ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #25 : | 25 | Individual | ความรู้สึกผิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      13
      30 ก.ย. 63

    "นับว่าเป็นการปั่นหัวที่อุกอาจดี" | ซีลอน

    “เอ่อ...พวกเราควรไปทางไหนต่อน่ะ?” แม้ว่าสึนะจะบินวนรอบเกาะจากบนฟ้ามาครั้งหนึ่งแต่เขาไม่คุ้นเคยกับทิศทางของเกาะและแนวป่าก็คล้ายกันไปหมดทำให้เขาไม่แน่ใจว่าอยู่ส่วนไหนของเกาะแล้ว

    “ขึ้นไปพักบนยอดเขาก่อนเถอะครับท่านรุ่นที่สิบ!” โกคุเทระเสนอแนวทางพวกเขาเดินตามผู้พิทักษ์วายุไปที่ยอดผานั่นด้านล่างเป็นที่ราบลุ่มซึ่งมีซากอาคารบ้านเรือนอยู่มากมายพวกเขาจึงรีบเดินลงไปสำรวจ มีร่องรอยการอยู่อาศัยทว่าในตอนนี้มันกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว

    “จากทรงอาคารแล้ว...อิตาลี่?” ซีลอนทักขึ้นเมื่อสังเกตถึงการตกแต่งมุมอาคารด้วยอิฐนอกเหนือปูนเปลือย โครงสร้างจากอิฐ และซุ้มโค้งจากอิฐด้วยวิธีเก่า ๆ ส่วนที่เป็นไม้หลายส่วนผุพังไปแล้ว

    “สภาพทั้งเก่าทั้งโทรมเลย กี่สิบปีมาแล้วเนี่ย...” โกคุเทระขมวดคิ้ว

    “ยอดเงินสะพัดในไตรมาสแรกอยู่ที่... กำหนดระยะเวลางานของโครงการนั้นคงเหลือ...” เสียงพึมพำดังออกมาจากบ้านหลังหนึ่งเมื่อมองลอดบานหน้าต่างที่เพียงโครงเหล็กดัดก็เห็นผู้พิทักษ์คนหนึ่งของชิม่อนอยู่ด้านใน

    “ชิทพี ฉันมาสู้กันเธอแล้ว” โกคุเทระจับเหล็กดัดและส่งเสียงเรียกผู้พิทักษ์ชิม่อนด้านใน เขามองว่าเธอเป็นคนแปลก และคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็น UMA เพราะทั้งรูปลักษณ์และนิสัยซึ่งไม่มีใครเหมือนนั้นพิสดารออกมา

    “ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสิบล้านเยน...” ผู้พิทักษ์สาวเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของโกคุเทระที่โหวกเหวกอยู่ตรงหน้าต่าง ซีลอนกับสึนะเหลือบมองกัน ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าชิทพีค่อนข้างพิเศษ เธอจะหันก็ต่อเมื่อเรียกเธอตามที่หล่อนแนะนำตัวเองเท่านั้น

    “อ๊าโธ่! ก็ได้! ชะ ชิ ชิ ชิโทปิจัง!” วายุหนุ่มลูบหน้าอย่างไร้ทางเลือก เพราะอีกฝ่ายนั้นจะตอบสนองกับคนที่เรียกชื่อเธอแบบพิเศษเท่านั้น

    “โกคุเทระคุง ฉันดีใจจังเลยที่เธอเรียกฉันแบบนั้นน่ะ” ชิทพีลุกขึ้นจากเก้าอี้และเท้าเอวเธอมองไปที่วายุหนุ่มและยิ้มให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “นั่น... เหมือนคนปกติเลยนี่นา” สึนะยิ้มเจื่อนกระซิบกระซาบกับรุ่นพี่สาวและแรมโบ้ข้างตัว

    “ก็...คุยกับคนที่ทำตามเงื่อนไขเท่านั้นไง” ซีลอนเหล่มองบอสผมฟูและดึงสายตากลับไปที่ทั้งคู่ ชิทพีกระโดดออกมาจากอาคารทะลุหลังคาที่กร่อนจะเปราะอยู่แล้วมายังถนนด้านหน้า

    “ฉันยินดีที่จะให้โกคุเทระคุงมาสู้กันฉัน! ฉันเองก็อยากจะเล่นกับนายโกคุเทระผู้น่ารักคนนี้!” ชิทพีเบิกตาขึ้นจ้องเขม็งไปยังคู่ประลอง

    “แน่อยู่แล้ว คู่ต่อสู้ของเธอคือฉัน! แม้ว่าเธอจะเป็นUMAก็ตาม ฉันก็จะเอาชนะเธอให้ได้” สิ้นคำของผู้พิทักษ์หนุ่มคุณนักฆ่าหลังเก้าอี้กับบอสผู้พิทักษ์อัสนีก็หันไปตัวแทนฝั่งวองโกเล่ด้วยสายตาอาดูร พวกเขารู้ว่าโกคุเทระคลั่ง UMA ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตปริศนาระบุสปีชี่ย์ไม่ได้ แต่ไม่นึกว่าจะยังคงคลั่งไคล้มาถึงตอนนี้

    ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่หากเทียบกับความคิดของทั้งสึนะและซีลอนแล้วชิทพีก็แค่เป็นตัวของตัวเองอย่างรุนแรงและไม่สนใจการทำตัวกลมกลืนหรือกระทั่งคนที่ไม่เคารพกฎของเธอ ซึ่งก็เห็นได้จากการที่ชิทพีจะหันและสนทนากับคนที่เรียกเธอว่า ‘ชะ ชิ ชิ ชิโทปิจัง!’ เท่านั้น

    “งั้นฉันจะบอกถึงความภาคภูมิใจของฉั—”

    “รู้อยู่แล้วล่ะ... ฉันสังเกตดูแล้วโกคุเทระคุง การได้เป็นมือขวาของท่านรุ่นที่สิบคือความภาคภูมิใจของนาย ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ?” ชิทพีกล่าวยิ้ม ๆ

