ฟิค>>>หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน (( สาวงามแห่งเอเดนเบิร์ก)) - ฟิค>>>หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน (( สาวงามแห่งเอเดนเบิร์ก)) นิยาย ฟิค>>>หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน (( สาวงามแห่งเอเดนเบิร์ก)) : Dek-D.com - Writer

    ฟิค>>>หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน (( สาวงามแห่งเอเดนเบิร์ก))

    ผู้เข้าชมรวม

    4,558

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    4.55K

    ความคิดเห็น


    35

    คนติดตาม


    12
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ค. 53 / 18:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      "เฟริน ฉันอยากจะรู้นักว่าท้องแกมันทำด้วยอะไร" หนุ่มนักฆ่าบ่นเท้าคางมองเพื่อนจะสาวก็ไม่สาวจะหนุ่มก็ไม่หนุ่มของตัวเองที่กำลังยัดน่องไก่น้องที่5 พร้อมกับโซ้ยข้าวตามจานที่ 4


      "แกอย่ามาสะเออะอยากรู้น่าไอคิล เออ คาโลได้ข่าวว่าโรเวนเรียกนายไปประชุมด่วนเมื่อวาน มีธุระอะไรหรอ"


      "โรเวนบอกว่าจะมีการประกวดสาวงามในเอเดนเบิร์ก" คาโลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขัดกับตาโตๆ ของเฟรินที่กำลังเบิกกว้าง


      "สาวงาม โถ่...นานๆที่ตาแก่โลเมธีจะคิดอะไรดีๆ เป็นมั่ง สาวงาม โอกาสทองแล้วไง"


      "โอกาสทอง ยังไงวะเฟริน" นักฆ่าผู้รักสนุกถามตาวาววับ คาโลถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คงไม่มีวันที่มันสองคนจะโตจริงๆ


      "บ๊ะ... ไม่รู้ซะแล้ว ประกวดสาวงามมันก็ต้องมาแต่สาวๆ สวยๆ อกโตๆ ขาเรียวๆ แค่คิดก็เสียวหัวใจ" ขโมยไม่เจียมบอดี้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเริ่มพล่าม ในขณะที่นักฆ่าเพื่อนสนิทหุบปากตั้งใจฟังจนเจ้าชายคนเดียวบนโต๊ะต้องปลงตก


      "แล้วสาวๆ สวยๆ มันก็ต้องคู่กับชายแกร่งอย่างพวกเราชาวป้อมอัศวิน"


      "ฉันเห็นด้วยหว่ะเฟริน นายนี่มันสุดยอดจริงๆ" ครี้ด เดินมาตบบ่าเฟรินอย่างถูกใจ จนเจ้าตัวหัวเราะเสียงดังครึกครื้น หนุ่มทะโมนแห่งป้อมอัศวินเริ่มคุยสนุกเกี่ยวกับการจีบสาวงาม เจ้าชายแห่งคาโนวาลกระแอมออกมาเบาๆ กวาดสายตามองเพื่อนรวมป้อมที่ดีแต่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก


      "แทนที่จะคุยเรื่องการจีบสาวงาม พวกนายน่าจะหาตัวแทนที่จะเข้าประกวดของป้อมอัศวินเสียก่อน" เสียงฮือฮาดังขึ้นแล้วซีบิลก็ยกมือขึ้นแล้วพูดเสียงนุ่ม


      "ก็สามสาวของป้อมอัศวินไงครับ"


      "มาทิลด้าต้องเป็น 1 ในกรรมการ เรนอนต้องขึ้นแสดงบนเวที"คาโลบอกหน้าที่ของสาวๆ ที่เป็นดั่งความหวังที่มีอยู่น้อยนิดของชาวป้อม


      "ก็ยังเหลือยัยแองจี้ไงเล่า พวกแกก็โง่กันจริงๆ" หัวขโมยปากดีพูดถึงสาวน้อยนงนุชของป้อม คาโลกระตุกรอยยิ้ม


      "แองเจอรีน่า นายลืมไปรึเปล่าเฟรินว่าเขาป่วย"


      "ป่วย!!!" เฟรินแหกปากร้อง ใช่เจ้าหล่อนบ่นกับเพื่อนว่าป่วยเมื่อวันก่อนจริงๆ แต่มันก็น่าจะทัน ราวกับรู้ความคิดคาโลพูดซ้ำให้หัวขโมยไร้สมองรับรู้อีกครั้ง


