ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #24 : | 24 | Catch-22 | จนมาถึงตอนนี้

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 63


    "น่าสนใจมากทีเดียว… กลิ่นของคนประเภทเดียวกันน่ะ" | ซีลอน

    คาโต้ จูลี่ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะหายไปกับพวกเอ็นมะว่าทั้งร่างกายและหัวใจของโคลมกำลังจะเป็นของเขาในไม่ช้า ไม่ได้พูดถึงวิธีการแค่แสดงออกมาอย่างคนเจ้าชู้ประตูดินเท่านั้น

    “ว้าว สายตาอันเร่าร้อนหรือว่าจะมีสาวมาดเท่อีกคนตกหลุมรักฉันกันน้า~” คาโต้ขยับหมวกแล้วยักคิ้วหลิ่วตาใส่ น่าเสียดายที่อดเลไฮด์ไม่คิดว่าการที่ผู้หญิงผมเงินคนนั้นจ้องจูลี่จะเป็นแววตาแห่งเสน่หา ตรงกันข้ามเหมือนงูมากกว่า เธอที่ไม่ได้ถูกจ้องยังรู้สึกตื่นตัวราวกับถูกนักล่าจ้องมองแต่เธอที่ภาคภูมิใจในความสามารถด้านการต่อสู้ของตัวเองก็มั่นใจไม่น้อยว่าต่อให้เป็นเงาหลังเก้าอี้ที่เล่าลือกันว่าเก่งนักหนาก็ไม่อาจชนะผ่านเธอไปหาเอ็นมะได้

    “น่าสนใจมากทีเดียวล่ะ กลิ่นของคนประเภทเดียวกันน่ะ” เธอกระตุกยิ้มวิกล เป็นยิ้มที่สึนะรู้สึกหนาวสันหลังเพราะไม่ได้เห็นมานาน เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ชิม่อนชะงักไปกับความไม่เป็นมิตรที่พิสดารนั่น “แต่ฉันจะไม่ใช่คนที่สู้กันนายหรอกนะนักมายา” ซีลอนเค้นยิ้มหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอ แสดงท่าทีเหมือนเจอของหายากถูกใจและไม่ได้กล่าวอะไรไปมากกว่านั้น จูลี่เหลือบมองหล่อนด้วยสายตาอันตรายชั่วพริบตาก่อนจะยิ้มแป้นกลบเกลื่อน

    “แหม อะไรกัน ๆ นับเป็นเกียรติของฉันสิน้าคุณผู้หญิง~” จูลี่ทำตัวร่าเริงเหมือนทุกทีแต่นั่นก็ยิ่งทำให้ซีลอนรู้สึกขำขึ้นมา เธอไม่ได้สาวความยาวต่อความยืดมีเพียงรีบอร์นที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติในตัวลูกศิษย์เท่านั้น

    ซาวาดะรีบกระโจนออกไปด้วยพลังเพลิงธาตุนภาเพื่อติดตามเอ็นมะแต่เหมือนพวกเขาจะไวกว่ามากคลาดกันในเวลาไม่กี่วินาทีบางทีคงจะกลร่องรอยด้วยนักมายาในทีมด้วย เขาจึงลอยวนอยู่รอบเกาะเพื่อสำรวจเส้นทางแทนก่อนจะร่อนกลับลงมาบนพื้นเพื่อปรึกษาวางแผนเส้นทางที่จะเดินไป

    “ถึงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีทางอื่นละนะ เพราะมันไม่มีอยู่ในแผนที่นี่” รีบอร์นออกความเห็นก่อนจะชี้ไปที่ทางเดินหินซึ่งปูทอดยาวเข้าไปในป่าลึกของเกาะ

    “นั่นสินะครับ” แรมโบ้เกาะท้ายทอยไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างไหมแต่วองโกเล่เกียร์ของเขาเป็นอะไรที่ชอบมากเลยล่ะ ถ้ามีหมวกกันน็อกแบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวรีบอร์นทุบหัวด้วยด้ามปืนแล้ว

    พวกเขาเดินเท้ากันราวห้าชั่วโมงก็เจอกับสังเวียนแรกลานกว้างกลางป่าที่มีสายลมพัดเวียนใบไม้คมกริบราวกับใบมีดโกคุเทระเป็นคนแรกที่ถูกใบไม้ถากแขนเสื้อจนขาด

    “ระวังนะครับรุ่นที่สิบ! ใบไม้นี่บาดได้เหมือนมีด!” มือขวารีบเอ่ยเตือนทุกตน คนที่ดูชิลที่สุดไม่พ้นเป็นซีลอนที่เพียงขยับมือสวมแว่นกันลมอย่างไม่ยี่หระ รีบอร์นเองก็เช่นกัน และแม้จะไม่มีการเอ่ยปากสึนะกับซีลอนก็เดินขึ้นหน้ามาบังแรมโบ้เอาไว้หลังสุดโดยอัตโนมัติ มันเป็นเรื่องปกติของพวกเขาเวลาอยู่ด้วยกัน

    “เหล่าพรรณไม้ทั้งหลายที่นี่ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยการดื่มเลือดของท่านชิม่อนรุ่นที่หนึ่ง” อาโอบะ โคโยะเดินเข้ามาพร้อมสายลมจากอีกฟากของป่าอย่างใจเย็น “และวันนี้ก็ถึงเวลาจะได้ดื่มเลือดของวองโกเล่เสียที” เขาคือคู่ประลองแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

    และคนที่จะลงไปสู้กับเขาก็ไม่พ้นเรียวเฮ ผู้เคยร่วมการฝึกสอนงานคู่กับชายสวมแว่น สองสหายหัวทื่อที่ความเร็วในการเข้าใจด้านวิชาการก็ยังคงช้าไม่ต่างกัน แถมทั้งคู่ยังชกมวยเป็นกีฬา จะเรียกว่าเพื่อนเพียงคนเดียวที่มีงานความชอบตรงกันก็ไม่ผิดนัก นอกจากนี้ยังเป็นพวกบ้าระห่ำและร่างกายไปไวกว่าสมองเหมือนกับเปี๊ยบ

    “นักกีฬาน่ะเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกนะโคโยะ!” เรียวเฮตะโกน ฝ่ายตัวแทนชิม่อนแค่เค้นหัวเราะดันแว่นขึ้นสันจมูก

    “ฉันแค่ตัดสินใจแล้วว่าความเกลียดชังของฉันก็คือวองโกเล่ และอันที่จริงฉันก็ไม่ใช่นักกีฬาด้วย” โคโยะเท้าเอว

