ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #20 : | 20 | OVER THE MOON | วันหยุด

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 63


    “นี่มันไม่ใช่เดตแล้วนะครับ…” | มุคุโร่

    อ้อมกอดของฝาแฝดเป็นสิ่งที่ซีลอนโหยหาที่สุดมาโดยตลอด เมื่อเอิร์ลเกรย์ตื่นขึ้นมารอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสดงถึงความโล่งอกก็ปรากฏชัดบนใบหน้าที่คล้ายกันมากของพวกเขา

    “ดีจัง” นักฆ่าคลี่ยิ้มออกมาลูบใบหน้าที่คล้ายกับตนแม้ซูบลงกว่าแต่ก่อน

    “อืม ดีจังที่เธอไม่เป็นอะไร ผมน่ะนะคอยดูอยู่ตลอดเลย เก่งมากเลยนะซีน” เอิร์ลเกรย์ลูบสางเส้นผมสีเดียวกับตนเอง เขาปลอบประโลมฝาแฝดพร้อมกับชื่นชมเธอซึ่งแข็งขันมาโดยตลอด

    “ที่ผ่านมาคงจะเหนื่อยสินะ...” ฝาแฝดของเธอสวมกอดตัวเขาอีกคนเพื่อแบ่งปันไออุ่นของร่างกายที่มีชีวิต ราววิธียืนยันการกลับมาโดยสมบูรณ์ของกันและกัน

    “แต่ว่าตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ...” เป็นราวกับสายน้ำอุ่นที่หล่อเลี้ยง เพราะอยู่มาด้วยกันตั้งแต่เด็ก รับไม่ได้หากใครอีกคนหนึ่งตายจากไป จึงกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อสร้างเส้นทางที่จะสามารถเดินไปด้วยกันได้

    “...” เอิร์ลเกรย์ตบแผ่นหลังของฝาแฝดเบา ๆ พอความเครียดสะสมที่ไม่เคยแสดงออกถูกบรรเทาลง ซีลอนก็หลับไปคาอ้อมกอดของฝาแฝด สัมผัส ความอุ่น เสียงสูบฉีดเลือดที่มั่นคง สัญญาณว่าตัวเองอีกคนยังคงมีชีวิตนั้นเป็นสิ่งยืนยันความปกติในชีวิตของเธอผู้เป็นนักฆ่า

    เอิร์ลหันไปมองสายหมอกผู้เป็นคนมาส่งซีลอนถึงห้องพยาบาล

    “ขอบคุณนะ แล้วก็หลังจากนี้คงต้องรบกวนนายแล้ว” เขาส่งสายตาให้เข้ามารับเธอออกไปจากเตียงผู้ป่วย มุคุโร่ขมวดคิ้ว

    “ถ้าผมไปแตะเธอก็จะตื่นอีก...” มันเป็นแบบนั้นเสมอ การเคลื่อนย้ายซีลอนหลังจากเธอหลับเป็นไปไม่ได้เลย สังหรณ์นักฆ่าของเธอทำงานตลอดเวลาและทำงานดีเกินไปด้วยซ้ำ

    “ไม่เป็นไร เธอจะไม่ตื่นขึ้นมาตอนถูกย้ายหรอก... เพราะว่าสัญญาพวกนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว” เอิร์ลเกรย์ม้วนปลายผมของแฝด ทั้งเขาและซีลอนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแหวนเพื่อคงเสถียรพลังไฟธาตุอีก

    “และตอนนี้พวกเราก็เป็นคนปกติใต้ระบบทรีนิเซตเต้...” เอิร์ลเกรย์หันไปยิ้มให้สายหมอกหนุ่มเขาก้าวเข้ามาใกล้เตียงอย่างรระมัดระวัง

    เดิมทีอาการนอนไม่พอก็ทำให้เกิดภาพหลอนเวลาเธอเห็นเงาตัวเองในกระจกเป็นเอิร์ลเกรย์อยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่ายามที่ได้เห็นมันไม่ตลกเลยสักนิด

    ความเครียดจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนกะทันหัน ทั้งเรื่องที่แฝดกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ทั้งเรื่องของแฟมิลี่ที่ต้องคอยสนับสนุน ความแค้น การล้างหนี้อาฆาต ทั้งหมดถูกบีบอัดและแบกเอาไว้บนบ่าเล็ก ๆ นักฆ่าตรงหน้าเขาเป็นพวกปากหนัก ใช้ประโยชน์จากคนอื่นเก่ง แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ถูกใช้

    สายหมอกลองอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาในอ้อมแขนแต่ซีลอนกลับไม่ตื่นอย่างที่เอิร์ลเกรย์กล่าวเอาไว้

    “เห็นไหมไม่ตื่นหรอก น่าจะล้าจัดแล้ว จะน็อกไปก็ไม่แปลก... ยังไงก็ฝากพาไปไว้สักห้องทีนะ รู้ใช่ไหมว่าประตูไหนใช้ได้บ้างน่ะ” เจ้าบ้านชายถามขึ้น

    “อืม ประตูสีดำทุกบานถูกต้องไหม?” มุคุโร่ย้อนถามกลับเอิร์ลเกรย์ก็หัวเราะในลำคอและพยักหน้า

    “สมกับที่ไป ๆ มา ๆ บ่อยนะ นายเองจะพักสักหน่อยฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ว่ายังไงก็ต้องตื่นมากินมื้อเย็นให้ได้ละ” เขาไม่ได้ห้าม ไม่ได้แนะนำ แฝดชายของนักฆ่าไม่ได้แสดงอาการหวงออกนอกหน้าแบบซีลอน

    “แล้วก็อย่าเผลอทำอะไรไม่ดีล่ะเพราะทุกห้องมีตาวิเศษอยู่นะ” เอิร์ลเกรย์ยิ้มร้ายเขายกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง ผู้ตื่นขึ้นมาจากอาการเจ้าชายนิทรานั้นไว้ใจมุคุโร่มากพอว่าจะไม่ทำอะไรที่ไม่สมควรกับฝาแฝดของตัวเอง กระนั้นก็อดจะขู่ไม่ได้... ทุกห้องนอนในคฤหาสน์แห่งนี้มีกล้องวงจรปิดติดเอาไว้ แต่เปิดปิดตามสถานการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่นอกจากนอนก็ไม่มีใครทำอะไรพิเรนทร์ในบ้านของนักฆ่าลำดับสิบเอ็ดอยู่แล้ว 

    “ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” สายหมอกหนุ่มพ่นลมหายใจคล้ายขำเขาเดินออกไปจากห้องพยาบาลและตรงไปที่ชั้นสองสุ่มเข้าไปในห้องประตูสีดำบานใกล้ ๆ เพื่อเข้าไปวางร่างที่หลับสนิทลงบนเตียงใหญ่ ห้องถูกตกแต่งเรียบหรูด้วยสีดำและน้ำเงิน เป็นสีที่ไม่ได้เกินความคาดหมายของเจ้าบ้านนัก

    มุคุโร่คลายไทรอบคอของตนและนั่งลงอีกฝั่งของเตียง

    ‘จะพักสักหน่อยก็ไม่ว่า...สินะ?’ สายหมอกเหลือบมองนาฬิกาหัวเตียงและหนึ่งในเจ้าบ้านที่หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

    เมื่อกลายเป็นคนธรรมดามีหลายสิ่งหายไป...