      "คงต้องรออีกสักอาทิตย์กว่าจะฟื้นตัว"


      "น่าจะทัน"


      "ไม่หรอก งานจะเริ่มในอีก 3 วันข้างหน้าแล้ว"โรพูด บรรดาชาวป้อมตกอยู่ในภาวะตึงเครียด


      "ฮ่าๆๆ ๆ จะเครียดกันทำไมวะพวกแกมองฉันเฟรินคนนี้ให้ดีนะเว้ย ฉันจะประกวดเอง!!!"เสียงหัวเราะที่ไร้ซึ่งความเป็นหญิงดังขึ้น เฟรินยืนเท้าเอวบนโต๊ะอาหารแล้วประกาศตัว


      "แกจะไหวหรอวะ สาวงามนะเว้ยเฟริน ไม่ใช่สาวถึก" คิลกระเซ้าจนสาวถึกหันมาแยกเขี้ยววับๆ ให้


      "ผมว่า คุณเฟรินก็น่ารักดีนะครับ" ซีบิลเอ่ย ทำเอาคนน่ารักแทบหัวทิ่มตกจากโต๊ะอาหาร


      "งั้น ป้อมอัศวินในชั้นปีขงเราจะส่ง เฟริน เข้าประกวด" คาโลเอ่ยตัดสิน ไร้ซึ่งคำแย้ง พวกเหล่าทะโมนป้อมอัศวินปล่อยเสียงเฮเชียร์


      สาวงามแห่งป้อมอัศวินผู้กุมความหวังของชาวป้อมกำลังยิ้มอย่างฮึกเหิมและกระหายในชัยชนะ... เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟบารามอส




      "เดินอกผายหน่อยสิคะคุณเฟริน ไม่ได้ค่ะ อย่าแอ่นขนาดนั้น" เจ้าหญิงเรนอนคนงามถูกแต่งตั้งให้เป็นติวเตอร์ให้กับหัวขโมยที่ริอาจคิดจะเป็นสาวงาม


      "จะให้ผมเดินยังไงกัน หลังค่อมก็ว่าพอแอ่นก็ไม่ดี"


      "เอาแต่พอดีสิคะคุณเฟริน" ชาวป้อมอัศวินที่คอยมองการฝึกของเฟรินเริ่มหมดหวัง มารยาทกับกริยา สาวนามเฟรินช่างติดลบในด้านนี้เสียจริงๆ

      "ผมก็พยายามแล้วนะ เรนอนอย่าดัดหลังกัน โอ๊ย~ ตีกันอย่างนี้ไม่งามแล้วนะเรนอน"

      "บอกกี่ครั้งแล้วคะคุณเฟรินว่าอย่าแทนตัวเองว่าผม งานก็ใกล้เข้ามาแล้วพยายามให้มากกว่านี้อีกนะคะคุณเฟริน"

      "ถ้าต้องพยายามมากกว่านี้ก็ฆ่ากันเถอะ" คนปากมอมบ่นงึมงัมกับตัวเอง เรนอนได้แต่ถอนหายใจปลงตกโอกาสที่ป้อมอัศวินจะชนะช่างริบหรี่เสียยิ่งกว่าแสงจากก้นหิงห้อยเสียอีก

      เสียงเดินจากทางเดินด้านนอกดังเป็นจังหว่ะสม่ำเสมอบ่งบอกว่ามีผู้มาเยือน ร่างสูงของเจ้าชายแห่งคาโนวาลเดินเข้ามาในห้อง หัวขโมยปากมอมรีบสงบปากสงบคำแล้วปั้นหน้าเรียบร้อยได้อย่างแนบเนียนจนเรนอนยังต้องแอบซูฮกในใจว่ามันช่างตอแหลได้เก่งจับใจจริงๆ

      "ฝึกกันถึงไหนแล้วเรนอน"

      "ก็ฝึกเรื่องการเดิน การพูดไปบ้างแล้วคะ แต่คุณเฟรินดูจะไม่ค่อยรับเท่าไหร่" ในตาเย็นเยียบราวน้ำข็งตวัดมองเจ้าตัวดีที่ยืนยิ้มเอาหน้าอยู่

      "ฉันพยายามเต็มที่แล้วนะเว้ยคาโล แกก็รู้นี่หว่าว่ามันไม่ง่ายเลยนะ ฉันเป็นผู้ชายอกสามสอกมาก่อนอยู่ๆ จะให้มาทำตัวเรียบร้อยมันยากจะตายเนอะเรนอน" เฟรินโบ้ยให้เรนอนที่ได้แต่ยิ้มแห้งเต็มที่

      "หรือเรนอนจะสอนแกได้ไม่ดี ?"