    “ว่ายังไงนะ!” เรียวเฮตะลึงพรึงเพริดไป

    “รู้อะไรไหม ครั้งแรกที่ฉันเห็นนายเรียวเฮ...นายมันก็แค่คนของวองโกเล่ที่ชกมวยเป็นงานอดิเรกเล่นไปวัน ๆ เท่านั้นแหละ การชกมวยที่แท้จริงสำหรับฉัน คือการมีชีวิตอยู่...นั่นคงไปทำให้นายเข้าใจผิดว่าอาวุธสำหรับการล้างแค้นของฉันไปเหมือนของนาย” โคโยะ

    “มันไม่ใช่แบบนั้นเลย และถ้าจะให้พูดการชกมวยก็คือ ความภาคภูมิใจของฉัน! เรามาดวลกัน! ตัวต่อตัว!” เรียวเฮตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขายังคงเชื่อในมิตรภาพก่อนหน้าที่เรื่องราวแสนวุ่นวายนี้จะเกิดขึ้น

    “หืม~ การต่อสู้ของพวกเรานั้นจะเริ่มโดยเดิมพันความภาคภูมิใจของเราทั้งคู่ สถานที่ก็ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว และการต่อสู้ระหว่างเราก็ไม่มีอะไรนอกจากการชกมวย” โคโยะเกริ่นถึงคำพูดของวินดิเช่ก่อนหน้าพวกเขาต้องเดิมพันกันด้วยความภาคภูมิใจของตนเอง

    “ฉันไม่สนใจกฎอะไรทั้งนั้น การทำตามมันก็เหมือนเดิมพันด้วยความตายอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเงื่อนไขง่าย ๆ ใครเข่าแตะพื้นก่อนแพ้ การปาทรายใส่ตาหรือตุกติกไม่ถือว่าผิดกติกาเพราะนี่คือสังเวียน” สิ้นคำของโคโยะต้นไม้และเถาหนามก็ผุดขึ้นมาจากดินสานก่อเป็นรั้วสังเวียนจากไฟปฐพีของโคโยะ

    “ใช้ไฟได้ใช่ไหม?” เรียวเฮเอ่ยถามย้ำความแน่ใจของตน

    “ใช้ได้สิ เพราะฉันเองก็จะใช้เหมือนกัน มาเริ่มกันเถอะ!” เขาดันแว่นขึ้นสันจมูกอีกครั้งเปลวไฟธาตุพฤกษาปฐพีลุกไหว อักขระสีดำที่มีออร่าธาตุไม้เรืองรองหมุนรอบโคโยะเป็นสัญญาณของความพร้อมในการประลอง

    “บ้าน่า! พลังไฟนี่มันอะไรกัน!” โกคุเทระยกแขนขึ้นบังใบหน้า เปลวไฟของคาโยะนั้นลุกโหมและรุนแรง พวกมันมีมากกว่าปกติด้วยสภาพพื้นที่ที่เอื้ออำนวยต่อพลังพฤกษาของเขา

    “คุณพี่ระวังตัวด้วย!” สึนะร้องเตือนผู้พิทักษ์อรุณของตนเอง เรียวเฮไม่มีทั้งเวลาและทางเลือกมากนักเขาจึงเรียกกังการิวออกมาในทันที เข่าตกเพียงครั้งนับเป็นจุดชี้ชะตาการชกมวยของทั้งสองคนผู้มีความภาคภูมิใจเป็นสิ่งยึดมั่น กังการิวที่พัฒนาขึ้นนั้นสามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้แต่การประลองนี้ใช้การชกมวยเป็นกติกา เรียวเฮจึงใช้รูปแบบเปลี่ยนเป็นโหมดอาวุธ ด้วยพลังจากวองโกเล่เกียร์ทำให้เขาข้ามขีดจำกัดไปได้ และยังได้พลังใหม่มาครอบครอง

    ซีลอนจับจ้องการประลองของนักมวยทั้งสองที่เดิมพันกันด้วยชีวิต พลางนึกถึงลำดับเหตุการณ์และนึกสงสัยว่าถ้าหากแหวนของชิม่อนโผล่ออกมาพร้อมโลงศพของชิม่อนรุ่นที่หนึ่งด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่จากการข้ามเวลาของพวกสึนะ เช่นนั้นแล้วในอดีตพวกสึนะวัยเด็กก็คงกำลังสะสางปัญหานี้กับเหล่าชิม่อนวัยเด็กด้วยเช่นกัน

    มันมีความเป็นไปได้อยู่ที่แรมโบ้วัยเด็กจะใช้บาซูก้าทศวรรษในการประลองสลับตัวเองเพื่อเรียกแรมโบ้ในอนาคตที่สามารถต่อสู้ได้ดีกว่าไปยังอดีตห้านาที

    “หืม? ดูเหมือนว่านายจะเก่งขึ้นนะแต่ว่ายังไงซะการใช้โหมดแม็กซิมั่มเบรกของนายก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องเวลา” คาโยะกระตุกรอยยิ้ม จูลี่เป็นพวกเหลาะแหละแต่ก็มักให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เหล่าชิม่อนเสมอมา คาโยะไม่รู้ถึงวิธีการได้ข้อมูลมาแต่ก็ต้องขอบคุณที่ข่าวสารของจูลี่มักถูกเสมอ

    “...” นักฆ่าหลังเก้าอี้ขมวดคิ้วในทันทีเมื่อคาโยะอธิบายถึงการใช้งานท่าไม้ตายของเรียวเฮซึ่งมีเวลาจำกัดสามนาที

    ‘สายข่าวที่คาบเกี่ยวกับมิลฟิโอเล่?’ สงสัยเป็นอื่นไปไม่ได้ว่าจูลี่จะมีคนวิ่งข่าวที่อาจเกี่ยวข้องกับมิลฟิโอเล่หลังจบสงครามนั่น ที่นี่ไม่ใช่ในอดีตที่จะไม่มีใครรู้ความลับของท่าไม้ตายระหว่างพวกวองโกเล่หรือคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง

    ‘แต่จะว่าอะไรไปก็คงไม่ได้ ทางมิลฟิโอเล่ก็คงต้องการเงินทุนสำหรับฟื้นฟูแฟมิลี่ตัวเอง แต่ถึงจะขายข่าวอย่างไรจุดอ่อนของพวกเขาก็เปลี่ยนไปแล้วด้วยวองโกเล่เกียร์ ได้เงินได้เครดิตแล้วก็ไม่ได้ทำให้วองโกเล่เสียประโยชน์อะไร ถึงจะเปลี่ยนไปจากเดิมแต่ก็ยังคงเป็นชายเหลี่ยมจัดอยู่ดี...น่าขนลุกชะมัด’ ซีลอนกลอกตาไม่ได้สนใจการต่อสู้ตรงหน้าอีก กับคนที่ทำงานท่ามกลางความเป็นความตายอย่างเธอและรีบอร์นสัมผัสและรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในโหมดอาวุธของวองโกเล่เกียร์ซึ่งไม่ได้เพียงแค่เปลี่ยนรูปร่างของเครื่องแบบและอาวุธภายนอกเท่านั้น