    “ถูกแล้ว! การได้เป็นมือขวาและผู้พิทักษ์เพื่อปกป้องท่านรุ่นที่สิบคือสิ่งที่ฉันภาคภูมิใจ!” แม้จะสงสัยว่าทำไมชิทพีถึงรู้แต่โกคุเทระก็ตะโกนตอบกลับมาอย่างมาดมั่น เขาภูมิใจที่ถูกเลือก ภูมิใจที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวองโกเล่แฟมิลี่ซึ่งมีสึนะเป็นบอสในตอนนี้

    “เพราะแบบนี้แหละถึงได้อ่อนแอ...” ชิทพีถอนหายใจเล็กน้อยด้วยสีหน้าเสียดายสุดซึ้ง

    “สำหรับฉันแล้วแม้จะมาอยู่ในชิม่อนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องของการที่จะมีใครปกป้องใคร หรือใครเพื่อใคร แต่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อตัวฉันเองโดยไม่มีข้อผิดพลาดนั่นแหละความภาคภูมิใจของฉัน” ชิทพียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

    “หรือก็คือเธอแข็งแกร่งขึ้นเพราะสู้เพื่อตัวเอง...อย่างนั้นสินะ?” สึนะพึมพำพยายามทำความเข้าใจกับความหมายของประโยคดังกล่าว

    “การต่อสู้ของเราฉันจะทำให้นายรู้ว่านายไม่จำเป็นต้องยืนอยู่บนโอกาสอันน้อยนิดนั่นถ้านายแค่เปลี่ยนไปทำเพื่อตัวเองอย่างฉัน” ชิทพียกมือขึ้นทาบอกตัวเองประกอบคำพูด “เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมซะ”

    โกคุเทระขมวดคิ้วเขาเรียกสัตว์กล่องออกมาและเข้าสู่โหมดอาวุธทันที เข็มขัดแห่งวายุและอุริที่ผสานเข้ากับร่างของโกคุเทระกลายเป็นฟอร์มเครื่องแบบใหม่ของสโมคกิ้งบอมบ์ ด้วยอาวุธใหม่ที่มีอยู่ในมือเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจที่จะสู้กับพวกที่บังอาจหันเขี้ยวใส่วองโกเล่และบอสที่รักของเขาแล้ว

    “โอ๊ะ? โกคุเทระคุงสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?” ชิพพีสังเกตมวนอะไรบางอย่างที่ชายหนุ่มคีบไว้ระหว่างนิ้ว

    “ช่างฉันเถอะน่า อีกอย่างเจ้านี่น่ะเป็นวองโกเล่เกียร์รูปแบบใหม่ต่างหาก” เขากระตุกมุมปากพยายามห้ามรอยยิ้ม วายุหนุ่มชอบวองโกเล่เกียร์รูปแบบใหม่มากเพราะมันเข้ากับรสนิยมของเขาพอดี

    “ชุดของนายดูดีนะ ถ้าฉันใส่คงจะได้อวดหุ่นเซ็กซี่มากแน่” ชิทพีกวาดตาสำรวจฟอร์มใหม่ และประโยคนั้นก็ทำให้ซีลอนหลุดขำออกมาเล็กน้อย

    “แฟชั่นดี” เธอพยักหน้าขณะที่สึนะกับโกคุเทระหันไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

    “ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเถอะแล้วกติกาล่ะ” โกคุเทระเป็นผู้ลากหัวข้อสนทนากลับมาที่การต่อสู้ใหม่

    “มีแล้ว เราจะมีบอลลูคนละสองลูกซึ่งสร้างมาจากพลังไฟของฉัน” ชิพพีโยนวัตถุทรงกลมให้สโมคกิ้งบอมบ์สองชิ้นเมื่อโกคุเทระสัมผัสมันก็ดูดกลืนพลังไฟของเขาเล็กน้อยและขยายใหญ่ลอยขึ้นอยู่สูงขึ้นจากหัวเยื้องไปด้านหลังของเขา

    “บอลลูนจะมีอยู่คนละสองลูกและถูกสร้างขึ้นให้ติดตามพลังไฟที่ตรวจจับไว้แล้ว เอ้าฮึ๊บ!” ชิทพีตีลังกาม้วนหลังให้ดูว่าบอลลูนสองลูกที่อยู่กับเธอก็เคลื่อนไหวตามเธอไปติด ๆ “อย่างที่เห็นไม่ว่านายจะไปไหนมันก็จะตามนายไปด้วยทุกที่ วิธีตัดสินก็คือฝ่ายไหนถูกทำลายบอลลูนจนหมดทั้งสองลูกก่อนเป็นผู้แพ้... ว่าไงล่ะ”

    “ได้ น่านใจดีนี่! ที่จริงฉันเองก็ไม่อยากจะสู้กับผู้หญิงนักแต่เธออาจจะเป็นUMAในคราบหญิงสาวก็ได้ และเมื่อกฎเป็นแบบนั้นฉันก็พร้อมลุยเต็มที่!” โกคุเทระหมายถึงกฎการทำลายบอลลูนโดยไม่จำเป็นต้องแตะต้องหรือทำร้ายร่างกายของอีกฝ่ายโดยตรงซึ่งเข้าทางเขาผู้ไม่ชอบทำร้ายผู้หญิงเป็นทุนเดิม

    “คิก... พูดได้ดีนี่ สนามประลองคือทั้งเมืองร้างแห่งนี้ เวลาจำกัดห้านาที และถ้าครบห้านาทีแล้วยังไม่รู้ผลพวกเราทั้งคู่จะถูกวินดิเช่พาตัวไป งั้นเรามาเริ่มกันเลยไหมโกคุเทระคุง?” ชิทพีเอ่ยเงื่อนไขการประลองออกมาทั้งหมด

    “หึ เข้ามาได้ทุกเมื่อ!” โกคุเทระเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองสึนะอย่างเป็นกังวล “ท่านรุ่นที่สิบออกไปจากบริเวณนี้ก่อนนะผมเกรงว่าจะถูกลูกหลงเอาครับ!”

