ตอนที่ 32 : บทที่ 9 | คนของเขา [1]
ห้องนอนของมิถิลาแทบจะกลายเป็นห้องร้างไปแล้ว อาซาดิลแทบไม่เคยปล่อยให้เธอกลับไปนอนที่นั่น เขาลากเธอเข้าห้องนอนของเขาทุกวัน แถมยังแอบไปขนเสื้อผ้าของมิถิลามาไว้ที่ห้องของเขาอีกด้วย
“เสื้อผ้าคุณมีน้อยจัง” ชายหนุ่มบ่นไประหว่างที่แขวนเสื้อผ้าของมิถิลาใส่ตู้ “ขนาดรวมกับที่ผมซื้อให้วันนั้นแล้วก็ยังน้อยอยู่”
“ไม่ได้ใส่อะไรมากมายนี่คะ วันหนึ่งก็ใส่แค่สองชุด ชุดไปทำงานกับชุดนอน ถ้าวันไหนออกกำลังกายก็สามชุด” เธอมีชุดพอใส่ตลอดสัปดาห์โดยไม่ต้องซัก แต่มิถิลาก็ซักผ้ามากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์อยู่แล้ว
“ถ้าคุณอยากประหยัด งดใส่ชุดนอนก็ได้นะ ผมไม่ซีเรียส” อาซาดิลแกล้งพูดทั้งที่รู้ว่ามิถิลาไม่มีวันทำแบบนั้น หญิงสาวอาจจะตอบสนองเขาได้อย่างเร่าร้อนเวลาที่อยู่ใต้ร่างหรือว่าเหนือร่างของเขาก็ตาม แต่พออารมณ์พิศวาสผ่านพ้นไปแล้ว เธอมักจะเขินอายต่อเขาเสมอ
ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาก็เห็นเธอทุกซอกทุกมุมแล้วแท้ๆ ยังจะอายอะไรอีกก็ไม่รู้
“ฉันไม่ใช่คุณนะคะ” อาซาดิลชอบนอนเปลือยกาย เขาแก้ผ้านอนแทบทุกคืน น้อยครั้งมากที่จะหยิบอะไรมาสวมใส่ มากสุดก็เป็นกางเกงตัวหนึ่งเท่านั้น
“ลองดูสักครั้งก่อนไหมล่ะ เดี๋ยวคุณก็ติดใจ เหมือนที่คุณติดใจผมไง”
มิถิลามองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็โคลงศีรษะไปมา ชีคอาซาดิลเก่งเรื่องยกยอตัวเองเหลือเกิน
“คุณน่ะชอบพูดเองเออเอง”
อาซาดิลหัวเราะ ไม่ได้ปฏิเสธถ้อยคำกล่าวหาของมิถิลา ชายหนุ่มแขวนเสื้อผ้าของเธอเรียบร้อยพอดี พอมองเสื้อผ้าของเขาและเธอที่แขวนอยู่ในตู้เดียวกันแล้วก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“พรุ่งนี้หลังตรวจงานเสร็จ ผมพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ดีกว่า”
“ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะคะว่าอยากได้”
“แต่ผมอยากซื้อให้ ดูสิ...” ชายหนุ่มพยักเพยิดให้หญิงสาวมองดูเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในตู้ “เสื้อผ้าของผมเยอะกว่าชุดของคุณเสียอีก เห็นแล้วผมไม่ค่อยสบายใจยังไงก็ไม่รู้”
“ฉันว่าคุณหาเรื่องเสียเงินมากกว่า สายเปย์เหรอคุณน่ะ”
“อืม อยากเปย์คุณน่ะ ได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ เปลือง”
“ทำไมคุณชอบลืมว่าผมรวย” แค่พามิถิลาไปซื้อเสื้อผ้า จะหมดเงินสักเท่าไรกันเชียว
“คุณมีเงินเพราะว่าทำงานหนัก คุณก็ควรใช้เงินของคุณไปกับความสุขของตัวเองนะคะ” มิถิลาไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ คราวก่อนที่เขาซื้อให้เธอก็ไม่ใช่น้อยเลย จนทุกวันนี้ยังเกรงใจเขาไม่หายเลย
“งั้นผมก็นับว่าการเปย์คุณเป็นความสุขของผมนะ”