    “ชิม่อนมีเครือข่ายข้อมูลที่เป็นเลิศ และเข้าถึงจุดอ่อนของพวกนายได้อย่างน่าขัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพวกนายมันกลวงแค่ไหน ในเมื่อแหล่งข้อมูลของเราเข้าถึงพวกมันได้ง่ายดาย” คาโยะวิจารณ์ถึงแหล่งที่มา

    “ใครกัน?” รีบอร์นเลิกคิ้ว ทารกนักฆ่าพอจะรู้ถึงพันธมิตรใหม่ที่กำลังเข้ามาให้ความช่วยเหลือยามาโมโตะ แน่นอนว่าเป็นลูกศิษย์นักฆ่าที่บอกเขาหลังจากสึนะอนุญาตให้เผยแพร่ได้กับบางคนที่ไว้ใจได้

    “จากใครบางคนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวองโกเล่ ผู้ที่รู้จุดอ่อนทุกอย่างมากกว่าใคร” คาโยะไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้เขาตัดบทและเลิกจะอารัมภบทเพื่อเริ่มสังเวียนระหว่างเขากับเรียวเฮ ด้วยเพลิงปฐพีพฤกษาแห่งผืนป่า พลังไฟที่ราวกับด้านตรงข้ามของเพลิงนภาทั้งเจ็ด

    การต่อสู้ของพวกเขาดุเดือดมากกว่าแค่การชกมวยปกติ เรียวเฮรับการโจมตีพวกนั้นไว้และทุกครั้งที่บาดเจ็บไฟที่กำไลต้นแขนก็ถูกจุดขึ้นหนึ่งดวง แต่จากที่ซีลอนประเมินด้วยสายตาของนักฆ่าแล้วอย่างมากเรียวเฮก็ทำให้ผลออกมาได้แค่เสมอ การถูกโจมตีอย่างรุนแรงแต่ละครั้งทำให้เขาบอบช้ำอย่างหนัก โคโยะเองหลังจากถูกต่อยจนแว่นหลุดก็เจาะจงการเล็งจุดตายมากขึ้น ดวงตาที่พิเศษเป็นอย่างมากนั่นถ้าได้ขัดเกลาให้ถูกทางละก็เขาจะกลายเป็นนักฆ่าที่ไต่อันดับขึ้นมาหายใจรดต้นคอพวกหัวกะทิทั้งสิบได้แน่ แต่เพราะเขาเลือกเส้นทางผู้พิทักษ์และนักมวยสายตานั่นจึงยังไม่น่ากลัวเท่ากับการที่เขาเป็นนักฆ่า

    ‘...หรือว่าจงใจ?’ เงาหลังเก้าอี้นึกทบทวนสิ่งที่อีกฝ่ายหลุดข้อมูลออกมาอย่างจงใจว่ามีใครบางคนที่เข้าถึงจุดอ่อนของวองโกเล่และอยู่ฝั่งพวกเขา แต่ว่าหากนำเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเดียวกับเหตุผลที่ทำให้โคซาร์ท ชิม่อน ต้องซ่อนตัวมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงตอนนี้ เพราะว่าใครบางคนจากรุ่นพรีโม่ยังมีตัวตนอยู่ ยังคงอยู่เพื่อทำอะไรบางอย่าง ถ้าเกิดว่านั่นเป็นเดม่อน สเปดละก็ สิ่งที่เขาทำไม่ได้ตั้งใจจะทำลายวองโกเล่หรอก แต่เป็นทำลายชิม่อนต่างหาก ความแข็งแกร่งของโคโยะจึงไม่ใช่เส้นทางของนักฆ่าแต่เป็นเส้นทางของนักมวยที่จะเกิดอันตรายกับวองโกเล่น้อยกว่า

    นักฆ่าสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความซึ่งนายแพทย์สังกัดวองโกเล่ส่งมาให้ อาการของยามาโมโตะถูกช่วยเหลือจนหายดีแล้ว หลังจากตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดปกติเขาจะถูกส่งตัวมาในเช้าวันถัดไปด้วยเรือเร็วมาสมทบที่เกาะนี้

    ในสังเวียนของพวกเขา ยิ่งเรียวเฮถูกโจมตีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นพลังในการโจมตีของตนได้มากเท่านั้นนั่นคือทักษะพิเศษใหม่ของปลอกแขนอรุณ ทว่าร่างกายของเรียวเฮไม่น่าจะทนยื้อไปได้นานกว่านั้นอีก

    แม้แต่ดวงตาของโคโยะเองก็มีขีดจำกัดไม่แพ้กัน การที่เขาซ่อนความสามารถและไม่ใช่มันมาโดยตลอดแสดงว่ามันต้องมีความไวต่อประสาทการมองเห็นปกติจนทำให้ใช้นานไม่ได้

    ในสังเวียนที่ไม่มีใครยอมใครทั้งคู่ทุ่มทุกอย่างหมดหน้าตัก เรียวเฮอดทนเพื่อรับการโจมตีทั้งหมดเพื่อใช้ท่าไม้ตายใหม่ แต่โคโยะไม่ได้ล้มลงไปในทันทีพวกเขาต่างเดินเข้าหากันแลกหมัดสุดท้ายก่อนจะล้มลงไปทั้งคู่ รีบอร์นและสึนะเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทั้งสองโดยไม่สนฝั่ง ซีลอนที่ยืนอยู่ที่เดิมไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะก้าวขาไปทำไมในเมื่อวินดิเช่ได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

    เมื่อความภาคภูมิใจถูกทำลายลงผู้แพ้จะถูกพาไปยังคุกน้ำของผู้คุมกฎแห่งโลกใต้ดิน และพวกเขาทั้งคู่ต่างก็ล้มลงพร้อมกัน นั่นหมายถึงแพ้ทั้งคู่

    “การต่อสู้ได้ถูกตัดสินออกมาแล้ว...” หลุมดำกลางอากาศปรากฏออกมาพร้อมโซ่ที่รัดพันร่างบอบช้ำทั้งสองของผู้พิทักษ์จากทั้งสองแฟมิลี่

    “เดี๋ยวก่อน จะพาพวกเขาไปไหน!” สึนะถูกโกคุเทระรั้งเอาไว้ก่อนที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้ “พวกเขายังบาดเจ็บกันอยู่เลยนะ!”