    สัญญาที่ว่าจะปกป้องคอยเคียงข้าง พลัง และอำนาจนอกระบบ

    เขาสังเกตว่าเธอหลับลึกกว่าที่ผ่านมาเพราะถึงจะกุมมือเอาไว้ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร หากเป็นก่อนหน้านี้เพียงแค่ยืนค้ำหัวจ้องก็ตื่นแล้วแท้ ๆ ทว่าในตอนนี้กระทั่งเอนตัวนอนจ้องอยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีท่าทีจะตื่นสักนิด

    “คุณนี่นะ... พอไร้พลังของแล็บอีเธอร์แล้วก็อ่อนแอลงเยอะเลยนะครับ” เขาผุดยิ้ม เผยสีหน้าทั้งเป็นกังวลและโล่งใจออกมา

    มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

    แรกพบเป็นคนที่น่าสนใจผู้หญิงคนแรกที่เอาชนะเขาได้และยังเป็นนักฆ่าสายหมอกที่ใช้อาวุธเช่นเขา ต่อมากลับเป็นศัตรูเพราะว่าทำงานให้กับมาเฟียที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา ภายหลังจึงกลายมาเป็นคู่ค้าที่ไว้ใจกันได้เรื่องข่าวสารของโลกเบื้องหลัง รู้สึกตัวอีกทีก็เผลอมองหาอยู่ตลอด เมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาก็เบาใจ เพราะว่ากลัวว่าสักวันเธอจะตายจากการใช้พลังเยอะเกินขีดจำกัดของมนุษย์ กลัวว่าหันไปอีกทีเธอก็จะนอนอยู่ท่ามกลางกองเลือดสีเข้มที่ปนเปด้วยของเหลวสีดำคล้ายน้ำมันดิน

    เขานอนลงข้างเธอจ้องมองใบหน้าอิดโรยที่ปกปิดเอาไว้และหลับลงในห้องเดียวกันอย่างเหนื่อยล้า เขากำลังใช้ร่างที่แท้ก็จริงแต่หลังจากศึกนั่นเขาก็ฝืนสังขารไปไม่น้อยกว่าคนตรงหน้านี้หรอก... ไม่แน่ว่ามื้อเย็นก็คงตื่นไม่ไหวด้วยเช่นกัน

     

    เวลาล่วงเลยมาช่วงค่ำสึนะกับเหล่าผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้วยต่างจัดการเก็บกวาดเรื่องราวหลังจากนั้น ทั้งการรับสปาน่าเข้าวองโกเล่อย่างเป็นทางการรวมทั้งอิริเอะ ข้อตกลงเรื่องการจัดการอุปกรณ์วาร์ปข้ามเวลาที่เวลเด้จะอาสาแยกชิ้นส่วนไปใช้ทำอย่างอื่นให้กับจางนีนี่ที่สบโอกาสได้ทีก็ใช้เวลาขลุกกับเวลเด้เพื่อศึกษาและถกเถียงเกี่ยวกับงานวิจัยตามประสานักวิทยาศาสตร์

    สึนะคิดว่าเมื่อถึงคฤหาสน์กลางไร่ผลไม้ก็คงทันกับงานเลี้ยงของฝาแฝดพอดี ...นึกไม่ถึงว่าเอิร์ลเกรย์เป็นคนนั่งรถเข็นไฟฟ้าออกมารับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

    “ขา...ของรุ่นพี่” สึนะก้มลงมองชายหนุ่มผู้มักประดับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอยู่เสมอ

    “อะไรกัน ทำไมถึงแปลกใจขนาดนั้นล่ะ” เอิร์ลเกรย์หัวเราะในลำคอหมุนตัวบังคับวีลแชร์อย่างชำนาญเพื่อหมุนเก้าอี้ไฟฟ้านั่นนำทางพวกเขาเข้าคฤหาสน์

    “เจ้ซีลอนเห็นแล้วต้องเม้งแตกแน่...” อี้ผิงเอ่ยออกมาในที่สุด

    “นั่นสินะจ๊ะ” เคียวโกะหัวเราะแห้งไปกับฮารุและฮานะ

    “ไม่หรอก ฉันว่าซีนน่าจะสังเกตเห็นตั้งแต่ฉันตื่นแล้วล่ะ...” เอิร์ลเกรย์หัวเราะในลำคอ

    “...หมายความว่ายังไงน่ะ?” ยามาโมโตะขมวดคิ้วสาวเท้าให้เร็วเพื่อตีขนาบข้างวีลแชร์ไฟฟ้า

    “เพราะว่าเราเป็นแฝดกันดังนั้นการคาดเดาพฤติกรรมอีกฝ่ายจึงทำได้โดยไม่ต้องคำนวณยังไงล่ะ~” เอิร์ลเกรย์ยิ้มแย้ม “เธอต้องรู้แน่เพราะงั้นถึงได้เดินเข้ามากอดฉันที่เตียง เพราะว่าถ้าฉันเดินได้เราก็มักจะเดินเข้าหากันคนละครึ่งทาง มันเป็นแบบนั้นมาเสมอนั่นแหละ” แฝดชายตอบเพื่อนของเขา “เอาล่ะอย่าคุยเรื่องของฉันให้เสียบรรยากาศเลย มาพูดถึงเรื่องมื้อเย็นกันดีกว่า~” เจ้าบ้านชายอารมณ์ดีขึ้นมาอีกระดับ

    “ตอนนี้พ่อของนายฟื้นกลับมาแบบสมบูรณ์เลยล่ะ แต่ถ้าให้อธิบายว่าแผลหายเพราะมาเล่ริงถูกทำลายอำนาจเขาคงไม่เข้าใจฉันก็เลยพาเขาไปเดินชมหน่วยสนับสนุนที่ทำงานวิจัยยาชั้นใต้ดิน นายจะพาพ่อกลับบ้านเลยก็ได้นะแต่ว่าค่ำนี้เขาอาสาทำอาหารล่ะ...นายเองก็ไม่ได้ลงครัวกับพ่อนานแล้ว ใช้ครัวได้เต็มที่เลยนะสั่งพวกวัตถุดิบทะเลมาเต็มที่เลย” เอิร์ลเกรย์หันไปยิ้มให้ผู้พิทักษ์วรุณ เขายิ้มออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    “ฮะๆๆ นั่นสินะ น่าคิดถึงจัง...ขอบคุณนะ แล้วซีลอนล่ะ? เห็นแค่นายคนเดียวแล้วอย่างไม่ชินเลยนะเนี่ย” ยามาโมโตะถามถึงฝาแฝดที่ไม่น่าพลาดเรื่องการทำตัวติดกับฝาแฝด