    ชิทพีจ้องอุปนิสัยเป็นห่วงบอสเกินพอดีนั่นของคู่ประลองตัวเองยิ่งนึกขัดใจเข้าไปใหญ่พลางพึมพำล้อเลียน “ท่านรุ่นที่สิบอย่างนู้น ท่านรุ่นที่สิบอย่างนี้”

    “ฉันจัดการเองเอาล่ะเกาะแน่นๆ” ซีลอนยักไหล่แล้วเปิดกล่องอาวุธสัตว์ของตัวเองออกมาอีกาคู่ขาวดำในโหมดสนับสนุนกลายเป็นปีกอยู่หลังสะโพกของนักฆ่าด้วยพลังไฟผสม

    “ผมละไม่ชอบวิธีนี้เลยน้า” สึนะทำหน้าปูเลี่ยนเข้าไปคล้องแขนเกาะไหล่นักฆ่าหลังเก้าอี้ แรมโบ้เองก็ทำไม่ต่างกัน จะมีก็รีบอร์นที่นั่งสบายอยู่บนไหล่สึนะอีกที ซีลอนไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยตบเท้าเคาะอุปกรณ์ที่ส้นเพื่อเปิดไอพ่นและลอยตัวบินออกไปจากบริเวณนั้นพักลงบนยอดอาคารที่ดูแข็งแรงเพื่อให้ยังสามารถตามติดการต่อสู้ได้ชัดเจน

    “แถวนี้น่าจะพอไหวเดี๋ยวถ้าลูกหลงกระเด็นมาก็ขยับมาอยู่ใกล้ ๆ ฉันก็แล้วกันนะ” หล่อนปิดไอพ่นแล้วคลายรูปแบบสัตว์กล่องเจ้าอีกาสองตัวก็เกาะอยู่บนไหล่ของนักฆ่าพลางไซ้ขนปีกตัวเองให้เรียบร้อย

    โกคุเทระด้านล่างเปิดฉากด้วยร็อกเกตบอมบ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากพลังไฟวายุและวองโกเล่เกียร์รุ่นใหม่แต่ถึงอย่างนั้นไม่ทันให้พวกมันได้พุ่งไปยังเป้าหมายอย่างชิทพีเธอกางแขนขึ้นขาแมงมุมสีเงินทั้งแปดก็ปรากฏออกมาและพ่นอะไรบางอย่างดับชนวนระเบิด ร็อกเกตบอมบ์ร่วงลงพื้นสิ้นสภาพทันที ชิทพีไม่เปิดจังหวะให้โกคุเทระได้ตั้งตัวเตรียมอาวุธอีกรอบเธอวิ่งออกมาจากอาวุธบอลลูนที่ครอบเธออยู่และเป็นฐานของขาแมงมุมทั้งแปดเข้ากระโจนเกาะอยู่กับตัวของผู้พิทักษ์วายุ

    “แบบนั้นก็ได้เหรอ?” สึนะหน้าซีดถาม

    “นับว่าเป็นการปั่นหัวที่อุกอาจดี” ซีลอนแสยะยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอ “แต่เธอก็คนที่ให้เกียรติตัวเอง นั่นน่ะแค่หยอกเล่นให้ตายใจไม่ก็สับสนเฉยๆ” นักฆ่าสาวออกความเห็น “แต่ว่าไม่แปลกใจเท่าไหร่ อาวุธนั่นเหมือนแมงมุมออก...การกระโจนใส่เหยื่อหรือแม้แต่ศัตรูเองก็เป็นรูปแบบของแมงมุมนะ”

    “แต่นั่นมันก็...” แรมโบ้มองลงไปและอุทานออกมาเมื่อชิทพีที่ดูจะคุยกับโกคุเทระจบแล้วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยใช้วายุหนุ่มเป็นฐานหกสูงใช้ส้นรองเท้าเจาะทำลายบอลลูนของโกคุเทระไปหนึ่งลูก และตีลังกาหลบออกไปด้วยความว่องไว

    “อ๋า! เสร็จกัน!” แรมโบ้ตาโต

    “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกดูบนพื้นสิ ในขณะที่เจ้าวายุนั่นกำลังตกใจก็ไม่ทันได้สังเกตว่าพื้นถูกแปรสภาพไปแล้ว” ซีลอนพยักพเยิดให้อัสนีสังเกตใหม่

    บนพื้นกลายเป็นแอ่งโคลน

    “นี่แหละพลังของเพลิงปฐพีแห่งหนองน้ำ! ความสามารถของฉัน! ทำให้ทุกสิ่งโดดดูดติดกับที่เหมือนโคลนใต้บึงยังไงล่ะ!!” น้ำเสียงของชิทพีติดร่าเริงขึ้นไปอีกระดับ โกคุเทระไหวตัวเร็วใช้ระเบิดอากาศกับโคลนที่กำลังดึงเขาลงไปและกระโดดหลบหนีออกมา

    ชิทพีกลับเข้าไปในอาวุธแปดขาของตนเธอขึ้นไปยืนบนหลังคาบ้านร้างชั้นเดียวนั่นทำให้ระยะเสียงใกล้กับพวกสึนะขึ้นจนได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

    “ตอนนี้ตายน่ะยึดติดกับซาวาดะ สึนะโยชิ ลองหันไปมองอดีตของเจ้านั่นสินายคิดยังไงกันมันล่ะ!” ชิทพีแบมือออกข้างก่อนจะโปรยรูปถ่ายข้อมูลของสึนะในอดีตที่ไม่รู้ว่าได้รับมาจากไหนให้วายุหนุ่ม

    “เธอเองก็น่าจะรู้ดีกว่าใคร อดีตของคนไม่เอาอ่าว แถมยังไม่ต้องการเป็นบอสวองโกเล่สักนิด คนที่เธอเฝ้าปกป้องเป็นบ้าเป็นหลังนั่นไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องนี้สักนิดเดียว สอบก็ตก อันดับก็ต่ำ ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง เป็นคนเศษเหลือที่ไม่มีใครต้องการ นี่น่ะเหรอบอสของนายคนที่หลงผิดก็คือนาย”

    “อยู่ที่โรงเรียนก็คอยตามแอบมองซาซางาวะ เคียวโกะ...”

