขึ้นทำให้มินาโตะต้องไปหลบอยู่หลังต้นไม้ทำให้เขาได้พบกับฝูงลิง ที่มีลิงจำนวน 20 ตัวกำลังโหนไปตามต้นไม้ต่าง ๆ เด้กหนุ่มสังเกตเห็นว่าพวกมันนั้นได้เขาไปกินผลไม้บนต้นไม้นั้น ซึ่งพวกมันกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้มินาโตะคิดได้ขึ้นมาว่า สัตว์ในป่าตนได้กินผลไม้ได้ก็แสดงว่าผลไม้นั้นไม่มีพิษ

         เขารอให้พวกลิงพวกนั้นกินผลไม้จนเสร็จ เมื่อพวกมันกินอิ่มแล้วฝูงลิงพวกนั้นก็จากไป เขาเดินออกมาจากหลังต้นไม้ แล้วเดินมาที่ต้นที่ที่พวกลิงกินผลไม้

    "เอาล่ะ คาถาแยกร่าง" มินาโตะประสานอินจากนั้นก็เกิดขวัญขึ้นมาข้างเขาเป็นร่างแยกทั้งหมด 4 ร่าง

    "โอเคตามนี้นะนายไปเอา ผลไม้ตรงโน้นสวนฉันจะเอาตรงนี้เอง จัดการได้" ร่างแยกรับคำสั่งจากนั้นทั้ง 4 ก็พุ่งขึ้นไปบนต้นไม้แล้วก็เด็ดผลไม้ที่เหลืออยู่ลงมา

     หลังจากที่เก็บมาครบแล้วมินาโตะก็ใช้ร่างแยกให้ช่วยกันถือผลไม้กลับไปที่พัก อย่างสบายใจ

    ...................................................................................................................................................

    ทางด้านคุชินะ

         เด็กสาวยังคงเดินเก็บฟืนและไม้ที่ตกอยู่ตามพื้นจนกระทั้งตอนนี้สามารถรวบรวมมาได้มากขึ้นที่เหลื่อคือเดินทางกลับไปที่พัก ตอนนี้เธอเดินอย่างลากลำบากเพราะต้องแบกฟืนที่ถูกนำมามันรวมกันไว้แล้วก็แบก

    "เหนื่อยเป็นบ้าเลย ถ้าเจอแม่น้ำซักหน่อยก็คงดี" 

         เด็กสาวปาดเหงือเม็ดใหญ่บนหน้าผาก อย่างเหน็ดเหนื่อยรวมถึงต้องแบกฟืนที่หนักอีก ตอนนี้เหงือจากร่างของเธอไหลออกมาเยอะทำให้เนื้อตัวของเธอเหนียวไปหมดทั้งตัว พร้อมกับคอที่แห้งต้องการน้ำ   เธอยังคงเดินต่อไปพร้อมกับแบกฟืนเดินอย่างเหน็ดเหนื่อย จนกระทั้ง



         สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าทำให้เธอหายเหนื่อยเป็นปริทิ้ง เมื่อเธอมาพบกับทะเลสาปขนาดใหญ่ที่มีสีฟ้าใส่สะอาดดุจมรกต หมู่แมกไม้ต่างๆมีใบไม้หลากสีสัน รวมทั้งภูเขารอบข้างก็มีหมู่ต้นไม้เติบโตสวยงามเต็มไปหมด ภายในทะเลสาปมีหมู่มัจฉาแวกว่ายไปมาอย่างสะบายใจ

    "ในที่สุด"
      
         เธอรีบว่างฟืนที่ถูกมัดไว้เป็นมัดๆลงจากหลัง แล้วก็รีบวิ่งไปที่ทะเลสาปมรกต เธอนั้งคุกเข่าลงและใช้มือบางๆตักน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อให้หายความกระหาย น้ำที่ดื่มเข้าไปนั้นช่างเย็นและสดชื่นยิ่งนัก

         ไม่ทัดใดเธอตัดสินใจบันจงถอดเสื้อผ้าของเธอและกางเกงออกเผยให้เห็นผิวกายร่างบางอันขาวสะอาดบริสุทธิ์ แล้วก็นำเสื้อผ้าและกางเกงไปวางไว้ที่ริมต้นไม้ จนตอนนี้เธอไม่มีเสื้อผ้าอาพรใดๆปิดบังร่างกายอีกแล้ว ร่างบางก็กระโดดลงในทะเลสาปแวกว่ายอย่างสนุกสนานไปพร้อมกับเหล่ามัจฉา เธอนอนรอยคออยู่ในทะเลสาปหง่ายมองดวงอาทิตย์ที่มีหมู่เมขาบดบั้ง เฝ่ามองคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้ประสบพบเจอมาในชีวิต และผ่อนคลายให้ร่างกายที่เหนื่อยอ่อนให้สะบาย

         ร่างของสาวน้อยเมื่ออาบน้ำในทะเลสาปเสร็จแล้ว เธอก็รีบขึ้นมาบนบกแล้วนอนตากแดดบนพื้นเพื่อให้ตัวแห้ง ผ่านไปซัก 5 นาที เธอก็ลุกขึ้นและกลับไปใส่เสื้อผ้าที่อยู่ริมต้นไม่จากนั้นก็แบกฟืนที่ว่างอยู่กลับไปที่พัก



    .................................................................................................................................................