      "ไม่ใช่ เรนอนสวย น่ารัก นิสัยดี สอนฉันดีมาก" เรนอนหน้าแดงซ่านกับคำพูดที่ออกมาจากใจไร้การกรั่นกรองของเฟริน คาโลมองอย่างไร้อารมณ์

      "ฉันควรเป็นติวเตอร์แทนดีไหม แกว่าไงเฟริน" ร่างสูงก้มลงกระซิบข้างหูเจ้าคนที่ไม่ค่อยจะเจียมตัว เรนอนที่ยืนอยู่ด้วยหน้าแดงเพราะเขินแทนต่างจากเจ้าตัวดีที่ไม่มีเซนส์เรื่องนี้เอาเสียเลย

      "แกจะเสื อกยื่นหน้าเข้ามาพูดข้างหูทำไมวะขนลุกแล้วแกจะมาสอนฉันได้ยังไงคาโลแกเป็นผู้ชายนะ"

      "งั้นอย่าซนให้มาก ถ้าไม่อยากถูกฉันสอน" ลมหายใจอุ่นๆ จากเจ้าชายเป่ารดลำคอของหัวขโมยราวกับจงใจแกล้ง เฟรินหน้าแดงซ่านก่อนโวยวายเสียงดัง

      "ออกไปเลยไ อ้บ้าใครมันจะอยากให้แกมาสอนกัน โธ่ ที่ยืนตรงหน้าแกนี่เฟรินนะ เฟริน เดอเบอโรว์ ผู้องอาจเชียวนะ" เจ้าตัวดีตับอั่กๆ เข้าที่หน้าอกอย่างภาคภูมิ คาโลเพียงขยับยิ้มอย่างขบขันแล้วเดินจากไป

      "มันคิดว่ามันเป็นใครกัน!"

      "ใจเย็นนะคะคุณเฟริน ค่อยๆ ฝึกไปเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองค่ะ เหลือเวลาอีกตั้งหลายวันกว่าจะถึงวันประกวดนะ" เจ้าหญิงเรนอนก็ยังคงความเป็นนางฟ้าได้อย่างดี ยามหล่อนส่งยิ้มให้เขาเหมือนจะหลอมละลายไปกับสายลม เป็นไงเป็นกันวะเฟรินถึงจะแพ้แต่ได้อยู่กับสาวงามถึงสามวันมันก็ไม่เลว





      "ดึกดื่นแล้วทำไมมันยังไม่กลับมา" เสียงบ่นเบาๆ จากเจ้าชายลอยไปเตะหูของนักฆ่าที่นอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียง คิลกระโดดวูบลงจากเตียงก่อนคุ้ยขยะแล้วส่งกระดาษยับๆ มาให้คาโล

      ' ฉันจะไม่กลับห้องจนกว่าจะถึงวันประกวด พวกแกคอยดูวันที่ฉันได้ตำแหน่งให้ดีๆเถอะ!!!'ลายมือหวัดๆ สมกับที่เป็นมันจริงๆ คาโลถอนหายใจ เมื่อไหร่มันจะเลิกอวดเก่งทำตัวงี่เง่าซะที แล้วนี่จะไม่โผล่มาให้เจอตั้งสามวันมันคิดจะตัดขาดจากกันไปเลยใช่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดสมองเจ้าชายแห่งคาโนวาลทำได้เพียง "ทำใจ"

      สามวันผ่านไปราวกับนิยาย ((ก็นิยายอ่ะ))

      เหล่าทโมนจากป้อมอัศวินพากันจองที่หน้าติดเวทีกะมองสาวจากป้อมให้เต็มตา บรรดาสาวงามจากป้อมต่างๆ พากันเดินอวดโฉมอย่างหน้าหลงไหล เลยเสียงโฮ่จากผู้คนได้เป็นอย่างเฉพาะครี้ดที่ดูคึกคักเป็นพิเศษ
      "ฉันอยากเห็นเฟรินจะตายชัก เจ้านั่นมันจะสวยเหมือนแต่ก่อนที่เราเคยเห็นไหมวะคิล"