    “หลับไปตั้งแต่กลับมาบ้าน ยังไงก็ฝากปลุกทีแล้วกัน มุคุโร่น่าจะแง้มประตูห้องเอาไว้ให้รู้ว่าใช้ห้องไหนในชั้นสอง” เอิร์ลเกรย์เคาะปลายนิ้วกับคางตัวเองเขาโคลงหัวเล็กน้อย เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปตามส่วนต่าง ๆ ของคฤหาสน์อย่างคุ้นเคย มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่ในฐานะแขก แรมโบ้กับอี้ผิงและกลุ่มสาว ๆ ตรงไปที่ห้องจัดเลี้ยงเพื่อช่วยเหลือผู้ดูแลคฤหาสน์

    สึนะและผู้พิทักษ์ที่เหลือจึงขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อปลุกเจ้าบ้านอีกคนให้ลงมากินมื้อเย็นด้วยกัน

    “...โอ๊ะ แปลกตาสุดขั้วไปเลยนะเนี่ย” เรียวเฮหลุดปากออกมาเมื่อเปิดประตูสีดำที่ถูกแง้มเอาไว้ ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ บนเตียงใหญ่มีคนสองคนหลับลึกอยู่ทั้งคู่และไม่มีท่าทีจะตื่นเพราะเสียงของเขา

    “เจ้ามุคุโร่กับยัยนักฆ่าหลังเก้าอี้ที่ไร้การ์ดป้องกันสินะ...” โกคุเทระหัวเราะขึ้นจมูกสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง

    “คงจะเหนื่อยละมั้งคะ พวกเราต้องสลับตัวกับตัวเองในอดีตกันก่อน แล้วเหลือท่านมุคุโร่เอาไว้ ส่วนคุณซีลอนเองก็สลับตัวเป็นคนสุดท้าย” โคลมคิดว่าทั้งคู่คงเหน็ดเหนื่อยกับแผนการของบอสจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

    “ที่แปลกตาคือพวกเราที่คุยกันในระดับเสียงปกติแล้วยัยคนประสาทไวไม่ตื่นด้วยแหละ...พิลึก ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่เริ่มบทสนทนาก็ขยับตัวเพราะรำคาญแล้ว...” โกคุเทระพ่นลมหายใจออกจมูก

    “นั่นสินะคะ” โคลมหัวเราะเบา ๆ เธออยู่กับทั้งท่านมุคุโร่และคุณซีลอนมานานกว่าใครเลยพอจะรู้นิสัยของทั้งคู่มากกว่าคนอื่น เรื่องความประสาทไวของนักฆ่าผมเงินเธอเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยล่ะ เพราะเวลาเห็นอีกฝ่ายฟุบหลับตามโซฟาหรือโต๊ะทำงานพอเธอหยิบผ้าห่มไปคลุมให้ซีลอนก็จะตื่นขึ้นมาทุกครั้ง แม้เธอจะพยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุดแล้วก็ตาม

    “เห็นพี่เอิร์ลเขาบอกว่าสัญญาสิ้นสุดลงแล้วความสามารถก็หายไประดับความอันตรายเลยลดลงมาเทียบเท่าคนปกติน่ะ...” สึนะยิ้มเจื่อน เขาคิดว่าหลังจากนี้นักฆ่าหลังเก้าอี้ของเขาคงจะหงุดหงิดกับศักยภาพของตนเองที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด หวังว่าดึกวันนี้ฟูตะจะสามารถบอกระดับของเธอที่ถูกต้องได้ และลำดับจะไม่ตกจนน่าเกลียดนักเพราะเขายังไม่อยากเห็นใครบางคนอาละวาด...

    “พวกคุณนี่มันไม่มีความเกรงใจกันเลยสินะครับ” มุคุโร่ลืมตามองกลุ่มผู้พิทักษ์ที่คุยกันหน้าตาเฉยในห้องนอนคนอื่น

    “เจ้าบ้านสั่งมาให้มาปลุกแกกับยัยนี่ลงไปชั้นล่างน่ะสิ” โกคุเทระเบ้ปาก สายหมอกเบนสายตาไปที่คนข้างตัว นักฆ่าหัวเงินยังคงหลับสนิท

    “...พอเป็นคนธรรมดาแล้วรู้สึกไม่ชินเลยครับ” สายหมอกขมวดคิ้ว ลุกขึ้นลองเขย่าตัวเจ้าบ้านสาว ไม่มีเสียงงึมงำด้วยความรำคาญ หล่อนแค่หาวหวอดแล้วคลุมผ้าห่มหนีเท่านั้น

    โคลมลูบอกปลอบขวัญตัวเองนึกว่าจะมีอะไรผิดปกติซะแล้วจากนั้นเธอจึงเดินไปที่เตียงนั่งลงข้างเจ้าบ้านและช่วยท่านมุคุโร่ของเธอขุดนักฆ่าขี้เซาออกมาจากเตียงเหมือนกัน

    “โคลม...ผมบอกแล้วนี่ว่าอยู่บ้านผมต้องตามใจผมไม่ใช่เจ้าผีนี่...” ซีลอนทำตัวเหลวกลอกตามองสายหมอกหญิง

    “แต่ว่าคุณเอิร์ลรอคุณลงไปร่วมมื้อเย็นอยู่นะคะ วันนี้เป็นอาหารญี่ปุ่นที่คุณชอบด้วย” ผู้พิทักษ์หญิงเลือกใช้ประโยคที่อ่อนลงและหลอกล่อนักฆ่าผู้ชื่นชอบอาหารรสเลิศให้ลุกจากเตียง

    “เอางั้นก็ได้...เห็นว่าโคลมอุตส่าห์มาปลุกหรอกนะ” คนหัวเงินกลอกตาแล้วเบะปากอย่างไม่มีทางเลือกมากนัก

    “โฮ่ ไม่คิดจะเห็นหัวผมที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยสินะครับ” มุคุโร่คิ้วกระตุกยิ้มอย่างไม่ได้รู้สึกสนุกด้วย เขาเริ่มประชดประชันอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ

    “แกเป็นตัวแถม” นักฆ่าหัวเงินไม่ลดราวาศอกให้เหล่มองเขาแล้วตอบอย่างไม่ไว้หน้า

    ได้ยินดังนั้นกลุ่มหมอกเริ่มจับตัวเป็นอาวุธที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

    “ขอล่ะช่วยอย่าตีกันตลอดจะได้ไหมเนี่ย!” สึนะโพล่งขึ้นห้ามการวิวาทที่ดูกำลังจะเริ่มขึ้นเมื่อสายหมอกชายกระชับหอกแน่นส่วนฝั่งนักฆ่าหลังเก้าอี้ของเขาก็หักนิ้วพร้อมจะสวน

