คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : | 13 | BYZANTINE | หลังม่าน
“ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งของมันแล้วที่เหลือ ก็แค่รอ” | ซีลอน
““กรุณาด้วยเถอะครับ!! ช่วยสอนวิธีต่อสู้ยุคนี้ให้พวกเราด้วย!!””
โกคุเทระกับสึนะในอดีตก้มหัวกับพื้นขอร้องรัล มิลจิ
เพื่อให้สอนการใช้อาวุธกล่องในยุคสมัยนี้ให้เป็น นี่เป็นศึกที่พวกเขาต้องลงสนาม
ทว่าตัวพวกเขาในเวลานี้ไม่สามารถจะเอาชนะศัตรูได้ด้วยพลังจากอดีตเพียงอย่างเดียว
“เจ้ารีบอร์นยุให้มาสินะ”
รัลพ่นถอนหายใจเอือมระอา
“ปิ๊งป่อง! การจะรวบรวมผู้พิทักษ์ก็ต้องเพิ่มพลังกันด้วย”
ทารกนักฆ่ากระโดดมาเหยียบหัวสึนะจนโขกลงพื้นอีกรอบ
“นอกจากเธอก็ไม่มีคนที่เหมาะสมแล้ว”
“ขอปฏิเสธ
เรื่องนั้นน่ะไปขอยามาโมโตะเอาเองสิ” รัล มิลจิมองหาชายที่เธอพาดพิงก่อนที่ทารกนักฆ่าเลยให้ยามาโมโตะในอดีตเข้ามาร่วมขอร้องด้วย
“เป็นยามาโมโตะจากอดีตไปแล้วน่ะซี่”
“...มันก็ยังเหลือซีลอนอีกคนนี่”
รัลขมวดคิ้ว
“ใสเจีย ยัยหนูนั่นยังมีงานอื่นต้องทำอีกเป็นกองพะเนิน”
รีบอร์นเฉลยออกมา นอกจากนี้ซีลอนเองก็ไม่มีพลังเพลิงธาตุแล้ว
การจะให้เธอมาสอนพวกเขาก็ดูจะทุลักทุเลไปหน่อย
“ฉันไม่มีเวลาว่างจะมายุ่งกับพวกแก
อยู่เฉยๆไปน่าจะอายุยืนกว่านะ” รัลสะบัดผ้าคลุมเดินปลีกตัวไปอีกทาง
เหตุผลที่รีบอร์นบอกกับพวกเขาว่าต้องเป็นรัลเท่านั้นก็เพราะว่าเธอคือครูฝึกของโคโรเนโร่ก่อนที่จะมาเป็นอัลโกบาเลโน่
เป็นนักรบชั้นยอดที่หาจับตัวได้ยากและแม้แต่รีบอร์นเองก็ยังให้ความเคารพเธอในฐานะครูฝึกชั้นหนึ่ง
สไตล์การต่อสู้ของเธอน่าจะเข้ากับพวกสึนะมากกว่าสไตล์นักฆ่าแบบซีลอนด้วย
พวกเขาเลือกเดินมาคนละเส้นทางรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันไปทำให้เงาหลังเก้าอี้ของรุ่นที่สิบไม่สามารถยื่นมือให้ความช่วยเหลือเพื่อฝึกฝนพวกเขาได้เต็มที่
“โอ๊ะ
ให้เวลาเธอหน่อยเดี๋ยวปล่อยให้อาจารย์รีบอร์นไปคุยด้วยก็มาช่วยแล้ว
ระหว่างนี้ก็รักษาตัวไปก่อน” ซีลอนโผล่มาในห้องหลังจากที่รัลมิลจิออกไป
เธอเดินไปยื่นแผ่นกระดาษให้รีบอร์นอ่านไม่ได้บอกว่ามันเป็นอะไรและรีบอร์นก็ไม่ได้พูดเสียงดังให้พวกเขาได้ยินเช่นกัน
“รุ่นพี่หรือว่า...”