      "แกอยากรู้ก็ลองถาม คาโล มันดูสิ"ยิ้มปีศาจของนักฆ่าแฝงรอยเย้าแหย่ไว้อย่างปิดไม่มิด คาโลทำเพียงขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งอย่างวางมาด ยังแกล้งยากเหมือนเดิม คิลคิดก่อนเบนความสนใจไปบนเวที การโชว์ตัวครึ่งแรกถูกคั่นด้วยการแสดงพิเศษจากเหล่าสาวงามที่เป็นตัวแทนจากป้อม

      "นั่นมันเรนอนพวกพวกเรานี่หว่า วี๊ดวิ๊วว ว วว~" ครี้ดผิวปาก

      "เหมือนนางฟ้าเลยนะครับ" ซีบิลว่า

      "ใครบางคนหยุดหายใจไปแล้วละมั้ง" โร ส่งสายตาไปยังนักฆ่าที่นั่งเงียบอยู่ในภวังค์ นัยน์ตาสีม่วงเบิกโพลงอย่างเก็บอาการไม่อยู่

      เจ้าหญิงเรนอนกำลังร่ายรำอยู่บนเวที หล่อนอยู่ในชุดสีทองอร่ามสมกับเป็นเจ้าหญิงแห่งคาโนวาล ผิวพรรณขาวผ่องราวกับไม่เคยต้องแสงถูกเผยให้เห็น หน้าท้องนวลเนียนกำลังส่ายสะบัดไปตามจังหวะเพลงที่บรรเลงอย่างน่าหลงไหล ผมสีม่วงเป็นเงางามถูกปล่อยให้ยาวเคลียใบหน้าที่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์อย่างสวยงาม นัยน์ตาของหล่อนกำลังมองมาที่เขาทำเอานักฆ่าผู้อ่อนประสบการณ์รักหายใจไม่ทั่วท้อง เพียงครู่เดียวหล่อนก็ละสายตาไปอย่างเขินอาย

      ' น่ารัก ' เป็นคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในสมองของบุรุษนาม คิล ฟิลมัส...

      ไม่นานนักการแสดงก็จบลงเรนอนเดินไปหลังเวที ทิ้งไว้เพียงนักฆ่าหนุ่มที่เริ่มได้สติกลับมานั่งเงียบเหมือนเดิม

      "เคลิ้มเลยสิแก" ครี้ดว่าพลางหัวเราะเสียงดัง นักฆ่าหนุ่มทำหูทวนลมก่อนชี้ไปทางเวทีเอาตัวรอดอย่างหน้าด้าน เสียงประกาศจากพิธีกรบนเวทีดังลั่น

      "สาวงามจากป้อมอัศวิน เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟ บารามอส"

      "เฟรินมาแล้ว" คิลว่า แล้วก็เป็นไปตามนั้นคนในป้อมไม่สนใจจะแซวต่อกลับพุ่งความสนใจไปที่ร่างบางบนเวทีที่กำลังเดินอย่างเงอะงะ

      ผมสีน้ำตาลที่เคยยุ่งบัดนี้ถูดรวบไว้หลวมๆ อวดลำคอระหงส์และไหล่ขาวนวล ไข่มุกแสงจันทร์ของคาโลทำให้ลำคอสวยดูไม่ว่างจนเกินไป เจ้าหล่อนพยายามเดินให้ปกติเพราะชุดเกาะอกสีขาวสะอาดที่ยาวถึงพื้นทำให้เดินลำบากจึงต้องจับชายกระโปรงขึ้น แม้คิ้วของเจ้าหล่อนจะขมวดอย่างไม่สบอารมณ์กับชุดแต่ก็ไม่ทำให้ใบหน้าที่สวยงามดูแย่เลยแม่แต่น้อย แต่กลับทำให้ผู้ชมต่างพากันเอ็นดูกับการกระทำแบบธรรมชาติของเธอเสียด้วยซ้ำ

      "สวย" แม้แต่บุรุษพูดน้อย กัส โทนีย่า ยังเผลอครางออกมาก เหล่าทโมนจากป้อมอัศวินที่เตรียมมาเฮกลับเงียบงันเพราะตะลึงในความงามของเจ้าขโมยเพื่อนร่วมป้อมที่บัดนี้กลายร่างเป็นเจ้าหญิงงามแห่งบารามอสไปแล้ว

