ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Last Wish ความปรารถนาสุดท้าย (HunHan)

    ลำดับตอนที่ #3 : The Last Wish #2

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 57




     

    'ข้าให้เวลาเจ้าแค่9วันเท่านั้น โอกาสมีเพียงครั้งเดียว เข้าใจมั้ย'

     

     

     

    'ครับ'

     

     

     

    'อย่าลืม. เพียง9วันเท่านั้น...'

     

     

     

    เพียง9วัน...

     

     

     

    ก่อนที่เขาจะหายไป...

     

     

     

                    "เฮือก!" ร่างบางสะดุ้งตัวขึ้นจากเตียง สายตากวาดมองรอบข้าง เหงื่อที่ซึมออกตามใบหน้าถูกปาดออก พลางถอนหายใจออกมา

     

     

                    "ฝันอะไรของเราเนี่ย.."ลู่หานพูดกับตัวเอง ภาพความฝันทีี่เรือนราง เขาพอจะนึกๆได้ว่าเป็นฉากการสนทนาระหว่างผู้ชายสองคน คนแรกเป็นคนที่เขาไม่รู้จักแต่ท่าทางดูน่าเกรงขาม ส่วนคนที่สอง...

     

     

                    "ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยจังเลยนะ" ร่างบางพยายามนึก แต่อย่างไรก็นึกไม่ออก 

     

     

                    "คงจะแค่ฝันแหละ"ลู่หานบอกกับตัวเองก่อนจะลุกเดิยเข้าไปอาบน้ำ โดยไม่รู้ตัวว่าทุกการกระทำของเขาโดนคนๆหนึ่งจับตามองอยู่

     

     

                    "เริ่มแล้วสินะ.."

     

     

     

                    เซฮุนยืนมองร่างเล็กที่เดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะนั่งลงบนเตียง เขารู้ว่าความฝันของลู่หานคืออะไร และมีความหมายว่ายังไง ใช่.. เวลาที่เป็นเหมือนดั่งนาฬิกาทรายของเขาเริ่มนัยถอยหลังลงแล้ว ทุกนาทีจองเขาของเขาเปรียบเหมือนเม็ดทราย ที่เมื่อผลึกเม็ดสุดท้ายได้ร่วงหล่นลงมายังอีกด้านเวลาของเขาก็จะหมดลง

     

     

                    "ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ดูน้อนจนน่าใจหายเลยนะ"เขาพูดกับตัวเองพลางมองไปที่ประตูห้องน้ำซึ่งอีกคนเพิ่งเดินเข้าไป

     

     

                    ด้านลู่หานที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูพันผืนเดียว เซฮุนที่มองอยู่ก็แทบจะหันหน้าหนี ให้ตายสิ เห็นแบบนี้แล้วใครจะทนไหวกันล่ะ

     

     

                    ส่วนอีกฝ่ายที่ไม้รับรู้ถึงความอดทนของคนที่มองอยู่ ก็เดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าอย่างไม่ติดใจอะไร

     

     

                    "อ๊ะ!" เสื้อตัวหนึ่งที่แขวนอยู่หล่นลงมา ร่างบางจึงก้มลงไปเก็บ โดยคนที่มองอยู่จะไม่รู้สึกว่าการกระทำนั้นจะเป็นเรื่องผิดปกติเลยนะ ถ้า...

     

     

                    ผ้าเช็ดตัวที่พันเอวอยู่มันไม่ร่นขึ้นไป

     

     

                    ถึงเซฮุนจะเป็นวิญญาณแต่ก็เขาก็มีจิตใจ แค่ที่พันอยู่ก็ทำให้เขาเองจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ขาขาวๆที่ตอนแรกโผล่ออกมาแค่นิดเดียว ตอนนี้ร่นขึ้นไปจนถึงแค่ครึ่งต้นขา เจ้าตัวเองก็ไม่รู้เลยว่าต้องมีคนยืนอดทนอยู่แบบนี้ จนสุดท้ายเซฮุนทนไม่ได้ต้องเดินเจ้าไปประชิดร่างบาง พร้อมกับดึงผ้าเช็ดตัวลงมาอย่างเดิม

     

     

                    "อ๊ะ" ความรู้สึกที่ถูกดึงจากด้านหลังส่งผลให้ลู่หานต้องหันกลับไปมอง

     

     

                    "ก็ไม่มีอะไรนี่"ลู่หานยืนงงๆอยู่ซักพักก่อนหันไปแขวนเสื้อเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็หยิบชุดนักเรียนออกมาสวม

     

     

                    ลู่หานเดินไปเก็บของลงกระเป๋านักเรียนก่อนจะเดินไปคลุมเตียงให้เรียบร้อย 

     

     

                    "เอ๊ะ!  เดี๋ยวนะ...ช่วงเช้ามีสอบไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย"คนตัวเล็กที่พึ่งนึกเรื่องสำคัญออกหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างตกใจ

     

