First Time We Meet #GGAD
ครั้งที่ฝันถึง จนมาถึงครั้งแรกที่เจอ ฉันเจอนายก่อนที่นายจะได้เจอฉันอีกนะ อัลบัส -- เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์
ผู้เข้าชมรวม
1,158
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
Short Fiction : First time we meet #GGAD
Story by : เซเลอร์ปาปริก้า
Describe : GrindelwaldxDumbledore
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าพูดถึงเกลเลิร์ต
กรินเดลวัลด์ ใคร ๆ ก็จะพูดว่าเขาคืออัจฉริยะ สุขุม อารมณ์ดีและเป็นมิตร แม้จะมีด้านที่ร้ายกาจและหมกมุ่นในศาสตร์มืดอย่างที่สุด
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ น่าค้นหา และอันตราย คนหลายๆคนก็ดูจะหลงใหลและชอบ"ความอันตราย"ของกรินเดลวัลด์มากพอสมควร
นั่นทำให้เขามีผู้นิยมชมชอบในตัวเขามากพอสมควรในสมัยที่ยังอยู่เดิร์มสแตรงก์
กรินเดลวัลด์รู้ตัวดีว่าเขาเก่งและมีความสามารถเกินกว่าที่โรงเรียนจะสอนเขาได้
เขาจึงเริ่มทำการทดลอง –ทดลองศาสตร์มืด – กับเพื่อนนักเรียนของเขา แม้เดิร์มสแตรงค์จะนิยมศาสตร์มืดและมีการสอนใช้อย่างจริงจังก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเพิกเฉยต่อการกระทำนั้น
นั่นทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจ
เพราะกรินเดลวัลด์รู้ตัวเองดีว่าเขาต้องการอะไร และต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ
เขาเริ่มออกเดินทางจากเยอรมัน –
บ้านเกิดของเขา – ออกตามหาสิ่งที่ใครๆก็มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ “เครื่องรางยมทูต”
– เขาออกตามหาเบาะแสเกี่ยวกับเครื่องรางยมทูตในทุกๆที่ที่มีการกล่าวถึง
การออกตามหาเครื่องรางยมทูตและหาเบาะแสของมัน
ในระหว่างที่กำลังออกตามหาเบาะแสนี้เองที่เขาเริ่มฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ
ในช่วงสองสามสัปดาห์แรกของการค้นหา เขามักจะฝันถึงต้นไม้ใหญ่ และชายหนุ่มผมทองคนหนึ่ง
ชายหนุ่มผมทองคนนั้นยืนหันหลังให้เขา ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่ความเรือนรางของมันทำให้เขาจับใจความที่ชายหนุ่มพูดคนนั้นไม่ได้ พอเขาพยายามจะโต้ตอบด้วย
ความฝันของเขาก็จะเปลี่ยนไป
ในช่วงแรก กรินเดลวัลด์ไม่ได้สนใจความฝันนี้มากนัก
เพราะเขามักจะฝันเห็นเรื่องราวในอนาคตอยู่แล้ว
และการที่มันเรือนลางขนาดนั้นก็หมายความว่ามันยังคงเป็นอนาคตที่อีกนานกว่าจะมาถึง
และที่สำคัญ ตอนนี้เขาเริ่มได้เบาะแสชิ้นสำคัญเกี่ยวกับเครื่องรางยมทูตแล้ว
นั่นทำให้เขาลืมสนใจความฝันนั่นทันที
เบาะแสชิ้นสำคัญที่ว่าก็คือ เบาะแสเกี่ยวกับผู้ครอบครองผ้าคลุมล่องหนคนแรก
– อิกโนตัส เพปเวอร์เรล – ในขณะที่เขากำลังตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเบาะแสชิ้นนี้
ความฝันนั้นก็กลับมาเด่นชัดอีกครั้งในทุกครั้งที่เขาล้มตัวลงนอน และครั้งนี้ก็เช่นกัน มันพาเขากลับมาที่เดิม
ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาอย่างไม่สิ้นสุด
เขาเงยหน้ามองหาจุดสิ้นสุดของยอดไม้อย่างแปลกใจ ที่นี่อีกแล้ว...
