ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #13 : | 13 | BYZANTINE | หลังม่าน

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 63



    “ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งของมันแล้วที่เหลือ ก็แค่รอ” | ซีลอน

    ““กรุณาด้วยเถอะครับ!! ช่วยสอนวิธีต่อสู้ยุคนี้ให้พวกเราด้วย!!”” โกคุเทระกับสึนะในอดีตก้มหัวกับพื้นขอร้องรัล มิลจิ เพื่อให้สอนการใช้อาวุธกล่องในยุคสมัยนี้ให้เป็น นี่เป็นศึกที่พวกเขาต้องลงสนาม ทว่าตัวพวกเขาในเวลานี้ไม่สามารถจะเอาชนะศัตรูได้ด้วยพลังจากอดีตเพียงอย่างเดียว

    “เจ้ารีบอร์นยุให้มาสินะ” รัลพ่นถอนหายใจเอือมระอา

    “ปิ๊งป่อง! การจะรวบรวมผู้พิทักษ์ก็ต้องเพิ่มพลังกันด้วย” ทารกนักฆ่ากระโดดมาเหยียบหัวสึนะจนโขกลงพื้นอีกรอบ “นอกจากเธอก็ไม่มีคนที่เหมาะสมแล้ว”

    “ขอปฏิเสธ เรื่องนั้นน่ะไปขอยามาโมโตะเอาเองสิ” รัล มิลจิมองหาชายที่เธอพาดพิงก่อนที่ทารกนักฆ่าเลยให้ยามาโมโตะในอดีตเข้ามาร่วมขอร้องด้วย “เป็นยามาโมโตะจากอดีตไปแล้วน่ะซี่”

    “...มันก็ยังเหลือซีลอนอีกคนนี่” รัลขมวดคิ้ว

    “ใสเจีย ยัยหนูนั่นยังมีงานอื่นต้องทำอีกเป็นกองพะเนิน” รีบอร์นเฉลยออกมา นอกจากนี้ซีลอนเองก็ไม่มีพลังเพลิงธาตุแล้ว การจะให้เธอมาสอนพวกเขาก็ดูจะทุลักทุเลไปหน่อย

    “ฉันไม่มีเวลาว่างจะมายุ่งกับพวกแก อยู่เฉยๆไปน่าจะอายุยืนกว่านะ” รัลสะบัดผ้าคลุมเดินปลีกตัวไปอีกทาง เหตุผลที่รีบอร์นบอกกับพวกเขาว่าต้องเป็นรัลเท่านั้นก็เพราะว่าเธอคือครูฝึกของโคโรเนโร่ก่อนที่จะมาเป็นอัลโกบาเลโน่ เป็นนักรบชั้นยอดที่หาจับตัวได้ยากและแม้แต่รีบอร์นเองก็ยังให้ความเคารพเธอในฐานะครูฝึกชั้นหนึ่ง สไตล์การต่อสู้ของเธอน่าจะเข้ากับพวกสึนะมากกว่าสไตล์นักฆ่าแบบซีลอนด้วย พวกเขาเลือกเดินมาคนละเส้นทางรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันไปทำให้เงาหลังเก้าอี้ของรุ่นที่สิบไม่สามารถยื่นมือให้ความช่วยเหลือเพื่อฝึกฝนพวกเขาได้เต็มที่

    “โอ๊ะ ให้เวลาเธอหน่อยเดี๋ยวปล่อยให้อาจารย์รีบอร์นไปคุยด้วยก็มาช่วยแล้ว ระหว่างนี้ก็รักษาตัวไปก่อน” ซีลอนโผล่มาในห้องหลังจากที่รัลมิลจิออกไป เธอเดินไปยื่นแผ่นกระดาษให้รีบอร์นอ่านไม่ได้บอกว่ามันเป็นอะไรและรีบอร์นก็ไม่ได้พูดเสียงดังให้พวกเขาได้ยินเช่นกัน

    “รุ่นพี่หรือว่า...” สึนะสังหรณ์ว่ามันจะเป็นรายงานการเคลื่อนไหวของมิลฟิโอเล่ในปัจจุบัน

    “สนใจแค่เรื่องฝึกเถอะ ระหว่างนี้ยังไม่ถึงตาของแกที่จะรู้เรื่องนี่...ไม่ต้องห่วง เจ้าห่วยที่พกท่านอาจารย์มาด้วยต้องทำได้แน่” นักฆ่าหลังเก้าอี้ไหวไหลเผาเอกสารในมือด้วยไฟแช็กก่อนจะโยนลงถังโลหะ เธอโบกมือไล่พวกเขาให้ออกจากห้องไปก่อนจะเอ่ยกับอาจารย์ร่างทารก “ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งแล้ว”

    “มันเป็นแผนที่รู้กันแค่ไม่กี่คนแกไม่จำเป็นต้องบอกฉันสมัยอดีตหรอกนะ” รีบอร์นขมวดคิ้ว “ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

    “รู้แล้วน่า แต่ว่าสงสัยหลังจบงานต้องไปจ่ายค่าทำขวัญใครหลายคนเยอะหน่อย ต้องแกล้งแพ้แกล้งตายไปนี่” นักฆ่าหัวเงินแสยะยิ้ม จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดของวองโกเล่เป็นตัวเลขปลอม แม้จะไม่ใช่ว่ารอดทั้งหมดแต่มีพวกที่ต้องแสร้งเป็นตายเพื่อเพิ่มความมั่นใจผิด ๆ ให้กับศัตรู