    “โอ้ย น่าอายชะมัด” สึนะกุมขมับตัวเองเมื่อได้ยินอดีตครั้งสิบปีที่แล้วสมัยยังเป็นเด็กม.ปลาย “เคยตามก็จริงแต่ไม่เคยแอบดูสักหน่อย!!” สึนะตะโกนเถียงกลับไปแต่ชิทพีไม่ได้สนใจเขาเลย

    “ทำอะไรไว้ก็รับซะ ก่อเองนี่หว่า” ซีลอนกระตุกยิ้มนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังหัวเราะซ้ำเติมอย่างใจร้าย แรมโบ้ยิ้มเจื่อน สึนะเป็นคนไม่เอาไหน เรื่องนั้นใครจะมารู้ดีกว่าพวกเขาละจริงไหม?

    “เวลาที่กระโปรงเคียวโกะเปิดเพราะลมพัดนายก็แสดงสีหน้าได้น่าสนใจดีนี่” ชิทพีโปรยรูปถ่ายอีกใบ

    “อ๊า ความผิดพลาดวัยเด็กของฉันนนน หยุดทีเถอะ!” สึนะแตกตื่นไม่คิดว่าจะมีรูปของตนในเวลาต่าง ๆ มากมายขนาดนี้ทั้งข้อสอบเกรดห่วย ๆ ผลคะแนนเลขตัวเดียว หรือกระทั่งรูปถ่ายวิชาพละที่เขามักจะเป็นเศษเมื่อต้องแบ่งกลุ่ม

    “เป็นคนไม่มีเซ้นท์อะไรเลยมักจะวิ่งหนีปัญหาไม่กล้าเผชิญหน้า กลัวกระทั่งชิวาว่า” ผู้พิทักษ์หนองน้ำยังกล่าวต่อไป

    “ยัยนั่นทำการบ้านมาอย่างโปร” รีบอร์นกอดอก 

    “เห็นด้วยเลยอาจารย์” ซีลอนกอดอกและพยักหน้าตามนับถือในสายข่าวของชิม่อนที่สามารถดึงข้อมูลและรูปเก่าขนาดนั้นมาได้

    “อดีตที่เจ็บปวด ผมจะร้องไห้แล้วนะ...” สึนะพึมพำโดยมีแรมโบ้คอยปลอบใจอยู่ไม่ห่าง

    “นายล่ะคิดยังไง โกคุเทระคุง ลืมตาขึ้นมาดูความเป็นจริงได้แล้วว่าซาวาดะ สึนะโยชิเป็นคนที่คู่ควรจะถูกคนอื่นปกป้องแน่ไหม?” ชิทพีย้ำความอ่อนแอ ไร้ความเป็นผู้นำของสึนะในวัยเด็ก ทุกอย่างที่พูดมาดูไม่คู่ควรกับคำเรียกขานอย่างยกย่องว่าท่านรุ่นที่สิบแม้แต่น้อย

    “เฮ้อ...” โกคุเทระถอนหายใจหนักหน่วงยกมือเกาท้ายทอยทำเอาสึนะในใจหล่นวูบ “พูดจบรึยัง?” วายุหนุ่มเลิกคิ้ว

    ระเบิดขนาดใหญ่ปะทุขึ้นด้านหลังชิพพีส่งผลให้บอลลูนลูกหนึ่งของเธอแตกออกจนเหลือหนึ่งลูกเท่ากับเขา

    “บ้าน่า! ระเบิดเหรอ! จากไหนกัน!” ชิทพีสับสนเพราะเธอและเขาต่างก็ยืนคุยกันต่อหน้าและต่างไม่ได้ขยับอะไรสักนิด

    “ใครจะเฉลยให้โง่กันเล่า แล้วก็เรื่องพวกนั้นนะฉันรู้หมดแล้ว”

    “เอ๋!”

    “ไม่ว่าจะพูดอะไรมันก็ไม่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้หรอก ท่านรุ่นที่สิบน่ะเป็นคนที่น่าเคารพนับถือมากที่สุดแล้วนั่นก็เพราะว่าเขาไม่เหมือนกับพวกเธอต่างหาก” โกคุเทระมองไปยังชิทพีด้วยสายตาแน่วแน่ เขาพูดความจริง และเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเห็นภาพเหล่านั้นข้างตัวรุ่นที่สิบ อยู่สนับสนุนและคอยช่วยเหลือเป็นกำลังให้ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว

    “เห? ไม่เหมือนกับพวกเรา?” ชิทพีทวนคำที่คาใจ

    “เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะ กลับมาสะสางต่อกันเรื่องของฉันกับเธอ!” โกคุเทระออกวิ่งมุ่งหน้าไปหาคู่ปรลองพลางพูดต่อไป

    “จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ชอบตัวเอง ไม่ได้อ่อนแอ เพราะว่าฉันคือคนที่จะเป็นมือขวาท่านรุ่นที่สิบ” เขานึกถึงภาพความทรงจำที่ได้รับมาในฐานะผู้พิทักษ์ ชายผมแดงก่ำที่ยืนอยู่เคียงข้างพรีโม่ จีอ๊อตโต้ เขาจะต้องเหนือกว่าชายผู้นั้นให้ได้ “ต่อให้มีหลายอย่างที่ได้ทำผิดพลาดลงไปก็แค่ต้องฝึกฝน วางแผน ปรับตัวและยืดหยุ่น เพื่อพัฒนาขึ้นจากเมื่อวาน!”

    โกคุเทระปาระเบิดออกไปแม้มันจะถูกหยุดด้วยอะไรบางอย่างที่พ่นออกมาจากขาแมงมุมทั้งแปดก็ไม่ได้ทำให้เขาลดความพยายามลง ทว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ใช่การตั้งใจทำลายบอลลูนของชิทพีซึ่งหน้าอยู่แล้ว

    “ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิด” ชิทพีขมวดคิ้วกับคำพูดของโกคุเทระ

    “เธออาจจะไม่เข้าใจเพราะเธอเป็น UMA เอาล่ะมันคงถึงเวลาที่ฉันจะได้บอกเธอว่าระเบิดพิเศษที่ฉันใช้มันมีมากกว่าที่เห็น และตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปหาเธอ!”