สึนะสังหรณ์ว่ามันจะเป็นรายงานการเคลื่อนไหวของมิลฟิโอเล่ในปัจจุบัน
“สนใจแค่เรื่องฝึกเถอะ
ระหว่างนี้ยังไม่ถึงตาของแกที่จะรู้เรื่องนี่...ไม่ต้องห่วง เจ้าห่วยที่พกท่านอาจารย์มาด้วยต้องทำได้แน่”
นักฆ่าหลังเก้าอี้ไหวไหลเผาเอกสารในมือด้วยไฟแช็กก่อนจะโยนลงถังโลหะ
เธอโบกมือไล่พวกเขาให้ออกจากห้องไปก่อนจะเอ่ยกับอาจารย์ร่างทารก “ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งแล้ว”
“มันเป็นแผนที่รู้กันแค่ไม่กี่คนแกไม่จำเป็นต้องบอกฉันสมัยอดีตหรอกนะ”
รีบอร์นขมวดคิ้ว “ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“รู้แล้วน่า
แต่ว่าสงสัยหลังจบงานต้องไปจ่ายค่าทำขวัญใครหลายคนเยอะหน่อย
ต้องแกล้งแพ้แกล้งตายไปนี่” นักฆ่าหัวเงินแสยะยิ้ม
จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดของวองโกเล่เป็นตัวเลขปลอม แม้จะไม่ใช่ว่ารอดทั้งหมดแต่มีพวกที่ต้องแสร้งเป็นตายเพื่อเพิ่มความมั่นใจผิด
ๆ ให้กับศัตรู
“การต้องมานั่งคำนวณความสามารถของพวกพ้องเพื่อกำหนดว่าใครแกล้งแพ้แกล้งตายแล้วจะไม่ทำให้อีกฝ่ายฉุกคิดว่าพลาดท่าเข้าให้นี่ลำบากเหมือนกันนะเพราะงั้น
ช่วยใจดีกับตัวผมในยุคสมัยของคุณหน่อยล่ะอาจารย์~” ซีลอนเอ่ยยานคางโคลงหัวไปมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
นักฆ่าลำดับเจ็ดเลิกทำทีขี้เล่น จดจ้องไปที่ทารกนักฆ่าแล้วถอนหายใจออกมาหลังประเมินความสามารถตนเอง
“ผมน่ะนะ
อยากลองดีท้าอาจารย์แข่งมานานแล้ว...แต่ว่า ดูเหมือนแม้จะเป็นตัวผมในตอนนี้ก็ท่าจะแพ้คุณในอดีตนี่สิ
เป็นสัตว์ประหลาดของแท้เลยน้า~”
เธอหัวเราะในลำคอลูบคางตัวเองใช้มองกวาดทารกนักฆ่าตัวจิ๋วไปโซฟาฝั่งตรงข้าม
“ลำดับเป็นตัวเลขแทนศักยภาพทั้งหมด
แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่แค่เลขที่ประจำคลาสหรอกนะ” รีบอร์นเดาะลิ้นเขากลอกตาแล้วจ้องเขม็งไปที่ซีลอน
“แล้วไอ้คลื่นกับเรื่องเซลล์เสื่อมสภาพตกลงมันยังไงกันแน่
ทำไมหนึ่งคนถึงมีพลังไฟมากกว่าหนึ่งไปเสียได้” ทารกนักฆ่าหันไปคาดคั้นลูกศิษย์
เธอยกมือออกข้างพลางยักไหล่
“จะเลคเชอร์ให้เป็นพิเศษแล้วกันนะ...
ในร่างกายมนุษย์มักจะมีสมดุลธาตุติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทว่าในบรรดาสมดุลนั้นประกอบเข้ากันมีมากกว่าหนึ่งธาตุ
แต่ธาตุที่ดึงออกมาใช้ได้ดีที่สุด มากที่สุด จะมีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น
นั้นทำให้เราคิดมาเสมอว่าทุกคนมีเพียงหนึ่งธาตุเท่านั้นมาตลอด...”
ซีลอนเว้นวรรคหายใจพลางมองคู่สนทนาว่าอีกฝ่ายตามเธอทันหรือไม่
เมื่อไม่เห็นร่องรอยสงสัยจึงกล่าวอธิบายต่ออย่างลื่นไหล
“อย่างของอาจารย์ก็อรุณ
ของผมก็สายหมอก” เธอชี้รีบอร์นและชี้ตัวเอง
“พวกเราศึกษาเพื่อพัฒนาทั้งอาวุธและยาเพื่อสนับสนุนวองโกเล่มาโดยตลอด
เมื่อเจอเข้ากับอาวุธกล่องและการใช้แหวนต่างกุญแจไข
ก็พบว่าไฟธาตุนภานั้นพิเศษกว่าธาตุอื่น
นั่นคือการเป็นกุญแจผีที่สามารถเปิดกล่องได้ทุกธาตุ
แต่ไม่สามารถดึงศักยภาพของกล่องต่างธาตุออกมาได้ถึงขีดสุดหรอกนะ”
เงาหลังเก้าอี้เปลี่ยนท่าทีมากอดอกแล้วทิ้งตัวลงโซฟา ขยับขาขึ้นมาไขว้กันพาดลงบนโต๊ะกาแฟ
“เพราะงั้นเอิร์ลกับนักวิจัยหลายคนเลยเกิดคำถามว่าเพลิงนภานั้นพิเศษ
หรือมีอะไรอยู่เบื่องหลังกันแน่ หลังจากการศึกษาวิจัยก็พบว่าเพลิงบนแหวนนั้นเป็นคลื่นอย่างหนึ่งที่ส่งออกมาจากร่างกาย
ซึ่งแต่ละธาตุมีความถี่ต่างกันไป...” เธอเหลือบมองอาจารย์ที่พยักหน้าให้เธอพูดต่อไป
“ดังนั้นแล้วแหวนหนึ่งวงจุดไฟได้หนึ่งธาตุ
การจะจุดไฟธาตุอื่นก็ต้องใช้แหวนที่มีคลื่นตรงกับความถี่ที่ถูกส่งออกมา สรุปคือแหวนเป็นตัวกรองมีเงื่อนไข
ที่จะแสดงพลังก็เมื่อคลื่นความถี่เดียวกับมันไหลผ่าน
ธาตุหนึ่งใช้เปิดกล่องธาตุชนิดเดียวกัน ประเด็นเรื่องเซลล์เสื่อมสภาพของผมมันเกิดจากการที่คลื่นความถี่ทั้งหมดของผมมันแย่งกันเด่น
หรือก็คือไม่เคยอยู่ในภาวะสมดุลแต่แรกเหมือนคนอื่นนั่นเอง” ซีลอนสรุปความ
“...”