    “การต้องมานั่งคำนวณความสามารถของพวกพ้องเพื่อกำหนดว่าใครแกล้งแพ้แกล้งตายแล้วจะไม่ทำให้อีกฝ่ายฉุกคิดว่าพลาดท่าเข้าให้นี่ลำบากเหมือนกันนะเพราะงั้น ช่วยใจดีกับตัวผมในยุคสมัยของคุณหน่อยล่ะอาจารย์~” ซีลอนเอ่ยยานคางโคลงหัวไปมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    นักฆ่าลำดับเจ็ดเลิกทำทีขี้เล่น จดจ้องไปที่ทารกนักฆ่าแล้วถอนหายใจออกมาหลังประเมินความสามารถตนเอง

    “ผมน่ะนะ อยากลองดีท้าอาจารย์แข่งมานานแล้ว...แต่ว่า ดูเหมือนแม้จะเป็นตัวผมในตอนนี้ก็ท่าจะแพ้คุณในอดีตนี่สิ เป็นสัตว์ประหลาดของแท้เลยน้า~” เธอหัวเราะในลำคอลูบคางตัวเองใช้มองกวาดทารกนักฆ่าตัวจิ๋วไปโซฟาฝั่งตรงข้าม

    “ลำดับเป็นตัวเลขแทนศักยภาพทั้งหมด แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่แค่เลขที่ประจำคลาสหรอกนะ” รีบอร์นเดาะลิ้นเขากลอกตาแล้วจ้องเขม็งไปที่ซีลอน “แล้วไอ้คลื่นกับเรื่องเซลล์เสื่อมสภาพตกลงมันยังไงกันแน่ ทำไมหนึ่งคนถึงมีพลังไฟมากกว่าหนึ่งไปเสียได้” ทารกนักฆ่าหันไปคาดคั้นลูกศิษย์ เธอยกมือออกข้างพลางยักไหล่

    “จะเลคเชอร์ให้เป็นพิเศษแล้วกันนะ... ในร่างกายมนุษย์มักจะมีสมดุลธาตุติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทว่าในบรรดาสมดุลนั้นประกอบเข้ากันมีมากกว่าหนึ่งธาตุ แต่ธาตุที่ดึงออกมาใช้ได้ดีที่สุด มากที่สุด จะมีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น นั้นทำให้เราคิดมาเสมอว่าทุกคนมีเพียงหนึ่งธาตุเท่านั้นมาตลอด...” ซีลอนเว้นวรรคหายใจพลางมองคู่สนทนาว่าอีกฝ่ายตามเธอทันหรือไม่ เมื่อไม่เห็นร่องรอยสงสัยจึงกล่าวอธิบายต่ออย่างลื่นไหล

    “อย่างของอาจารย์ก็อรุณ ของผมก็สายหมอก” เธอชี้รีบอร์นและชี้ตัวเอง

    “พวกเราศึกษาเพื่อพัฒนาทั้งอาวุธและยาเพื่อสนับสนุนวองโกเล่มาโดยตลอด เมื่อเจอเข้ากับอาวุธกล่องและการใช้แหวนต่างกุญแจไข ก็พบว่าไฟธาตุนภานั้นพิเศษกว่าธาตุอื่น นั่นคือการเป็นกุญแจผีที่สามารถเปิดกล่องได้ทุกธาตุ แต่ไม่สามารถดึงศักยภาพของกล่องต่างธาตุออกมาได้ถึงขีดสุดหรอกนะ” เงาหลังเก้าอี้เปลี่ยนท่าทีมากอดอกแล้วทิ้งตัวลงโซฟา ขยับขาขึ้นมาไขว้กันพาดลงบนโต๊ะกาแฟ

    “เพราะงั้นเอิร์ลกับนักวิจัยหลายคนเลยเกิดคำถามว่าเพลิงนภานั้นพิเศษ หรือมีอะไรอยู่เบื่องหลังกันแน่ หลังจากการศึกษาวิจัยก็พบว่าเพลิงบนแหวนนั้นเป็นคลื่นอย่างหนึ่งที่ส่งออกมาจากร่างกาย ซึ่งแต่ละธาตุมีความถี่ต่างกันไป...” เธอเหลือบมองอาจารย์ที่พยักหน้าให้เธอพูดต่อไป

    “ดังนั้นแล้วแหวนหนึ่งวงจุดไฟได้หนึ่งธาตุ การจะจุดไฟธาตุอื่นก็ต้องใช้แหวนที่มีคลื่นตรงกับความถี่ที่ถูกส่งออกมา สรุปคือแหวนเป็นตัวกรองมีเงื่อนไข ที่จะแสดงพลังก็เมื่อคลื่นความถี่เดียวกับมันไหลผ่าน ธาตุหนึ่งใช้เปิดกล่องธาตุชนิดเดียวกัน ประเด็นเรื่องเซลล์เสื่อมสภาพของผมมันเกิดจากการที่คลื่นความถี่ทั้งหมดของผมมันแย่งกันเด่น หรือก็คือไม่เคยอยู่ในภาวะสมดุลแต่แรกเหมือนคนอื่นนั่นเอง” ซีลอนสรุปความ

    “...” รีบอร์นนิ่งอยู่ในภวังค์

    “หรือก็คือแล็บอีเธอร์มันรู้แต่แรกว่าร่างกายมนุษย์มีคลื่นความถี่ทั้งเจ็ด แต่แสดงออกมากน้อยตามภาวะสมดุลตั้งแต่เกิดต่างกันไป และแสดงออกอย่างเด่นเพียงหนึ่ง” เธอในยุคสมัยนี้รับรู้ถึงต้นกำเนิดตัวเอง ทารกที่ถูกขายให้แล็บเถื่อนตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทั้งยังเป็นเด็กแฝดหายากคู่ควรกับการวิจัย ปริมาณไฟธาตุในตัวก็มีมากจนสามารถพัฒนานำมาใช้ได้อย่างแน่นอนในอนาคตหรือกระทั่งวิจัยสืบเนื่อง