“มันคงดีถ้าอาเบอร์ฟอร์ธจะเป็นมิตรกับนายมากกว่านี้” ชายหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลแดงที่ยืนหันหลังอยู่ข้างหน้าเขาพูดขึ้น
น้ำเสียงฟังดูทั้งขบขันและอ่อนใจ
สายลมสดชื่นของฤดูร้อนพัดโชยมากรินเดลวัลด์รู้สึกว่าเขาได้กลิ่นหญ้าและกลิ่นของดอกฟอร์เก็ตมีน็อต
มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ลมที่พัดมาทำให้ผมสีน้ำตาลแดงของผู้ชายคนนั้นปลิวไหว
ผู้ชายคนนั้นยกมือขึ้นจับผมที่กำลังปลิวของตน
ผมสีน้ำตาลสะท้อนแสงล้อกับแสงแดด ทำให้ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนเรืองแสงอยู่อ่อนๆ
ภาพนั้นสามารถสะกดความสนใจของเขาได้โดยฉับพลัน แล้ววินาทีถัดมาเขาก็ต้องแทบกลั้นหายใจ
เมื่อผู้ชายคนนั้นหันหน้ากลับมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ว่าไหม เกลเลิร์ต”
แล้วเขาก็ตื่น
กรินเดลวัลด์ลืมตาจ้องมองเพดานห้องนอนอย่างนิ่งงัน
เป็นความฝันที่แปลกที่สุดที่เขาเคยฝันมา ปกติแล้วเขามักจะฝันเห็นภาพเกี่ยวกับอนาคตสำคัญๆที่มักจะเกิดขึ้นกับเขา
หรือคนรอบตัวเขา แต่นี่มันแปลกเกินไป แค่ภาพต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสุดลูกหูลูกตากับผู้ชายผมสีน้ำตาลแดงคนนั้น
บรรยากาศของฤดูร้อนและบทสนทนาที่เรียบง่าย ทำไมเขาถึงจำเป็นต้องฝันเห็นภาพพวกนี้
มันมีความสำคัญอะไรกับเขาในอนาคตกัน แล้วยิ่งความรู้สึกยามเมื่อผู้ชายคนนั้นหันมายิ้มให้เขา
ความรู้สึกที่เหมือนจะกลั้นหายใจเมื่อตอนนั้น มันคืออะไร?
ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น?
กรินเดลวัลด์ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งข้างเตียง
เขากำลังสับสนกับสิ่งที่เองเพิ่งเห็นมา มือขวาเคลื่อนขึ้นมาบริเวณหัวใจ
เหมือนต้องการจะตรวจสอบอาการผิดปกติที่บริเวณนั้น เป็นความรู้สึกที่เขาเองไม่ค่อยเข้าใจ
มันคล้ายความลุ่มหลง หลงใหล และชื่นชม ซึ่งสามสิ่งนี้เป็นความรู้สึกของเขาทุกครั้งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์มืดและเครื่องรางยมทูต
แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเขาที่รู้สึกแบบนี้เนื่องจากสาเหตุอื่น
“นายเป็นใครกันแน่” เขาพึมพำเสียงเบา
ในหัวกำลังพยายามนึกถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้น แต่เขากลับจำได้แค่รอยยิ้มสดใสและดวงตาสีฟ้าสดคู่นั้น
แล้วรายละเอียดอย่างอื่นล่ะ กรินเดลวัลด์พยายามสูดหายใจเข้าเพื่อควบคุมสติของตนเอง
พยายามปลอบใจตัวเองว่าอีกไม่นานก็คงได้คำตอบ เพราะความฝันของเขาเริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว
และเขามั่นใจว่าเขาต้องฝันถึงมันอีกแน่นอน
และนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่เขาเฝ้ารอความฝันของตัวเอง
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์เขาก็ได้รับข้อมูลที่น่าพึงพอใจเกี่ยวกับเบาะแสที่เขาค้นพบ
ข้อมูลเกี่ยวกับอิกโนตัส เพฟเวอร์เรล ผู้ครอบครองผ้าคลุมล่องหนคนแรก
อิกโนตัส
เพฟเวอร์เรลมีที่พำนักสุดท้ายอยู่ที่ ก็อดดริกส์ฮอลโล่ ประเทศอังกฤษ นั่นทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะที่พำนักสุดท้ายของอิกโนตัส
