ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto ) Naruto The paradise of Atlantis ผจนภัยดินแดนแอตเลนติส

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ภายุถล่ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 238
      9
      18 มี.ค. 63




    ณ หมู่บ้านโคโนฮะงาคุเระ

         ภายในห้องพักแห่งหนึ่งมีสาวน้อยวัย 12 ปี กำลังตื่นจากการนอนหลับอันแสนอบอุ่น เมื่อแสงแดดของเช้าวันใหม่ได้ส่องเข้ามาในกระจกหน้าต่าง เด็กสาวผู้น่ารักผิวขาว ลืมตาสีฟ้าดุจท้องสมุทรขึ้นมา เธอลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปที่หน้ากระจก เธอมองไปในกระจกเธอเห็นผมสีแดงฉานยาวของเธอนั้น รกรุงรังไปหมด เธอเดินเข้าไปอาบน้ำอุ่น ภายในห้องน้ำ เมื่ออาบเสร็จก็ออกมาแต่งตัว และหวีผมสีแดงฉานตรงหน้ากระจก 

    "คุชินะ คุชินะ" เสียงเด็กผู้ชายตะโกนเรียก ดังมาจากหน้าต่างทำให้เด็กสาวผมแดงรีบเดินไปเปิดหน้าต่าง ก็พบกับเด็กหนุ่มอายุ 13 ปี ใบหน้าหล่อเหลา ผมสีบลอนด์ ตาสีน้ำเงิน ผิวขาวสะอาด

    "มีอะไร มินาโตะคุง" เด็กสาวตะโกนถามตอบกลับไปขณะที่จับขอบหน้าต่างอยู่

    "ท่านโฮคาเงะเรียกให้ไปเข้าพบ" เด็กหนุ่มมินาโตะตอบกลับไป "บ้างที่อาจมีภารกิจให้ทำก็ได้"

    "ได้ ได้ เดียวฉันตามไป รอก่อนนะ"

         เด็กสาวตอบกลับไป ก่อนที่จะรีบปิดหน้าต่างแล้วก็รีบใส่ชุดนินจา ใช้แล้ว ฉันชื่อ อุซึมากิ คุชินะ เป็นทายาทจากตระกูลอุซึมากิที่มาจากหมู่บ้านอุซึชิโอะงาคุเระ ที่ถูกส่งมาอยู่ที่หมู่บ้านโคโนฮะในช่วงที่หมู่บ้านของฉันกำลังทำสงครามกับเหล่านินจาจากหมู่บ้านอื่นรวมทั้งศึกภายในหมู่บ้าน ฉันถูกส่งมาอยู่ที่โคโนฮะเพื่อมาเป็นร่างสถิต 9 หางต่อจากท่านอุซึมากิ มิโตะที่เป็นภรรยาของโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่ง หรือเซนจู ฮาชิรามะ

      "นี้ เธอรีบขนาดนี้เลยหรือ" เสียงปริศนาพูดขึ้นในหัวขณะที่คุชินะรีบปิดประตูห้องพัก อย่างรวดเร็ว

      "ก็ใช่สิ คุรามะฉันต้องรีบหน่อยแล้วเดียวไม่ทันได้กินราเมงจากร้านอิจิราคุ แน่นอน" คุชินะพูดเอ็ด เจ้าคุรามะคณะกำลังวิ่งลงไปตามบันไดทางเดินของอพาต์เมนต์ ใช่นี่คือคุรามะหรืออจิ้งจอก 9 หางที่อยู่ในตัวฉัน ตั้งแต่มีการผนึกสัตว์หางลงไปในตัวเธอ เริ่มแรกคุรามะกับฉันก็ไม่ได้เข้ากับฉันได้ดีเท่าไหร่หรอก แต่นานวันเข้าฉันกับคุรามะก็เริ่มสนิทกันมากจนเป็นเพื่อนกันทำให้ฉันสามารถควบคุม 9 หางได้ในที่สุด

     "มาเร็วเข้าเราต้องรีบไปแล้ว" มินาโตะเรียกคุชินะ ทั้งสองใช้พลังจักระส่งลงไปที่เท้าของพวกเขาและกระโดดไปตามหลังคาอาคารบ้านเรือนต่างๆ จนในที่สุดก็มาถึงสำนักงานโฮคาเงะ

