ผมคิดได้ เมื่อตอนนั้น - ผมคิดได้ เมื่อตอนนั้น นิยาย ผมคิดได้ เมื่อตอนนั้น : Dek-D.com - Writer

    ผมคิดได้ เมื่อตอนนั้น

    คือข้อคิด ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเรา เมื่อเราเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เราต้องจดจำ

    ผู้เข้าชมรวม

    39

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    39

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ส.ค. 57 / 20:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เนื้อหาของบทความทั้งหมด ที่ผมกำลังจะถ่ายทอดให้กับผู้อ่านทุกคน คือเรื่องราวของชีวิต ณ จุดๆหนึ่งเมื่อคนเรานั้น เจอเหตุการณ์ที่กินใจมากๆ หรือเป็นเรื่องที่ต้องเศร้ามากๆ คนเรานั้นจะเกิดความคิด หรือคติทีี่ทำให้เรานั้นมีกำลังใจ ในการทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองต่อไป เนื้อหาข้างในผมไม่ทราบว่าคำพูดที่ใช้จะถูกต้องหรือไม่ หรือมันสมควรแก่การถ่ายทอดหรือป่าว อย่างไรนั้นผมก็ขอโทษด้วยนะครับ 

    สุดท้ายขอบคุณนะครับที่แวะเวียนมาแ่านเรื่องราวที่ผมเขียน
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ความฝัน ความรัก และ การลงเอย

       

      นวันหนึ่งคนเรา อาจรู้สึกคิดได้ว่าต้องเดินอยู่บนเส้นทางคนเดียว เส้นทางอะไรนะหรอ? แน่นอน มันคือเส้นทาง... ที่เราต่างคน ต่างเลือกไว้ และแน่นอน มันต้องมีฝนเป็นจุดหมาย นานวันเข้า เราก็เดิมทางตามหาจุดหมายเลื่อยๆ นานวันเข้าเราเริ่มรู้ว่าฝันที่เราตั่งใจไว้ มันช่างยากเย็น นานวันเข้าเรารู้ว่าเราอยู่ตัวคนเดียว........ นานวันเข้าคนเราจะเหนื่อยล้า และไม่นานเราก็จะหมดแรง ใช่ว่าเราถอดใจในฝัน แต่เราแค่... อยากพัก เพื่อเก็บแรงไว้ใช้ในการเดินต่อไป ต่ด้วยอุปสรรกที่มากมายนั้น ทำให้ฝันของเราดูห่างไกลขึ้นๆ เหมือนกับ ทางที่เราเดินกำลังจะมืดดับลง ดับลงๆ จนมืดสนิท ในเวลานั้นเราทุกคนไม่ได้ต้องการอะไรนอกจาก หนทาง ที่จะพาเราไปยังฝัน ในเวลานี้อาจเหมือนชีวิตบางคน ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่เราทำไปเพื่ออะไร แต่ถ้าคุณได้เจอใครสักคน ใครสักคนที่ทำให้คนเห็นเหตุผล เห็นจุดหมายว่า "เห้ย!!~ สิ่งที่เราทำ เราทำเพื่อ.... และเพื่อเค้า" เค้าคนที่พึงเดินเข้ามา ก็เหมือนกับ คนที่คอยนำแสงไฟ คอยส่องทางคอยช่วยแก้ปัญหา และคอยให้กำลังใจคุณอยู่เสมอ อีกยังเป็นที่นึกคิดของคุณเมื่อเวลาคุณหมดทั้งแรงและกำลังใจ เค้าคงดีไม่น้อยใช่มั้ยคับ? ค้าก็เหมือนคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณ เค้าจะเป็นเหตุผลทุกๆอย่างของคุณ และเค้าจะเป็นคำตอบในคำถามของฝันคุณว่า "เราไปตามฝันเพื่ออะไร" , "เราทำไปเพื่ออะไร" อ่อ! และแน่นอน เหตุผล ที่เค้าอยู่กับคุณ คอยช่วยคุณ มันง่ายมาก แต่มันเป็นอะไรที่พวกเราไม่เข้าใจ ต่อให้วิทยาศาสตร์ หรือนักวิชาการต่างๆ ที่รอบรู้จากความสามารถ และ จากการศึกษา ก็ไม่สามารถหาเหตุผลว่าทำไม เค้าถึง "รักคุณ" ม้สุดท้ายคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณอาจต้องลาจาก คุณอย่าได้เสียใจ แต่คุณอย่าได้เย็นชา คุณควรนึกถึงเค้า ในฐานะคนที่เคยผูกพัน ทั้งหมด อาจเกิดขึ้นชีวิตพวกคุณ บางเหตุการณ์อาจสลับกัน หรือ บางเหตุการณ์อาจตรงกัน แต่..... สิ่งที่ผมอยากบอกคุณจริงๆนั้นคือ... "คุณ.. ควรรักคนที่รักคุณและคนที่คุณรักให้มากและคุณควรจะรักษาความรักของคุณและเค้าให้ได้นานเท่านาน...."สิ่งที่คุณควรจะคิดให้มากๆคือ ความรักไม่เคยทำให้ใครเจ็บจนตาย แม้บางครั้งมันอาจทำคุณเจ็บจนปางตาย และความรักก็ไม่ได้มีแต่ความทุกข์ ไม่ได้มีแต่ความสุข รักคุณจะสุกหรือทุกข์ขึ้นอยู่กับ.... การกระทำของคุณ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ เหตุการณ์การที่คุณเจอ คิดให้มากๆ แต่อย่าคิดเยอะจนเกินไป บางอย่าง ไม่ควรโอเวอร์ แต่บางอย่าง ไม่ควรคิดน้อยๆ  
       