    “ผู้พิทักษ์ชิม่อนและผู้พิทักษ์วองโกเล่ต่างเขาแตะพื้นทั้คู่ ถือว่าแพ้ทั้งสองฝ่าย จึงเป็นไปตามข้อตกลงเพื่อพาไปยังคุกน้ำ” ตัวแทนวินดิเช่เอ่ย

    “ซ ซาวาดะ ชั้นทำไม่ได้ ปกป้องความภาคภูมิใจของตัวเองไม่ได้ แต่นายต้องทำมันได้แน่!” เรียวเฮใช้พลังเฮือกสุดท้ายก่อนจะถูกลากเข้าไปในประตูมิติของวินดิเช่ “อย่าลังเล! มุ่งไปในเส้นทางของนาย! ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นซาวาดะ! ฉันรู้สึกถึงมันได้! ความภาคภูมิใจของนาย!”

    “วินดิเช่!!” สึนะหันไปตะโกนใส่ผู้คุมกฎโลกมาเฟีย

    “กฎก็คือกฎ” รีบอร์นขยับปีกหมวกอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ก่อนจะเห็นว่าท่าทีของซีลอนไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ ทารกนักฆ่าจึงคิดว่าบางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้

    “ตอนนี้การต่อสู้ได้จบลงแล้ว... ได้เวลามอบ ‘กุญแจ’ ของจีอ๊อตโต้กับโคซาร์ท” ถุงหนังเก่า ๆ ใบหนึ่งอยู่ในมือของผู้แทนวินดิเช่ มันส่องแสงแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นบนหน้าผากนภาและผู้พิทักษ์ทั้งสองแฟมิลี่

    ความทรงจำที่ถูกรักษาเอาไว้และบังคับมอบให้ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงทั้งสิบสี่คนเพียงเท่านั้น

    ซีลอนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เห็นมากนักเพราะถึงจะไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองอาศัยให้พวกสึนะเล่าให้ฟังก็จบแล้ว เธอกลับสนใจพลังของวินดิเช่มากกว่า มันอยู่เหนือไปกว่าสิ่งที่วิทยาศาสตร์จะอธิบายได้ บางทีอาจจะเป็นหนึ่งในพลังพื้นฐานของโลกใบนี้ที่ยังไขไม่ออก พลังไร้สีที่มืดมน

    “ม เมื่อกี้มันอะไรน่ะ!?” สึนะจับขมับตัวเอง แรมโบ้กับโกคุเทระก็ไม่ต่างกันพวกเขาดูงุนงงกันภาพและเสียงที่เข้ามาในโสตประสาท “ความทรงจำของโคซาร์ท ชิม่อน กับพรีโม่ตอนเจอกันครั้งแรก?”

    “ผมก็เห็นเหมือนกันครับ” โกคุเทระทำสีหน้าพิลึกเมื่อได้รับความทรงจำราวกับย้อนไปเห็นด้วยตาของตัวเองไม่ต่างกับแรมโฐ้ที่ยังดูงงๆ

    “เราจำเป็นต้องส่งสิ่งนี้ให้กับเธอ จากจีอ๊อตโต้โคซาร์ท” วินดิเช่กล่าวพลางชูถุงหนังบรรจุเงินใบเล็กที่เป็นหนึ่งในหลักฐานแห่งความทรงจำจากอดีต “มันเป็นกุญแจดอกแรกจากทั้งเจ็ด”

    “ดอกแรก? หมายความว่าหลังการประลองทุกครั้งเราอาจจะได้เห็นความจริงระหว่างพวกเขา!” สึนะตื่นเต้นขึ้นเมื่อจะสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของพรีโม่แห่งวองโกเล่ได้ การไม่ปฏิเสธเป็นคล้ายคำตอบว่าใช่จากพวกชายชุดคลุมดำที่เลือนกลับเข้าไปในหมอกอีกครั้งโดยทิ้งท้ายเอาไว้อย่างนิ่งเฉย

    “เราจะรอจนกว่าจะมีผู้แพ้อีกครั้ง”

    “...น นี่มันออกจะน่ากลัวเกินไปหน่อยรึเปล่าครับ?” แรมโบ้เกาะหลังสึนะขาสั่น นภาหันไปยิ้มเจื่อนและลูบไหล่ที่สั่นเทาของผู้พิทักษ์อัสนี “ไม่หรอกแรมโบ้ ถึงพวกเขาจะน่ากลัวแต่ก็เป็นกลางและไม่เข้าใครฝ่ายใดนะ ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าน่ากลัวน่าจะใช้คำว่าน่ายำเกรงมากกว่า...” สึนะเหงื่อซึมเพราะพลังไร้รูปร่างและสีสันของวินดิเช่ก็ค่อนข้างให้ความรู้สึกขนลุกขนพองอยู่บ้างในบางครั้ง บางครั้งที่โซ่สีดำผุดจากหลุมดำกลางอากาศ บางครั้งที่ปรากฏตัวพร้อมหมอกพรางตาเหมือนไม่ใช่มนุษย์

    “น่ากลัวยิ่งกว่าฉันอีกงั้นสินะ?” ซีลอนทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นด้วยการหยอกล้อรุ่นน้องด้วยริยยิ้มเจ้าเล่ห์ แรมโบ้ตัวสั่นสายตาล่อกแล่กเริ่มคิดแล้วว่าหรือวินดิเช่จะน่ากลัวน้อยกว่าเงาหลังเก้าอี้... หล่อนยกมือตบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ

    “เอาลูกอมไปกินไป๊เจ้าวัวขี้แย” โกคุเทระล้วงกระเป๋าส่งลูกอมรสองุ่นให้หลายชิ้น พอแรมโบ้สงบลงพวกเขาถึงเดินทางกันต่อไปตามเส้นทางในป่า

    ซีลอนเงยหน้ามองแสงที่เริ่มหายไปจากแนวยอดไม้ “ในป่าจะมืดเร็ว เราหาที่ตั้งเต็นท์กันดีกว่า” นักฆ่าสาวออกความเห็น โกคุเทระเองก็พยักหน้าเห็นด้วยภายในป่าที่มีแนวไม้สูงจะค่ำเร็วกว่าที่โล่ง พวกเขาควรหาตำแหน่งที่พักค้างแรมก่อนที่ตะวันจะคล้อยจากแนวไม้ไปมากกว่านี้จนมองไม่เห็นสภาพในป่าโดยสมบูรณ์