    ภายใน
    สำนักงานโฮคาเงะ

    "มาถึงพอดีเลยนะทั้งสองคน" ชายที่มีอายุเกือบเข้าวัยกลางคน หนวดและผมสีน้ำตาล นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานที่มีเอกสารอยู่บนโต๊ะ และกำลังสูบไป้อย่างสบายอารหมณ์ เขาคือโฮคาเงะรุ่นที่ 3 ที่มีนามว่า ซารุโทบิ ฮิรุเซ็น  

    "สวัสดีครับท่านโฮคาเงะรุ่น 3 " เด็กทั้งสองโค้งคำนับโฮคาเงะอย่างนอบน้อม

    "สวัสดีพวกเธอสองคนด้วยนะ  วันนี้พวกเธอสะบายดีหรือเปร่า" โฮคาเงะรุ่น 3 ทักทายเด็กทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน

    "พวกเราสองคนสะบายนี้ครับ" 

    "ใช้ค่ะเราสองคนสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีค่ะ"

         เด็กสาวตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้ม ทำให้โฮคาเงะมีความสุขด้วยเช่นกัน

    "อืม ก็ขอให้พวกเธอมีความสุขด้วยเช่นกันนะ" โฮคาเงะรุ่น 3 ยิ้มให้กับเด็กทั้งสองคน

    "วันนี้ท่านโฮคาเงะมีภารกิจอะไร หรือครับ" มินาโตะถามออกไป

    "ภารกิจของวันนี้"
    ฮิรุเซ็นดึงไป้ออกจากปากและหยิบเอกสารออกมาจาก ลิ้นชัก มันเป็นเอกสารแผนบางๆปกเงิน จากนั้นเขาก็เปิดเอกสาร" ภารกิจในวันนี้คือ พวกเธอสองคนต้องเดินทางไปที่หมู่บ้านคิริงาคุเระ ที่นั้นขอนินจาจากทางเราไป ช่วยสืบหาของโบราณบ้างอย่างที่เล่าลือกันว่าทรงพลังมาก ว่ากันว่ามันเป็นอาวุธที่หายสาปสูญไปนานแล้ว "

     ฮิรุเซ็น ปิดแฟ้มลง มินาโตะอยู่ในอาการที่ดูจะสนใจมากๆ หาอาวุธโบราณที่สาปสูญหรือน่าสนใจดี

    "แล้วเราต้องเดินทางไปในวันนี้เลยใช้ไหม ค่ะ " คุชินะถามออกไปอย่างลังเลเพราะวันนี้เธออยากไปซื้อของที่ตลาดกับมิโกโตะ
     
    "ใช้ วันนี้และ เรือที่จะไป
    คิริงาคุเระ ออกตอน 11 โมง ฉันว่าพวกเธอไปเตรียมของได้แล้วละตอนนี้เวลาซัก 8.00 เช้าแล้ว" รุ่น3นำไป้กลับมาสูบอีกครั้ง

    "ได้ครับพวกเราสองคนจะทำภารกิจให้สำเร็จครับท่านโฮคาเงะ" มินาโตและคุชินะโค้งคำนับ

    "ฮะ ฮะ ดีมากทั้งสองคนขอให้พวกเธอทำภารกิจกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยนะ และขอให้โชคดีกับการเดินทางด้วยนะ" โฮคาเงะรุ่น 3 หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

         หลังจากที่ได้รับภารกิจแล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องโฮคาเงะไป เมื่อออกมาแล้ว มินาโตะคุชินะวิ่งออกจากสำนักงานโฮคาเงะทันที่

    "เจอกันที่ร้านอิจิราคุราเม็งนะ" มินาโตะพูดขณะที่กำลังวิ่งไปพร้อมกับคุชินะ

    "ได้แต่นายต้องเลี้ยงฉันด้วยนะ" คุชินะพูดตอบกลับไปแล้วยิ้ม " ฉันเอา 
    โทคุเชน ราเมนนะ " 

    "ได้เดียวสั้งให้"

         มินาโตะ ตอบรับคุชินะ เมื่อมาถึงทางแยก ทั้งสองแยกจากกันต่างคนต่างกลับไปที่พักของตัวเองแล้วรีบเก็บข้าวของของตัวเองลงในกระเป๋าเดินทาง พวกเขาหยิบเสื้อผ้า อาหาร อาวุธ ยันต์ระเบิด และก็ข้าวของที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง

    เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองรีบมาเจอกันที่ร้านราเมง ตอนเวลา 8.40 เด็กสาวรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเด็กหนุ่มจะสั่งราเม็งกินตัดหน้าไปก่อน

    "มาถึงเร็วดีนี้" เด็กสาวมาเจอเด็กหนุ่มที่อยู่หน้าร้านอิจิราคุ พอดีโดยที่เด็กหนุ่มกำลังยืนรออยู่ที่หน้าร้านพอดี

    "ใช้ งั้นเรารีบไปนั้งกินราเมงกันเถอะ" เด็กหนุ่มชวน "วันนี้ฉันเลี่ยงเธอเอง"

     ทั้งสองรีบเข้าไปนั้งในร้านราเมงของพี่เทอุจิ ทันที่

    "พี่คับผมขอชาชูราเมนครับ"

    "หนูเอา โทคุเชน ราเมนนะ ค่ะ" 

    "ได้เลยทั้งสองคนเดียวฉันจัดให้" เทอุจิชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านราเมน ตอบกลับมาอย่างยิ้มแย้มจากนั้นก็ทำราเมง มาให้เด็กทั้งสองกินมินาโตะคุชินะไม่รอช้าต่างรีบกินราเมงอย่างรวดเร็วเพราะเรือจะออกจากท่าในเวลา 11.00 โมงเพราะฉะนั้นเวลาไม่มาก



    เมื่อทั้งคู่กินเสร็จจนพุ่งกางแล้วทั้งสองก็จ่ายตัง   
      
    "นี้ตั้งครับผม" มินาโตะยื่นตังให้พี่เทอุจิ

    "ขอบคุณมากนะ ไว้ภารกิจเสร็จแล้วก็กลับมากินต่อได้เลยนะทั้งสองคน" พี่เทอุจิกล่าวลา เด็กทั้งสองคน ก่อนที่ทั้งสองจะรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

    ตอนนี้ทั้งคู่ต่างรีบวิ่งมาที่ประตูหมู่บ้านโคโนฮะ อย่างรวดเร็ว

    "อ้าวคุชินะ มินาโตะ พวกเธอกำลังจะไปไหนกันนะ " เสียงเด็กสาวผมสีดำยาว ดวงตาสีดำหน้าตาดูหน้ารัก ร้องทักเด้กทั้งสอง

    " มิโกโตะ พอดีฉันกับมินาโตะต้องรีบเดินทางไปคิริงาคุเระนะ " คุชินะทักทายเพื่อนสาว

    "เหมือนกัน ฉันกำลังจะเดินทางไปซึนะ ที่นั้นฉันมีภารกิจปราบโจร ฉันต้องเดินทางไปพร้อมกับ ฟุงาคุแต่ตอนนี้เขากำลังเข้าห้องน้ำอยู่เดียวก็คงมา" เด็กสาวมิโกตะ พูดกับเพื่อนสาว เธอได้เอ่ยชื่อ อุจิวะ ฟุงาคุ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิตของเธอ อุจิวะ ฟุงาคุนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนมีความสามารถและมีฝีมืออย่างมากและยังเป็นคู่ปลับกับ นามิคาเสะ มินาโตะอีกด้วย 

    "เธออยากได้ของฝากอะไร จากฉันบ้างเดียวฉันซื้อมาฝาก" คุชินะถามรินกลับไป

    "ฉันอยากได้ขนมคบเขียวนะ อย่าลืมซื้อมาฝากด้วยนะ" มิโกโตะบอกสิ่งที่เธอฝากให้ซื้อ

    "ได้เลย
    มิโกโตะ เดียวฉันซื้อมาฝากงั้น พวกเราไปก่อนนะ" คุชินะรับปาก

    "อ่อมิโกโตะ อย่าลืมฝากบอกฟุงาคุด้วยว่ากลับมาเมื่อไหล ฉันจะขอประลองกับเจ้าหมอนั้นอีกครั้ง " มินาโตะฟากข้อความถึงฟุงาคุ ให้มิโกโตะ 