รีบอร์นนิ่งอยู่ในภวังค์
“หรือก็คือแล็บอีเธอร์มันรู้แต่แรกว่าร่างกายมนุษย์มีคลื่นความถี่ทั้งเจ็ด
แต่แสดงออกมากน้อยตามภาวะสมดุลตั้งแต่เกิดต่างกันไป และแสดงออกอย่างเด่นเพียงหนึ่ง”
เธอในยุคสมัยนี้รับรู้ถึงต้นกำเนิดตัวเอง ทารกที่ถูกขายให้แล็บเถื่อนตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ทั้งยังเป็นเด็กแฝดหายากคู่ควรกับการวิจัย ปริมาณไฟธาตุในตัวก็มีมากจนสามารถพัฒนานำมาใช้ได้อย่างแน่นอนในอนาคตหรือกระทั่งวิจัยสืบเนื่อง
“...แกรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
รีบอร์นย้อนถาม มันถูกจัดเป็นความลับ ที่มาของฝาแฝดอุปถัมภ์ที่ท่านรุ่นที่เก้าไปรับมาเลี้ยงดูจากสถานกำพร้ามาจากแล็บของอีเธอร์จริง
ๆ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้จนกระทั่งมันแดงขึ้นมาในยุคสมัยเธอและสืบสาวจนรู้ด้วยตัวเอง
“ตั้งแต่การวิจัยของเราสรุปว่ามนุษย์มีคลื่นในกายมากว่าหนึ่งธาตุแต่แรก...
ดังนั้นพวกที่มีเจ็ดธาตุจึงเป็นพวกพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย พอไปสืบย้อนไปดูเหมือนว่าตอนที่พวกเราถูกเอาไปวางไว้หน้าสถานกำพร้าตามแขนมีรอยฉีดยากับแผลผ่าตัดอยู่ด้วย...เพราะงั้นวินิจฉัยว่าเป็นผลงานทดลองอย่างไม่ต้องสงสัย~” เธอโคลงหัวไปมาไม่มีท่าทีคิดเล็กคิดน้อย
“แต่ว่าเพราะผมเป็นแบบนี้เราถึงได้มีกรณีศึกษาสำหรับการพัฒนาแหวนของพวกเราเอง
งานก็เลยออกมาก็เลยรวดเร็วทันใจไงล่ะ~
แหวนที่รองรับคลื่นแต่ละประเภท คอยปรับเสถียร เป็นตัวปะทะและรองรับภาระแทนผู้ใช้ด้วย”
เธอลูบริมฝีปากครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองอาจารย์ตัวจิ๋ว
“แล้วสมดุลของแกก็เสียไปหมดเพราะสัญญาแลกครั้งที่สาม...”
รีบอร์นทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหลายปี
“ถูกต้อง~ เพราะงั้นผมน่ะไม่จำเป็นต้องรักษาสมดุลอีกแล้วเพราะไม่มีให้ใช้อีก
และเพราะพลังนอกระบบของผมไม่สามารถถูกตรวจจับได้ด้วยเครื่องมือที่ใช้สำหรับส่องหาของของโลกใบนี้ดังนั้นตลอดเวลาเกือบปีเศษที่ผ่านมาผมจึงไล่ล่าพวกมันได้
และเป็นคนเดียวที่พวกมันไม่สามารถจับตำแหน่งได้แม้จะไม่ปิดผนึกแหวนของตัวเอง~” ซีลอนยิ้มแย้มราวพ่อค้า
“แล้วก็หลังจากที่ทำการวิจัยพวกเราก็เลยรู้ว่าไฟธาตุนภามีความยืดหยุ่นสูงมาก
สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคลื่นความถี่อื่นได้ จึงเป็นธาตุเดียวที่เหมือนกุญแจผียังไงล่ะ~ คุณสมบัติของไฟธาตุนภาคือการผสมและรวมไฟธาตุอื่น ๆ เข้ากันอยู่แล้วด้วย
การที่มันมีความยืดหยุ่นปรับสภาพคลื่นความถี่ตัวเองถือเป็นการยืนยันความสามารถของตัวกลางที่ผสมไฟธาตุชนิดอื่นเข้าด้วยกันได้อีกแง่ด้วย”
นักฆ่าหัวเงินอธิบายจบรีบอร์นก็กอดอกครุ่นคิด
“แล้วทำไมพวกที่จะล้มมิลฟิโอเล่ได้ถึงเป็นพวกสึนะในอดีตที่มีแหวนวองโกเล่?”
รีบอร์นถามเจาะประเด็นสำคัญ
“อาจารย์เข้าใจเรื่องเส้นเวลาแค่ไหน?”
ซีลอนถามกลับลดขาลงจากโต๊ะประสานมือนั่งทิ้งน้ำหนักมาด้านหน้าสีหน้าจริงจัง
ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้เขาควรจะมีความรู้ประมาณหนึ่งจะได้คุยกันรู้เรื่อง
แต่เธอคิดว่าสำหรับอาจารย์ตัวจิ๋วน่ะสบาย
“การตัดสินใจเลือกหนึ่งครั้งอาจสร้างโลกคู่ขนานที่เลือกต่างกันไปตามตัวเลือกครั้ง...”