      เฟรินเดินหมุนตัวกลางเวทีตามที่เรนอนสอน ก่อนย่อตัวลงอย่างนอบน้อม ตามด้วยิ้มที่แสนใสซื่อจนบุรุษจากต่างป้อมและป้อมเดียวกันพากันมอบกุหลาบให้

      "เดี๋ยวได้โดนแช่แข็งกันหมด" โรเซวาเรสยังคงรู้มากอย่าน่าฆ่าให้ตายเหมือนเดิม คาโล ยังคงนั่งนิ่งมองเฟรินที่เดินรับดอกไม้จากคนโน้นที คนนั้นที ด้วยสายตาที่เดาความรู้สึกไม่ถูก

      "รีบๆ ให้ดอกไม้สาวงามหน่อยนะครับ เดี๋ยวเวลาจะหมดแล้ว" พิธีกรเร่ง เฟรินยังคงรับดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง
      ดอกไม้เยอะแบบนี้เอาไปขายต่อที่ตลาดเขาจะรับซื้อไหมนะ โยที่ไม่ทันระวังตัวมือแกร่งของนักเรียนชายจากปราสาทขุนนางก็คว้ามือก่อนโน้นตัวเฟรินลงมาจุมพิตที่แก้มซ้าย

      หัวขโมยในร่างสาวงามเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังมากจากกองเชียร์ป้อมอัศวินที่เห็นเพื่อนสาวโดนลวนลาม พิธีกรบนเวทีทำหน้าเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูกอยู่สักพัก

      ก่อนที่อากาศในโดมจัดงานจะเริ่มลดต่ำลง...

      พอตั้งสติได้เฟรินก็ผลักเจ้านักเรียนนั่นออกจากตัวก่อนใช้โอกาสจากการอยู่ในที่สูงถีบเข้าที่หน้าของเจ้านั่นอย่างโมโห
      ลุคสาวหวานเรียบร้อยหายไปในบัดดล รองเท้าส้นสูงที่ใส่มาถูกถอดแล้วปาซ้ำไม่หวังให้นักเรียนผู้นั้นได้มีชีวิตรอด
      บรรยากาศในโดมเริ่มโกลาหลเมื่อจู่ๆ พายุน้ำแข็งลูกใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นด้านหน้าเวที

      บุรุษผมสีเงินยืนสงบท่ามกลางผู้คนนับพันที่นั่งชมการประกวดอยู่ แม้ใบหน้างามราวสลักจะยังคงนิ่งเฉยแต่เพื่อนสนิทอย่างคิลกลับรู้ได้ทันทีว่า คาโล วาเนบลี เดอะปริ๊นออฟ คาโนวาล กำลังโมโหถึงขีดสุด!!!

      "แกตายๆๆ ๆ ๆๆๆ กล้าทำกับสาวงามอย่างฉันได้ยังไงฟะ ฉันยังเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่นะเฟ้ย"
      ป้าบๆๆ ๆ ๆๆๆ ๆ รองเท้าส้นสูงยังถูกใช้เป็นเครื่องมือสังหารต่อไป

      "แกมันไอ้ชั่ว ว ว ว ตายๆๆๆ ๆๆๆ ๆๆ แฮ่กๆ ตายซะ" เจ้าหัวขโมยยังคงตบตีชายคนนั้นไม่เลิก เสียงคิลตะโกนเรียกชื่อของเธอดังแว่วมาเธอจึงละจากการตบตีแล้วมองไปยังผองเพื่อนที่กำลังนั่งสั่นราวกับอยู่ขั้วโลกใต้

      บุรุษผมเงินที่ชอบทำให้ใจสั่นยืนมองเธอนิ่งเหมือนเธอไปฆ่า บาโร วาเนบลี พ่อของมันตาย พายุในโดมโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่อาจารย์แม่มดวิงกี้ยังไม่สามารถควบคุมได้

      นัยน์ตาเย็นชาของคาโลละจากเธอไปมองร่างชายผู้เคราะห์ร้ายที่นั่งเอามือกุมหัวที่แตกของตัวเองอยู่บนพื้น นัยน์ตาสีเงินวาบมาดร้ายนั่นทำให้เฟรินกลืนน้ำลายอย่างฟืดคอ

      คาโลเริ่มท่องคาถาในมือถือคาทาพิพากษา มันกำลังจะฆ่าคน ไอ้เจ้าชายแห่งคาโนวาลจะฆ่าคนในเอเดนเบิร์กไม่ได้!!!