     

                    "เฮ้ย!สายแล้ว!"เขารีบหันไปคว้ากระเป๋าก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง ด้านเซฮุนที่ยืนมองอยู่ก็ขำกับท่าทางเร่งรีบของคนตัวเล็กที่วิ่งออกไป

     

     

                    "นายนี่นะ~ถ้าไม่มีฉันปลุกก็สายแบบนี้ตลอดเลยรึไง"เซฮุนพูดออกมาพลางคิดไปถึงวันเก่าฟเขาถือโอกาสที่เจ้าของห้องไม่อยู่เดินดูรอบๆห้อง 

     

     

                    "เฮ้อ..เหมือนเดิมเลยนะ" ของทุกๆอย่างที่เคยจัดวางก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทุกๆสิ่งที่เขาเคยจัดไว้ ต้งแต่รูปภาพจนกระทั่งของบนโต๊ะของเขา ลู่หานไม่ได้เคลื่อนย้ายมันเลย อาจมีเพียงเก็บกวาดหรือเช็ดถูดเล็กน้อยเท่าน้้น

     

     

                    "ขอบคุณนะเสี่ยวลู่" เซฮุนพูดออกมาเบาๆ รอยยิ้มบางๆปรากฏออกมาบนใบหน้าหล่อ เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสะดุดตาบนของชิ้นหนึ่งทีี่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว

     

     

                    "เดี่ยวนะ..."เขาเดินตรงเข้าไปดูของสิ่งนั้น สมุดการบ้านเล่มเล็กๆที่ลู่หานตั้งใจทำเมื่อวาน ทำไมถึงมาตกอยู่ตรงนี้ได้

     

     

                    เซฮุนคุ้นๆจะได้ยินลู่หานพูดว่าถ้าไม่ส่งงานในวันนี้ก็จะไม่ได้เข้าห้องสอบ  ทำให้สีหน้าจากที่ยิ้มอยู่กลับขมวดคิ้วลง ในสมองเริ่มคิดว่าจะต้องทำอย่างไร

     

     

                    "เฮ้อ..."สุดท้ายเซฮุนก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากห้องพร้อมกับสมุดที่เขาหยิบติดมาด้วย

                   

     

     

     

     

                    "ลู่หานๆ ขอลอกเลขหน่อยดิ"แบคฮยอนเดินมาหาลู่หานพร้อมกับทำเสียงอ้อน ด้านลู่หานที่ฟุบหลับอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง

     

     

                    "นี่นายยังไม่ทำอีกเหรอ เดี๋ยวสอบชั่วโมงหน้า ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ได้สอบนะ"ลู่หานหันไปบ่นใส่ไอ้เพื่อนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าอ้อนเขาอยู่ด้วยเสียงงัวเงียเล็กน้อย

     

     

                    “ก็นั่นแหละ เพราะฉะนั้น นายคงไม่อยากให้แบคน้อยๆตาดำๆคนนี้ต้องอดสอบใช่มั้ย" เเบคฮยอนพูดเสร็จก็กระพริบตาปริบๆแล้วหันมายิ้มหวานให้

     

     

                    "ก็ได้ๆ เดี๋ยวหยิบให้"สุดท้ายลู่หานก็แพ้ลูกอ้อนแบคฮยอนทุกที ด้านไอ้คนที่ขอร้องอยู่ก็ทำท่าดีใจสุดขีดพลางวิ่งเข้ามากอดซะจนคนพูดหายใจไม่ออก ลู่หานดันตัวมันออกไปก่อนจะหันไปหยิบสมุดในกระเป๋าออกมาให้

     

     

                    "ลู่หาน นี่มันสมุดวิทย์นะ อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ"แบคฮยอนรับไปก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ย

     

     

                    "อะไรนะ!? สมุดวิทย์เหรอ...อย่าบอกนะว่า"เขารีบหันไปค้นของในกระเป๋า จนแทบจะเทของออกมาทั้งหมด แต่ลู่หานก็ยังหาสมุดไม่เจอ

     

     

                    "แย่แล้ว หยิบสมุดมาผิดเล่ม"ลู่หานพูดออกมา พร้อมกับหน้าที่ตึงเครียด

     

     

                    "อ้าว.. คือ..มันต้องส่งคาบหน้าแล้วนี่"แบคฮยอนวางสมุดสิทย์ลงแล้วหันไปพูดกับลู่หานอย่างเป็นห่วง มือบางวางทาบลงบนไหล่ของเพื่อนที่กำลังเครียดอยู่

     

     

                    "ก็ไม่รู้เหมือนกัน"ลู่หานพยายามนึกว่าตัวเองวางสมุดเอาไว้ที่ไหน 

     

     

                    "จำได้แล้ว บนโต๊ะกินข้าว!"ลู่หานแทบจะตบหัวตัวเอง ทำไมเขาถึงลืมไปได้ ด้านแบคฮยอนที่ได้ยินดังนั้นก็พยายามที่จะหาทางช่วยเพื่อนของเขา 