    “...แกรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” รีบอร์นย้อนถาม มันถูกจัดเป็นความลับ ที่มาของฝาแฝดอุปถัมภ์ที่ท่านรุ่นที่เก้าไปรับมาเลี้ยงดูจากสถานกำพร้ามาจากแล็บของอีเธอร์จริง ๆ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้จนกระทั่งมันแดงขึ้นมาในยุคสมัยเธอและสืบสาวจนรู้ด้วยตัวเอง

    “ตั้งแต่การวิจัยของเราสรุปว่ามนุษย์มีคลื่นในกายมากว่าหนึ่งธาตุแต่แรก... ดังนั้นพวกที่มีเจ็ดธาตุจึงเป็นพวกพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย พอไปสืบย้อนไปดูเหมือนว่าตอนที่พวกเราถูกเอาไปวางไว้หน้าสถานกำพร้าตามแขนมีรอยฉีดยากับแผลผ่าตัดอยู่ด้วย...เพราะงั้นวินิจฉัยว่าเป็นผลงานทดลองอย่างไม่ต้องสงสัย~” เธอโคลงหัวไปมาไม่มีท่าทีคิดเล็กคิดน้อย

    “แต่ว่าเพราะผมเป็นแบบนี้เราถึงได้มีกรณีศึกษาสำหรับการพัฒนาแหวนของพวกเราเอง งานก็เลยออกมาก็เลยรวดเร็วทันใจไงล่ะ~ แหวนที่รองรับคลื่นแต่ละประเภท คอยปรับเสถียร เป็นตัวปะทะและรองรับภาระแทนผู้ใช้ด้วย” เธอลูบริมฝีปากครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองอาจารย์ตัวจิ๋ว

    “แล้วสมดุลของแกก็เสียไปหมดเพราะสัญญาแลกครั้งที่สาม...” รีบอร์นทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหลายปี

    “ถูกต้อง~ เพราะงั้นผมน่ะไม่จำเป็นต้องรักษาสมดุลอีกแล้วเพราะไม่มีให้ใช้อีก และเพราะพลังนอกระบบของผมไม่สามารถถูกตรวจจับได้ด้วยเครื่องมือที่ใช้สำหรับส่องหาของของโลกใบนี้ดังนั้นตลอดเวลาเกือบปีเศษที่ผ่านมาผมจึงไล่ล่าพวกมันได้ และเป็นคนเดียวที่พวกมันไม่สามารถจับตำแหน่งได้แม้จะไม่ปิดผนึกแหวนของตัวเอง~” ซีลอนยิ้มแย้มราวพ่อค้า

    “แล้วก็หลังจากที่ทำการวิจัยพวกเราก็เลยรู้ว่าไฟธาตุนภามีความยืดหยุ่นสูงมาก สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคลื่นความถี่อื่นได้ จึงเป็นธาตุเดียวที่เหมือนกุญแจผียังไงล่ะ~ คุณสมบัติของไฟธาตุนภาคือการผสมและรวมไฟธาตุอื่น ๆ เข้ากันอยู่แล้วด้วย การที่มันมีความยืดหยุ่นปรับสภาพคลื่นความถี่ตัวเองถือเป็นการยืนยันความสามารถของตัวกลางที่ผสมไฟธาตุชนิดอื่นเข้าด้วยกันได้อีกแง่ด้วย” นักฆ่าหัวเงินอธิบายจบรีบอร์นก็กอดอกครุ่นคิด

    “แล้วทำไมพวกที่จะล้มมิลฟิโอเล่ได้ถึงเป็นพวกสึนะในอดีตที่มีแหวนวองโกเล่?” รีบอร์นถามเจาะประเด็นสำคัญ

    “อาจารย์เข้าใจเรื่องเส้นเวลาแค่ไหน?” ซีลอนถามกลับลดขาลงจากโต๊ะประสานมือนั่งทิ้งน้ำหนักมาด้านหน้าสีหน้าจริงจัง ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้เขาควรจะมีความรู้ประมาณหนึ่งจะได้คุยกันรู้เรื่อง แต่เธอคิดว่าสำหรับอาจารย์ตัวจิ๋วน่ะสบาย

    “การตัดสินใจเลือกหนึ่งครั้งอาจสร้างโลกคู่ขนานที่เลือกต่างกันไปตามตัวเลือกครั้ง...” รีบอร์นเป็นอัลโกบาเลโน่อัจฉริยะ ไม่ใช่แค่ในแง่ของนักฆ่าแต่แม้กระทั่งวิชาการหรือความสามารถทั่วไปก็อยู่ในระดับสูงทั้งหมด

    “ช่าย~ งั้นผมจะใบ้อะไรให้แล้วกันเนอะ ไทม์ไลน์ของผมในโลกนี้น่ะ...ไม่เคยถูกเชิญไปในอนาคตสักครั้ง” ซีลอนตอบด้วยรอยยิ้มไม่รู้สึกรู้สา เป็นการฝืนยิ้มที่ไม่มีความพยายามในการปิดบังอะไรทั้งนั้น

    “ผมในโลกนี้น่ะ ไม่เคยถูกเรียกไปในอนาคตสักครั้ง มันหมายความว่าทั้งอาจารย์ และสึนะ เป็นตัวตนที่มาจากโลกคู่ขนานข้างเคียง... โลกที่วองโกเล่ริงยังเป็นของพวกเรา”