    “มุ่งหน้ามา!?” ชิทพีเบิกตากว้างขึ้นมองซ้ายขวาก็พบกับอุริแมวของโกคุเทระที่กระโจนเกาะเธอแน่น หางของอุริปะทุไฟเผาไหม้ตัวเองคล้ายชนวนระเบิด เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นตอนที่เธอกระโดดไปกอดโกคุเทระเขาตั้งสติได้ไวกว่าที่เธอคาดและคงเอาแมวใส่ไว้กับเธอตอนนั้นจนมันมาเกาะอยู่ที่ด้านหลังอาวุธเธอมาตลอด

    “จบ ๆ กันสักที อุริบอมบ์!” หลังการระเบิดบอลลูนอีกลูกของชิทพีก็แตกกระจายนับเป็นผลการประลองที่สิ้นสุด เธอมีสีหน้าที่ตกใจแต่ก็สะท้อนความคิดบางอย่างขึ้นมา บางทีสิ่งที่เธอเชื่อมาโดยตลอดอาจจะไม่ได้ถูกที่สุด ทุกคนต่างเป็นตัวของตัวเอง... บางทีวิธีที่ต่างกันนั้นก็อาจให้ผลลัพธ์เป็นความแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน

    “นายทำได้โกคุเทระ นั่นมันเจ๋งมาก” สึนะฉีกยิ้ม

    “แฮะๆ แค่นี้เล็กน้อยครับท่านรุ่นที่สิบ สบายมาก!” มือขวาบอสแห่งวองโกเล่หน้าบานรับคำชม พวกเขาจึงลงมาจากดาดฟ้าอาคารเมื่อเท้าแตะพื้นดินพวกวินดิเช่ก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

    “การตัดสินเป็นอันแน่นอน... ผู้แพ้ ชิทพี จากชิม่อน ถึงเวลา ส่งมอบกุญแจดอกที่สาม...” ในมือของเหล่าชายชุดคลุมดำมีจดหมายเก่า ๆ ฉบับหนึ่ง “กลับไปสู่อดีตที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นระหว่างจีอ๊อตโต้และซาร์ทกันเถอะ”

    ซีลอนกอดอกยืนมองพวกเขาที่จมลงไปในความทรงจำจากอำนาจของวินดิเช่ สักพักพวกเขาก็กลับมาได้สติแววตาแจ่มชัด สึนะเงยขึ้นอย่างข้องใจเอ่ยถามกับเหล่าผู้คุมกฎมาเฟีย

    “สงครามที่ถูกพูดถึงนั่นหรือว่า...สงครามที่ทำให้ชิม่อนรุ่นหนึ่งถูกฆ่างั้นเหรอ?” วินดิเช่ไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเป็นชิทพีที่พูดอย่างมั่นใจ

    “ก็ใช่ เพราะว่าถูกทรยศและฆ่าโดยวองโกเล่ยังไงล่ะ เพราะเหตุผลนั้นทำให้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง...ฉันน่ะแตกต่างจากคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องที่จะทำเพื่อคนอื่นน่ะเลิกมาตั้งนานแล้วและก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อตัวเองเท่านั้น” เธอหน้านิ่งก่อนจะกลอกตาขบคิดถึงวิธีคิดอ่านของโกคุเทระซึ่งต่างจากเธอชนิดขาวเป็นดำ

    “แต่ฉันก็แพ้ให้กับโกคุเทระคุงที่ต่อสู้เพื่อรุ่นที่สิบก็พอเข้าใจได้... นั่นสินะ! รู้แล้วล่ะ! โกคุเทระคุงเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษสินะ! ชื่อทางวิทยาศาสตร์ก็คือ UMA จำพวกเลือดอุ่น!” ชิทพียิ้มอย่างสดใสเมื่อสรุปได้แล้วว่าทำไมเขาถึงแตกต่างจากคนอื่น

    “ใช่ที่ไหนละเฟ้ย!” วายุหนุ่มแทบจะตบมุกทันที

    “อยากจะเรียนรู้นายมากกว่านี้จัง ไม่มีใครสนใจในตัวฉันนานมากแล้วล่ะ ถึงฉันจะอยากอยู่กับนายต่ออีกนิดแต่ก็คงต้องกล่าวคำอำลาละนะ” เธอถอนหายใจอย่างเสียดายเพราะกฎย่อมเป็นไปตามที่บัญญัติ โกคุเทระชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดแปลก ๆ ของเธอ เขารู้สึกเห็นใจที่อีกฝ่ายอาจต้องเจอโลกที่ไม่ยอมรับตัวเองเพราะว่าแตกต่างมากเกินไป

    “ไม่ต้องห่วงนะเมื่อการต่อสู้นี้จบลงฉันจะไปช่วยคุณพี่กับพวกเธอเอง” สึนะโพล่งออกไป ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าและยึดเอาคำพูดที่หลุดปากออกไปด้วยความมุ่งมั่น ถ้าเรื่องนี้คือความเข้าใจผิดแล้วล่ะก็ เขาจะต้องช่วยพวกชิม่อนที่เป็นเหยื่อด้วยอย่างแน่นอน

    “ที่พวกเราสู้ไปเพื่ออะไรกันแน่ ถ้าเพื่อเปิดโปงความจริงแล้วว่ามันเป็นความเข้าใจผิดละก็ การช่วยพวกเธอออกมาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว” สึนะตัดสินใจ

    “ไม่ใช่กงการอะไรของพวกนาย! จับนี่ไว้ชิโทปิจัง!” เสียงของเอ็นมะแหวกอากาศออกมาพร้อมสายลวดบางอย่าง แต่แม้ว่าผู้พิทักษ์หนองน้ำจะจับเอาไว้ได้แต่วินดิเช่เพียงสะบัดข้อมือมันก็ขาดออก

    “พวกเราไม่อาจให้ใครรอดไปได้ มันเป็นไปตามข้อตกลง...” ชายสวมหมวกทรงสูงกล่าว

    “ฉันน่ะดีใจมากเลยนะที่ได้เป็นหนึ่งในครอบครัวชิม่อน บ๊ายบายเอ็นมะคุง” ชิทพีเอ่ยคำลาสุดท้ายก่อนถูกโซ่สีดำลากเข้าไปในรูกลางอากาศ