      แสงดวงดาว และดาวหางอันสวยงาม

       

      "ดาว" เป็นมวลวัตถุที่อยู่ในจักรวาล หรือ ในกาแลกซี่ โลกเราคือดวงดาว เรื่องนี้เราต่างรู้ดี...... เคยไหม มองบนฟ้าวันนี้ดวงดาวช่างสว่างสดใส รู้หรือไม่ดวงดาวเหล่านั้น ทำไมจึงมีแสง ว่ากันว่าดวงดาวที่มีแสง เกิดจากการระเบิดของดวงดาว ทำให้เกิดเป็นลูกไฟในอวกาศ แล้วทำไมเราถึงเห็นได้หละ เพราะว่า แสงใช้เวลาเดินผ่านสภาวะสูญญากาศมา จึงใช้ระยะเวลาพอควร และด้วยระยะของดวงดาวนั้นที่อยู่ห่างไกลจากโลกเรา หรือจุดที่เรามองนับๆ ร้อยล้านปีแสง กันเลยทีเดียวนั้นจึงทำให้เราได้เห็นแสงจากดวงดาว  ดวงดาวจึงถูกใช้นับเป็นความรู้สึกของมนุษย์ในด่านการเสียสละ เสียสละยังไงหากดวงดาว ที่เราเห็นส่องแสงประกายเจิดจ้า นั้นคือดวงดาวที่ระเบิดไป หรือพูดให้เค้าคือ ดวงดาวนั้นไม่มีอีกแล้วนั้นเอง หากเราสมมติว่าเราเป็นดาวดวงหนึ่ง ดวงดาวที่ไร้ซึ่งแสง เราล่องลอยในอากาศ อย่าเคว้งคว้าง แล้วเราสมมุติว่า คนที่เรารัก หรือ แอบชอบ หรือใครก็ได้ที่สำคัญกับเรา เค้าคือ ดาวหาง ที่ต้องการ แสงชี้ทาง หากวันเวลานั้นมาถึง ดาวหางจาก อีกระบบสิริยะ นอกระบบ กาแลกซี ที่เดินทางมาไกล แสนไกล เขามาอาศัยเรา ขอแรงดึงดูดของเรา ในการรวมพลังงานจลน์เพื่อออกเดินทางต่อไปนั้น ก็เหมือนกับว่า เรากับเขาได้รู้จักกันแล้วในระดับหนึ่ง หาก ดาวห่างนั้น ถูกใจหรือ ชอบดวงดาวเช่นตัวเราแล้ว เค้าจะพุ่งชนลงมายังพื้นผิวของเรา ก็เปรียบเสมือนความรัก ต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดไปบ้าง แต่สุดท้ายดาวหางนั้นก็ลงสู่พื้นผิวดาว และรวมเป็นพื้นเดียวกัน นั้นคือ ความรักของคนสองคนที่รักกันแล้วใช้ชีวิตร่วมกัน แต่หากดาวหางนั้นไม่ได้ชอบ ดวงดาวที่เป็นตัวเราแล้ว เมื่อเค้ารวมพลังงานจลน์ในการเดินทางพร้อมแล้ว เค้าก็จะเดินทางจากเราไป ไปสู่ที่หมายที่เค้าต้องการ หากเราไม่ได้อาลัยอาวรณ์ต่อการจากไของเค้า เราก็จะเหมือนดวงดาว ที่ล่องลอยใน ระบบต่อไป เหมือนปกติสุข แต่หากเราเสียดายต่อการจากไปของเค้า คนเรา มีบ้างหละที่จะคิดต่างๆนานา แต่หากเราเสียใจต่อการไปของเขา เพื่อที่เขาจะได้ไปหาในสิ่งที่ดีกว่าเรา เราได้ยอมชี้ทางให้เค้าโดยที่เราไม่ได้สนใจความรู้สึกตัวเองเลยแม้แต่น้อย เราในตอนนี้เหมือนดวงดาว ที่ยอมให้ดาว หางอยู่ในวงวงโคจร จนดาวหางสะสมพลังงานครบแล้ว เค้าก็ได้บินจากเราไป แต่ระยะทางของเขาช่างมืดมิด เราก็ได้ทำการระเบิดตัวเอง