    “...หมายความว่ายังไง” รีบอร์กดเสียงต่ำ มันมี...บางอย่างผิดปกติเขาสัมผัสได้

    ซีลอนแตะปลายนิ้วกับริมฝีปากตัวเองเพื่อเป็นการบอกว่าเรื่องราวหลังจากนี้เป็นความลับ

    “ตัวผม และตัวผมอีกโลก ไม่ว่าตัวผมในโลกไหน ๆ ก็ต่างยึดติดกับเอิร์ลทั้งนั้น จากนั้นตัวผมที่ทำสัญญากับปีศาจที่มีเพียงแค่ตัวเดียวแต่โผล่ไปโผล่มาในทุกโลกคู่ขนานนั้นก็ได้ใจดีบอกกับผมว่า ที่นี่เป็นเส้นทางที่สองของการจะสามารถเอาชนะเบียคุรันได้หลังจากที่เส้นทางแรกทำสำเร็จ” ซีลอนฝืนหัวเราะ เธอพ่นลมหายใจผ่านจมูกเฮือกใหญ่

    “ในบรรดาโลกคู่ขนานทุกเส้นมุ่งไปสู่ความพินาศนั้นปลายทางที่เบียคุรันชนะ พวกเราทั้งหมดก็ไม่เหลืออยู่แล้ว ในขณะที่ปลายทางแห่งหนึ่งทำให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงอย่างถูกต้องได้และมุ่งไปสู่บทสรุปที่พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้” ซีลอนกลอกตาไปมา “การที่ทำไมต้องเป็นพวกคุณจากโลกคู่ขนานข้างเคียงที่ยังมีวองโกเล่ริงก็เพราะพลังที่เหนือชั้นกว่าแหวนใช้แล้วทิ้งหรือแหวนอื่น เพราะสึนะในยุคสมัยที่แม้จะเจอเรื่องร้าย ๆ แต่เมื่อยังมีคนให้ต้องปกป้องด้านหลังก็จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้ทุกครั้ง เพราะว่าสุดท้ายต่อให้พวกผมในยุคสมัยนี้ตัดสินใจทำลายวองโกเล่ริงเพื่อขัดขวางแผนการรวมพลังของเบียคุรัน แต่สุดท้ายมันที่กว้านรวมแฟมิลี่อื่นและซื้อตัวนักวิจัยจะต้องหาทางไปยังอดีตเพื่อช่วงชิงวองโกเล่ริงแน่...” ซีลอนถอนหายใจอีกครั้ง

    “ดังนั้นแทนที่จะเลือกให้มันข้ามเวลาไปยังอดีตเพื่อขโมยแหวนหรือฆ่าพวกคุณ พวกเราเลือกจะพาพวกคุณข้ามมายังยุคสมัยนี้ ให้ได้รู้ทุกอย่างและรูปแบบการต่อสู้ในอนาคต ให้รู้เป้าหมายของมัน เอาชนะมันก่อนจะกลับไปยังอดีต” นักฆ่าหัวเงินอธิบายเสร็จก็แบมือไปอีกฝั่งให้รีบอร์นได้พูดหรือถามต่อ

    “ต่อให้ฆ่ามันในอนาคตได้แต่เจ้านั่นในอดีตยังมีชีวิตอยู่ จะต้องสู้อีกรอบ?” รีบอร์นขมวดคิ้ว ถึงจะฆ่าหรือเอาชนะเบียคุรันในยุคสมัยนี้ได้แต่เบียคุรันในยุคสมัยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่

    “เบียคุรันครอบครองเซตแหวนมาเร่ริง... เฉพาะหมอนั่นมีความสามารถในการคุยกับตัวเองในโลกคู่ขนานอื่นได้ แต่จำกัดที่ตัวเองในยุคสมัยเดียวกันของห้วงพาราเรลเวิร์ลอื่น” ซีลอนสรุปความสามารถของอีกฝ่าย

    “แล้วแก..”

    “ไปรู้มาได้ยังไงน่ะเหรอ~ เพราะว่าผมน่ะน้า~ เก่งมากยังไงล่ะ~ โอ้ยๆๆๆ อาจารย์ใจเย็นดิ” ซีลอนฉีกยิ้มยียวนกวนบาทานักฆ่าจิ๋วก่อนจะโดนโดดมะเหงกใส่หัวหลายรอบเป็นการสั่งสอนที่อารัมภบทกวนประสาทผู้เป็นอาจารย์

    “เคยเจอหน้ามันตรง ๆ หนึ่งครั้ง แล้วมันก็พูดขึ้นมาว่า ซีคุงน่ะไม่ว่าจะเป็นโลกไหนก็ไม่คิดจะสวามิภักดิ์กับฉันเลยสินะ คิดว่าถ้าโลกนี้กำจัดเอิร์ลคุงไปได้เธอจะเป็นอิสระทางความคิดมากกว่านี้เสียอีก เสียดายจัง~’ น่าโมโหมะ? ไม่ว่าจะยืนฟังหรือตีลังกาฟังก็โคตรน่าฆ่าให้ตายเลยว่ามะอาจารย์?” หญิงสาวยิ้มเชือดเฉือด สั่นขาประสานมือบีบนิ้วของตัวเองเต็มไปด้วยรังสีอาฆาตทุกครั้งที่นึกถึงศัตรูของเอิร์ลและวองโกเล่