      คิดดังนั้นร่างบางก็รีบยกชายกระโปรงกอดเอาไว้กับตัวแล้วโดดลงจากเวทีที่เริ่มมีน้ำแข็งเกาะ ผู้คนในโดมต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวแต่ไม่มีใครสามารถลุกขึ้นเดินได้ กลัว... พวกเค้ากลัวเจ้าชายน้ำแข็งแห่งป้อมอัศวิน

      การวิ่งเท้าเปล่าบนพื้นที่เริ่มกลายเป็นน้ำแข็งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เฟรินวิ่งสุดแรงเกิดเพราะคาโลกำลังเข้าถึงช่วงท่องคาถารอบสุดท้าย

      "หยุดด ด ดด แกหยุดท่องเดี๋ยวนี้นะคาโล ลล !!!"เสียงหวานตะโกนก้องแต่ไม่อาจหยุดเจ้าชายมาดน้ำแข็งที่กำลังโมโหอยู่ได้ คาโลไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ

      "ไอ้บ้านี่ ฉันบอกให้หยุด!!! คิลห้ามมันสิ!"ประโยคหลังหันไปตะโกนใส่นักฆ่าเพื่อนสนิทที่นั่งกระดิกเท้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวข้างๆ คาโล

      "ไม่ไหวหรอก เดี๋ยวโดนมันฆ่าเอา" คิลพูด ' โดนฆ่า ? 'ที่ไม่ห้ามเพราะมันเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกว่า ไอ้เพื่อนทรยศ,,

      ประโยคสุดท้าย จะประโยคสุดท้ายของคาถาแล้ว! เฟรินตัดสินใจกระโจนเข้าหาร่างสูงของคาโล ก่อนทั้งคู่จะล้มลงไปพร้อมกัน

      "แกมันบ้าคาโล แกจะฆ่าคนในเอเดนเบิร์กไม่ได้นะ ไอ้บ้าๆๆ ๆ ๆๆ" มือเล็กทุบอั่กๆ เข้าที่อกแกร่งของเจ้าชายแห่งคาโนวาล คาโลดันตัวเฟรินออกก่อนยันตัวลุกขึ้น

      พายุหิมะสงบลงพร้อมร่างเจ้าชายคาโนวาลที่เดินออกไปจากโดมตามด้วยเฟรินในชุดกระโปรงยาวที่วิ่งตามไปติดๆ

      "เห็นแล้วแสลงตา ไม่ชินกับบทรักของมันสองคนทุกที" คิลบ่นกับเพื่อนๆ ในป้อม

      "คาโลแกเป็นอะไรของแกฮึ ? ทำแบบนี้ไม่สมกับที่เป็นแกเลยนะเฟ้ย ยย"

      "..."

      "เฮ้! จะรีบเดินไปไหนฮะ แกเห็นไหมว่าฉันวิ่งตามมันลำบาก กระโปรงนี่มันยาวนะ!!" เฟรินยังแหกปากตะโกนไปวิ่งตามคาโลไป สุดท้ายคาโลก็หยุดเดิน

      "กว่าจะหยุดได้ บอกมาสิว่าแกเป็นอะไร หึ ?" เฟรินเดินมามองหน้าคาโล เจ้าชายแห่งคาโนวาลยังยืนนิ่งมองเฟรินไม่วางตา

      "แกจะมองฉันไปถึงไหน ทำไมไม่พูด?"

      "..."

      "เฮ้ย~ เงียบอย่างงี้ฉันใจคอไม่ดี พูดออกมาสิ!"

      "..."