เพื่อให้เค้าได้เห็นหนทาง โดยที่เราไม่สนใจเลยว่า จะมีดาวหางสักที่ร้อย กี่ ล้าน พี่พันดวง ที่จะมา เจอะเจอเราอีก แต่ยอมสละเพื่อดาวหาง ที่เจอกันมาได้ไม่นาน.... ดาว แต่ก่อนคืออะไรไม่รู้ แต่สำหรับผมตอนนี้ มันคือตัวแทนแห่งความเสียสละกลับมามองในมุมมองของชีวิตคนเรา ดวงดาวยังเป็นอีกั้งสัญญา สัญญาที่อาจมีจริง หรือไม่มีจริง ที่สามารถทำได้ และที่ไม่สามารถทำได้  หากเรา เคยสัญญาอะไรไว้กับใครสักคน ด้วยดวงดาว มันเป็นทั้ง คำสัญญา ที่มีทั้งความหมาย มีทั้งความน่าเชื่อถือ มีทุกๆสิ่งที่คนฟังต้องการ โดยที่คนฟังจะไม่แย้งอะไรเลยแม้แต่น้อย หากสัญญานั้นทำได้จริงตามคำพูดของวันที่สัญญา คำสัญญานั้นจะกลายมาเป็น ประวัติศาสตร์ของคนสองคนที่เค้าจะจดจำไว้ ตราบนานเท่าที่เค้าสองคนจะมีชีวิตต่อไป แต่ หากทำไม่ได้ตามที่สัญญาหละ เกิดอะไรขึ้น คำสัญญานั้นจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ไม่ต่างจาก คำสาปแช่ง ที่ค่อยๆทิ่มแทงจิตใจของผู้ให้คำสัญญา ผมเป็นหนึ่งในคนที่เคยให้คำสัญญา และผมก็เป็นอีกคนที่ได้รับคำสัญญา ทั้งที่ทำได้ และที่ทำไม่ได้พูดถึงคำสัญญาที่คนที่เรารักมอบให้ สำหรับเรามันเสมือนแสงดาว ที่ส่องสว่างไม่ว่าคืนนั้นจะมืดมิด สนิท ขนาดไหนก็ตาม ดวงดาว ที่เราเห็นนั้นยังคงสดใสเสมอแต่.... คำสัญญาที่คนที่เรารักเค้าไม่มีโอกาสที่จะแม้ทำให้มันเป็นจริงด้วยซ้ำ สำหรับเรา นั้นเปรียบเสมอ ความมืดมิดบนดวงดาว ถึงแม้ในคืนที่แสงดาว เปล่งประกายพร้อมกัน โลกทั้งใบนั้นสว่าง แต่สำหรับเราก็เทียบเท่ากับความมืดมิด ที่มองแม้แต่มือตัวเองไม่เห็นอยู่ดี มันช่างเต็มไปด้วยความปวดร้าวจริงๆ แต่ทั้งหมด คือการ แทนความรู้สึก ที่ได้บรรยาย ออกมา จากดวงดาว ดวงหนึ่ง ที่มีดาวหางอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นเอง แต่ความจริง คือความจริงอยู่ที่ว่า หากสิ่งของ หรืออะไรก็ตาม ไม่ได้ลิขิต ให้เป็นของๆเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรณ์มาก จนถึงขนาดไม่มองสิ่งอื่น ถึงดวงดาวอย่างเรา ไม่มีค่าสำหรับใครๆ แต่สักวัน สักวันเราจะมีค่าสำหรับแค่คนบางคนแด่เธอที่รัก เรื่องทั้งหมดเขียนได้จากเธอ เธอผู้บอกให้มองท้องฟ้า เธอผู้เปิดดวงตา ให้ฉันเห็นว่าดวงดาว นั้นมันสวยงามมากแค่ไหน แด่เธอผู้ที่ทำให้รู้ว่า ความรัก ไม่ได้อยู่ที่การมอบความรู้สึก แต่มันคือการมองความรู้สึกที่ลึกลงไปถึงจิตใจ แด่เธอ The Prayer
       