รีบอร์นเป็นอัลโกบาเลโน่อัจฉริยะ ไม่ใช่แค่ในแง่ของนักฆ่าแต่แม้กระทั่งวิชาการหรือความสามารถทั่วไปก็อยู่ในระดับสูงทั้งหมด
“ช่าย~ งั้นผมจะใบ้อะไรให้แล้วกันเนอะ ไทม์ไลน์ของผมในโลกนี้น่ะ...ไม่เคยถูกเชิญไปในอนาคตสักครั้ง”
ซีลอนตอบด้วยรอยยิ้มไม่รู้สึกรู้สา เป็นการฝืนยิ้มที่ไม่มีความพยายามในการปิดบังอะไรทั้งนั้น
“ผมในโลกนี้น่ะ
ไม่เคยถูกเรียกไปในอนาคตสักครั้ง มันหมายความว่าทั้งอาจารย์ และสึนะ
เป็นตัวตนที่มาจากโลกคู่ขนานข้างเคียง... โลกที่วองโกเล่ริงยังเป็นของพวกเรา”
“...หมายความว่ายังไง”
รีบอร์กดเสียงต่ำ มันมี...บางอย่างผิดปกติเขาสัมผัสได้
ซีลอนแตะปลายนิ้วกับริมฝีปากตัวเองเพื่อเป็นการบอกว่าเรื่องราวหลังจากนี้เป็นความลับ
“ตัวผม
และตัวผมอีกโลก ไม่ว่าตัวผมในโลกไหน ๆ ก็ต่างยึดติดกับเอิร์ลทั้งนั้น
จากนั้นตัวผมที่ทำสัญญากับปีศาจที่มีเพียงแค่ตัวเดียวแต่โผล่ไปโผล่มาในทุกโลกคู่ขนานนั้นก็ได้ใจดีบอกกับผมว่า
ที่นี่เป็นเส้นทางที่สองของการจะสามารถเอาชนะเบียคุรันได้หลังจากที่เส้นทางแรกทำสำเร็จ”
ซีลอนฝืนหัวเราะ เธอพ่นลมหายใจผ่านจมูกเฮือกใหญ่
“ในบรรดาโลกคู่ขนานทุกเส้นมุ่งไปสู่ความพินาศนั้นปลายทางที่เบียคุรันชนะ
พวกเราทั้งหมดก็ไม่เหลืออยู่แล้ว
ในขณะที่ปลายทางแห่งหนึ่งทำให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงอย่างถูกต้องได้และมุ่งไปสู่บทสรุปที่พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้”
ซีลอนกลอกตาไปมา “การที่ทำไมต้องเป็นพวกคุณจากโลกคู่ขนานข้างเคียงที่ยังมีวองโกเล่ริงก็เพราะพลังที่เหนือชั้นกว่าแหวนใช้แล้วทิ้งหรือแหวนอื่น
เพราะสึนะในยุคสมัยที่แม้จะเจอเรื่องร้าย ๆ แต่เมื่อยังมีคนให้ต้องปกป้องด้านหลังก็จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้ทุกครั้ง
เพราะว่าสุดท้ายต่อให้พวกผมในยุคสมัยนี้ตัดสินใจทำลายวองโกเล่ริงเพื่อขัดขวางแผนการรวมพลังของเบียคุรัน
แต่สุดท้ายมันที่กว้านรวมแฟมิลี่อื่นและซื้อตัวนักวิจัยจะต้องหาทางไปยังอดีตเพื่อช่วงชิงวองโกเล่ริงแน่...”
ซีลอนถอนหายใจอีกครั้ง
“ดังนั้นแทนที่จะเลือกให้มันข้ามเวลาไปยังอดีตเพื่อขโมยแหวนหรือฆ่าพวกคุณ
พวกเราเลือกจะพาพวกคุณข้ามมายังยุคสมัยนี้
ให้ได้รู้ทุกอย่างและรูปแบบการต่อสู้ในอนาคต ให้รู้เป้าหมายของมัน
เอาชนะมันก่อนจะกลับไปยังอดีต” นักฆ่าหัวเงินอธิบายเสร็จก็แบมือไปอีกฝั่งให้รีบอร์นได้พูดหรือถามต่อ
“ต่อให้ฆ่ามันในอนาคตได้แต่เจ้านั่นในอดีตยังมีชีวิตอยู่
จะต้องสู้อีกรอบ?” รีบอร์นขมวดคิ้ว ถึงจะฆ่าหรือเอาชนะเบียคุรันในยุคสมัยนี้ได้แต่เบียคุรันในยุคสมัยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่
“เบียคุรันครอบครองเซตแหวนมาเร่ริง...
เฉพาะหมอนั่นมีความสามารถในการคุยกับตัวเองในโลกคู่ขนานอื่นได้ แต่จำกัดที่ตัวเองในยุคสมัยเดียวกันของห้วงพาราเรลเวิร์ลอื่น”
ซีลอนสรุปความสามารถของอีกฝ่าย
“แล้วแก..”
“ไปรู้มาได้ยังไงน่ะเหรอ~ เพราะว่าผมน่ะน้า~
เก่งมากยังไงล่ะ~ โอ้ยๆๆๆ อาจารย์ใจเย็นดิ”
ซีลอนฉีกยิ้มยียวนกวนบาทานักฆ่าจิ๋วก่อนจะโดนโดดมะเหงกใส่หัวหลายรอบเป็นการสั่งสอนที่อารัมภบทกวนประสาทผู้เป็นอาจารย์
“เคยเจอหน้ามันตรง
ๆ หนึ่งครั้ง แล้วมันก็พูดขึ้นมาว่า ‘ซีคุงน่ะไม่ว่าจะเป็นโลกไหนก็ไม่คิดจะสวามิภักดิ์กับฉันเลยสินะ
คิดว่าถ้าโลกนี้กำจัดเอิร์ลคุงไปได้เธอจะเป็นอิสระทางความคิดมากกว่านี้เสียอีก
เสียดายจัง~’ น่าโมโหมะ? ไม่ว่าจะยืนฟังหรือตีลังกาฟังก็โคตรน่าฆ่าให้ตายเลยว่ามะอาจารย์?”