    "ได้เลยเดียวฉันจะฝากข้อความถึงเขาให้" มิโตโตะตอบรับปาก ใครๆก็รู้ดีอยู่แล้วว่าฟุงาคุกับมินาโตะนั้นเป็นคู่แข็งคู่ปรับกันมาตลอด มิโกโตะถึงกับยิ้มทำให้นึกถึง ตอนที่อยู่ทีมจิไรยะ ที่ประกอบไปด้วย อาจารย์จิไรยะหรือที่รู้จักกันในชื่อเซียนลามก และลูกศิษย์สามคน คือ อุจิวะ ฟุงาคุ , มิโกโตะและนามิคาเซะ มินาโตะ ในตอนนั้นมินาโตะมักจะตามจีบฉันเสมอแต่ฉันมีใจให้ฟุงาคุอยู่แล้ว สำหรับฟุงาคุกับมินาโตะนั้นพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนเลยยังคงจองเขม้งหมายจะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ นึกแล้วขำสองคนนี้จริงๆเลย

    คุชินะกับมินาโตะโบกมือลาเพื่อนของพวกเขา ก่อนจะรีบวิ่งออกจากประตูโคโนฮะไปอย่างรวดเร็ว

    "ลาก่อนขอให้พวกเธอเดินทางกลับมาอย่างปลอกภัยนะ" 
    มิโกโตะตะโกนกล่าวลาครั้งสุดท้าย

     ตอนนี้ทั้งคุชินะและมินาโตะกระโดดไปตามต้นไม้น้อยใหญ่อย่างรวดเร็ว ดุจสายลม

    "คุชินะวันนี้เรามาแข่งกันว่าใครจะไปถึงท่าเรือก่อนกัน" มินาโตะก้าวกระโดดเหยียบไปตามกิ้งไม้

    "ได้เลย ถ้าฉันชนะนายต้องซื้อขนมให้ฉันนะ" คุชินะตะโกนกลับไปจากนั้นก็เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว

    (ฉันไม่ยอมเธอหรอก) มินาโตะคิดในใจจากนั้นก็เร่งฝีเม้าอย่างรวดเร็วเพื่อจะตามคุชินะไปให้ได้

    ณ ท่าเรือฮิโนะ

         ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงท่าเรือจนได้ ท่าเรือแห่งนี้มีเรือน้อยใหญ่มากมายตั้งแต่เรือขนสินค้าจากแดนไกล เรือประมง และเรือเดินทาง  ตอนนี้ทั้งสองต่างหอบเหนื่อยอย่างมากจากการที่วิ่งกันมา

    "ฉันชนะ อ่อย" คุชินะร้องออกมา แต่ก็หอบจากความเหนื่อยไปด้วยเหมือนกัน

    "งั้นฉันต้องไปซื้อขนมให้ใช้ไหม" มินาโตะยิ้มและเกาหัว

    "ใช้แล้วนายต้องรีบไปซื้อไอติมมาให้ฉันเลย นะ" คุชินะชี้ไปที่ตูขายไอติมในร้ายขายขนม

    "ได้เลยคุชินะ " มินาโตะรับวิ่งไปที่ร้านไอติมทันที่ถึงจะรู้สึกเหนื่อยก็ตาม

     
         คุชินะมองท้องฟ้าที่มีหมู่เมฆและนกนางนวลที่บินไปบนท้องฟ้า เธอใฝ่ฝันอยากมาเที่ยวทะเลซักครั้งในชีวิตของเธอ มันทำให้เธอนึกถึงวัยเด็กของเธอที่เคยเดินเล่นบนชายหาดกับท่านแม่ 

    "ได้แล้วคุชินะ"  มินาโตะวิ่งกลับมาพร้อมยื่นแท่งไอติมให้

    "ขอบใจมินาโตะ" เด็กสาวหยิบไอติมมาจากมือของเด็กหนุ่มแล้วเลีย ไอติมกินอย่างอร่อย

    "จริงสิเรือ ไปเร็วเข้าเรือจะออกแล้ว" มินาโตะร้องขึ้นมาทันที่ จากนั้นก็รีบดึงคุชินะวิ่งขึ้นเรืออย่างรวดเร็ว 

         เรือแล่นออกจากท่า ตอนนี้มันได้แล่นออกมาอยู่กลางมหาสมุทรสีคราม อันแสนสวยงาม มั่นแล่นไปตามคลืนลมสงบอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั้ง

         มีเมฆดำทมิฬก่อตัวขึ้นมาอย่างมากมายท้องฟ้าที่เคยสดใส่บัดดี้กลายเป็นสีดำทมิฬ และแล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนักท้องทะเลปั่นป่วน ตอนนี้เรือกำลังถูกคลื่นยักษ์ซัดอย่างบ้าคลัง

    ซูม ซูม

    เปรี้ยง!!  เปรี้ยง!!  เปรี้ยง!!