    “ถ้าอย่างนั้นแถวนี้ก็ได้นะ” มือขวาท่านรุ่นที่สิบมองซ้ายมองขวาสำรวจที่ทางรอบด้านพื้นเรียบ ไม่มีร่องรอยสัตว์ ถึงจะไม่มีแหล่งน้ำให้ใช้แต่พวกเขาก็พกน้ำมาด้วย พรุ่งนี้คงต้องหามากรองเพื่อดื่มเพิ่ม สึนะกับแรมโบ้ยิ้มเจื่อนปล่อยให้ทั้งสองคนที่ดูเจนป่าจัดการหาตำแหน่งกันไปโดยที่พวกเขาช่วยกันรวบรวมกิ่งไม้แห้งตามพื้น

    เป็นอย่างที่ซีลอนเอ่ยในป่าพอแนวแสงลับยอดไม้ไปแล้วในป่ามืดเร็วมากพวกเขากางผ้ากันน้ำค้างไว้เหนือหัวและปูพื้นด้วยผ้าพลาสติกก่อนจะนอนในถุงนอนกัน ไม่มีใครจำเป็นต้องเฝ้ายามเพราะทางชิม่อนเองได้พูดเองว่าทุกการประลองปลายทางจะนำไปสู่สถานที่ที่เอ็นมะรออยู่

    กลางดึกคืนนั้นแรมโบ้ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ซีลอนกับรีบอร์นเองก็ด้วยแต่สองนักฆ่าเห็นว่าเป็นกระต่ายจึงหลับตาพักผ่อนต่อ ผิดกับแรมโบ้ที่ตามไปอย่างกับเด็กห้าขวบทั้งที่เขาก็สิบห้าแล้ว บางทีการเจอกระต่ายกลางป่านับว่าค่อนข้างโชคดี และเด็กชายที่ไม่ประสาก็นึกครึ้มตามมันไปจนร่วงลงในโพรงดินเพราะความมืด

    “อ๊าก!!” ซีลอนถอนหายใจหลังได้ยินเสียงโหยหวนของเจ้าวัวขี้แย

    “แรมโบ้!?” สึนะเด้งตัวขึ้นมาจากถุงนอนและจ้ำไปตามต้นเสียงทันที “รุ่นพี่! ขอไฟที!” เงาหลังเก้าอี้ปาไฟฉายขนาดเล็กให้ผู้เป็นบอสอย่างแม่นยำแต่ไม่ทันจะได้เดินตามหาพื้นที่สึนะกับโกคุเทระยืนอยู่ก็ยุบลงไป พวกเขาจึงไถลไปตามโพรงใต้ดินและชนเข้าไปผนังดินที่มีช่องว่าง

    แรมโบ้ยืนอยู่บนฐานดินขนาดใหญ่ที่ยกตัวสูงจากพื้นด้านล่างซึ่งมีคริสตัลส่องแสงโดยรอบ และที่ฝั่งตรงข้ามนั้นอาโอยามะ ราอุจิ หนึ่งในผู้พิทักษ์ของชิม่อนก็ประจันหน้ากับเขาอยู่

    ซีลอนกับรีบอร์นตามลงมาภายหลังพร้อมตะกร้าอาหาร เพราะดันตื่นขึ้นมากลางดึกก็เลยหิวและเธอก็จะไม่ทนหิว หนึ่งนักฆ่าไร้กาลเทศะเลยคิดซะว่าการประลองนี้เป็นทีวีรายการช่วงเที่ยงคืนซะเลย...

    “...รุ่นพี่” สึนะพูดไม่ออกเมื่อเห็นท่าทีไร้ความกังวลของซีลอนที่พวกเขาทำได้แค่ดูเพราะผนังดินกั้นพวกเขาจากเวทีประลองเอาไว้ ทั้งยังแข็งมากจนทำลายด้วยมือเปล่าไม่ได้

    “แมตช์สองไง ตื่นเต้นอะไรของพวกนาย” นักฆ่าเลิกคิ้วสูงพลางเคี้ยวบิสกิตลูกเกด

    “กลางดึกเนี่ยนะ?” โกคุเทระทวนเสียงสูง

    “ไม่ดีเหรอจะได้เร่งให้จบไวขึ้นไง ขืนรอวันละแมตช์ก็เลยกำหนดช่วงอ่อนแอของเอ็นมะพอดี” เธอยักไหล่แล้วเอ่ยอีกประโยค “แต่ว่าไม่ต้องห่วงหรอกนั่นไม่ใช่แรมโบห้าขวบสักหน่อย”

    “แต่ว่า...” สึนะละล่ำละลั่กเป็นห่วงในความปลอดภัยของผู้พิทักษ์ที่อายุน้อยที่สุด

    “ถ้าพวกนายคิดจะทำลายไอ้สิ่งที่กั้นอยู่นั่นเลิกคิดซะเถอะ” ราอุจิเหลือบสายตาไม่เป็นมิตรใส่พวกสึนะพลางอธิบายถึงสถานที่แห่งนี้ “มันถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแรงไม่ต่างจากเหล็กกล้า และถ้านายโจมตีมันอาจจะทำให้หินย้อยบนเพดานหล่นลงมาใส่แรมโบ้ได้”

    “แบบนั้นมัน!!” สึนะหน้าถอดสีหลังจากกำลังสวมถุงมือจะทำอะไรบางอย่างกับผนังที่กั้นพวกเขาจากด้านในสนามประลองเอาไว้

    “ผมไม่อยากสู้กับราอุจินี่นา” แรมโบ้ไหล่เหี่ยว เขาต่างกับตัวเองในสมัยเด็กเป็นอย่างมาก และก็เป็นเด็กดีโทนเดียวกับฟูตะไม่มีผิด ในช่วงที่พวกชิม่อนอยู่ด้วยก็มีราอุจิที่อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเขาฟังเขาพูด แถมยังเป็นพวกชอบกินเหมือนกันอีก แรมโบ้ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูอย่างที่ราอุจิอคติกับวองโกเล่แม้แต่น้อย ซีลอนไม่รู้จะนิยามเจ้าวัวอัสนีคนนี้ว่าเติบโตมาสมกับที่ถูกสึนะและฟูตะเลี้ยงดู หรือว่าเนื้อแท้ข้างในเป็นแบบนี้มาแต่แรกกันแน่? แต่เธอก็ยังไม่ลืมเจ้าเด็กเวรแรมโบ้วัยห้าขวบที่ทั้งหยาบคายและกวนประสาทหรอกนะ...