ในเมื่อคนจ่ายเงินอยากจะจ่ายเต็มที แถมยังดูยินดีเสียจนมิถิลาไม่รู้จะห้ามปรามอย่างไร วันรุ่งขึ้นหลังจากตรวจงานเรื่องการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมในเมืองเสร็จ เธอก็เลยมาเดินเตร่อยู่ในห้างกับชีคอาซาดิล ในมือมีทั้งถุงผ้าและถุงกระดาษปั๊มชื่อแบรนด์ระดับไฮเอนด์ นี่ถ้ารู้ว่าเขาจะลากเธอมาซื้อของแพงขนาดนี้แล้วละก็...มิถิลาคงจะปฏิเสธเขาให้หนักแน่นกว่านี้
“คุณซื้อของเพลินเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวปรามเขาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะหยุดง่ายๆ อยู่ดี
“ผมแค่อยากเห็นเสื้อผ้าพวกนั้นอยู่บนตัวคุณ” เสื้อผ้าส่วนมากเขาเป็นคนเลือก เนื่องจากมิถิลาเห็นราคาแล้วก็แทบไม่กล้าหยิบ แต่ก็ไม่ลืมที่จะถามความเห็นจากเธอทุกครั้ง ถ้ามิถิลาบอกว่าสวยและเธอดูชอบมันจริงๆ เขาถึงค่อยซื้อ
“ฉันใส่ไม่ไหวแล้วค่ะ ซื้อไปหลายชุดแล้วนะ”
“งั้นก็เปลี่ยนไปดูเครื่องประดับบ้างก็แล้วกัน”
“ฉันไม่ค่อยใส่เครื่องประดับหรอกค่ะ” มิถิลาแทบไม่มีเครื่องประดับเป็นของตัวเอง มีสร้อยทองอยู่เส้นหนึ่งซึ่งเป็นของแม่ แต่ก็เก็บเอาไว้ไม่เคยหยิบมาใส่ เพิ่งจะมีอะไรที่นับว่าเป็นของเธอจริงๆ ก็คือกำลังที่ชีคอาซาดิลซื้อให้ แรกๆ เธอไม่ค่อยได้หยิบมันมาสวม แต่เห็นคนให้ชอบสังเกตข้อมือของเธอบ่อยๆ ช่วงหลังก็เลยหยิบมาใส่แทบทุกวัน
เอาใจเขาเสียหน่อย ตอบแทนที่ชายหนุ่มใจดีกับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูนาฬิกา คุณไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่ผมอยากได้นาฬิกาใหม่สักเรือน”
ชายหนุ่มดักคอแบบนี้ มิถิลาก็หาทางเลี่ยงไม่ได้ ต้องเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในร้านนาฬิกาชื่อดังระดับโลก ได้ฟังราคาแต่ละเรือนแล้วก็แทบลมจับ
คุณพระคุณเจ้า! ในห้างฯ นี้มีอะไรที่ราคาถูกบ้างไหมเนี่ย ต่ำกว่าหลักหมื่นหลักแสนน่ะมีขายไหม?
“คุณเลือกให้หน่อย ระหว่างสามเรือนนี้ คุณชอบเรือนไหน”
มิถิลามองนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชายทั้งสามเรือนแล้วก็หันไปมองหน้าอาซาดิล “คุณเป็นคนใส่ไม่ใช่หรือไงคะ ก็ต้องเลือกเรือนที่คุณชอบที่สุดสิ”
“ก็อยากใส่เรือนที่คุณชอบ”
____________________________________________________
จ้าาาาาาาาพ่อ!!! พ่อไม่เบาเลยจ้าาาาาาา
ปล.คอมเม้นต์กันเข้ามาเยอะๆ นะคะ เดี๋ยวแนนมีสุ่มแจกนิยายจากคอมเม้นต์ด้วยค่ะ
ขอฝากผลงานเรื่องก่อนๆ เอาไว้ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ท่านชีคสายเปย์
โอ้ย พี่คะ พี่อ้อนมาไกลซะขนาดนี้ อยากให้ลูกน้องได้ยินจัง หุๆ ถ้าไงซื้อนากาคู่เลยมั้ยคะ
พ่อเทวดาพ่อทูนหัว ไม่มีใครดีไปกว่านี้แล้วเธอเอ๊ยยย
สายเปย์มาอีกแล้ว
เปย์เก่งจริงๆน่ารัก
น่ารักจริงๆ กำลังคือกำไลใช่มั้ยคะ
เสื้อผ้าอยู่ในตู้เดียวกันเหรอ