    "กัปตันเราจะทำอย่างไรดี" ลูกเรือพูดด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่คลื่นยักษ์กระหน่ำชนเรืออย่างบ้าคลั่งรวมทั้งเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง

    "เราต้องฝ่าไปให้ได้ " กัปตันร้อง ขณะที่ควนคุมพวงมาลัย เรืออย่างยากลำบาก

    "แต่ตอนนี้เรือกำลังจะแตกแล้วสั่งให้ทุกคนลงเรือชูชีพเลยไหมครับ" ลูกเรือตะโกนบอกกัปตัน

    "ได้เลยเอาเรือชูชีพไปเลยฉันจะควบคุมเรือต่อเอง เดียวฉันตามไป บอกทุกคนสละเรือ!!"

    ลูกเรือบนดาดฟ้าเรือต่างวิ่งไปเก็บรวบรวมข้าวของสัมภาระต่างๆเพื่อลงเรือชูชีพ

    "ทุกคนขอให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่กลางลำเรือโดยด้วนเราจะปล่อยเรือชูชีพในไม่ช้านี้" กะลาสีต่างตะโกนบอกทุกคน ขณะที่สายฝนสาดลงมาอย่างบ้าครั้ง

    "คุชินะเร็วเขาเราต้องรีบไป "

         มินาโตะรีบดึงมือคุชินะมาอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปตามระเบียงเดินเรือที่กำลังโครมเคร้งไปมาพร้อมกับหลบผู้คนที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในความวุ่นวายกันหมด ทุกคนต่างพยายามพาตัวเองไปให้ถึงเรือชูชีพให้เร็วที่สุด จนกระทั้งเมื่อพวกเขามาถึงกลาง ลำเรือแล้ว 

    "ทุกคนดูนั้น !! " กะลาสีคนหนึ่งตะโกนขึ้นแล้วชี้ไปตรงด้ายหน้าสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาคือคลืนยักษ์สูง ถึง 20 เมตรกำลังถาโถมมาทางเรือของพวกเขา ตอนนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่าชะตาของพวกตนนั้นใกล้จะจบสิ้นแล้ว

    ซูม ซูม

     มินาโตะและคุชินะต่างมองไปที่คลื่นยักษ์นั้นอย่างตกตะลึง ขณะที่ฝนสาดใส่ร่างของพวกเขาจนเปียกไปทั้งตัวพร้อมกับเสียงฟ้าร้องที่ดังระเบิดกัมปนาท

    เปรี่ยง!! เปรี่ยง!! 

    "คุชินะทางนี้เร็วเข้า" มินาโตะรีบเปิดฝ่าถังไม้ขนาดใหญที่พอจุคนได้ 3 คน ทั้งสองก็รีบลงไปในถังใบนั้นและปิดฝา ลงแทบไม่ทัน

    โครมมมมมมมมมม!!

    คลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ได้มาถึงเรือของพวกเขาอย่างรวดเร็วมันได้กวาดเรือลำใหญ่นั้นคว่ำลงไปในทะเล

    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!

    กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

         เสียงกรีดร้องของบรรดาผู้โดยสาร และลูกเรือ กับกัปตัน ดังก้องไปทั่วทะเลเมื่อคลืนยักษ์นั้นได้ทาโทมใส่เรือจนคว่ำ เสียงกรีดร้องของพวกเขายังคงตามหลอกหลอนผู้รอดชีวิตเพียงสองคนที่อยู่ในถังไม้

    ภายในถังไม้

     
        ตอนนี้ถังไม้นั้นรอยอยู่กลางทะเลไปอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับถูกกระแสคลื่นซัดอย่างบ้าคลัง พร้อมกับคลื่นลมพายุที่ปั่นป่วน ภายในถังไม้ที่มืดสนิทและอับชื้นนั้นคุชินะและมินาโตะกอดกันไว้อย่างแน่น