เพฟเวอร์เรล อยู่ใกล้กับบ้านของคุณย่าน้อยบาร์ทิลดา แบ็กชอร์ต นักประวัติศาสตร์โลกเวทมนต์ชื่อดัง
และเมื่อประมาณสามวันก่อน คุณย่าน้อยเพิ่งเขียนจดหมายติดต่อมาหาเขา เนื้อหาในจดหมายก็สอบถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป
และชวนให้เขามาเยี่ยมเยียนอย่างทุกครั้ง ปกติเขาจะปฏิเสธด้วยความนุ่มนวลและบอกว่าจะไปเยี่ยมหากมีโอกาสเหมาะๆ
และนี่คงเป็นโอกาส “เหมาะๆ” ที่ว่าแล้ว
คืนนั้นกรินเดลวัลด์ล้มตัวลงนอนอย่างอารมณ์ดี
ทุกอย่างดูเข้ารูปเข้ารอยและกำลังเป็นไปด้วยดีในการตามหาเครื่องรางยมทูต
ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่เขาจะหลับไปคือกลิ่นหอมของหญ้าและกลิ่นหอมจางๆของดอกฟอร์เก็ตมีน็อตที่ลอยมาตามลม
แล้วเขาก็กลับมาอยู่ที่เดิม -- จะบอกว่าที่เดิมก็ดูจะไม่ถูกซะทีเดียว
ตอนนี้เขากำลังนอนแหงนหน้ามองดูกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมอยู่
สีเขียวสดของใบไม้กับสีสดของท้องฟ้าตัดกันอย่างสดใส เขายิ้มบางๆให้กับภาพนั้น
ลมหอบใหญ่หอบความสดชื่นของฤดูร้อนและกลิ่นของดอกไม้เข้ามา
“วันนี้นายดูอารมณ์ดี” เสียงทักจากข้างๆทำให้เขาหันหน้าไปมอง อ่า..ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ดวงตาสีฟ้าสดใสสะท้อนภาพของเขาในนั้น
เขาที่ดูอารมณ์ดีและผ่อนคลายกว่าที่เคยเป็นมา
“วันนี้นายก็ดูอารมณ์ดี”
กรินเดลวัลด์ประหลาดใจมากที่ได้ยินเสียงของตัวเองตอบไป ตอนนี้เขาเหมือนกำลังมองดูตัวเองโต้ตอบกับผู้ชายคนนั้นในตัวของเขาเอง
เขาควบคุมร่างกายของเขาไม่ได้ ทำได้แค่มองเท่านั้น
เขาจึงพยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างของความฝันครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด
มันต้องมีความสำคัญบางอย่างสิ ที่ทำให้เขาฝันถึงมัน
“ก็แค่ลองคิดเฉยๆน่ะเกลเลิร์ต”
ผู้ชายคนนั้นว่าพลางหันกลับไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง
พวกเขาปล่อยเกิดความเงียบขึ้นมาพักใญ่ “มันจะดีแค่ไหนนะ ถ้าสิ่งที่พวกเราคิดมันเป็นจริงขึ้นมาได้
ถ้าสามารถใช้พลังได้โดยไม่ต้องหลบซ่อนจากพวกมักเกิล
ถ้าสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องปิดบังในสิ่งที่เราเป็น มันคงดีต่อเด็กรุ่นใหม่
พวกเขาจะได้ไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนพลังที่พวกเขามีจนต้องเป็นอ็อบสคูรัส
ดีต่อผู้วิเศษทุกคนที่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆจากสายตามักเกิล”
กรินเดลวัลด์พบว่าเขากลังคิดตามสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูด โลกที่ผู้วิเศษเลิกอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ
โลกที่ใช้พลังได้อย่างอิสระ โลกที่เขาอยากให้เป็น ความรู้สึกร้อนวูบวาบในอกทำให้เขารู้ว่าเขากลังตื่นเต้น
“เราต้องทำได้แน่อัลบัส ถ้าหากเราหาเครื่องรางยมทูตให้เจอให้ได้ล่ะก็”
กรินเดลวัลด์พูดอย่างตื่นเต้น เขายันตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าของผู้ชายที่เขาเพิ่งเรียกชื่ออกไปว่า
“อัลบัส”
อัลบัสลุกขึ้นนั่งตาม
ร้อยยิ้มบางประดับบนใบหน้านั้นทำให้ดูน่ามองมากขึ้น
กรินเดลวัลด์พบว่าเขาออกจะรู้สึกชอบรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย ลมหอบใหญ่พัดมาอีกครั้งพร้อมกับภาพความฝันของเขาที่เปลี่ยนไป