    “น่ารำคาญ ยังชอบสุมหัวกันไม่เปลี่ยน...” ฮิบาริเอ่ยสั้น ๆ เขาเดินตามขึ้นมาทีหลังเห็นคนสุมหัวกันในห้องก็นึกไม่ชอบขึ้นมา แต่เมื่อดูว่าคนอยู่กันครบไม่มีอะไรเป็นพิเศษก็คิดจะลงไปกินอาหารก่อนใคร

    “เคียวยะ พอดีเลย ฉันน่าจะติดหนี้นายอยู่ครั้งใช่ไหม เดี๋ยวจะเปิดห้องเทรนนิ่งไปให้อาละวาดกับมุคุโร่แล้วกัน” ซีลอนที่ตื่นเต็มตาก็เอ่ยขึ้น กรรมการผู้คุมกฎกระตุกยิ้ม สายหมอกหนุ่มหันไปยิ้มเหี้ยมกับหญิงสาวเจ้าบ้าน

    “น่าสนุกนี่ แล้วจะรอ” เขาไม่ได้พูดไปมากกว่านั้น แต่ก็ถือเป็นการตอบตกลงหนี้สินค้างชำระระหว่างกัน

    “หนี้คุณแต่เก็บกับผมเนี่ยนะ? ไม่คิดว่าเอาแต่ใจไปหน่อยรึไงครับ” มุคุโร่สีหน้าไม่สบอารมณ์ พ่นถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

    “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงลงไปสู้กับฮิบาริเองตัวต่อตัวนั่นแหละ แต่กระทั่งคนสัญชาตญาณดีอย่างหมอนั่นยังรู้เลยว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่คู่ดวลที่เล่นด้วยแล้วจะสนุกอีกแล้ว ถึงได้ยอมรับเอาง่าย ๆ แบบนั้นไง ไม่งั้นเป็นเมื่อก่อนคงต้องลังเลว่าจะเล่นกับนายหรือสู้กันฉัน” ซีลอนเบะปากตวัดผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียงมาบิดขี้เกียจและคล้องคอสาวน้อยประจำแฟมิลี่อย่างโคลม

    “ก็อย่างว่าละนะพอเป็นคนธรรมดาแล้วจะให้ไปตีกับสัตว์ประหลาดเนี่ยยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่เลย” เธอถอนหายใจ รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ตัวเองไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า เป็นแบบนี้แล้วก็พาลไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองขึ้นมา

    “ได้ลองฝึกมือดูแล้วเหรอถึงมั่นใจว่าลดไปเยอะขนาดนั้น?” โกคุเทระขมวดคิ้ว เท่าที่รู้ก็คือเธอตื่นก่อนพวกเขา มาที่นี่แล้วก็หลับเอาแรงยาว มือขวาของรุ่นที่สิบนั้นแคลงใจไม่น้อยที่นักฆ่าตำแหน่งพิเศษมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองอ่อนด้อยลง

    ซีลอนกลอกตาไปมาผละออกจากโคลมไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงเลือกหยิบมีดขึ้นมาควง ไม่พูดไม่จาก็ปาเฉียดหน้าผู้พิทักษ์วายุราวกับจงใจยั่วโมโห

    “ยัยบ้า!” เขาเหวลั่นขึ้นมาทันทีขัดกับเสียงหัวเราะของยามาโมโตะที่เห็นว่าก็เป็นเพียงการหยอกเล่นสไตล์ซีลอนเท่านั้น

    “ก็บอกให้ลองเอง นายดันยืนบังเป้ายิงช่วยไม่ได้” นักฆ่ายักไหล่ เยื้องไปด้านหลังมีกระดานปาเป้าห้อยอยู่ มีดปาปักเข้าไปหนึ่งในสามของความยาวใบมีด เธอหรี่ตามองมันและถอนหายใจเผยเสียหน้าเสียดายสุดซึ้งออกมา “ถ้าเป็นก่อนหน้าที่คงต้องปักเข้าไปสองในสามแท้ ๆ เชียว”

    “นั่นมันก็เท่าหนึ่งเลยนะ!” สึนะกับเรียวเฮประสานเสียงกัน

    “สำหรับแรงละนะ ไม่รู้ว่ามายาสายหมอกจะลดลงไปเท่าไหร่” นักฆ่าผมเงินยักไหล่ไม่ใส่ใจ

    “นี่เป็นความปลอดภัยของรุ่นพี่นะช่วยกังวลถึงมันมากกว่านี้หน่อยเถอะครับ!” สึนะคว้าแขนนักฆ่าที่กำลังจะออกจากห้องลงไปชั้นล่าง

    ซีลอนที่ตัวสูงกว่าเหลือบมองบอสตัวเล็กของตนแล้วคลี่ยิ้มคล้ายเอ็นดูอีกฝ่ายเล็กน้อย เธอขยี้เส้นผมสีส้มของเขา

    “ถึงอันดับจะตกแต่คนที่ลำดับเลื่อนขึ้นมาก็ไม่ใช่คนนอกแฟมิลี่อยู่ดี ไม่น่ากังวลเท่าไหร่หรอก” ซีลอนควบคุมสีหน้าตัวเองให้ดูปกติและยิ้มราวกับสีหน้ากังวลก่อนหน้าชั่ววูบนั้นเป็นเพียงภาพที่คิดกันไปเอง

    สึนะมุ่ยหน้าไม่ค่อยชอบที่เงาหลังเก้าอี้ตนนั้นค่อนข้างดื้อดึง เจ้าบ้านทำตัวไม่ยี่หระเดินลงไปชั้นล่างและทิ้งพวกเขาที่เข้าออกสถานที่แห่งนี้บ่อยเอาไว้

    “พรุ่งนี้อย่าให้คลาดสายตาเชียวละมุคุโร่” สึนะหันไปกำชับกับผู้พิทักษ์สายหมอกชายของตนแทน ยังไงก็วันหยุดถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงต้องเป็นสายหมอกออกโรงรับหน้าแทน พักหลังมานี้สึนะเองก็คิดว่าสองคนมีความสัมพันธ์บางอย่างที่มากกว่าเพื่อนกันอยู่ ทว่าก็ไม่แน่ชัดมากนักเนื่องจากนิสัยชอบตีกันเป็นเด็ก ๆ ของพวกเขารวมไปทั้งคุณฮิบาริด้วย

    “ไม่พูดก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ครับพรุ่งนี้เธอเป็นคู่เดตของผมนี่” มุคุโร่ถอนหายใจระอากับคำสั่งของบอสผู้เหยาะแหยะ

    “คุณเองก็ระวังไว้เถอะ การ์ดตกแบบนี้ผมคงจะยึดร่างนั่นไปใช้งานได้ในเร็ว ๆ นี้” สายหมอกสัพยอกนภาที่อ่อนโยนเกินไปเขาจิ้มแผงอกอีกฝ่ายและลงไปชั้นล่างเช่นกัน

    “คู่เดต? ถึงขั้นไหนกันแล้วน่ะ...” สึนะเลิ่กลั่กรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา ไม่ใช่ว่าอิจฉาหรือหวงแต่ว่าทั้งคู่เป็นพวกเจ้าเล่ห์เพทุบายพอกัน พอนึกภาพว่าต่อไปนี้ทั้งคู่จะสามารถหัวเราะตอกกระซิกด้วยยิ้มร้าย ๆ ใส่กันเองแล้วความรู้สึกไม่ปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากปกติ...