    " ฮือ ฮือท่านแม่ ฮือ ช่วยหนูด้วย หนูกลัว" คุชินะร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ขณะที่กอดมินาโตะไว้แน่น เธอยังคงนึกถึงมารดาผู้ร่วงลับของเธอที่ ที่เธอจะไม่มีวันได้พบท่านอีก

    "ไม่ต้องกลัวทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย"  มินาโตะพูดปลอบร่างบางที่กำลังหวาดกลัว  

    "เรียบร้อยหรือ พวกเราแทบไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปอย่างไร ในทะเลที่บ้าครั้งขนาดนี้" เด็กสาวร้องออกมาด้วยความกลัว "แล้วแทบไม่รู้ด้วยซ่ำว่าพวกเราทั้งคู่จะตายเมื่อไหล่"

    "ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น แน่ เราเพียงแต่ภาวนาขอให้เราปลอดภัยจนถึงฝั่งก็พอ"

     เด็กหนุ่มกอดเด็กสาวที่กำลังตัวสั่นและร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวไว้แน่น    ตอนนี้ถังไม้นั้นยังคงลอยคอยู่ในทะเลอย่างบ้าครั้งและไร้จุดหมายปรายทาง โดยที่ทั้งสองต่างไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร


    ........................................................................................................................................................

    ณ หมู่บ้านโคโนฮะ

    "อะไรนะ!!!" ฮิรุเซ็นตะโกนขึ้นมาทันที่อย่างตกใจ

    "ใช้ครับเด็กสองคนที่เราส่งไปนั้น ตอนนี้ได้หายสาปสูญไปในทะเลแล้วครับ" นินจารายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านแฟ้มรายงานที่ถืออยู่ในมือ

    ตอนนี้เหตุการณ์ที่เรืออัปปางลงได้คร่าชีวิตนินจาสองคนไปอย่างไม่อาจหวนกลับมาได้อีก

    "แล้วตอนนี้มีใครได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมหรือไม่" ฮิรุเซ็นรู้สึกจุกแน่นในใจขึ้นมาทันที่

    "ไม่มีครับผม แต่ในรายงานได้แจ้งเข้ามาว่า " นินจาคนนั้นถึงกับแน่นิ่งไปทันที่และปากเริ่มแข็งพูดอะไรไม่ออกพร้อมกับตัวสั้นขึ้นมาทันที่

    "อะไรละ" รุ่น 3 ตะโกนเข้นให้นินจาที่ตัวสั่นคนนั้นพูดออกมา "บอกมาสิอย่าเฉยๆ"

    นินจาคนนั้นลดแฟ้มรายงานลง เขาจ้องมองมาที่ดวงตาของโฮคาเงะ 

    " เรือนั้นมันแล่นเข้าไปในทะเลอาภรรพ์ที่เรียกว่า สามเหลี่ยมนรกครับผม  " นินจาคนนั้นได้พูดออกมาอย่างหวาดกลัว

         คำตอบจากปากนินจา ทำให้โฮคาเงะถึงกับทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้ทันที่ เพราะในแถวมหาสมุทรตรงนั้นมีตำนานเกี่ยวกับสาเหลี่ยมนรก ซึ่งเป็นตำนานที่ผู้คนเล่าว่าใครก็ตามที่เข้าไปในอาณาเขตน่านน้ำจะไม่มีใครรอดออกมา

    "ท่านโฮคาเงะท่านเป็นอะไรหรือเปร่า"

    "ไม่ไม่เป็นไร ออกไปได้ แล้วไป" ฮิรุเซ็นถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง 

    "แต่ท่าน"

    "ออกไป!! นี้คือคำสั่ง"

         รุ่น 3 ตะคอกด้วยเสียงที่เด็ดขาด นินจาคนนั้นไม่สามารถคัดคำสั่งท่านโฮคาเงะได้จำต้องเดินออกไปจากห้องโดยปล่อยโฮคาเงะที่ยังคงใจหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่โต๊ะ

         รุ่น 3 ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความอ่อนแรงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ดำมืนอย่างสิ้นหวังและหลังน้ำตาออกมา ให้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น 

    "ขอโทษนะมินาโตะ คุชินะ ฉันไม่หน้าส่งพวกเธอไปเลยจริงๆ" 