      ภาพความจริง กับจินตภาพแห่งความคิด

                           ความรู้สึกผู้แต่ง : ผมเขียนบันทึกนี้... ณ เวลาตอนนี้ เวลาที่ผมไม่อาจจะมั่นใจว่าผมอาจจะมีคนรักอยู่เป็นคนเดิมหรือไม่ หรือผมอาจได้เธอกลับคืนมา... ผมไม่อาจมั่นใจ ผมเขียนบันทึกนี้ ณ ตอนนี้ผมมีร่างกายที่ไม่คอยจะสบายสักเท่าไร แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นโรคที่ร้ายแรงถึงขนาดไม่อาจจะพิมพ์อะไรได้อีก แต่ผมมีเพียงแค่การใช้สายตา ที่ต้องระวัง หากบันทึกของผมตอนนี้ อาจมีคำพูด หรือจำศัพท์ใดๆที่ ไม่ถูกต้องจึงขอกราบอภัย ท่านที่อ่านจริงๆ เรื่อง:  ภาพความจริง กับจินตภาพแห่งความคิด

      ากความเป็นอยู่ของคนเราทุกๆวันนี้.... คือสิ่งที่เราคิดว่า มันคือความจริง ความจริงที่เราเห็นและเป็นอยู่ หากความจริงนั้นคือความจริง ที่ต่างจากความจริงจากเดิมที่เรามองผ่านๆมาหาความจริงนั้น คือความจริงที่เรา แค่เราที่สร้างมันขึ้นมาเพื่อปิดบังสายตาของตัวเอง จนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่เป็นความจริงแก่นแท้นของความจริงนั้น.. หากเราถูกตัวเราเองนั้น หลอกมันจะเกิดสิ่งใดขึ้น..... คำตอบของคำถามอันนี้ หรือคำอธิบายที่ฟังหรืออ่านแล้วอาจดูจะดีที่สุดคือ... หากคุณโดนความจริงที่ตัวคุณหลอกน นั้นเป็นเพราะคุณได้มองข้ามสิ่งบางสิ่งไป เหมือนหลักการ ที่ว่าเรามีของอยู่ชิ้นหนึ่ง หากจะสมมุติให้เห็นภาพ เรามีดินสออยู่หนึ่งด้าม เราชอบดินสอด้ามนี้มาก ด้วยเหตุผล มันเหมือนดินสอของผู้ใหญ่ หรือ มันอาจมองแล้วแลดูเหมือนว่ามันดูมีความคิดในการออกแบบดีไซท์ของมัน แต่หากเวลาผ่านเลยไปเรากลับมามองมันอีกครั้ง เรามันจะถูกต้องเองหลอกว่า มันเหมือนปากกาเด็กๆ และการออกแบบของมันช่างแลดูไร้สาระเหลือเกิน ซึ่งความจริงแล้ว... มันก็คือดินสอที่เรารักมากๆ มันไม่ได้ต่างจากเดิมเลยมันยังคง.. เป็นดินสอที่แลดูเหมือนเดิมทุกประการ แต่ตัวเรานั้นหละที่มองว่ามันเปลี่ยนไป นี่แค่แนวความคิดกับสิ่งของที่ไร้ซึ่งชีวิต หากลองคิดอีกแบบ เป็นสิ่งมีชีวิต อาจเปลี่ยนจากดินสอที่รักมากที่สุดเป็นสัตว์เลี้ยงที่รักมากที่สุด