    “ไม่ต้องห่วงนะครับท่านรุ่นที่สิบ! ต่อให้ซีลอนจะเข้าข้างเจ้ามุคุโร่นั่นพวกเราก็ปกป้องคุณได้แน่!” โกคุเทระชกอากาศอย่างมั่นใจ

    “ขอบคุณนะโกคุเทระคุงแต่ว่าเรื่องนั้นก็คงต้องหลังจากฝึกใช้แหวนรุ่นใหม่ไปก่อนนะ...” สึนะยิ้มเจื่อน พวกเขาในโลกนี้ได้ทำลายแหวนไปเพื่อป้องกันไม่ให้เบียคุรันนำไปสร้างเป็นทรีนิเซตเต้ แน่นอนว่ามันนับเป็นหนึ่งในผลกระทบร้าย ๆ ของมาเล่ริงดังนั้นพวกเขาจึงได้แหวนวองโกเล่ที่แท้จริงกลับมาอยู่บนนิ้วมือในสภาพปลดผนึกเช่นเดียวกับตัวเองในอดีต น่าเสียดายที่อาวุธกล่องนั้นถูกส่งข้ามไปให้พวกเขาในอดีตแล้วก็เลยไม่ได้ทดลองใช้อย่างเต็มพลัง

    “เหมือนว่าจะคบกันแต่ก็ไม่ได้พูดอย่างเป็นทางการน่ะค่ะ” โคลมเองก็ไม่แน่ใจเพราะฝั่งนักฆ่าหลังเก้าอี้ดูจะยังทิ้งระยะห่างกับสายหมอกหนุ่มอยู่

    “อย่างงั้นเหรอ งั้นแสดงว่าหลังจากนี้ก็น่าจะได้เห็นอะไรครึกครื้นสิน้า~” ยามาโมโตะคลี่ยิ้มประสานมือหลังท้ายทอยก่อนจะนึกขึ้นได้

    “โอ๊ะ แย่ล่ะ ฉันต้องไปลงครัวนี่นา ทุกคนรีบตามลงมานะ!” ผู้พิทักษ์วรุณรีบวิ่งลงไปชั้นล่างและตรงไปที่ครัว เขากับพ่อได้พบกันอีกครั้งในสภาพสมบูรณ์ดีพร้อม ยามาโมโตะน้ำตาซึมออกมาและฉีกยิ้มซื่อ ๆ แบบที่ทำมาตลอด ยืนกับชายมีอายุหลังเคาท์เตอร์ครัวและช่วยทำอาหารเย็นซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ทำมาแสนนาน

    และเป็นอย่างที่เอิร์ลเกรย์ว่า ซีลอนสังเกตได้ตั้งแต่เขาตื่นมาในห้องพยาบาลแล้ว เพราะว่าเธอนั่นแหละที่เห็นดีเห็นงามกับการให้มุคุโร่สิงใช้ร่างแฝดทำกายภาพบำบัดอยู่เป็นระยะเพื่อรักษาร่างกายของแฝดให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ เอิร์ลไม่มีข้ออ้างเรื่องขาลีบหรือไร้เรี่ยวแรงจนเดินไม่ไหวแน่ แต่ถึงเขาจะสูงน้อยลงเพราะต้องนั่งวีลแชร์ซีลอนก็ดูจะปรับตัวกับระยะสายตาของตนเองได้รวดเร็ว เธอไม่มีหลุดเผลอมองสูงกว่าที่เอิร์ลเกรย์นั่งอยู่เลย ตลอดงานเลี้ยงพวกเขาเฮฮาและหัวเราะกันอย่างโล่งอกกับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่กลายเป็นศูนย์ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาว่าทุกอย่างที่เฝ้าวางแผนสู้ทนมานั้นไม่สูญเปล่า

    หลังจากอิ่มหมีพีมันแต่ละคนก็แยกไปนอนตามห้องว่างในคฤหาสน์กลางไร่ พวกเขาคิดว่าจะพักสักวันสองวันระหว่างที่เวลเด้ยังถอดประกอบชิ้นส่วนเครื่องนั่นไม่เสร็จ ทารกอัจฉริยะคนนั้นบอกว่าก่อนจะไปลงงานหนักอยากให้รอเขาเสียหน่อย ก็คงจะประดิษฐ์อะไรเพิ่มเพื่อช่วยอุดจุดอ่อนที่ไร้กล่องวองโกเล่ไปแล้ว

     

    ในเช้าวันต่อมาซีลอนที่กำลังสวมนาฬิกาข้อมือในห้องนอนของตนก็ถูกแขกเดินมากอดอกพิงประตูกดดัน

    “วันนี้เราตกลงจะไปเดตกันใช่ไหมครับ?” มุคุโร่ยิ้มนิ่งคล้ายกดอารมณ์กรุ่นที่รอเวลาปะทุ

    “ก็นายว่างั้น” ซีลอนไม่ได้เถียงหรือปฏิเสธ

    “แต่คุณจะพาเอิร์ลเกรย์ไปด้วย?” สายหมอกหนุ่มหงุดหงิดขึ้นมาเขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายติดฝาแฝดมากแค่ไหน ผิดคาดจากที่เขาคิดไปเยอะเลยเพราะต่อให้อะไร ๆ ที่ผิดเพี้ยนในตัวเธอหายไปแล้วแต่ซีลอนก็ยังคงทำตัวเป็นเหาฉลามใส่ฝาแฝด

    “ก็เอิร์ลหายดีแล้วนี่นา ต้องพาไปเที่ยวฉลองสิจริงไหม?” พอพูดถึงแฝดเธอก็ยิ้มแฉ่งอารมณ์ดี มุคุโร่ถอนหายใจยอมแพ้กันรอยยิ้มมีความสุขสุด ๆ นั่นของเจ้าหล่อน ครั้งนี้จะทำเป็นไม่สนใจก็แล้วกัน

    “ที่จริงแล้วเอาผมไปเป็นผู้ปกครองละสิไม่ว่า” เอิร์ลเกรย์ขับวีลแชร์ออกมาจากห้องน้ำ แม้ว่าจะโตขึ้นมากแค่ไหนฝาแฝดก็ยังนอนห้องเดียวกัน ซึ่งเป็นความเคยชินที่ซีลอนคิดถึงมาก “อีกไม่นานก็แต่งออกแล้วแท้ ๆ ยังจะมานอนกับฉันอีกเปลี่ยนหมอนข้างได้แล้วนะซีน” แฝดชายเอ่ยเย้าขำ ๆ นักฆ่าหัวเงินเผยสีหน้าชวนขำออกมาเพราะกำลังขมวดคิ้วทำหน้าอี๋สลับกับลังเลแล้วก็กลับไปคล้ายกับยอมรับขึ้นมาไม่ได้ซะงั้น