    “งั้นก็มาทำให้จบรวดเดียวไปเลย” ราอุจิขมวดคิ้ว

    “อ เอ๋...” ผู้พิทักษ์อัสนีของวองโกเล่นั้นเป็นชายที่ไม่ชอบวิวาท มักจะยิ้มแหยเสมอเมื่อเห็นคนในแฟมิลี่ลงไม้ลงมือกันแล้วเขาห้ามไม่ไหว

    “การเตรียมใจของเรามันต่างกันแรมโบ้... บอสของฉันน่ะมีแววตาที่มุ่งมั่นและเพราะเขาที่ต่างจากหัวหน้ามาเฟียคนอื่น ถ้าเอ็นมะบอกให้สู้ฉันก็จะสู้” ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้ยินเพียงแต่ความเหลาะแหละของสึนะ ความใจดีจากมุมมองของผู้พิทักษ์ที่เด็กที่สุดอย่างแรมโบ้ โดยส่วนตัวแล้วราอุจิไม่เคยไว้ใจสึนะเลยโดยเฉพาะเมื่อมีผู้หญิงผมเงินที่เรียกตัวเองว่าเงาหลังเก้าอี้คอยคุ้มกันอยู่ห่าง ๆ ถ้าจะให้อธิบายเขาไม่สามารถวางใจได้ว่าสึนะจะเป็นผ้าสีขาวในเมื่อคนสนิทของเขาเป็นผ้าที่โชกไปด้วยเลือดจนเข้มดำ

    “แต่ถ้าให้พูดจริง ๆ เรื่องคนที่อยากจะสู้ด้วยของผมในลิสคงมีแต่คุณรีบอร์น...แต่ว่าไหมไหวหรอกครับ! ก็ราอุจิเป็นเพื่อนนี่นา!” แรมโบ้กุมหัวเต็มไปด้วยความลังเล ตัดสินใจไม่ได้ ยิ่งเขาเห็นความทรงจำสมัยรุ่นแรกระหว่างทั้งสองแฟมิลี่ก็ยิ่งคิดเข้าข้างจีอ๊อตโต้ ท่านพรีโม่แห่งวองโกเล่นั้นไม่มีทางทรยศโคซาร์ทแน่นอน!

    “เรามาจบเรื่องนี้โดยไม่สู้กันเถอะราอุจิ!” แรมโบ้ก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายและยื่นมือให้

    “...” ราอุจิปัดมือนั่นออกอย่างแรงและพุ่งเข้าหาเพราะการโจมตีนั่นทำให้แรมโบ้ระเบิดสายฟ้าออกมาเพื่อป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ เขากุมหัวมือสั่น ดวงตาสีเขียวที่คลอหน่วยด้วยน้ำตารู้สึกขัดแย้งในตัวเองอย่างรุนแรง

    “นึกถึงตอนที่แกใช้กระทะเป็นหมวกชะมัด” ซีลอนแขวะเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่ได้สร้างขวัญกำลังใจให้ฝ่ายผู้พิทักษ์อัสนีแม้แต่น้อย

    “งื้อออ” เขากลั้นน้ำตาหันไปมองหนึ่งในพี่เลี้ยงที่หมายความว่าจ่ายทุกอย่าง เขารู้ว่าซีลอนน่ะไม่อ่อนโยนแล้วก็ชอบแกล้งคนอื่นแต่พอโดนเข้ากับตัวก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าการที่เขาเป็นแบบนี้จะไปกระตุ้นอะไรในเธอเข้าให้ถึงแสยะยิ้มน่ากลัวกลับมา

    “ในเมื่อจะทำให้จบอย่างรวบรัดเร็ว ๆ กติกาก็คือใครที่หล่นลงจากเวทีก่อนคือผู้แพ้” ราอุจิเอ่ยเงื่อนไขออกมาและตั้งท่า

    “สวมหมวกกันน็อกซะแรมโบ้ เวลาไม่คอยท่าหรอกนะ” ซีลอนตัดบทเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะไม่รีรอให้แรมโบ้ได้เปิดบทสนทนาอะไรอีก เด็กชายที่พกวองโกเล่เกียร์เอาไว้หลังเอาก็หยิบมันขึ้นมาอย่างลังเล และในขณะที่กำลังจะสวมมันราอุจิก็ผลักแรมโบ้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างรุนแรงจนใต้ฝุ่นควันนั้นอะไรบางอย่างร่วงลงไปจากเวที

    “แรมโบ้!!” สึนะแทบจะแนบหน้าติดช่องว่างของผนังเพื่อให้แน่ใจว่าแรมโบ้จะไม่เป็นอะไรแต่ฝุ่นหนานั่นทำให้เขาไม่เห็นอะไรอย่างอื่น

    “นายแพ้แล้ว ลาก่อนตลอดกาลแรมโบ้ ขอให้หลับสบายใจคุกน้ำนะ... ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องของแฟมิลี่มาเกี่ยวข้อง ฉันก็คงเป็นเพื่อนกันนาย...”

    “ราอุจิเป็นเพื่อนกับคุณแรมโบ้อยู่แล้ว!!! เรามาเล่นกันเถอะ!” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายตะโกนตอบกลับมาแล้วพุ่งไปเกาะขาราอุจิทันทีก่อนควันจะจางลงเสียอีก

    ซีลอนยกมือแปะหน้าตัวเองที่คิดถูกด้วยความเอือมระอา เธอชอบแรมโบ้ตอนนี้มากกว่าแรมโบ้วัยเด็กโขเลย

    “เจ้าวัวโง่นั่น...” รีบอร์นกดเสียงต่ำแล้วถอนหายใจระอาไม่แพ้ลูกศิษย์ข้าง ๆ

    ราอุจะเต็มไปด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเขากำลังจะสะบัดขาก็มีเสียงเนือย ๆ ของซีลอนดังขึ้นก่อน

    “ไม่อยากจะขัดหรือแทรกแซงหรอกนะแต่ว่าแรมโบ้ที่เป็นผู้พิทักษ์อัสนีของเราที่จริงเป็นบอสของโบวีโน่แฟมิลี่ซึ่งกำลังทำงานลอบฆ่านักฆ่าอันดับหนึ่งอยู่” หล่อนชี้ไปที่ทารกนักฆ่าบนไหล่สึนะ “ที่อยากจะบอกจริง ๆ ก็คือที่เกาะขานายเป็นปลิงอยู่ก็เป็นเจ้าวัวโง่สิบปีที่แล้วซึ่งอาจจะมาจากมิตินี้หรือมิติข้างเคียงก็ได้ด้วยอาวุธพิเศษที่สามารถย้ายคนที่ถูกยิงจากอดีตไปยังอนาคตในสิบปีข้างหน้า... ถ้าจะสู้ตอนนี้ก็ไม่ขัดหรอกนะแต่ก็แค่นายชนะเด็กห้าขวบสติไม่ดีคนหนึ่งก็เท่านั้นถ้าไม่ได้มีมโนธรรมอะไรค้ำคอก็ทำไปเหอะ เพราะเจ้าโง่นั่นน่าจะงอแงจนสลับตัวเองเพื่อหนีปัญหาถึงนายจะทำอะไรไปเดี๋ยวเจ้าเด็กเวรนั่นก็สลับตัวเองกับอีกสิบปีของสิบปีข้างหน้าอยู่ดี แต่ถ้ารอสักห้านาทีเดียวแรมโบ้เวอร์ชั่นเป็นผู้เป็นคนก็กลับมาละ” คำให้การของซีลอนทำเอาทั้งราอุจิทั้งสึนะใบ้กินไปครู่

    “มันก็ใช่แต่นั่นก็...รุ่นพี่ไม่คิดว่ารุนแรงไปเหรอครับ” สึนะยิ้มเจื่อน “นั่นน้องนะ...”