    “ชิโทปิจัง โคโยะ ราอุจิ ทุกคนเป็นคนสำคัญของฉัน และทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะพวกนาย..." เอ็นมะเค้นคำพูดของตัวเองอย่างยากลำบากด้วยความรู้สึกผิดปนเปไปกับความเศร้าเสียใจ ร่างกายของเขาถูกห้อมล้อมด้วยอักขระสีดำออร่าแดง พลังแห่งธรณีโอบล้อมร่างเอ็นมะไว้ด้วยเจตจำนงของน้ำตาที่ไหลออกมา

    “เดี๋ยวก่อนเอ็นมะนี่ยังไม่ถึงเวลาที่นายต้องสู้นะ!” อเดลไฮด์ตะโกนห้าม จูลี่เข้ามาบีบบ่าหญิงสาวให้ใจเย็นลงและตะล่อมให้เธอเชื่อว่ามันจะไม่เป็นอะไร ก่อนจะมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มปิติ

    “ซาวาดะ สึนะโยชิ!! ถ้าฉันกำจัดนายเสียตั้งแต่ตอนนี้ ที่นี่ ตรงหน้าฉัน!”

    “เอ็นมะ! ใจเย็นลงก่อน! แหวนของเธ—”

    “ไร้สาระ!!! ฉันทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว! ทุกคน ทุก ๆ คน! ต่างต้องทนรับความเจ็บปวดและสังเวยตัวเองในคุกน้ำก็เพราะพวกวองโกเล่!! ฉันจะไม่ยกโทษให้พวกมันเด็ดขาด!” ใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด สึนะมองคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนมาตลอดอย่างเจ็บปวด หวนนึกถึงพวกพ้องของตัวเองที่ก็ต้องทนรับการชดใช้โดยไม่ได้ทำอะไรผิดเช่นเดียวกับเอ็นมะ ทั้งยามาโมโตะที่เกือบตาย เรียวเฮที่ถูกพาเข้าไปคุมขังในคุกน้ำมืดมิด และโคลมที่ถูกลักพาตัวมา

    “นายก็ไม่ต่างกันฉันนักหรอกเอ็นมะ... พวกเราต่างรับรู้ความรู้สึกที่เหมือนกันนี้แล้ว ทำไมนายยัง...ทำกับเพื่อนของฉํนแบบนี้อีกล่ะ!!! นายกำลังทำแบบเดียวกับพวกเราที่กล่าวหานั่นแหละ!” ไฟธาตุนภาลุกขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้ยาดับเครื่องชนช่วย ซีลอนเห็นท่าจะแย่ก็ขยับตัวมายืนกันแรมโบ้จากแรงกระแทกของคลื่นพลังโดยอัตโนมัติ

    “ย้ายที่กันก่อนโกคุเทระ” รีบอร์นออกคำสั่งหนักแน่นโกคุเทระแม้จะไม่ยินยอมก็ต้องก้าวขาหาที่มั่นคงห่างออกไป ถ้าหัวหน้าทั้งสองกลุ่มปะทะกันรอบด้านจะพังทลายไปด้วย พวกเขาทั้งสี่คนจึงรีบหาที่หลบจากคลื่นพลังรุนแรงพวกนั้น

    “นายไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรทั้งนั้น!!!” เห็นได้ชัดว่าเอ็นมะให้ความโกรธครอบงำการกระทำของเขาไปแล้ว

    “หยุดนะเอ็นมะ นายยังไม่พร้อมที่จะใช้พลังนั่น!” อเดลไฮด์กัดริมฝีปาก ถ้าฝืนใช้มันทั้งที่เลือดยังไม่ผสานกับแหวนดีละก็อาจจะเกิดผลสะท้อนใส่ผู้ครองแหวนก็ได้

    “ซาวาดะ!! สลายไปซะ!!” เอ็นมะใช้พลังปฐพีสร้างพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูงรอบตัวสึนะแต่เจ้าตัวกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเพราะพลังของวองโกเล่เกียร์ที่ห้อมล้อมเขาอยู่

    “คิดว่านายโกรธเป็นอยู่คนเดียวรึไง” สึนะในวัยยี่สิบห้าขมวดคิ้วนิ่วหน้า ในเมื่อคุยแค่ลมปากไม่รู้ความการอัดเรียกสติก็คงเป็นวิธีที่จำเป็นหลังจากแน่ใจว่าพลังของเอ็นมะสลายไปจึงกลายบาเรียจากเพลิงนภารอบตัวออก

    “ใช้พลังได้ดีขึ้นกว่าเดิมนี่ไอ้พวกกาบหอย” เอ็นมะแยกเขี้ยว

    “หยุดนะเอ็นมะ!! พลังนายยังไม่เสถียร!! แล้วนายก็ยังไม่ได้บอกกฎการแข่งด้วย!!!” อเดลไฮด์ตะคอกใส่ผู้เป็นดั่งน้องชาย

    “เลิกบอกว่าฉันควรทำอะไรได้แล้วน่า! ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร! แล้วฉันก็ไม่ใช่เด็กนานแล้วนะอเดล!!” บอสชิม่อนหันไปตวาดหญิงสาวผมดำที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “เพราะฉันจะทำลายวองโกเล่!!” ไม่เอ่ยอะไรให้เยิ่นเย้อต่อเอ็นมะก็พุ่งเข้าใส่นภาหนุ่ม พวกเขามีระดับพลังไฟที่ใกล้เคียงกันซ้ำยังรุนแรงและทำให้บินได้เหมือนกันอีก

    เมื่อปะทะกันพลังของทั้งสองกลับสร้างพื้นที่ทรงกลมขึ้นมา เป็นบริเวณพลังหนาแน่ที่รอบล้อมด้วยอักขระจากพลังแผ่นดินของชิม่อนโอบล้อมทรงกลมจากพลังของนภาอีกทอด

    ‘ความเข้ากันของไฟธาตุ???’ ซีลอนจ้องการต่อสู้ตรงหน้าเขม็งเก็บทุกรายละเอียด เพราะว่าสึนะได้รับวองโกเล่เกียร์ใหม่มาระดับพลังจะสูสีกับเอ็นมะแม้จะแลกหมัดกันหลายยกแต่ผลกลับออกมาเสมอพวกเขามีแผลฟกช้ำและรอยเฉียดตามตัวเท่านั้น