กรินเดลลวัลด์พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
เขาได้ยินเสียงทะเลาะโต้แย้งดังออกมา ไม่นานนัก
ผู้ชายที่ชื่ออัลบัสก็เปิดประตูออกมาแล้วก้าวผ่านเขาไป ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า
แต่เขารู้สึกเหมือนอัลบัสกำลังจะร้องไห้ เร็วเท่าความคิด เขาจึงรีบเดินตามไป
อัลบัสเดินมาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม มันเหมือนกับว่าต้นไม้ต้นนี้เป็นฐานทัพลับของพวกเขาไปแล้ว
เพราะนอกจากพวกเขาสองคน ที่นี่ก็ดูจะไม่มีใครอีก อัลบัสยืนหันหลังพิงต้นไม้
มือกำลังนวดขมับที่กำลังปวดตุบๆ สีหน้าของเขาดูไม่ดีเท่าไร
“นายไหวไหม?” กรินเดลวัลด์เดินมาหยุดยืนข้างหน้า เขารู้สึกร้อนรนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ร้อนรนขนาดที่ว่าเขาเองยังแปลกใจ
“ยังไหวอยู่” อัลบัสตบพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แม้คำตอบจะเป็นที่น่าพอใจ
แต่ดวงตาสีฟ้าสดคู่นั้นกำลังแสดงออกตรงข้ามกับสิ่งที่เขาได้ยิน ทำไมหัวใจรู้สึกหน่วงแปลกๆแบบนี้นะ
“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” เขาปลอบ พลางขยับเข้าไปใกล้อัลบัสอีกก้าว มือสอดเข้าที่ท้ายทอยของคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะพยายามให้กำลังใจ
แต่ดูเมือนมันจะใกล้เกินไปจนเขารู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้า
อัลบัสเงยหน้ามองหน้าเขา ในดวงตาสีฟ้าสดคู่นั้นสะท้อนภาพของเขาในนั้น
เขาจ้องมองมันตรงๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาต่ำลงมาหยุดที่ริมฝีปากของอัลบัส เขามองมันอย่างเหม่อลอยราวกับถูกคาถาสะกดใจ
แล้วราวกับเขาถูกเสกคาถาแรงโน้มถ่วงใส่ เขาค่อยๆโน้มหน้าลงไปใกล้อัลบัสมากขึ้นจนกระทั่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวคนตรงหน้า
แล้วเขาก็ตื่น
หลังจากจัดการธุระต่างๆจนเสร็จเรียบร้อยดี สามวันต่อมา กรินเดลวัลด์ก็มาถึงก็อดดริกฮอลโล
เพื่อมาเยี่ยมคุณย่าน้อยบาธิลดาตามที่เธอได้ชักชวนเขาและเพื่อตามหาเบาะแสของเครื่องรางยมทูต
บ่ายวันนั้น
หลังจากที่กรินเดลวัลด์จัดการเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของเขาและทานอาหารเที่ยงกับคุณย่าน้อยของเขาเสร็จแล้ว
เขาจึงตั้งใจที่จะออกสำรวจหมู่บ้าน
ตอนนี้เป็นฤดูร้อนแล้ว
หลังจากฝันถึงผู้ชายดวงตาสีฟ้าสดที่ชื่ออัลบัสคนนั้นครั้งล่าสุด กรินเดลวัลด์ก็ไม่ฝันถึงเรื่องนั้นอีกเลย
เขาเกือบจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว
แต่ทุกครั้งที่สายลมหอบใหญ่พัดเอากลิ่นหญ้ากับกลิ่นหอมของดอกฟอร์เก็ตมีน็อตลอยมาตามลม
เขาก็จะนึกถึงมันขึ้นมาได้ เมือนมันเป็นเครื่องช่วยเตือนความทรงจำของเขาก็ว่าได้
กรินเดลวัลด์เดินห่างออกมาจากตัวหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ทางข้างๆเริ่มกลายเป็นป่ามากขึ้น สายลมพัดกลิ่นหญ้ากับกลิ่นของดอกไม้มาอีกครั้ง
ทำไมสถานที่แถวนี้มันดูคุ้นๆนะ กรินเดลวัลด์คิดพลางหันมองไปรอบกาย
ไม่นานเขาก็นึกออก ทำไมจะไม่คุ้นล่ะ ในเมื่อนี่คือสถานที่ที่ทุกครั้งเขามักจะฝันถึง