    “พูดทั้งที่ยิ้มกว้าง แล้วก็พูดอีกว่าก็ ไม่แปลกจากที่หวังไว้เท่าไหร่แต่เพียงเท่านี้เธอก็อ่อนแอลงกว่าเมื่อก่อนแล้วจะพอแต่เพียงเท่านี้ก็ได้พอบ้านเตี๋ยมันสิวะ ถึงผมจะเอาชนะมันไม่ได้เพราะตัวมันมีข้อมูลวิเคราะห์การต่อสู้ของผมทั้งหมดแต่ถ้าเป็นพวกคุณในโลกคู่ขนานจากอดีตละก็ มันไม่มีทางได้ข้อมูลจากตัวเองในพาราเรลเวิร์ลอื่นแน่ เพราะมันคุยกับตัวเองในเวลาเดียวกันที่โลกคู่ขนานได้เท่านั้น...” ซีลอนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์เทหัวอิงมือที่ประสานเอาไว้เท้าตัก พลางหัวเราะในลำคอ

    “เพราะงั้นจำเป็นต้องเป็นพวกคุณเท่านั้น และผมเองก็จะอยู่สนับสนุนพวกคุณทุกอย่างอาจารย์โลกคู่ขนานของผม...”

    รีบอร์นหรี่ตาพิจารณาและทำความเข้าใจเรื่องที่ได้ฟังทั้งหมด เหตุผลว่าทำไมต้องเป็นตัวตนจากอดีต ต้องมีวองโกเล่ริง ต้องเอาชนะในยุคนี้เท่านั้น และที่สัมผัสได้ว่าซีลอนมีบางอย่างที่ผิดปกติไปจากที่เขารู้จักไม่ใช่แค่การที่ลูกศิษย์ของเขาเกิดมีความรู้สึกคล้ายมนุษย์ปกติขึ้นมาเพียงอย่างเดียว

    “แกในฝั่งนี้...เป็นยังไงบ้าง”

    “หูว เป็นห่วงผมด้วยอ่ะดีใจจัง...” ซีลอนหัวเราะในลำคอ “ตั้งแต่คุณตายผมก็ทำทุกวิธีเพื่อให้ได้แก้แค้น สึนะก็ด้วย แต่ว่านั่นน่ะเป็นฉากหน้าของโรงละครองก์ใหญ่นี่...” ดวงตาสีไพลินหรี่โค้งเป็นเสี้ยวจันทร์

    “เพื่อวางทุกคนไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมผมต้องเหนื่อยมาก ๆ เลยนะอาจารย์~ ทั้งเวลาตาย ศพ การจัดการหลังจากนั้น แต่ว่าผมคนเดียวช่วยทุกคนทั่วโลกพร้อมกันไม่ไหวหรอกนะ ถึงจะทำสัญญาจนได้พลังเหมือนปีศาจมาแต่ถ้าไม่รู้ตำแหน่งและไม่เคยไปเหยียบก็ผลุบโผล่ไปไม่ได้เหมือนกัน” เธอยิ้มก่อนจะถามกลับด้วยคำถามคล้ายกัน

    “แล้วตัวผมฝั่งของคุณเป็นแบบไหนเหรอ?”

    “...ทิ้งความยโสให้คนทั้งโลกแล้วก้มหัวให้แค่เอิร์ลกับรุ่นที่เก้าเท่านั้น ซึ่งในเร็ว ๆ นี้คงจะมีสึนะอีกคนละนะ” รีบอร์นแสยะยิ้ม

    “งั้นก็แทบไม่ต่างกันกับผมเลยสิ?”

    “ฉันว่าจะถามแกสักพักแล้ว ปลอกนิ้วไปไหน...” รีบอร์นขัดคออีกฝ่ายขึ้น

    “อาวุธที่เลออนคายให้ผมสินะ สงสัยจะมีเรื่องต่างกันแล้วล่ะ เพราะผมในฝั่งนี้น่ะไม่เคยใช้ปลอกนิ้วของจบการศึกษาเลยถ้าไม่จวนตัว ผมฝั่งนี้เกลียดความเจ็บปวดที่สุดเลยล่ะ” ซีลอนลูบปลายนิ้วตัวเองแล้วล้วงสร้อยคอออกมามันคล้องปลอกนิ้วเอาไว้หนึ่งชิ้นเป็นสีเงินของเหล็กกล้าที่เย็นบาดตา

    “ตัวผมฝั่งคุณใช้มันบ่อยเหรอ? แย่แฮะแบบนี้คงต้องเพิ่มเลคเชอร์ก่อนที่ตัวผมจะโดนสับเปลี่ยนแล้ว” ซีลอนขยับยิ้มเริ่มรู้สึกว่ามีเรื่องน่าสนุกกำลังจะเกิดขึ้น “ผมฝั่งนี้ชอบใช้ปืนที่สุดเพราะมันยิงได้ไกล เสียงก็รื่นหูดี รองลงมาเป็นดาบและหมัดมวย ปลอกเล็บระยะมันสั้นที่สุดถ้าไม่ใกล้มากแค่ปาดเส้นเลือดที่คอยังลำบากเลยนี่” เธอพ่นลมหายใจเบื่อ ๆ เพราะนิสัยสายหมอกที่ไม่ชอบเข้าใกล้ศัตรูละมั้ง อย่าให้ใครรู้ตำแหน่งที่แท้ของตนเด็ดขาดเมื่อใช้มายาสายหมอก ดังนั้นเธอจึงชอบที่จะอยู่ห่างออกมาและเล็งปืนไปที่เหยื่อ ท่ามกลางนรกของภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมา

    “ตัวแก...ในฝั่งของฉัน ปลอกเล็บคืออาวุธอย่างที่สองรองจากปืน ไอ้นิสัยไม่ชอบให้ใครรู้ว่าที่จริงแล้วยืนอยู่ตรงไหนกันแน่คงเป็นเหมือนกันแต่ว่าตัวแกฝั่งฉัน... ชอบไปยืนอยู่ข้างหลังศัตรูไม่ยิงจ่อในระยะประชิดก็ปาดคอจากด้านหลังด้วยปลอกเล็บเหล็ก” รีบอร์นอธิบายถึงวิชาที่มักเห็นลูกศิษย์ทำบ่อย ๆ “ตัวแกที่อยู่กับฉันก็เกลียดความเจ็บปวดที่สุดเหมือนกันแต่ถ้าถูกทำให้เจ็บ ก็ต้องเอาคืนเป็นสามเท่า”

    “งั้นเหรอ ๆ เจ้าคิดเจ้าแค้นสมกับเป็นตัวผมดีจัง~ งั้นเลคเชอร์การใช้ปลอกแหวนของผมคงจะสู้ตัวผมในอดีตฝั่งนั้นไม่ได้สินะ แต่จะทิ้งไว้ให้เผื่อจะใช้ต่างกันก็ได้... คุณกับพวกสึนะอยู่ที่นี่ฝึกไปชั้นใต้ดินมีห้องเทรนนิ่งอยู่” ซีลอนลุกขึ้นจากโซฟา ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ

    “ไม่อวยพรให้ผมโชคดีหน่อยเหรอ?~” ซีลอนหันมายิ้มอวดดีใส่อาจารย์ในชุดทอพิเศษ อยู่ที่นี่รังสี Non-73 มีผลต่อร่างกายของอัลโกบาเลโดยตรง รีบอร์นออกไปจากฐานแทบไม่ได้ มีอาการเหมือนอัลโกบาเล่โน่อื่นในยุคสมัยเธอไม่ผิดเพี้ยน มันทำให้เหล่าทารกนักฆ่าเคลื่อนไหวลำบากปางตายหากไม่สวมชุดป้องกันเฉพาะ และถึงจะสวมก็ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่

    เดิมทีการปล่อยรังสี Non-73 ของเบียคุรันคงตั้งใจจะใช้เพื่อจัดการเจ้าของเครื่องประดับเซตเรืองอำนาจกลุ่มแฟมิลี่อื่น  เธอในโลกนี้ได้เรียนรู้พื้นฐานพลังของโลกทั้งใบ 73 นั้นคือรากฐาน ศิลาที่ผู้คนเรียกขานว่ามณีประดับแหวนและจุกนมอัลโกบาเล่โน่ พวกมันพิเศษกว่าเครื่องประดับทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด พิเศษยิ่งกว่าแหวนที่ส่งต่อกันในกลุ่มมาเฟียอื่น

    และเมื่อสามารถที่จะรวบรวมทั้งมาเล่ริง วองโกเล่ริง และจุกนมอัลโกบาเลโน่ได้ การควบคุมกระทั่งโลกทั้งใบก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป

    ดังนั้นในเวลานี้เธอที่ไม่มีพลังอันเกิดจากรากฐานของ 73 ก็กำลังจะใช้เงาดำมืดมิดออกไปล่าศัตรูเพิ่มอีกสักหน่อย...

    “สำหรับพวกเรานักฆ่า โชค ใช้น้อยเท่าไหร่ก็นับว่าเก่งเท่านั้น แกรู้ตัวเองดี” รีบอร์นกระตุกยิ้มมุมปาก

    “นั่นสิน้า เพราะว่าระหว่างรอโอกาสกับสร้างเส้นทางขึ้นมาอย่างหลังมันสะดวกรวดเร็วกว่าตั้งเยอะ แต่ว่าคิดถึงคำพูดเย้ยหยันนั่นของอาจารย์จัง โชคดีอะไรนั่นแกไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอกอะไรทำนองเนี้ยะ~” ซีลอนยักไหล่หมุนเท้าเดินออกไปจากห้องก็เจอเข้ากับเคียวโกะจังที่กำลังจะหาทางออกจากฐานทัพขึ้นไปด้านบน

    “รุ่นพี่ซีลอนช่วยพาฉันขึ้นไปซื้อของหน่อยได้ไหมคะ? คือฉันอยากจะซื้อของใช้น่ะ แล้วก็ขนมให้แรมโบ้คุงด้วย...” เคียวโกะเข้ามาขอความช่วยเหลือ สำหรับเคียวโกะแล้วซีลอนในยุคสมัยเธอนั้นเป็นรุ่นพี่ใจดีและแข็งแกร่ง ชอบพวกตรงไปตรงมาถ้ากล้าขอกล้าถามก็กล้าที่จะตอบสนองตาม แม้จะดูมีความลับมากมายแต่ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ ไม่โกหก

    “อืม... ไอ้ได้มันก็ได้หรอกแต่ระวังพวกชุดดำชุดขาวไว้นะ ยุคสมัยนี้ต่อให้เป็นเธอก็ถูกเพ่งเล็งเหมือนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องหนีให้ทัน หาที่ซ่อนให้ไวจากนั้นก็ขอความช่วยเหลือ เข้าใจใช่ไหม?” ซีลอนทวนข้อตกลง

    “...เข้าใจค่ะ ฉันจะระวังตัว” เคียวโกะมีสีหน้าขึงขังขึ้น ซีลอนชอบเด็กสาวที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ตรงไปตรงมาอย่างเธอกับโคลมมาก นักฆ่าหลังเก้าอี้ถอนหายใจในใจแล้วพยักหน้าพาเธอไปที่ทางออกปลอดภัย