    “นั่นสิ...” โกคุเทระหันไปมองนักฆ่าที่นั่งอีกฝั่งของรุ่นที่สิบ

    “อะไร? ฉันมีแค่แฝดเหอะไม่มีพี่น้องที่ไหน” นักฆ่าหัวเงินพูดจบแรมโบ้เด็กก็ร้องไห้แงคาขาราอุจิ

    “ม่าย ค คุณแรมโบ้ต้องอดทน ฮึก...ฮ แงงงงงงงงง โป้งแล้วนะ! คุณแรมโบ้จะฆ่าเธอให้ได้!” ราอุจิใบ้กินแล้วใช้มือตบหลังเด็กห้าขวบที่เกาะขาตัวเองเงียบ ๆ เขาคิดว่าจะจัดการให้จบ ๆ ไปแต่เอ็นมะเชื่อใจในเขาเขาก็อยากจะสู้กับแรมโบ้ที่สมบูรณ์ไม่ใช่แรมโบ้ที่อ่อนแอ

    “แฟมิลี่ของนายใจร้ายชะมัด” ราอุจิเอ่ยปลอบเด็กชายในชุดนอนลายวัวที่ขา

    “แฟมิลี่ของคุณแรมโบ้ไม่ใจร้ายสักหน่อยที่ใจร้ายมันยัยนั่นกับรีบอร์นต่างหาก!” เด็กตัวกะเปี๊ยกชี้ไปยังคนที่ถูกขังใจกรง แรมโบ้แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ทำอะไรเขาไม่ได้

    “กลัวตายแหละ” ซีลอนล้มตัวลงนอนอย่างขี้เกียจเพราะยังไม่ครบห้านาทีเธอขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเด็กพลางล้วงหาอะไรกินในตะกร้าพอดีกับโกคุเทระที่ข้าวโพดปิ้งและลูกอมองุ่นใส่ซองพลาสติกติดกับลูกธนูยิงลอดช่องว่างไปยังที่โล่งบนเวที

    “โทษทีนะที่เด็กคนนั้นก่อความวุ่นวายให้นายเอาขนมในซองให้แรมโบ้เด็กกินเถอะจะได้ไม่ถูกเกาะไปร้องไห้ไปแบบนั้น” วายุหนุ่มลูบหน้าระอา พอเห็นแล้วความทรงจำวัยเด็กก็ผุดขึ้นมาราวย้อนหนังดู เขารู้ถึงความกวนประสาทของเจ้าเด็กนั่นดีเพราะนั้นคือวิธีต่อรองที่ดีที่สุดของแรมโบ้ที่กำลังงอแงต้องล่อด้วยของกินและลูกอมองุ่น

    “อีกสองนาที” ซีลอนดูนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วเอ่ยขึ้นมา ราอุจิส่งข้าวโพดปิ้งกับลูกอมองุ่นให้คุณแรมโบ้ตัวจิ๋วที่เลิกร้องไห้แล้วยิ้มอย่างมีความสุขกับของหวานและดึงลูกธนูทิ้งลงไปพื้นข้างล่างเพื่อรอให้แรมโบ้วัยสิบห้าปีกลับมา

    กลุ่มควันระเบิดรอบตัวแรมโบ้วัยเด็กแทนที่ด้วยแรมโบ้ในยุคสมัยนี้หลังจากครบห้าทีอย่างที่ซีลอนเอ่ย

    “ราอุจิ... ผมตัดสินใจแล้ว” แรมโบ้ที่กลับมานั้นสวมหมวกกันน็อกสีเข้มเขามีสายตาที่แน่วแน่ขึ้น

    “มาเดิมพัน... ความภาคภูมิใจของพวกเรา” เด็กชายผู้เป็นดั่งอัสนีเลือกที่จะสู้แล้ว

    “ความภาคภูมิใจของฉันก็คือร่างกายที่แข็งแกร่งและไม่เคยพ่ายให้กับใครทั้งนั้น และนี่คือพลังของพวกเราชิม่อน!” ราอุจิดึงพลังจากแหวนออกมาเพลิงปฐพีธาตุภูผาระเบิดกึกก้อง ร่างกายของราอุจิมีก้อนหินเริ่มประกอบเข้ากับผิวกลายเป็นเกราะหนา

    “ความภาคภูมิใจของผมเหรอ...อืมมม ใช้ชีวิตโสดแล้วก็ตะลุยปาร์ตี้ละมั้ง? น่าจะแหละนะ” แรมโบ้ไหวไหล่อย่างไม่แน่ใจ ความภูมิใจของเขาอธิบายออกมาให้เห็นภาพก็คงประมาณนี้ แต่ที่จริงแล้วลึกลงไปเขาชอบบรรยากาศความอบอุ่นของแฟมิลี่ตัวเองภูมิใจที่เป็นที่ไว้วางใจของกลุ่มพันธมิตรและการถูกรุ่นพี่มือเติบบางคนหิ้วไปเป็นตัวแถมทริปท่องเที่ยว เพราะเขาโสดก็เลยง่ายต่อการไปเที่ยวไหนต่อไหน ไม่ต้องคอยโดนห่วงหรือเป็นห่วงใครแบบที่พี่ ๆ ในกลุ่มผู้บริหารเป็นกัน เขาภูมิใจที่ดูแลตัวเองได้แลโตมาโดยที่ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงเขามากนักเพราะเป็นน้องเล็กของวองโกเล่ แน่นอนว่าสมองของแรมโบ้ในวัยสิบห้าไม่สามารถกลั่นกรองภาพเหล่านั้นออกมาเป็นคำพูดได้สวยกว่านี้แล้ว...