    ณ ที่พัก ยามเย็น


     

         ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังหลับขอบฟ้าหมู่วิหคนางนวลต่างพากันบินกับลังของพวกมันเพื่อนำอาหารไปเลี้ยงลูกๆของพวกมัน   มินาโตะได้กลับมาแล้ว แต่ยังไม่พบคุชินะ ตอนนี้เขาเอาผลไม้มาว่างลงบนใบแผ่นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นไปได้ว่าน่าจะมาจากซากเรือที่แตก ตอนนี้เขาได้สำรวจตรงชายหาดก็พบกับชิ้นส่วนและข้าวของต่างๆที่มาจากเรืออัปปาง ของพวกนี้มีตั้งแต่แผ่นกระดาน กล่องไม้ที่มีเมล็ดพืชชนิดต่างๆ และก็กล่องที่มีมีด ขวาน ฉมวก และดาบ และของทำครัว

      มินาโตะได้แบกของต่างๆนั้นขึ้นมาบนฝั่ง รวมทั้งถังไม้ที่ เขากับคุชินะอยู่อาศัยกันตอนเรืออัปปาง 

     "กลับมาแล้วหรือมินาโตะ"

    "เป็นไงบ้างคุชินะ โอ้ ให้ฉันช่วยไหม"

    เด็กหนุ่มเมื่อพบเด็กสาวกลับมาพร้อมแบกฟืนกลับมาด้วยจึงเขาไปช่วยแบกจากนั้นทั้งสองก็นำมากองรวมกัน 

    "คาถาไฟ" มินาโตะจุดไฟด้วยคาถาวิชาไฟ ตอนนี้ไฟได้ลุกโชนขึ้นมาทั้งสองมานั่งรอบๆกองไฟเพื่อคลายความหนาว ทั้งสองแนบชิดกันอย่างสนิท  อีกทั้ง เด็กหนุ่มยังสงผลไม้ให้เด็กสาวกินทั้งสองกินผลไม้รอบกองไฟอย่างเอร็ดอร่อย ผลไม้นี้ช่างมีรสหวานยิ่งนักและสดด้วย ตอนนี้แผ่นดินเกาะแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยรัตติการความมืด ท้องนภาเริ่มปรากฏ หมู่ดาราต่างๆมากมาย

    "เธอไปเก็บฟืนมาเธอเห็นอะไรบ้าง" มินาโตะถามพร้อมกับกัดผลไม้และเขี้ยว

    "ฉันเจอที่ที่เราจะสร้างที่พักได้และ มันเป็นทะเลสาป มรกตที่นั้นมีปลานานาชนิด รวมทั้งปลาแซลมอนด้วย" คุชินะกัดผลไม้เข้าปาก ใช้แล้วปลาแซลมอนนั้นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยอยู่ในทะเลสาป ยกเว้นว่าที่่พวกมันมาอาศัยว่ายน้ำอยู่ในบริเวณนั้นคงมาเพื่อผสมพันธ์และว่างไข่

    "ที่เธอพูดก็ถูก พวกเราต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำจืดให้มากที่สุด ไว้พรุ่งนี้เราคอยไปสำรวจสร้างที่พักกันดีไหม" มินาโตะถามกลับใช้แล้ว เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำเอาไว้

    "วันนี้เราจะนอนตรงไหนดี " 

    "ก็ในนั้นนะ"

     มินาโตะชี้ไปที่ถังไม้ที่นอนคว่ำอยู่กับพื้นทราย 

    "แปลว่านายจะให้พวกเรานอนในนั้นอีกหรือ " คุชินะพูดอย่างไม่สบอารหมณ์เพราะเธอยังคงฟังใจกับการที่ต้องอยู่ในถังที่รอยคอยู่ในมหาสมุทรเป็นเวลานาน

    "ไม่มีทางเลือกนะ และอีกอย่างที่นี้ยามดึกโคตรหนาวจริง" มินาโตะกอดตัวเอง เพราะยามดึกของเกาะแห่งนี้นั้นช่างหนาวเหน็บมากเพราะอาจได้รับอิทธิพลจากความเย็นบนเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม

    "ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะ หาว ฉันรู้สึกว่าอยากจะนอนละ ไปเราเขาไปนอนกันดีกว่า"

    "ใช้ฉันก็รู้สึกง่วงเหมือนกัน ราตรีสวัสดิ์คุชินะ "

         มินาโตะและคุชินะเริ่มรู้สึกอ่อนเพรียขึ้นมาทันที่   ทั้งสองรีบเข้าไปนอนในถังไม้ใบใหญ่นั้น ดวงตาของทั้งสองหลับลงอย่างอ่อนเพลีย ตอนนี้กองไฟที่เคยลุกโชนก็ดับลง   บนท้องนภาอันมืดมิดยังคงมีหมู่ดาราประดับฟ้าส่องแสงอย่างแวววับ คำคืนราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก ทั้งสองยังคงคิดว่าวันพรุ่งนี้จะเจอเหตุการณ์อะไรอีกบ้าง
     
    ******
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×