    “ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับซีลอน...” มุคุโร่ลูบหน้ากับอากัปกิริยาอันตรงไปตรงมาของหล่อน รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจและอยากจะเอาคืนในเร็ว ๆ นี้

    “โทษที ยังไงก็รู้สึกขัดแย้งอยู่ดี” ซีลอนเบะปากแล้วคว้ามือจับของวีลแชร์เข็นฝาแฝดไปที่ลิฟต์ขนของ มุคุโร่ตามออกไปและเป็นผู้ปิดประตูห้อง

    “งั้นผมจะให้โคลมไปด้วยแล้วกันครับ สอนเอิร์ลเกรย์เดินเล่นสักหน่อยน่าจะไม่ยากเกินไปสำหรับเธอ” มุคุโร่ตัดสินใจหาใช้ผู้ช่วยที่หนึ่งของเขาเพื่อเพิ่มเวลาที่จะอยู่กับคู่เดตของตนให้มากขึ้น

    “นั่นสินะถ้าใช้มายาเชื่อมเส้นประสาทหรือสร้างขึ้นมาได้ก็น่าจะเดินได้ไม่ยาก ยังไงทั้งผมและเอิร์ลก็ยังเป็นพวกธาตุผสมอยู่วันยังค่ำ” ซีลอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้ยินว่าโอกาสที่ฝาแฝดจะกลับมาเดินเหินได้อย่างไม่ยากเย็นนั้นมีอยู่

    “ครับ ๆ ดีใจเข้าไปเถอะ” มุคุโร่ค่อนแคะอีกฝ่ายเอ่ยประชดเล็กน้อย “ขนาดไปเที่ยวก็ยังใส่สูทอย่าบอกนะครับว่าพกปืนกับมีดไปด้วย...” ชายหนุ่มหรี่ตามองคนข้างตัวที่ระดับสายตาไล่เลี่ยกัน

    “ก็ต้องติดไปสิ ไม่มีแล้วรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ อีกอย่างพวกเราน่ะไม่อาศัยโชคจริงไหม ใครจะรู้อาจจะมีคนวิ่งมาให้เก็บเล่นก็ได้” ซีลอนกระตุกยิ้มแล้วไหวไหล่ “ว่าแต่นายเถอะบอกว่าฉันใส่สูทตัวเองก็ใส่ ว่าอะไรก็เข้าตัวหมดนั่นแหละ” นักฆ่าไม่ลดราวาศอกลงและเข็นแฝดออกไปที่โถงหลักเมื่อประตูลิฟต์ขนของเปิดออก

    “เผื่อคุณจะตาฟางนะครับเพราะผมคลุมสูทไม่ได้ใส่สูทกลัดกระดุมทุกเม็ดแบบใครบางคน”

    เสียงจิกกัดกันไม่เลิกดังมาก่อนตัวเสียอีก แขกในบ้านจึงได้แต่ยิ้มแห้งและปล่อยให้พวกเขาออกไปข้างนอก สึนะแม้จะอยู่ในระหว่างพักแต่ก็เริ่มมีเอกสารรายงานความคืบหน้าของการฟื้นฟูแฟมิลี่ส่งมาแล้ว ถึงจะอยู่บ้านพักตากอากาศกลางไร่แต่งานกลับมาประเคนส่งถึงหน้ารั้วคฤหาสน์ นภาผู้ใจดีก็ยิ้มแห้งรับกระเป๋าเอกสารเหล่านั้นมานั่งอ่านกับมือขวาของตน

    “เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยถามผู้ดูแลเอาได้ มีปัญหาอะไรแก้ไม่ลงค่อยโทรมาเข้าใจไหมแล้วจะรีบกลับมา” ซีลอนทิ้งท้ายกับบอสของตนเอาไว้ก่อนจะออกจากรังของตนไป

    “...พวกเขาไปเดตกันแน่ใช่ไหมนั่น...” สึนะลูบหน้าเป็นเครียดแทนมุคุโร่ “ติดแฝดเกินไปแล้ว...”

     

    สถานที่ปลายทางของพวกเขาคือย่านถนนคนเดินที่มีอาหารอร่อย ก่อนจะเข้าไปยังส่วนท่องเที่ยวยอดนิยมที่สร้างขึ้นมา ทุ่งหญ้าแพมพัสที่ชูช่อสีทองโยกไหวเมื่อลมปะทะใส่

    “งั้นผมก็จะไปฝึกใช้ไฟมายาเพื่อต่อเส้นประสาทละนะ” เอิร์ลขยับคันโยกไฟฟ้าหมุนวีลแชร์ไปอีกทาง

    “ฝากดูแลเขาด้วยนะครับโคลม” มุคุโร่ไหว้วานสายหมอกสาวยิ้ม ๆ

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะพยายามช่วยให้คุณเอิร์ลเดินให้ได้เลยเพราะว่าก่อนหน้านี้ทั้งท่านมุคุโร่และคุณซีลอนก็ช่วยฉันมาหลายเรื่องแล้ว ตอนนี้ได้เวลาตอบแทนสักที วางใจได้เลยค่ะ!” โคลมคลี่ยิ้มและตามฝาแฝดของซีลอนไปอีกทาง พวกเขาแยกกันตรงทางเดินในทุ่งหญ้าแพมพัส

    “เลือกที่แบบนี้เป็นสถานที่เดตนี่ผิดคาดเหมือนกันนะครับ” มุคุโร่หัวเราะในลำคอ เดิมทีสถานที่ที่เหมาะกันอีกฝ่ายเขาไม่เห็นเป็นอื่นนอกจากโรงหนังกับอควาเรี่ยม ไม่ใช่เพราะยอดนิยมหรือสวยงามแต่เป็นบรรยากาศและสีสัน ถูกย้อมอยู่ในสีน้ำเงินเข้มหรือดำ ดูเหมาะกับเธอมากกว่าแสงอาทิตย์สีส้ม

    “อยากไปพวกโรงหนังหรือเหลาหรู ๆ แต่แบบนั้นคงไม่เหมาะกับช่วงเวลานี้เท่าไหร่... นายก็รู้สึกตัวไม่ใช่รึไง” ซีลอนเหลือบมองคู่เดตที่เดินเคียงไปกับเธออย่างช้า ๆ ผิดวิสัยคนขายาวอย่างพวกเขา พวกเขาเดินช้าลงมาและหยุดลงกลางทุ่งดอกหญ้าแพมพัสที่ไร้ผู้คน