    “ดูท่าฉันต้องจับแกเรียนเรื่องการใช้ภาษาเพิ่มสินะ?” ซีลอนยิ้มเหี้ยมจนคนถูกพูดถึงร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่ห่าง ๆ

    “ม ไม่เอาน่าผมแค่ใช้คำได้ไม่สวยเท่านั้นเอง! จะเรียบเรียงใหม่ก็ได้!” แรมโบ้ตัวแข็งทื่อแล้วหันมาทางราอุจิ แม้จะกังวลอยู่บ้างแต่เขาที่ไปยังอดีตก็ได้สัมผัสถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่ยังคงอัดแน่นอยู่ข้างใน

    “ความภาคภูมิใจของผมคือการได้อยู่ในวองโกเล่ที่มีพี่ ๆ อยู่ด้วย! ได้เคียงข้างกับทุกคนที่เก่งมากๆแต่ก็ยังสนับสนุนผม!”

    สุดท้ายภูผาก็พ่ายแพ้ให้กับพลังของอัสนี ปราการบรรพตของราอุจิแตกสลายลงด้วยสายฟ้าปริมาณมากของแรมโบ้ เขามีท่าทีเหนื่อยเล็กน้อยเพราะใช้พลังไปถึงสองรอบทั้งในอดีตและตอนนี้

    “นายทำได้แรมโบ้ เก่งมาก!” สึนะยิ้มแป้นอย่างภูมิใจ แรมโบ้หันไปมองรอยยิ้มของผู้เป็นดั่งพี่ชายของเขาและยิ้มออกมาอย่างไร้กังวลพลางถอดหมวกออก

    “แฮะ~ สำหรับผมมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องห่วงครับ! โอ๊ะ โอยนี่หมวกนี่มันหนักเหมือนกันนี่เนี่ย” เขาเซไปด้านข้าง

    “บ้าที่สุด ถึงฉํนจะแพ้แต่เอ็นมะจะไม่แพ้ให้กับพวกนายแน่!” ราอุจิกัดฟัน “เพราะว่าบอสแข็งแกร่งและแตกต่างจากพวกเรามาก! พวกเราที่ต้องทุกข์ทนต่อการถูกกลั่นแกล้งและเหยียดหยามถึงได้แข็งแกร่งกว่าใครทั้งนั้น!”

    “ผลของการต่อสู้สิ้นสุดแล้ว...” วินดิเช่ออกมาจากหมอกและรูดำกลางอากาศน้ำเสียงชืดชาเมินเฉยนั้นราวกับไม่เห็นกระทั่งความเจ็บปวด ณ ลึกที่สุดในดวงตาของราอุจิ “ผู้แพ้ อาโอยามะ ราอุจิ ผู้พิทักษ์ภูผาแห่งชิม่อน... และเพราะเหตุนี้ถึงเวลา มอบกุญแจดอกที่สองตามเงื่อนไข...”

    ในมือของวินดิเช่ปรากฏดอกไม้แห้งกรังดอกหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในจุดสำคัญของความจริงจากอดีต เหตุการณ์ระหว่างซาร์ทและจีอ๊อตโต้

     

     

    “เอะ? อะไรกัน คนที่ริเริ่มก่อตั้งวองโกเล่...คือโคซาร์ทชิม่อน?” สึนะทวนความทรงจำออกมาเป็นคำพูดอย่างงุนงง

    “ไม่จริงน่า ทำไมท่านชิม่อนรุ่นแรกถึงต้องไปสร้างกลุ่มให้วองโกเล่ด้วย ให้ความสำคัญ...กับพรีโม่วองโกเล่ขนาดนั้น” ราอุจิเหม่อลอยกับความทรงจำที่แล่นเข้ามาผ่านพลังของวินดิเช่

    “ไม่สิ สึนะไม่เหมือนเอ็นมะของพวกเรา... แรมโบ้ นายคิดว่าสึนะเป็นบอสที่ดีไหม?!” ราอุจิเชื่อในคำพูดของจูลี่เสมอมาแต่ภาพที่เห็นมันต่างกันออกไป ต่างไปมาก วองโกเล่รุ่นแรกไม่เหมือนมาเฟียใต้ดินหัวรุนแรงอื่น เขาใจดีและให้ความสำคัญกับพวกพ้อง กับเมืองเกิดของเขา

    “หืม?... ก็นะ” แรมโบ้ยักไหล่ด้วยท่าทีสบาย ๆ “ฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นบอสเลยนะ? แต่เป็นพี่ชายที่สุดยอดมาก ๆ เลยล่ะ” อัสนีหนุ่มคลี่ยิ้ม คำตอบและสีหน้าที่ผ่อนคลายนั้นของแรมโบ้สร้างคำตอบที่ชัดเจนขึ้นมาในใจราอุจิ

    มีอะไรบางอย่างทีพวกเขาเข้าใจผิดต่อกันแน่นอน สึนะไม่เหมือนคนพวกนั้นทว่าก็ยังไม่สามารถยกโทษที่สืบทอดบาปนั่นต่อกันมาหลายรุ่นได้ “ฉันยังไม่ยกโทษให้พวกนายหรอกนะ! แต่ว่า! แรมโบ้ที่เล่นด้วยกันตลอดมาสนุกมากเลย...เรื่องพวกนั้นฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ” ราอุจิเอ่ยคำพูดสุดท้ายก่อนจะถูกวินดิเช่คุมตัวไปตามกฎ

    “อีกห้าแมตช์... สินะ?” ซีลอนเปรยขึ้นลำพังหลังขึ้นมาจากโพรงได้ เธอรู้สึกคันที่เครื่องในอีกแล้ว บางทีเรื่องนี้คงยุ่งยากกว่าที่คาดหมายเอาไว้ ‘กรณีร้ายที่สุดคงต้องยอมให้หมอนั่นใช้วิธีนั้นละนะ...’

     

    Catch-22  หมายถึง เหตุการณ์ที่เมื่อสิ่งหนึ่งไม่ได้เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เป็นผลต่อเนื่องกัน << ชื่อบทนี้เราตั้งใจดึงจุดเนื้อเรื่องมาใช้ค่ะ ถ้าในรุ่นแรกไม่เกิดเหตุการณ์ที่ชวนเข้าใจผิดมาถึงรุ่นที่สิบของทั้งสองแฟมิลี่ เอ็นมะกับสึนะก็จะไม่ได้เจอกันในลักษณะนี้ ไม่ได้เป็นเจ้าห่วยทั้งคู่ รวมไปถึงเรื่องการสลับตัวของแรมโบ้ทั้งสองไทม์ไลน์ด้วยค่ะ

    *แน่นอนว่าเป็นส่วนที่แต่งเติมในเวิร์สของเรานะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×