หญิงสาวยิ้มเชือดเฉือด สั่นขาประสานมือบีบนิ้วของตัวเองเต็มไปด้วยรังสีอาฆาตทุกครั้งที่นึกถึงศัตรูของเอิร์ลและวองโกเล่
“พูดทั้งที่ยิ้มกว้าง
แล้วก็พูดอีกว่าก็ ‘ไม่แปลกจากที่หวังไว้เท่าไหร่แต่เพียงเท่านี้เธอก็อ่อนแอลงกว่าเมื่อก่อนแล้วจะพอแต่เพียงเท่านี้ก็ได้’
พอบ้านเตี๋ยมันสิวะ ถึงผมจะเอาชนะมันไม่ได้เพราะตัวมันมีข้อมูลวิเคราะห์การต่อสู้ของผมทั้งหมดแต่ถ้าเป็นพวกคุณในโลกคู่ขนานจากอดีตละก็
มันไม่มีทางได้ข้อมูลจากตัวเองในพาราเรลเวิร์ลอื่นแน่
เพราะมันคุยกับตัวเองในเวลาเดียวกันที่โลกคู่ขนานได้เท่านั้น...”
ซีลอนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์เทหัวอิงมือที่ประสานเอาไว้เท้าตัก พลางหัวเราะในลำคอ
“เพราะงั้นจำเป็นต้องเป็นพวกคุณเท่านั้น
และผมเองก็จะอยู่สนับสนุนพวกคุณทุกอย่างอาจารย์โลกคู่ขนานของผม...”
รีบอร์นหรี่ตาพิจารณาและทำความเข้าใจเรื่องที่ได้ฟังทั้งหมด
เหตุผลว่าทำไมต้องเป็นตัวตนจากอดีต ต้องมีวองโกเล่ริง ต้องเอาชนะในยุคนี้เท่านั้น
และที่สัมผัสได้ว่าซีลอนมีบางอย่างที่ผิดปกติไปจากที่เขารู้จักไม่ใช่แค่การที่ลูกศิษย์ของเขาเกิดมีความรู้สึกคล้ายมนุษย์ปกติขึ้นมาเพียงอย่างเดียว
“แกในฝั่งนี้...เป็นยังไงบ้าง”
“หูว
เป็นห่วงผมด้วยอ่ะดีใจจัง...” ซีลอนหัวเราะในลำคอ “ตั้งแต่คุณตายผมก็ทำทุกวิธีเพื่อให้ได้แก้แค้น
สึนะก็ด้วย แต่ว่านั่นน่ะเป็นฉากหน้าของโรงละครองก์ใหญ่นี่...” ดวงตาสีไพลินหรี่โค้งเป็นเสี้ยวจันทร์
“เพื่อวางทุกคนไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมผมต้องเหนื่อยมาก
ๆ เลยนะอาจารย์~ ทั้งเวลาตาย ศพ
การจัดการหลังจากนั้น แต่ว่าผมคนเดียวช่วยทุกคนทั่วโลกพร้อมกันไม่ไหวหรอกนะ
ถึงจะทำสัญญาจนได้พลังเหมือนปีศาจมาแต่ถ้าไม่รู้ตำแหน่งและไม่เคยไปเหยียบก็ผลุบโผล่ไปไม่ได้เหมือนกัน”
เธอยิ้มก่อนจะถามกลับด้วยคำถามคล้ายกัน
“แล้วตัวผมฝั่งของคุณเป็นแบบไหนเหรอ?”
“...ทิ้งความยโสให้คนทั้งโลกแล้วก้มหัวให้แค่เอิร์ลกับรุ่นที่เก้าเท่านั้น
ซึ่งในเร็ว ๆ นี้คงจะมีสึนะอีกคนละนะ” รีบอร์นแสยะยิ้ม
“งั้นก็แทบไม่ต่างกันกับผมเลยสิ?”
“ฉันว่าจะถามแกสักพักแล้ว
ปลอกนิ้วไปไหน...” รีบอร์นขัดคออีกฝ่ายขึ้น
“อาวุธที่เลออนคายให้ผมสินะ
สงสัยจะมีเรื่องต่างกันแล้วล่ะ เพราะผมในฝั่งนี้น่ะไม่เคยใช้ปลอกนิ้วของจบการศึกษาเลยถ้าไม่จวนตัว
ผมฝั่งนี้เกลียดความเจ็บปวดที่สุดเลยล่ะ”
ซีลอนลูบปลายนิ้วตัวเองแล้วล้วงสร้อยคอออกมามันคล้องปลอกนิ้วเอาไว้หนึ่งชิ้นเป็นสีเงินของเหล็กกล้าที่เย็นบาดตา
“ตัวผมฝั่งคุณใช้มันบ่อยเหรอ?
แย่แฮะแบบนี้คงต้องเพิ่มเลคเชอร์ก่อนที่ตัวผมจะโดนสับเปลี่ยนแล้ว”
ซีลอนขยับยิ้มเริ่มรู้สึกว่ามีเรื่องน่าสนุกกำลังจะเกิดขึ้น “ผมฝั่งนี้ชอบใช้ปืนที่สุดเพราะมันยิงได้ไกล
เสียงก็รื่นหูดี รองลงมาเป็นดาบและหมัดมวย ปลอกเล็บระยะมันสั้นที่สุดถ้าไม่ใกล้มากแค่ปาดเส้นเลือดที่คอยังลำบากเลยนี่”
เธอพ่นลมหายใจเบื่อ ๆ เพราะนิสัยสายหมอกที่ไม่ชอบเข้าใกล้ศัตรูละมั้ง
อย่าให้ใครรู้ตำแหน่งที่แท้ของตนเด็ดขาดเมื่อใช้มายาสายหมอก ดังนั้นเธอจึงชอบที่จะอยู่ห่างออกมาและเล็งปืนไปที่เหยื่อ
ท่ามกลางนรกของภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมา
“ตัวแก...ในฝั่งของฉัน
ปลอกเล็บคืออาวุธอย่างที่สองรองจากปืน ไอ้นิสัยไม่ชอบให้ใครรู้ว่าที่จริงแล้วยืนอยู่ตรงไหนกันแน่คงเป็นเหมือนกันแต่ว่าตัวแกฝั่งฉัน...