    “รุ่นพี่จะไปไหนเหรอคะ?” เคียวโกะ

    “...ทำงานน่ะ แล้วก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกพักใหญ่เพราะมีเรื่องต้องทำ ถ้าคนอื่นถามก็ฝากบอกทีแล้วกันนะ ขอให้โชคช่วยเหลือและเข้าข้างเธอ” ซีลอนยีผมเด็กสาวและสาวเท้าแยกทางกันไปคนละฝั่งถนน เคียวโกะจึงรีบไปจัดการธุระของตนเอง แต่ก็ไม่ทันได้ซื้ออะไรเพราะชายในสูทดำป้วนเปี้ยนเต็มละแวกบ้านไปหมด ซีลอนบอกให้เธอระวังและเตรียมหนีถ้าเจอคนพวกนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำเป็นต้องมีของใช้ส่วนตัวกับฮารุ แล้วถ้าดีกว่านี้ก็ต้องมีขนมให้แรมโบ้ที่มักจะงอแงร้องหาลูกอมในฐานด้วย

    ยังดีที่เธอเจอกับฮานะในยุคอนาคตที่ช่วยพาเธอออกจากสถานที่สุ่มเสี่ยงและซ่อนตัวในบ้านของฮานะก่อนจะมอบของใช้บางส่วนกับขนมให้ขณะคุยเล่น และบอกข้อความที่เรียวเฮในอนาคตฝากไว้ก่อนจะไปต่างประเทศ

    “แต่พี่ของเธอนี่ก็ขี้ระแวงใช่เล่นเลยนะ ถึงจะทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ก็ให้เบอร์สำรองมาอีกแน่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอให้ติดต่อสึนะและถ้าติดต่อกับสึนะไม่ได้ก็ยังมีอีกเบอร์” ฮานะหยิบเศษกระดาษที่เขียนหมายเลขเอาไว้

    “อีกเบอร์เหรอ?” เคียวโกะคิดไม่ออกว่าจะมีใครให้ติดต่อขอความช่วยเหลืออื่นอีก

    “เธอเล่าให้ฟังใช่ไหมล่ะว่าสึนะพูดถึงฮิเบิร์ด เจ้าของเบอร์นั่นก็คือ ฮิบาริ เคียวยะ ยังไงล่ะ” ฮานะอธิบาย

    “พวกสึนะกับรุ่นพี่กำลังพยายามเต็มที่ฉันเองก็จะมายอมแพ้ไม่ได้แล้วสินะ” เคียวโกะฮึดขึ้นมา ขอความช่วยเหลือจากกรรมการคุมกฎนามิโมริ? เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก และเธอคิดว่าคงเป็นความพยายามของสึนะที่จะขอให้ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในเมืองนามิโมริอย่างฮิบาริยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจากคนต่างถิ่นอย่างพวกชายในสูทดำรอบเมือง

     



    [เข้าตำแหน่งแล้วทั้งจิ้งจอก นางแอ่นและแมว นกน้อยกำลังตามไปสมทบ]

    “อืม เข้าใจแล้วครับรบกวนสอดแนมต่อด้วยนะครับ แล้วถ้ามีความคืบหน้าอะไรรายงานคุณชาได้เลยนะครับ” อิริเอะถอนหายใจเมื่อได้ข้อความ เขามีเวลาพักสั้น ๆ ที่จะใช้เครื่องมือส่วนตัวครู่เดียวเพื่อติดต่อสื่อสารกับคนภายนอก

    [โรเจอร์!]

    หลังสิ้นสัญญาณจบการติดต่อเขาก็รีบลบร่องรอยข้อมูลและเปิดเพลงเสียงดังออกมา ล้มหงายหลัง ทำทุกอย่างให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางตลบผ้าห่มนอนพัก แต่ไม่นานนักคนของเชคเบคโลก็เข้ามาปลุกเขา

    “ตื่นได้แล้วค่ะ! จะนอนไปถึงเมื่อไหร่คะ!” สาวน้อยในเครื่องแบบและหน้ากากบดบังใบหน้าขึ้นเสียงเล็กน้อย

    “โอย... ไม่ชอบแบบนี้เลยนะ” อิริเอะมุ่ยหน้า

    “แย่แล้วค่ะท่านอิริเอะ! เรดาห์เราตรวจพบแหวนระดับ A+ สองวงใหม่ค่ะ! คาดว่าจะเป็นวองโกเล่ริง” เธอรายงาน

    “มาแล้วเหรอ!! ...ว่าแต่ทำไมเพิ่งมาตรวจพบเอาตอนนี้ล่ะ? จู่ ๆ ก็พบที่ศาลเจ้าเสียอีก...” อิริเอะสวมแว่นตาแล้วเปิดโน้ตบุ๊ค

    “ดูเหมือนเรดาห์จะชำรุดค่ะ”

    “ชำรุด! เรดาห์ที่มีเยอะจนนับไม่ไหวนั่นน่ะนะชำรุด!?” อิริเอะกับเชคเบคโลคนนั้นรีบก้าวเท้าไปตามทางเดินในฐานลับเพื่อย้ายไปห้องสังเกตการณ์

    “โอกาสน่าจะเป็นศูนย์ค่ะ คาดว่าเป็นฝีมือใครบางคนมากกว่า” เธอเอ่ย

    “จะบอกว่าเป็นคนในเนี่ยนะ?” อิริเอะร้อนรนขึ้นมาในใจ ที่จริงเขาเป็นคนใส่ไวรัสลงไปในเรดาห์บางส่วนด้วยตัวเอง ทว่าหากเรดาห์ชำรุดทั้งหมดก็แสดงว่ามีสปายของกลุ่มอื่นหรืออาจจะเป็นคนทรยศแฝงตัวอยู่ในฐานลับนี้เช่นกัน

    “อยู่ระหว่างสืบสวนค่ะเพียงแต่ตอนนี้หน่วยแบล็กสเปลสามกระจายกำลังออกไปที่นามิโมริกันหมด” แต่ทั้งหมดก็ลงตัวพอดี...