    “ฟุฟุฟุ ก็ต้องรู้อยู่แล้วครับถึงใช้มายาคลุมร่างกายให้พวกเรากลายเป็นเป้าแทนยังไงล่ะ...” มุคุโร่สร้างหอกสามง่ามขึ้นมา ชั่วพริบตาที่เกิดการปะทะและปัดกระสุนออกทั้งสองคนก็พุ่งตัวแยกไปหาศัตรูคนละทาง

    “คิดจะมาตอแยกับฝาแฝดของผมก็คงจัดให้ได้แค่โทษสถานตายล่ะนะ” ซีลอนกระตุกยิ้มเงื้อมมือของมัจจุราชตวัดผ่านคอสร้างบาดแผลเรียบเนียนให้กับนักฆ่ารับจ้างที่ซ่อนอยู่หลังพงหญ้าสูง และถึงอีกฝ่ายจะเป็นนักมายาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้การพรางตัวนั้นแนบเนียนแต่อย่างใดเมื่อมายืนอยู่ต่อหน้านักมายาทั้งสองผู้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรก

    แม้แต่เสียงของผู้โชคร้ายที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกพบและหมายหัวเอาซะแล้วก็ไม่สามารถเปล่งออกมาได้ ราวกับภาพช้า ราวกับโลกที่หยุดหมุน

    “คิดว่าพลังของฉันลดลงแล้วพวกแกจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นงั้นหรือ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่เลย” นักฆ่าหลังเก้าอี้กดเสียงพร่าต่ำราวกระซิบทว่ากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ ทั้งออร่า สายตานักล่าและรอยยิ้มวิกลที่ไม่เหมือนคนปกติ

    “ถ้าความต่างชั้นของแต่ละลำดับสามารถพลิกกลับได้ด้วยการต่อสู้ไม่กี่ครั้ง คนที่อยู่อันดับหนึ่งนั้นไม่มีทางครองมงกุฎได้เกินยี่สิบปีแม้จะตายไปแล้วก็ตามหรอก ไม่คิดบ้างรึไงว่ามันมีระยะห่างที่ข้ามไปไม่ได้อยู่เจ้าพวกปลายแถว” ซีลอนคลี่ยิ้ม แม้จะเสียดายที่อีกฝ่ายคงไม่ได้อยู่ฟังเธอจนจบประโยคก็ตาม ใช่เธอโกหกอาจารย์ในวันนั้นว่าลำดับตัวเองเลื่อนขึ้นมาเพราะพวกอัลโกบาเลโน่ตาย ถ้าหากว่าอันดับนั้นนับแต่คนเป็น ใช่...ลำดับเธอเลื่อนขึ้นมา แต่ถ้านับรวมเหล่านักฆ่าที่ตายลงไปในศึกกับมิลฟิโอเล่ด้วยแล้ว ลำดับของพวกที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไม่ขยับจากหมายเลขเดิมสักคน หกอัลโกบาเลโน่เป็นพวกนักฆ่าสัตว์ประหลาด เธอรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครทั้งนั้น...

    “จากเวลาแล้วถ้าไม่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยก็ไม่ได้ลดความเป็นสัตว์ประหลาดลงเท่าไหร่เลยนะครับ..” มุคุโร่ตามหลังมาเห็นศพก็ถอนหายใจ

    “อันดับตกลงมาเป็นสิบสามก็จริง แต่ตัวเต็งยี่สิบคนแรกน่ะให้ลำดับสลับกันแค่ไหนก็ยังมีระยะห่างกับพวกต่ำกว่ายี่สิบชนิดหน้ามือกับหลังเท้า ไม่งั้นไอ้คำพูดที่ใช้เรียกว่าอัจฉริยะนักฆ่านั่นคงเป็นแค่สร้อยสวย ๆ ไปแล้ว” ซีลอนพ่นลมหายใจออกจมูกโทรออกไปหาหน่วยเก็บกวาดที่สแตนบายอยู่ไม่ไกลจากนอกทุ่งติดกับชายป่า

    “นี่มันไม่ใช่เดตแล้วนะครับ...” มุคุโร่มุ่นคิ้วลูบหน้าปลงตก

    “ถ้านายชอบอะไรแบบคนธรรมดาก็ควรไปชอบคนธรรมดาไม่ใช่ฉัน” ซีลอนทำหน้านึกแขยงขึ้นมาเล็กน้อย

    “ยังยืนอยู่ตรงนี้ครับยังยืนอยู่ตรงนี้” สายหมอกหนุ่มย้ำเป็นรอบที่สองของวันหลังเห็นสีหน้าชวนทะเลาะนั่น

    “รับไม่ได้วะ...” ซีลอนเอ่ยออกมาแต่ก่อนจะได้เคลียร์กับมุคุโร่ที่กำลังจะอ้าปากคำรามอะไรออกมาเธอก็รีบพูดต่อ “ก็มันรับไม่ได้จริง ๆ นี่หว่า อยู่แบบคนตายมาตั้งนานพอมาเจอแกแล้วฉันต้องใจเต้นตึกตักแล้วยังไงก็แหยงอยู่ดี... รู้น่าว่าชอบแต่ยังไงก็รับไม่ได้...” ซีลอนยกมือทาบอกตัวเองสัมผัสถึงความถี่ของอาการใจเต้นที่เกิดขึ้นนานกว่าเวลาได้ของหวานที่ชอบหรือถูกเอิร์ลเกรย์ลูบหัวมันก็นึกรำคาญขึ้นมา

    “อย่างเหนื่อย...” นักฆ่าหัวเงินเบ้ปากไม่สบอารมณ์

    “งั้นคงต้องทำให้ชินกับมันแทนหนีครับ คุณหนีไปตลอดไม่ได้” มุคุโร่กระตุกยิ้มแล้วขยับใบหน้าเข้าใกล้อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

    ซีลอนเหล่มองนึกอยากจะมือลั่นชกไปสักหมัด แต่ก็ยับยั้งความคิดที่อยากประทุษร้ายสายหมอกที่น่าหมั่นไส้ลงได้

    “ไปหาเอิร์ลดีกว่า...” เธอหันหนีเขาแล้วเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ ในทุ่งหญ้าสูง

    “ให้มันน้อย ๆ หน่อยครับ คุณไม่คิดว่าเขาจะอึดอัดบ้างเหรอ” มุคุโร่แม้จะเอ่ยปากปรามแต่ฝ่ายเงาหลังเก้าอี้กลับลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่ได้ยินเขา

    “อย่าคิดแทนคนอื่น!” ซีลอนเอ็ดกลับไปแล้วหัวเราะคิกคักน่าเอ็นดูผิดวิสัยหลังกระโจนเข้าใส่ฝาแฝดที่กลับมายืนได้อีกครั้งในดงดอกหญ้าสูงเลยศีรษะไป

    “เย่~~~ นายน่ะไม่ยอมถูกฉันดูแลหรอกจริงไหม เพราะว่าคราวนี้เอิร์ลจะดูแลฉันบ้างยังไงล่ะ!” ซีลอนเกยคางกับบ่าฝาแฝด เอิร์ลเกรย์หลุดหัวเราะและหันมายิ้มให้พลางแตะมือกับเสื้อคลุมไม่ให้หลุดจากไหล่