     

     

                    "บอกครูมั้ยว่าลืมเอามา"

     

     

                    "ไม่ได้หรอก ยังไงครูเค้าก็ไม่ให้เข้าห้องสอบอยู่ดี"ลู่หานตอบ ทั้งคู่พยายามหาทางออกแต่สุดท้ายก็จบลงที่ว่าไม่ได้สอบอยู่ดี จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งคนเดินเข้ามาหาพวกเขา

     

     

                    "นี่ๆลู่หาน นายเอาสมุดเลขมาวางไว้หน้าห้องทำไมอะ"

     

     

                    "เอ๊ะ!อะไรนะ"ลู่หานและแบคฮยอนหันไปหาเพื่อนคนนั้นทันที ด้านคนที่ถูกย้อนถามกลับมาก็เอาสมุดมาวางบนโต๊ะก่อนจะตอบกลับไป

     

     

                    "ก็นายเอาสมุดมาวางบนโต๊ะครูหน้าห้องไง มันส่งคาบหน้านะไม่ใช่คาบนี้ อย่าเข้าใจผิดสิ"เขาตอบแล้วก็หันหลังเดินกลับไป เหลือแค่ลู่หานที่นั่งงงอยู่กับที่พร้อมกับแบคฮยอนที่โวยวายขึ้นมา

     

     

                    "นี่! ไหนบอกว่าลืมไว้ที่โต๊ะกินข้าวไง"

     

     

                    "ก็..จำได้ว่าวางไว้ตรงนัั้น จริงๆนะ"ลู่หานตอบกลับอย่างมั่นใจ

     

     

                    "แล้วทำไมมันไปอยู่ตรงนั้นล่ะ เฮ้อ...รีบไปลอกดีกว่า"แบคฮยอนฉวยเอาสมุดกลับไปนั่งลอกที่โต๊ะ และทิ้งลู่หานให้จมดิ่งอยู่กับความสงสัยอยู่คนเดียว 

     

                    โดยไม่รับรู้ถึงรอยยิ้มที่เปล่งออกมาอย่างสบายใจของคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

     

     

     

                    หลังจากที่เซฮุนเดินออกมา เขาด็เดินหาที่สำหรับนั่งพักเพราะแรงที่เสียจากการวิ่งในระยะทางที่ค่อนข้างไกล

     

     

                    เซฮุนนั่งพักที่เก้าอี้แถวๆสวนสาธารณะในโรงเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เดินคุยกันตามทางอย่างสนุกสนานซ้อนทับกับภาพของเขาในสมัยก่อน

     

     

                    เขาละสายตาจากเด็กกลุ่มนั้นก่อนจะทอดสายตามองออกไปยังถนนด้านนอกซึ่งมีผู้คนเดินสวนกันไปมาและรถที่วิ่งตัดกันท่ามกลางท้องถนน

     

     

                    "ในวันนั้นรถก็วิ่งเร็วแบบนี้สินะ"เขาพูดออกมาก่อนที่ความทรงจำสุดท้ายของเขาจะแล่นข้ามาในสมองอีกครั้ง

     

                    "เสี่ยวลู่!  ระวัง!!!" ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลงไปคือ ภาพคนที่เขารักกำลังร้องไห้และวิ่งมาหาเขา ร่างบางที่เต็มไปด้วยแผลถลอกและเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าผาก

     

     

                    ส่วนตัวเขาเองก็จำได้เพียงแค่ร่างของตนเองนั้นถูกชนลอยออกไปไกลพร้อมกับหัวที่กระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างแรง ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ไม่อาจทนได้ แต่ก็คุ้มค่ากับการที่คนรักของเขาปลอดภัย มือที่ไร้เรี่ยวแรงพยายามจะยกขึ้นปาดน้ำตาให้กับคนตรงหน้า แต่ร่างกายก็ไม่ขยับเขยื้อนอย่างที่สั่ง

     

     

                     ในตอนนั้นเขาเพียงแค่อยากจะพูดคำๆนึงให้คนที่เขารักฟัง

     

     

                    คำพูดที่เขาไม่อาจจะพูดออกไปได้แต่เป็นคำที่สะท้อนอยู่ในใจของเขามาตลอด 

     

     

                    คำพูดที่เขาอยากจะบอกคนที่เขารักแต่ก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกไปได้ 

     

     

                    คำพูดที่แม้แต่ตอนนี้เขาก็ไม่อาจทำให้มันเป็นจริงแม้จะพยายามขนาดไหนก็ตาม

     

     

                    คำพูดที่เขาทำได้เพียงเเค่มองคนรักที่กำลังเสียใจแต่ไม่อาจทำอะไรได้เลย

     

     

     

                    คำพูดสั้นๆแค่คำว่า....

     

     

     

     

                    'เสี่ยวลู่...อย่าร้องไห้นะ'

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×