ชอบไปยืนอยู่ข้างหลังศัตรูไม่ยิงจ่อในระยะประชิดก็ปาดคอจากด้านหลังด้วยปลอกเล็บเหล็ก”
รีบอร์นอธิบายถึงวิชาที่มักเห็นลูกศิษย์ทำบ่อย ๆ “ตัวแกที่อยู่กับฉันก็เกลียดความเจ็บปวดที่สุดเหมือนกันแต่ถ้าถูกทำให้เจ็บ
ก็ต้องเอาคืนเป็นสามเท่า”
“งั้นเหรอ
ๆ เจ้าคิดเจ้าแค้นสมกับเป็นตัวผมดีจัง~
งั้นเลคเชอร์การใช้ปลอกแหวนของผมคงจะสู้ตัวผมในอดีตฝั่งนั้นไม่ได้สินะ
แต่จะทิ้งไว้ให้เผื่อจะใช้ต่างกันก็ได้... คุณกับพวกสึนะอยู่ที่นี่ฝึกไปชั้นใต้ดินมีห้องเทรนนิ่งอยู่”
ซีลอนลุกขึ้นจากโซฟา ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ
“ไม่อวยพรให้ผมโชคดีหน่อยเหรอ?~” ซีลอนหันมายิ้มอวดดีใส่อาจารย์ในชุดทอพิเศษ
อยู่ที่นี่รังสี Non-73 มีผลต่อร่างกายของอัลโกบาเลโดยตรง
รีบอร์นออกไปจากฐานแทบไม่ได้
มีอาการเหมือนอัลโกบาเล่โน่อื่นในยุคสมัยเธอไม่ผิดเพี้ยน
มันทำให้เหล่าทารกนักฆ่าเคลื่อนไหวลำบากปางตายหากไม่สวมชุดป้องกันเฉพาะ
และถึงจะสวมก็ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่
เดิมทีการปล่อยรังสี
Non-73 ของเบียคุรันคงตั้งใจจะใช้เพื่อจัดการเจ้าของเครื่องประดับเซตเรืองอำนาจกลุ่มแฟมิลี่อื่น เธอในโลกนี้ได้เรียนรู้พื้นฐานพลังของโลกทั้งใบ
73 นั้นคือรากฐาน ศิลาที่ผู้คนเรียกขานว่ามณีประดับแหวนและจุกนมอัลโกบาเล่โน่
พวกมันพิเศษกว่าเครื่องประดับทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด
พิเศษยิ่งกว่าแหวนที่ส่งต่อกันในกลุ่มมาเฟียอื่น
และเมื่อสามารถที่จะรวบรวมทั้งมาเล่ริง
วองโกเล่ริง และจุกนมอัลโกบาเลโน่ได้
การควบคุมกระทั่งโลกทั้งใบก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
ดังนั้นในเวลานี้เธอที่ไม่มีพลังอันเกิดจากรากฐานของ
73 ก็กำลังจะใช้เงาดำมืดมิดออกไปล่าศัตรูเพิ่มอีกสักหน่อย...
“สำหรับพวกเรานักฆ่า
‘โชค’ ใช้น้อยเท่าไหร่ก็นับว่าเก่งเท่านั้น
แกรู้ตัวเองดี” รีบอร์นกระตุกยิ้มมุมปาก
“นั่นสิน้า
เพราะว่าระหว่างรอโอกาสกับสร้างเส้นทางขึ้นมาอย่างหลังมันสะดวกรวดเร็วกว่าตั้งเยอะ
แต่ว่าคิดถึงคำพูดเย้ยหยันนั่นของอาจารย์จัง ‘โชคดีอะไรนั่นแกไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก’
อะไรทำนองเนี้ยะ~”
ซีลอนยักไหล่หมุนเท้าเดินออกไปจากห้องก็เจอเข้ากับเคียวโกะจังที่กำลังจะหาทางออกจากฐานทัพขึ้นไปด้านบน
“รุ่นพี่ซีลอนช่วยพาฉันขึ้นไปซื้อของหน่อยได้ไหมคะ?
คือฉันอยากจะซื้อของใช้น่ะ แล้วก็ขนมให้แรมโบ้คุงด้วย...”
เคียวโกะเข้ามาขอความช่วยเหลือ สำหรับเคียวโกะแล้วซีลอนในยุคสมัยเธอนั้นเป็นรุ่นพี่ใจดีและแข็งแกร่ง
ชอบพวกตรงไปตรงมาถ้ากล้าขอกล้าถามก็กล้าที่จะตอบสนองตาม แม้จะดูมีความลับมากมายแต่ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้
ไม่โกหก
“อืม...