      "วุ๊ย!!!ไม่ถามแล้วโว้ย ย ย จะเป็นจะตายจะไปฆ่าใครที่ไหนก็เชิญเลยไปไอ้เจ้าชายงี่เง่า นึกว่ามันเท่นักรึไงที่ยืนกลางโดมสร้างพายุหิมะวุ่นวายแบบนั้น ไหนจะยังจะพยายามฆ่าคนในเอเดนเบิร์กอีก แกมันโง่ งี่เง่า ไอ้เจ้าชายบ้า!" เฟรินเตะเข้าที่ขาของคาโลก่อนจะสะบัดหน้าหนี มือแกร่งของคาโลคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กก่อนออกแรงดึง

      "ทำอะไรของแกวะ"

      "ปากแกเป็นของฉัน..." ยังไม่ทันได้ขัดขืนใบหน้างามราวสลักก็ยื่นเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหนานุ่มทาบทับที่ริมฝีปากบางของหล่อนจนต้องเบิกตาโพลง เจ้าชายแห่งคาโนวาลรุกล้ำอย่างดุดันและอ่อนโยนจนหัวขโมยจอมแก่นแทบทรุดลงไปกับพื้นดีที่เจ้าคนฉวยโอกาสยังรู้หน้าที่คว้าเอวเธอเอาไว้เสียก่อน ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะพยายามขัดขืนแต่ก็ต้องโอนอ่อนเมื่อสบตากับนัยน์ตาสีเงินสวยนั่น

      แพ้... แพ้มันตลอดเลยจริงๆ

      "แก้มแกเป็นของฉัน..." เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูก่อนพรมจูบไปทั่วใบหน้าจนเจ้าหล่อนใบหน้าร้อนผ่าวราวกับถูกรนด้วยไฟจากนครโลกันต์

      "พอได้ ล..แล้ว คาโล" เฟรินห้ามเสียงเขียวเมื่อเจ้าชายแห่งคาโนวาลกำลังซุกไซร้ตรงที่ซอกคอของหล่อน ริมฝีปากนุ่มซุกไซร้ลำคอขาวของเธอ มือหนาของคาโลสัมผัสแผ่นหลังของเฟริน เธอสะดุ้งตัวนิดๆก่อนจะต้องร้องเสียงหลังเมื่อคาโลพยายามทำรอยช้ำๆเอาไว้ที่เนินอก

      "ไอ้บ้าหยุดนะเว้ย ย ย คาโล อุ๊บ!" ปากหนานุ่มสีเชอร์รี่ทาบทับบนปากของเฟรินอีกครั้งเพื่อหยุดเสียง เฟรินจำต้องตามใจเจ้าชายแห่งคาโนวาลจนกว่ามันจะหายโกรธ แขนเล็กๆ โอบรอบลำคอคนตัวสูงเอาไว้ก่อนแลกจูบด้วยความรักคาโลรอบเอวเฟรินก่อนดันเข้าแนบตัวลิ้นร้อนๆรุกล้ำครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักพอ มือสองข้างลูบไล้ไหล่บางของหญิงสาวตรงหน้าราวกับอยากจะโอบกอดเอาไว้ไม่ให้ไปไหน คาโลละตรงมาที่ลำคอของร่างบางอีกครั้ง ซุกไซร้เอาความหอมจากร่างตรงหน้า ก่อนเลื่อนลงมาเน้นรอยที่เมื่อกี้ทำเอาไว้ให้เด่นชัดขึ่น เฟรินหน้าแดงระหว่างที่เจ้าชายนั่นกำลังง่วนกับการเม้มรอยหล่อนได้แต่ซุกหน้าลงกับผมนุ่มๆ นีเงินของเขา

      เจ้าชายขี้โมโหเอ๊ย!!!

      คาโลผละก่อนสบตาเฟรินเนิ่นนาน เพียงไม่กี่นาทีที่สบกับตาสีฟ้าสวยนั่นเฟรินก็ต้องหลบตาแล้วแสร้งว่าเสียงสูง
      "จะมองฉันทำไม พอใจแกแล้วใช่ไหมไอ้เจ้าชายงี่เง่า"

      คาโลไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างเอ็นดูให้ เฟรินหุบปากแล้วมองคนตรงหน้าตาปริบๆ หัวใจของหัวขโมยเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา มันยิ้ม... ไอ้เจ้าชายน้ำแข็งยิ้ม เฟรินยิ้มตอบอย่างเขินอาย

      ' น่ารัก ' คาโลคิดก่อนโน้มตัวลงจุมพิตที่หน้าผากเฟริน มือหน้าลูบที่คอระหงส์ไล้มาจนถึงไข่มุกแสงจันทร์แล้วกระซิบเบาๆ ตรงข้างหูคนน่ารักว่า

      "แกเป็นของฉัน เฟริน เดอเบอโรว์"


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×