    “อย่าดื้อให้มันเยอะนักเดี๋ยวมุคุโร่เอาจริงขึ้นมาเป็นฉันก็ห้ามเขาไม่ไหวหรอกนะ” เอิร์ลเกรย์หัวเราะในลำคอ โคลมและมุคุโร่หันมายิ้มให้กับหนึ่งในผู้สนับสนุนหัวกะทิซึ่งยืนด้วยสองขาของตัวเองได้แล้ว

    “โคลมของผมนี่เก่งไปทุกอย่างเลยนะครับ โชคดีของผมจริงๆ” มุคุโร่ลูบหัวสายหมอกหญิงที่ยิ้มเขินและเกาแก้มตัวเอง เธอพยายามจะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนเท่าที่ทำได้เพราะเชื่อว่าสักวันเวลาที่พวกเขาจะพึ่งพาหล่อนนั้นจะมาถึงในสักวัน เพื่อทดแทนกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับมาจนท่วมท้นอ้อมแขน ทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งสถานที่ของเธอ คนที่เป็นห่วงและให้คุณค่ากับเธอ คนที่จะคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังให้แก่กัน แฟมิลี่คงเป็นแบบนี้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและสมจริงยิ่งกว่าครอบครัวที่แท้จริงของเธอเสียอีก

    “แบบนี้ผมก็ต้องตอบแทนโคลมบ้างแล้วสินะ วันนี้ไม่ว่าอยากกินหรือได้อะไรผมก็จะหามาให้เอง!” ซีลอนเป็นอีกคนที่เข้าไปกอดหญิงสาวผมเข้มที่เจือม่วงประกายยามต้องแสงแดด

    รอยยิ้มของโคลมผลิบานอย่างตรงไปตรงมา

    “ถ้าฉันเป็นกำลังให้ได้ก็อย่าลังเลที่จะขอให้ช่วยเลยนะคะซีลอน” สายหมอกหญิงที่ในสิบปีให้หลังมีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวองโกเล่ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังของเธอ

    “เมื่อกี้เหมือนฉันจะได้ยินเธอบอกว่าอย่าคิดแทนคนอื่นใช่ไหมซีน ก็ใช่ และฉันไม่อึดอัดหรอกนะเวลาตัวเองอีกคนโผเข้าใส่ แต่ว่าจะดีใจกว่านี้ถ้าเธอมีคนที่ไว้ใจอื่นนอกจากฉัน คนอื่นที่จะโผใส่ได้และไม่ใช่ฉัน” เอิร์ลเกรย์กุมมือฝาแฝดไว้ข้างหนึ่งเอนตัวเข้าหาและส่งยิ้มละมุนให้

    “หูย แฝดใครอ่ะน่ารักจังเลยแฝดผมนี่เอง โคตรเจ๋ง!” ซีลอนหันไปบีบแก้มตัวเองอีกคนแล้วหัวเราะชื่นใจอยู่คนเดียว

    “เฮ้อ...” เอิร์ลเกรย์ถอนหายใจแล้วยิ้มเจื่อนเมื่อพบว่าตัวเองดันดึงความสนใจของซีลอนมากเกินไปจนเธอเลิกเกรงใจคนรอบข้างไปโดยสิ้นเชิง เขารู้ดีว่าถ้าไม่ได้มีใบหน้าที่ราวกับคนคนเดียวกันแล้วท่าทางแบบนี้มันไว้หยอกแฟนมากกว่าหยอกพี่น้องเสียอีก...

    “ซีน...เธอน่ะต้องห่างผมบ้างนะ... เริ่มจากการแยกห้องนอนแล้วกัน” เอิร์ลเกรย์จับมือของแฝดออกจากหน้าเขา เมื่อตัดสินใจได้ก็ก้าวฉับ ๆ กลับไปที่วีลแชร์หย่อนตัวลงบนนั้น

    “ไม่เอา!”

    “ต้องแบบนั้นแหละไม่งั้นมันก็เหมือนเดิมน่ะสิ ตอนนี้เธอเริ่มเป็นคนปกติแล้วนะ ฉันไม่ยอมให้เธอไร้พัฒนาการเด็ดขาด!” คนเรียนหมอมาเบะปากเชิดหน้าไปอีกทางเป็นการตัดบทว่าจะไม่เถียงกันเรื่องนี้อีก

    มุคุโร่กับโคลมมองการทะเลาะเป็นเด็กตรงนั้นแล้วหลุดขำออกมา

    ไม่ใช่เขาไม่รีบ ทั้งรู้ดีและทั้งอิจฉา ตราบใดที่อยู่ด้วยกันกับแฝดเธอก็มักจะไม่เอาใครเลยนอกจากแฝด ส่วนเวลานอกเหนือจากนั้นก็จะใกล้เคียงกับคำที่พวกเขาใช้เรียกกัน ‘คนปกติ’

    “...คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยให้เธอปรับตัวสินะคะ” โคลมออกความเห็น

    “ไม่นานเท่าไหร่หรอกครับเพราะว่าเธอก็พูดว่ารู้ดีว่าชอบแต่ว่า เพราะทิฐิที่เป็นราวคนตายมาตลอดละนะถึงได้หงุดหงิดเวลาใจเต้นขึ้นมาบ่อยกว่าทุกที” มุคุโร่อมยิ้ม เอาเป็นว่าไว้เขาจะชวนเธอออกมาเที่ยวเล่นวันหลัง

    เ ที่ ย ว ที่ ห ม า ย ถึ ง แ ค่ ส อ ง ค น เ ท่ า นั้ น น่ ะ น ะ

     

    RHETORIC หมายถึง ศิลปะการใช้ถ้อยคำ,วาทศิลป์, เชิงสำนวน, ศิลปะในการพูดชักจูงใจคน, เชิงคุยโว, เชิงโวหาร

     

    ลงช้าอีกล้ว ฮือออออ ขอโทษค่ะไม่มีคำแก้ตัว

     

    ตอนแรกจะคุมให้จบใน20ตอน แล้วเราก็ถูกยุง่ายพอมีคนบอกว่าอยากอ่านต่อก็งอกตอนเพิ่มขึ้นตามภาค---

    เพราะงั้นแล้วข้อความลับของตัวอักษรแรกจากทุกบทจะจบข้อความลงในบทนี้ค่ะ!

    DARLINGISMEYBEMUKURO = Darling is maybe mukuro

    อะไรนะทำไมไม่มีภาพคู่มุคุโร่ซีลอนช่วงนี้ไม่มีพลังงานเลยค่ะ o<-< แงงงงงงงงงงงงง ไว้ในอนาคตถ้าไม่วาดมาแปะก็คงเป็นภาพคมช.ที่เคยสั่งไว้นะคะ(ฮา) เอาแฝดโซแฮปปี้ไปก่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×