ไอ้ได้มันก็ได้หรอกแต่ระวังพวกชุดดำชุดขาวไว้นะ
ยุคสมัยนี้ต่อให้เป็นเธอก็ถูกเพ่งเล็งเหมือนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องหนีให้ทัน
หาที่ซ่อนให้ไวจากนั้นก็ขอความช่วยเหลือ เข้าใจใช่ไหม?” ซีลอนทวนข้อตกลง
“...เข้าใจค่ะ
ฉันจะระวังตัว” เคียวโกะมีสีหน้าขึงขังขึ้น ซีลอนชอบเด็กสาวที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
ตรงไปตรงมาอย่างเธอกับโคลมมาก นักฆ่าหลังเก้าอี้ถอนหายใจในใจแล้วพยักหน้าพาเธอไปที่ทางออกปลอดภัย
“รุ่นพี่จะไปไหนเหรอคะ?”
เคียวโกะ
“...ทำงานน่ะ
แล้วก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกพักใหญ่เพราะมีเรื่องต้องทำ
ถ้าคนอื่นถามก็ฝากบอกทีแล้วกันนะ ขอให้โชคช่วยเหลือและเข้าข้างเธอ”
ซีลอนยีผมเด็กสาวและสาวเท้าแยกทางกันไปคนละฝั่งถนน เคียวโกะจึงรีบไปจัดการธุระของตนเอง
แต่ก็ไม่ทันได้ซื้ออะไรเพราะชายในสูทดำป้วนเปี้ยนเต็มละแวกบ้านไปหมด
ซีลอนบอกให้เธอระวังและเตรียมหนีถ้าเจอคนพวกนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำเป็นต้องมีของใช้ส่วนตัวกับฮารุ
แล้วถ้าดีกว่านี้ก็ต้องมีขนมให้แรมโบ้ที่มักจะงอแงร้องหาลูกอมในฐานด้วย
ยังดีที่เธอเจอกับฮานะในยุคอนาคตที่ช่วยพาเธอออกจากสถานที่สุ่มเสี่ยงและซ่อนตัวในบ้านของฮานะก่อนจะมอบของใช้บางส่วนกับขนมให้ขณะคุยเล่น
และบอกข้อความที่เรียวเฮในอนาคตฝากไว้ก่อนจะไปต่างประเทศ
“แต่พี่ของเธอนี่ก็ขี้ระแวงใช่เล่นเลยนะ
ถึงจะทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ก็ให้เบอร์สำรองมาอีกแน่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอให้ติดต่อสึนะและถ้าติดต่อกับสึนะไม่ได้ก็ยังมีอีกเบอร์”
ฮานะหยิบเศษกระดาษที่เขียนหมายเลขเอาไว้
“อีกเบอร์เหรอ?”
เคียวโกะคิดไม่ออกว่าจะมีใครให้ติดต่อขอความช่วยเหลืออื่นอีก
“เธอเล่าให้ฟังใช่ไหมล่ะว่าสึนะพูดถึงฮิเบิร์ด
เจ้าของเบอร์นั่นก็คือ ฮิบาริ เคียวยะ ยังไงล่ะ” ฮานะอธิบาย
“พวกสึนะกับรุ่นพี่กำลังพยายามเต็มที่ฉันเองก็จะมายอมแพ้ไม่ได้แล้วสินะ”
เคียวโกะฮึดขึ้นมา ขอความช่วยเหลือจากกรรมการคุมกฎนามิโมริ?
เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก และเธอคิดว่าคงเป็นความพยายามของสึนะที่จะขอให้ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในเมืองนามิโมริอย่างฮิบาริยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจากคนต่างถิ่นอย่างพวกชายในสูทดำรอบเมือง
[เข้าตำแหน่งแล้วทั้งจิ้งจอก
นางแอ่นและแมว นกน้อยกำลังตามไปสมทบ]
“อืม
เข้าใจแล้วครับรบกวนสอดแนมต่อด้วยนะครับ แล้วถ้ามีความคืบหน้าอะไรรายงานคุณชาได้เลยนะครับ”
อิริเอะถอนหายใจเมื่อได้ข้อความ เขามีเวลาพักสั้น ๆ ที่จะใช้เครื่องมือส่วนตัวครู่เดียวเพื่อติดต่อสื่อสารกับคนภายนอก
[โรเจอร์!]
หลังสิ้นสัญญาณจบการติดต่อเขาก็รีบลบร่องรอยข้อมูลและเปิดเพลงเสียงดังออกมา
ล้มหงายหลัง ทำทุกอย่างให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางตลบผ้าห่มนอนพัก แต่ไม่นานนักคนของเชคเบคโลก็เข้ามาปลุกเขา
“ตื่นได้แล้วค่ะ! จะนอนไปถึงเมื่อไหร่คะ!”
สาวน้อยในเครื่องแบบและหน้ากากบดบังใบหน้าขึ้นเสียงเล็กน้อย
“โอย...
ไม่ชอบแบบนี้เลยนะ” อิริเอะมุ่ยหน้า
“แย่แล้วค่ะท่านอิริเอะ! เรดาห์เราตรวจพบแหวนระดับ A+ สองวงใหม่ค่ะ! คาดว่าจะเป็นวองโกเล่ริง” เธอรายงาน
“มาแล้วเหรอ!! ...ว่าแต่ทำไมเพิ่งมาตรวจพบเอาตอนนี้ล่ะ? จู่ ๆ
ก็พบที่ศาลเจ้าเสียอีก...” อิริเอะสวมแว่นตาแล้วเปิดโน้ตบุ๊ค
“ดูเหมือนเรดาห์จะชำรุดค่ะ”
“ชำรุด! เรดาห์ที่มีเยอะจนนับไม่ไหวนั่นน่ะนะชำรุด!?” อิริเอะกับเชคเบคโลคนนั้นรีบก้าวเท้าไปตามทางเดินในฐานลับเพื่อย้ายไปห้องสังเกตการณ์
“โอกาสน่าจะเป็นศูนย์ค่ะ
คาดว่าเป็นฝีมือใครบางคนมากกว่า” เธอเอ่ย
“จะบอกว่าเป็นคนในเนี่ยนะ?”