หากคุณคิดแบบนั้นกับมัน มันคงเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว และหากคิดจากสัตว์เลี้ยงหรือดินสอที่รักมากที่สุด เป้นคนที่เรารักมากที่สุดหละ เป็นคนที่มีความคิด ความอ่านเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกที่แตกต่าง หากเราคิดแบบนั้นกับเค้า ในขณะที่เค้าไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย... เค้าจะเสียใจมากแค่ไหน... นั้นเป็นสิ่งที่เรา ผู้ซึ่งมองงทุกๆสิ่งว่าเปลี่ยนไป จะไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่เคยเปลี่ยนแต่ถูกมองว่าเปลี่ยนเสียใจมากแค่ไหน ผม..เป็นคนหนึ่งที่ โดนตัวเอง หลอกให้มองความเป็นจริงที่ตัวเองสร้างขึ้น เพื่อทำให้มองข้ามความจริงที่แฟนของผมเป็นหากครั้งหนึ่งผมบอกเธอเสมอ ว่า "ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีแค่ไหน ที่ได้มีเธอเป็นที่รัก เป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้หญิงทีมีความเชื่อใจในตัวผม เป็นผู้หญิงที่รักผมมากกว่าสิ่งอื่นใด เป็นที่สุดของผู้หญิงที่ผมปรารถนานา" แต่ผมกลับโดนตัวเองหลอก โดยที่ผมมองเห็นเธอ เป็นเพียงเด็กน้อย ผมมองเธอเปลี่ยนไป ผมมองเธอดูเป็นคนที่ไม่ได้มีแค่ผมเป็นผู้หญิงที่ไม่มั่นใจ ในตัวเอง...... หากสิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่ผมสร้างขึ้นมาเพื่อปิดความจริงในตัวของแฟนผม ผมอยากบอกให้เธอรู้ ผมคงเป็นผู้ชายที่โง่มากที่สุด เพราะผมมีเธอผู้ซึ่งเป็นที่รัก มีเธอผู้เป็นดุจทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง เธอคือสิ่งที่ผมปรารถนามาตลอดมา แต่ดูผมทำกับเธอสิ เหมือนคนที่มองไม่เห็นค่าของสิ่งที่สำคัยสำหรับชีวิตของตัวเอง หากผมสามารถย้อนเวลากลับไป ผมอยากจะทำทุกๆสิ่งใหม่ จะทำให้เธอรู้ว่า เธอนั้นมีค่าสำหรับผมมากสักเพียงไหน จะบอกเธอว่าเธอมีค่ามากเท่าไรสำหรับคนอย่างผม......... แต่ท้ายที่สุด หนทาง ในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร เราก็ไม่อาจรู้ได้

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×