         
         โฮคาเงะพูดในใจด้วยความโศกเศร้า และรู้สึกเสียใจที่เด็กสองคนอันเป็นที่รักของหมู่บ้านนั้นได้จากไปอย่างไม่มีวันได้หวนกลับ มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่อาจช่วยทั้งสองคนไว้ได้ซึ่ง โฮคาเงะเอาก็อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะ ไม่เคยมีใครรอดจากจากสาเหลี่ยมนรกมาได้ถึงรอดออกมาก็กลายเป็นบ้าขาดสติไปตลอดการ 


    ณ บ้านนามิคาเสะ

         บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็ก
    ๆ สองชั้น ที่ดูเก่าแต่ไม่ถึงกับทรุดโทรมน้ำฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาอย่างหนักใส่หลังคาบ้านอย่างบ้าคลั่ง ภายในบ้านมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งผมสีบรอนด์ยาวสลวย ดวงตาสีฟ้า กำลังนั่งอ่านจดหมายจากนินจาที่มาส่งถึงบ้าน เมื่อเธอได้เปิดอ่านจดหมายใบนั้น 

    "ไม่ ไม่ ไม่ มินาโตะลูกแม่ ฮือ... ฮือ... ฮือ ไม่จริงใช้ไหม ไม่จริงใช้ไหม ไม่"

         นามิคาเสะ นามิ ผู้เป็นแม่ของ นามิคาเสะ มินาโตะถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างเสียใจราวกับหาที่สุดไม่ได้ เมื่อบุตรชายอันเป็นที่รักของเธอได้จากโลกใบนี้ไปอย่างไม่มีทางห่วนกลับมาได้ เธอฟุบลงไปนอนร้องไห้อยู่บนพื้นราวกับคนเสียสติแล้วสลบไป   ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิตของเธอลูกชายที่เธอรักได้ตายจากเธอไปแล้ว

         เธอลืมตาขึ้นมาแต่ภายในใจของเธอนั้นหัวใจได้แตกสลายไปแล้ว เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เธอหันไปมองรูปภาพขนาดเล็กบนผนัง ซึ่งเป็นภาพตัวเธอกับเด็กหนุ่มตัวน้อย ที่ถูกถ่ายหลังจากที่มินาโตะจบการศึกษาโรงเรียนนินจา เธอลุกขึ้นเดินไปแล้วเอามืออันแสนอบอุ่นสัมผัสภาพนั้น ราวกับพยายามนึกถึงอดีตที่เธอกับลูกได้อยู่กันอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้มันได้จบลงแล้ว สำหรับเธอแล้วเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

         นามิเดินเข้าไปในห้องเก็บของแล้วหยิบเชือกออกมา เธอสาวท้าวเดินไปที่ห้องนอนของมินาโตะ เธอก้าวเดินเข้าไปในห้องมันทำให้เธอนึกถึงอดีตต่าง
    ๆ ที่มีทั้งดีและร้ายที่ผ่านพ้นเข้ามาในชีวิตเธอกับลูกชาย เธอเดินไปที่เตียงนอนของลูกชายแล้วก็เอาเชือกมัดกับขาเตียง เมื่อมัดเสร็จเธอเดินเปิดหน้าต่างภายในห้อง แล้วเอาเชือกมามัดกับคอของเธอ เธอก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบขอบหน้าต่าง 

    เปรี้ยง !!   เปรี้ยง!!   เปรี้ยง!!

    ตึง!!

        
    ฟ้าฝ่าลงมายังหมู่บ้าน พร้อมกับร่างบางของหญิงสาวได้กระโดดลงมาจากหน้าต่าง ร่างไร้วิญญาณของเธอรอยอยู่ตรงนั้น ด้วยเชือกที่แควนคอไว้อยู่  มือของเธอกำจดหมายลาตายไว้แน่นราวกับจะส่งข้อความสุดท้ายเพื่อบอกใครซักคน

    ********



    จบไปแล้วนะครับผมกับบทแรกนะครับ สำหรับลุงเทอุจินั้น ไรต์ยึดตามหลัก ว่า ลุงเทอุจิในสมันที่มินาโตะยังเด็กนั้น ยังเป็นหนุ่มอยู่ครับ ยังไม่แก่เป็นชายวัยกลางคนเหมือนสมัยนารูโตะครับผม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×