อิริเอะร้อนรนขึ้นมาในใจ ที่จริงเขาเป็นคนใส่ไวรัสลงไปในเรดาห์บางส่วนด้วยตัวเอง ทว่าหากเรดาห์ชำรุดทั้งหมดก็แสดงว่ามีสปายของกลุ่มอื่นหรืออาจจะเป็นคนทรยศแฝงตัวอยู่ในฐานลับนี้เช่นกัน
“อยู่ระหว่างสืบสวนค่ะเพียงแต่ตอนนี้หน่วยแบล็กสเปลสามกระจายกำลังออกไปที่นามิโมริกันหมด”
แต่ทั้งหมดก็ลงตัวพอดี...
“โธ่เว้ย! เจ้าผู้ชายคนนั้น!”
อิริเอะทุบกำแพงก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นกอดตัวเอง
“พวกเราจะทำยังไงดีคะ?”
“ก่อนอื่นต้องแจ้งท่านเบียคุรัน...”
อิริเอะกุมท้องแล้วบ่นออกมาว่าปวดท้อง
“เป็นอะไรไหมคะ?”
“ผม
ปวดท้อง...” พอเครียดขึ้นมาก็พาลลงไปที่กระเพาะ อิริเอะเป็นผู้ร่วมวางแผนกับวองโกเล่เริ่มหัวหมุน ‘ในที่สุดทรีนิเซตเต้ก็เริ่มขึ้นแล้ว...เขาจะมาถึงรึยังนะ
ซาวาดะ สึนะโยชิ’
“เข้าใจแล้วค่ะจะนำยามาให้หลังจากไปถึงห้องสังเกตการณ์นะคะท่านอิริเอะ”
เชคเบคโลช่วยพยุงเขาไปที่ห้องสังเกตการณ์ เพราะอาการปวดท้องทำให้ไปถึงช้ากว่าที่ควรราวสิบนาที
“ติดต่อแกรมม่าไม่ได้เลยครับ
แค่จากเรดาห์แล้วคาดว่ากำลังปะทะกับเจ้าของแหวนสองวงใหม่อยู่!” พนักงานห้องสังเกตการณ์รายงานขึ้นทันทีที่อิริเอะเข้ามาในห้องและนั่งพักบนเก้าอี้
“ให้ตายสิ
ผู้ชายคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ” อิริเอะบ่นพึมพำออกมาแต่ก็ได้ยินกันทั่ว
“คงต้องรอให้เขาติดต่อกลับมาเองระหว่างนี้จับเรดาห์ต่อไป!”
อิริเอะออกคำสั่งหลังจากนั้นสองสามนาทีเขาก็ได้ยาแก้ปวดมาลดความตึงเครียดในกระเพาะของตน
ไม่นานนักสัญญาณก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมการเคลื่อนไหวของแหวนไปในทิศทางอื่นนอกเขตศาลเจ้านามิโมริ
“สัญญาณของแหวนหายไปหลังจากออกห่างจากศาลเจ้าสี่กิโลเมตรครับ
แหวนวงที่สองกำลังเคลื่อนไปที่เมืองอาคางาวะ อ๊ะ! สัญญาณหายไปแล้วครับ!”
ชายที่เฝ้ามอนิเตอร์รีบรายงานผลของเรดาห์ที่ตัวเองดูแลทันที
“อะไรนะ! แล้วกองกำลังฝ่ายของเรายังไม่ถึงอีกเหรอ!?” อิริเอะแสร้งโวยขึ้นมา แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะทันทีที่หน่วยแบล็กสเปลสามออกพื้นที่
เขาก็ให้หน่วยอื่นที่ยังทำงานอยู่กระจายไปยังตำแหน่งอื่นเพื่อสืบหาร่องรอยของพวกวองโกเล่และผู้เกี่ยวข้องต่อไป
“ควรจะถอนคำสั่งปลดระวางแล้วให้หน่วยแบล็กสเปลที่สามร่วมการค้นหาด้วยนะคะ”
เชคเบคโลสาวออกความเห็น
“ไม่ได้! พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บัญชาการ การปลดระวางเป็นบทลงโทษ แถมนี่ยังเคลื่อนไหวด้วยตัวเองอีก! รีบให้ถอนกำลังเดี๋ยวนี้เลยนี่เป็นคำสั่ง!” อิริเอะตวาดออกไป
[ดูท่าทาง’รมณ์บ่จอยเลยน้า]
เสียงเอื่อยเฉื่อยปนขี้เล่นดังขึ้น
ก่อนที่จะมีการติดต่อจากเบียคุรันยิงเข้าช่องสื่อสารและขึ้นจอมอนิเตอร์ทันที
‘อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!’
อิริเอะเครียดขึ้นอีกระดับเขากัดปากและทำตัวอย่างที่ทำมาตลอด
[ไง
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโชจัง~] เบียคุรันคลี่ยิ้มอยู่ในมอนิเตอร์
ตอนนี้น่าจะเป็นตำแหน่งเมืองอิสตันบลู
ความคิดเห็น