เขาจึงเริ่มออกเดินไปตามทางที่ตัวเองจำได้ ทางเดินสู่ฐานทัพลับของเขากับอัลบัส
ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
“เป็นฉัน ฉันจะไม่เดินไปทางนั้นหรอกนะถ้ายังอยากกลับบ้านไปดื่มชาตอนบ่ายทัน”
เสียงทุ้มแบบที่เขาจำได้ดังขึ้นทางด้านหลัง
กรินเดลวัลด์จึงรีบหันกลับไปมองแล้วจึงพบกับผู้ชายผมสีน้ำตาลแดงดวงตาสีฟ้าสด
ในมือถือหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง...มันเหมือนกันที่เขาจำได้ ผู้ชายคนนั้น
อัลบัสยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
"ในป่าฟากนั้นมีต้นไม้ที่เปลี่ยนที่อยู่ตลอดเวลาอยู่เต็มไปหมด
บอกไว้เผื่อนายไม่อยากหลงน่ะนะ”
อัลบัสพูดขึ้นอีกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบไปและดูมีท่าทางเหมือนอึ้งไป
หวังว่าเขาคงไม่เผลอทักพวกไม่ค่อยปกติไปหรอกนะ ระหว่างทางกลับจากไปอ่านหนังสือที่ต้นไม้ที่ประจำของเขา
อัลบัสก็บังเอิญเห็นชายหนุ่มท่าทางสะดุดตาตรงหน้ากำลังเดินดุ่มไปข้างหน้า
ดูเหมือนไม่ใช่คนในพื้นที่ ก็เลยห่วงว่าจะหลงทางหรือเปล่า แต่พอเผลอทักออกไปแล้วเขาล่ะอยากกัดลิ้นตัวเองจริงๆ...ให้ตายเถอะ
“แต่ถ้านายอยากไปก็ไม่เป็นไรนะ ฉันขอตัวก่อน”
อัลบัสว่าพลางหมุนตัวเดินห่างออกไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขั้นเรียกความสนใจของเขาเอาไว้ก่อน
“เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์”
กรินเดลวัลด์ว่าพลางยื่นมาออกมารอการสัมผัสทักทายจากคนตรงหน้า
เขาเหมือนกับที่เคยฝันเอาไว้เลย แค่ดูสมจริงกว่านั้น สดใสกว่านั้น
และน่ามองมากกว่า
อัลบัสเลิกคิ้วขึ้นเล็กนั้นกับการแนะนำตัวที่แสนกะทันหันนั้น ก่อนจะตัดสินใจยื่นมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือหนังสือไปจับมือกับคนที่อยู่ตรงหน้า
“อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
และนั่น คือการพบกันครั้งแรกของเรา
This is first time we meet.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
****Talk ::: เกิดจากความเมากาวล้วนๆเลยจ้าา แต่งแบบเบลอๆ ตั้งใจว่าจะให้เป็นประมาณว่า ก่อนมาเจอกันครั้งแรกของกรินเดลวัลด์กับดัมเบิลดอร์มันเป็นยังไง ก็คือตัวกรินเดลวัลด์นางฝันเห็นดัมเบิลดอร์มานานแล้ว แล้วก็ติดใจสงสัยจนอยากเจอตัวจริง จนกระทั่งมาก็อดดริกฮอลโลแล้วก็ได้เจอกัน แล้วเรื่องต่างๆที่เรารู้กัน (หรือมโน) ก็เริ่มจากตรงนี้ ปกติจะเป็นคนเขียนนิยายไม่จบ นี่เป็นเรื่องแรกที่เขียนจบ เขียนด้วยแพชชั่นแรงกล้ามาก มีอะไรอยากแนะนำเกี่ยวกับภาษาในการดำเรื่อง การบรรยายต่างๆสามารถแนะนำติชมได้เลยน้าาา แล้วก็ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ สุดท้ายฝากทิ้งไปไว้ก็คือ เขารักกันมากค่ะ จบ 555555555555
แก้ไขเมื่อ 2019.02.09 >> เรามาแก้เรื่องสีผมกับคำบางคำที่พิมพ์ผิดแล้วนะคะ ^^ ดีใจมากๆที่มีคนเข้ามาอ่านขนาดนี้ 5555 ยังไงก็ฝากนัก(หัด)เขียนคนนี้ไว้ด้วยนะคะ ภาษาอาจจะงงๆอ้องๆบ้างก็ติชมกันได้นะคะ
ด้วยรัก เซเลอร์ปาปริก้า
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ เซเลอร์ปาปริก้า ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เซเลอร์ปาปริก้า
ความคิดเห็น