    “ความแข็งแกร่งเยือกเย็นแบบนั้นอย่างกับพรีโม่ไม่มีผิด น่ารังเกียจ” ดวงตาสีแดงก่ำถลึงตาใส่นภาแห่งวองโกเล่ด้วยความอาฆาตแค้น

    “พรีโม่ไม่ใช่คนอย่างที่นายคิด นายก็น่าจะได้เห็นแล้วนี่ความทรงจำพวกนั้น และฉันก็ไม่คิดจะสานต่อเจตนารมณ์ของวองโกเล่หากมันถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วย” สึนะขมวดคิ้วข้องใจว่าทำไมเอ็นมะถึงไม่ยอมรับ ทั้งที่ก็เห็นภาพพวกนั้นเหมือนกันเขาควรจะรู้สึกถึงความขัดแย้งบางอย่างได้แล้ว ถึงเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด

    “ฮะๆๆ ช่างกล้าพูด ทำแบบนี้ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่มั้งซาวาดะ!” เอ็นมะเค้นยิ้มเดือดดาล “ไม่เห็นสัญลักษณ์หลังถุงมือของตัวเองรึยังไง มันเป็นตราที่แสดงว่าวองโกเล่เลือกนาย เลือกให้นายเป็นศูนย์กลางของมันและได้รับผลประโยชน์สูงสุด คงทำใจยากน่าดูที่จะหันหลังให้โชคลาภที่หลั่งไหลเข้ามาเหล่านั้นจริงไหม? มันเป็นสัญลักษณ่าภายใต้การชี้นำของนายยังคงมีผู้คนที่โดนกดหัว ทุกข์ทรมานใต้พวกผู้มีอำนาจ แล้วทีนี้นายยังจะกล้าบอกว่าไม่อยากสานต่อเจตจำนงของมันเนี่ยนะ สำคัญตัวผิดเกินรึเปล่า?”

    “ไม่ใช่! วองโกเล่ในยุคสมัยของฉันน่ะ! ใช้พลังเพื่อปกป้องเพื่อนของฉันและไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์!” สึนะเถียงกลับในทันที แนวทางที่เขายึดมั่นมาตลอดตั้งแต่โตขึ้นจนกระทั่งบัดนี้ ในเมื่อหนีไม่ได้ก็สร้างเส้นทางที่วองโกเล่จะไม่เป็นเหมือนพวกมาเฟียกลุ่มอื่นขึ้นมา

    “นายก็หลอกลวงไม่แพ้พรีโม่นั่นหรอก คิดว่าจะฝืนชะตากรรมของสายเลือดได้เหรอไง? ฝันเฟื่องซะจริงนะ ต่อให้คำสาปสายเลือดของพวกเราจะต่างกันมากก็ตามเถอะ” เอ็นมะหน้าคล้ำกำหมัดตัวเองแน่น เขาโกรธมากที่ได้รู้เบาะแสคนที่ฆ่าครอบครัวของเขาจากจูลี่ โกรธมากขึ้นเมื่อสึนะทำตัวเหมือนพรีโม่คนนั้น ใช้ใบหน้าใสซื่อหลอกลวงผู้อื่นมากมาย หลอกให้ตายใจให้เชื่อว่าเป็นเพื่อนกันได้ ให้เชื่อว่าพวกเขาต่างจากมาเฟียในโลกเบื้องหลังกลุ่มอื่น

    “นายหมายความว่าอะไร?” สึนะขมวดคิ้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างมากกว่าความทรงจำของรุ่นแรกระหว่างวองโกเล่และพรีโม่

    “ได้ ฉันจะบอกอะไรให้นะซาวาดะ... ไม่เพียงแค่พรีโม่ที่นายนับถือเอามาทรยศชิม่อนหรอกนะ เพราะแม้แต่พ่อของนายเองก็เป็นฆาตกร ‘ซาวาดะ อิเอมิสึ’ ชายผู้ฆ่าแม่และน้องสาวล้างบางแฟมิลี่ของฉัน!!!”

    ท่ามกลางความตกใจซีลอนไม่ได้เป็นหนึ่งในคนที่แตกตื่น เพราะเธอรู้ว่าใครที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง และจูลี่เองก็ไม่ได้สังเกตถึงเธอแต่แรกเขามัวแต่มองเอ็นมะกับสึนะห้ำหั่นกัน รอยยิ้มของนักมายาปฐพีทำให้หล่อนขมวดคิ้ว มันไม่ใช่รอยยิ้มที่กำลังจะได้แก้แค้น

    สึนะช็อกไปในทันทีเมื่อได้ยินว่าเอ็นมะต้องเจอกับอะไรโดยมีพ่อของเขาซึ่งเป็นผู้ดูแลนอกแก๊งนำกำลังกวาดล้างชิม่อนที่หลงเหลือหลังจากได้แหล่งข่าวบางแห่ง สะเทือนจิตใจจนกระทั่งไฟดับเครื่องชนดับวูบลงจนสิ้นด้วยสีหน้าคล้ายจะแตกสลาย

    “ฉันจะไม่ขอให้อภัยกับพวกแก!! จนกว่าพวกแกจะตายเพื่อชดใช้!” เอ็นมะเข้าประชิดตัวสึนะที่ยังไม่ได้สติบีบคอและยกขึ้นในขณะที่กำลังจะเด็ดหัวของสึนะด้วยเพลิงปฐพี ปลอกแขนเหล็กกลับพยศและลั่นพลังสะท้อนใส่เขาเองจนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด คลื่นพลังที่ไม่เสถียรเหล่านั้นซัดจนสึนะล้มลงกับพื้นไม่ต่างกับเจ้าของแหวนชิม่อนที่กำลังกรีดร้องและกุมแขนขวาของตนน้ำตาอาบแก้ม ทั้งเจ็บปวด ทั้งคับแค้น อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นการล้างแค้นก็จะจบลง แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเขา นั่นทำให้เอ็นมะยิ่งทวีความรู้สึกด้านลบและจงเกลียดจงชังสึนะมากขึ้นไปอีก

    อเดลไฮด์รับเข้ามาช่วยพยุงชายหนุ่มผมแดง คาดโทษหมายหัวพวกสึนะว่าครั้งหน้าที่ได้เจอพวกเขาต่างฝ่ายต่างคือศัตรู