    “โธ่เว้ย! เจ้าผู้ชายคนนั้น!” อิริเอะทุบกำแพงก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นกอดตัวเอง

    “พวกเราจะทำยังไงดีคะ?”

    “ก่อนอื่นต้องแจ้งท่านเบียคุรัน...” อิริเอะกุมท้องแล้วบ่นออกมาว่าปวดท้อง

    “เป็นอะไรไหมคะ?”

    “ผม ปวดท้อง...” พอเครียดขึ้นมาก็พาลลงไปที่กระเพาะ อิริเอะเป็นผู้ร่วมวางแผนกับวองโกเล่เริ่มหัวหมุน ในที่สุดทรีนิเซตเต้ก็เริ่มขึ้นแล้ว...เขาจะมาถึงรึยังนะ ซาวาดะ สึนะโยชิ

    “เข้าใจแล้วค่ะจะนำยามาให้หลังจากไปถึงห้องสังเกตการณ์นะคะท่านอิริเอะ” เชคเบคโลช่วยพยุงเขาไปที่ห้องสังเกตการณ์ เพราะอาการปวดท้องทำให้ไปถึงช้ากว่าที่ควรราวสิบนาที

    “ติดต่อแกรมม่าไม่ได้เลยครับ แค่จากเรดาห์แล้วคาดว่ากำลังปะทะกับเจ้าของแหวนสองวงใหม่อยู่!” พนักงานห้องสังเกตการณ์รายงานขึ้นทันทีที่อิริเอะเข้ามาในห้องและนั่งพักบนเก้าอี้

    “ให้ตายสิ ผู้ชายคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ” อิริเอะบ่นพึมพำออกมาแต่ก็ได้ยินกันทั่ว

    “คงต้องรอให้เขาติดต่อกลับมาเองระหว่างนี้จับเรดาห์ต่อไป!” อิริเอะออกคำสั่งหลังจากนั้นสองสามนาทีเขาก็ได้ยาแก้ปวดมาลดความตึงเครียดในกระเพาะของตน

    ไม่นานนักสัญญาณก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมการเคลื่อนไหวของแหวนไปในทิศทางอื่นนอกเขตศาลเจ้านามิโมริ

    “สัญญาณของแหวนหายไปหลังจากออกห่างจากศาลเจ้าสี่กิโลเมตรครับ แหวนวงที่สองกำลังเคลื่อนไปที่เมืองอาคางาวะ อ๊ะ! สัญญาณหายไปแล้วครับ!” ชายที่เฝ้ามอนิเตอร์รีบรายงานผลของเรดาห์ที่ตัวเองดูแลทันที

    “อะไรนะ! แล้วกองกำลังฝ่ายของเรายังไม่ถึงอีกเหรอ!?” อิริเอะแสร้งโวยขึ้นมา แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะทันทีที่หน่วยแบล็กสเปลสามออกพื้นที่ เขาก็ให้หน่วยอื่นที่ยังทำงานอยู่กระจายไปยังตำแหน่งอื่นเพื่อสืบหาร่องรอยของพวกวองโกเล่และผู้เกี่ยวข้องต่อไป

    “ควรจะถอนคำสั่งปลดระวางแล้วให้หน่วยแบล็กสเปลที่สามร่วมการค้นหาด้วยนะคะ” เชคเบคโลสาวออกความเห็น

    “ไม่ได้! พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บัญชาการ การปลดระวางเป็นบทลงโทษ แถมนี่ยังเคลื่อนไหวด้วยตัวเองอีก! รีบให้ถอนกำลังเดี๋ยวนี้เลยนี่เป็นคำสั่ง!” อิริเอะตวาดออกไป

    [ดูท่าทางรมณ์บ่จอยเลยน้า] 

    เสียงเอื่อยเฉื่อยปนขี้เล่นดังขึ้น ก่อนที่จะมีการติดต่อจากเบียคุรันยิงเข้าช่องสื่อสารและขึ้นจอมอนิเตอร์ทันที

    อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!’ อิริเอะเครียดขึ้นอีกระดับเขากัดปากและทำตัวอย่างที่ทำมาตลอด

    [ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโชจัง~] เบียคุรันคลี่ยิ้มอยู่ในมอนิเตอร์

    BYZANTINE หมายถึง ยุ่งเหยิงค่ะ ถูกใช้เป็นชื่อของศิลปะยุคสมัยหนึ่งด้วย, สถาปัตยกรรมศตวรรษที่ 5-15 ของอาณาจักร Byzantine และเป็นชื่อเมืองในอดีตค่ะ
    ตอนนี้น่าจะเป็นตำแหน่งเมืองอิสตันบลู

    เนื้อหาในตอนนี้ประกอบขึ้นจากการไปย้อนอ่านรีบอร์นมาค่ะ นั่งอ่านเป็นวันใช้จริงจึ๋งนึง /นอนแผ่หมดแรง/
    พวกเรื่องไทม์ไลน์ที่แต่ละบทใบ้ ๆ ออกมาจากทั้งยามะ แกรมม่า แล้วก็ปรับข้อมูลให้เป็นโลกคู่ขนานส่วนของไรท์เองอีกนิดหน่อย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×