    จูลี่หัวเราะและเอ่ยเย้าด้วยสีหน้าร่าเริง “เตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ เพราะครั้งหน้าที่ได้เจอกันเอ็นมะของพวกเราก็จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมแล้ว”

    “ไปกันได้แล้วจูลี่” อเดลไฮด์ช้อนร่างเอ็นมะที่สลบไปขึ้นสองแขนและกระโจนกลับไปยังฐาน

    “โอเค” นักมายาปฐพีรับคำเขาหันมามองสึนะ “แล้วเจอกันน้าเจ้ารุ่นที่สิบ...ที่ดูเหมือนรุ่นที่หนึ่ง~” คำพูดนั้นยิ่งทำให้สึนะนิ่งเหมือนตุ๊กตาที่สายเชิดขาดลง เขานั่งนิ่งแม้จะถูกถามไถ่หรือแม้แต่ถูกรีบอร์นชกหน้าเข้าให้

    พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากต้องหาสถานที่ที่เป็นสนามประลองต่อไปเพื่อเข้าใกล้เอ็นมะ หลังจากที่เดินรั้งท้ายกับโกคุเทระมาสักพักหล่อยให้แรมโบ้อยู่กับสึนะเผื่ออาการซึมกะทือของเขาจะดีขึ้น

    ในระหว่างนั้น “!!!” ซีลอนสะดุ้งตัวโยนแล้วหันไปยังทิศทางหนึ่งไกลออกไป เจ้าตัวขมวดคิ้วและทำสีหน้าขัดใจขึ้นมา

    “เป็นอะไรไป?” โกคุเทระรู้ว่านี่มันไม่ปกติ เขาคิดว่าอาจจะโดนซุ่มโจมตีเพราะสัมผัสของซีลอนนั้นไวกว่าพวกเขามาก

    “ไม่ใช่... เจ้าจูลี่นั่นยุ่งกับภาพมายาของมุคุโร่” ซีลอนกระซิบให้คำตอบ

    “หา?” วายุหนุ่มคิ้วยุ่งเป็นปม “อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ หน่อยไม่ได้รึยังไง?” เขาพ่นลมหายใจออกจมูกฉุน ๆ

    “ฉันทิ้งมายาของตัวเองไว้กับโคลมเสมอ ข้อตกลงของฉันกับมุคุโร่ที่มีร่วมกันคือถ้าอีกฝ่ายอยู่ห่างจากโคลมมากเกินกว่าจะให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้อีกคนก็ต้องคอยดูแลโคลมให้แทน ดังนั้นในระหว่างที่เจ้านั่นไม่สามารถแทรกแซงเข้ามาในเกาะได้ฉันจึงเป็นคนคอยดูแลสภาพเครื่องในของโคลมให้ไม่มีอะไรผิดปกติไปมากกว่าเดิมอยู่ห่าง ๆ” ซีลอนอธิบาย

    “ไม่ใช่ว่าโคลมสร้างเครื่องในได้ด้วยตัวเองแล้วเหรอ?” โกคุเทระเลิกคิ้วจี้ถามอีกข้อ

    “ทำได้แล้วแต่ความสมบูรณ์ไม่มากเท่าที่มุคุโร่หรือฉันสร้าง จะว่ายังไงดี ปกติเครื่องในของโคลมมีอัตราส่วนมายาของโคลมเองประมาณสี่ในสิบ ที่เหลือจะเป็นพลังของมุคุโร่ไม่ก็ฉันเวลาหมอนั่นไม่อาจคงสภาพไว้ได้ถ้าต้องไปไกลหรือใช้พลังเยอะ แต่ตอนนี้พลังส่วนนั้นถูกทำให้หายไปแล้วแทนที่ด้วยพลังคนอื่น นั่นคือสิ่งที่มายาของฉันซึ่งหลงเหลืออยู่ในตัวโคลมบอกมา” ซีลอนนิ่วคิ้ว

    “เดี๋ยวนะแต่เจ้านั่นก็ไม่ไ—”

    “เกาะแห่งนี้มาบาเรียปิดกั้นพลังจากภายนอกคลุมอยู่ ต่อให้เปิดรับเราเข้ามาแล้วก็ยังคงทำงานอยู่เหมือนเดิมฉันถึงเข้ามาข้างในนี้...” ซีลอนตัดบทอธิบายถึงพื้นที่ปิดกั้นพลังมายารอบเกาะและเหตุผลที่ทำให้พลังจากภายนอกเข้ามาด้านในไม่ได้เพิ่มไปอีกเล็กน้อย

    “ให้ตายเถอะ เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย”

    “ก็น่าจะจูลี่นั่นแหละ แต่ว่าเดี๋ยวนายก็จะได้รู้เพราะในศึกหน้าหมอนั่นน่าจะมาดูสถานการณ์ข้างสนามประลอง...” ซีลอนประเมินการเคลื่อนไหวของชายที่อยู่ข้ามกาลเวลามาได้นานถึงขนาดนี้ ถ้ายุ่มย่ามกับเครื่องในของโคลมแสดงว่าเขากำลังจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแล้ว โดยบังคับให้โคลมทำอะไรบางอย่าง...

    นักฆ่าสาวกดมือถือส่งข้อความไปยังปลายหมายเลขฟอร์เวิร์ดเมลล์ส่งไปที่คนสามคนพร้อมกัน

    ‘ได้เวลาโผล่หัวออกมาแล้ว’

    เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังสนั่นบินผ่านแนวไม้แถวพวกเขาไป เงาหลังเก้าอี้เหลือบมองบอสหัวฟูที่ใจสลายแล้วถอนลอบถอนหายใจ “เอาเถอะเดี๋ยวซือคุงก็ดีขึ้น ไม่นานนักหรอก” เธอเอ่ยปลอบใจวายุหนุ่มข้างตัว

     

    individual หมายถึง รายบุคคล , ปัจเจก

    พรุ่งนี้ก็เริ่มโทเบอร์แห่งการวาดภาพวันละภาพแล้วอ๊ากกกกกกก จะทำทันไมน๊าาาา/ล่กไปหมด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×