ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #43 : แผนสกัดดาวรุ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 668
      5
      28 ก.พ. 60

    ข้าน้อยสมควรตายที่หายหน้าไปนาน ขอโทษแฟนคลับจริงๆ ค่ะ
    สังขารไม่เอื้่ออำนวยอย่างแรง ตอนนี้ก็ยังเบลอๆ อยู่ แต่ยังไงรับรองว่าเรื่องนี้ต้องจบแน่นอนค่า.....



                    เหล่าพยาบาลสาวสองสามนางกำลังยืนห้อมล้อมคุณหมอหนุ่มรูปหล่อซึ่งจะมาทำหน้าที่แทนแพทย์หญิงพิมพ์ชนกในระหว่างที่เธอลาหยุดเป็นเวลาห้าวัน นับว่าเป็นการลาพักผ่อนที่นานที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงานสำหรับเธอเลยก็ว่าได้ แต่เป็นเรื่องน่าดีใจสำหรับนางพยาบาลสาวๆ ที่จะได้ทำงานร่วมกับคุณหมอหนุ่มบ่อยขึ้น มีเพียงพยาบาลสาวอย่างยุพาที่ไม่ได้ให้ความสนใจคุณหมอหนุ่มเหมือนคนอื่นเพราะเธอไม่นิยมผู้ชายในสไตล์นี้เท่าไหร่ คงเพราะชีวิตที่ผ่านมามีเพียงพี่ชายที่เป็นเหมือนทุกอย่างสำหรับเธอ ยุพาจึงฝังใจกับผู้ชายในอุดมคติว่าต้องมีบุคลิกและนิสัยใจคอคล้ายกันกับยงยุทธ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกว่าผู้ชายที่อยู่ในใจของเธอเสมอมาจะต้องเป็นผู้กองภวินท์เพียงคนเดียวเท่านั้น และแม้ว่าเธอจะตระหนักถึงฐานะที่ชายหนุ่มมอบให้ซึ่งไม่เคยพิเศษเกินกว่าน้องสาวแต่เธอยังแอบหวังว่าต้องมีสักวันที่เขาจะใจอ่อนให้กับเธอบ้าง

                    “ดีใจจังเลยค่ะที่พวกเราจะได้เห็นหน้าหมอกันต์ทุกวัน” พยาบาลสาวตัวหนาและมีความสูงราวกับผู้ชายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหลมเล็กผิดกับขนาดตัวของเธอ ส่วนอีกสองสาวก็คอยเป็นลูกคู่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามหมอหนุ่มได้แต่อมยิ้มจนตาหยี นางพยาบาลวัยกลางคนที่นั่งหน้าโต๊ะคัดกรองกระแอมกระไออย่างนึกหมั่นไส้พวกสาวสมัยใหม่ที่ช่างกล้าหาญกับผู้ชายนัก หากเป็นพวกเธอสมัยก่อนถึงจะชอบพอแค่ไหนก็ทำได้เพียงส่งสายตามองเท่านั้น

                    “มีเรื่องน่ายินดีอะไรกันหรือคะ” เสียงเรียบเฉียบที่ทุกคนต่างคุ้นเคยดังขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจของเหล่าพยาบาลสาว พวกเธอถึงกับเงียบและยืนตัวเกร็งกันโดยอัตโนมัตินายแพทย์กันต์หันไปมองที่มาของเสียงจึงได้เข้าใจถึงอาการของพวกเธอที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากเมื่อครู่เลยทีเดียว

                    “ว่ายังไงคะหมอกันต์” พิมพ์ชนกหันไปทางหมอหนุ่มรุ่นน้องที่ทำหน้าเหรอหรามองไปทางนางพยาบาลทั้งสามที่กำลังส่งสายตาในเชิงขอร้อง

                    “สาวๆ ดีใจที่หมอพิมพ์จะได้มีเวลาพักผ่อนบ้างหนะครับ” หมอกันต์ยิ้มตาหยี

                    “นึกว่าดีใจที่จะไม่ได้เห็นหน้าหมอพิมพ์ตั้งหลายวันเสียอีก” พิมพ์ชนกแกล้งทำหน้าเขม่นมองทั้งสามสาวที่ยืนตัวลีบ ส่วนพยาบาลวัยกลางคนได้แต่ยิ้มขำท่าทางของทั้งสามคนที่ต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

                    “เปล่านะคะคุณหมอ” นางพยาบาลตัวสูงรีบปฏิเสธจนลิ้นพันพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ หมอกันต์จึงดึงความสนใจของพิมพ์ชนกด้วยการชวนคุยระหว่างที่เดินไปยังห้องตรวจ

                    “ได้ไปพักผ่อนทั้งทีอย่าลืมของฝากผมนะครับ”

                    “อือ ไม่รู้ว่าที่ไร่ภูธรจะมีอะไรที่เหมาะจะเป็นของฝากสำหรับหมอกันต์หรือเปล่าน้า” หมอสาวแกล้งเย้ารุ่นน้องเล่น หมอกันต์กรอกตาบนก่อนรุนหลังพิมพ์ชนกเข้าไปในห้องตรวจเพื่อจะได้คุยกันถนัดขึ้น โดยทั้งสองไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนสนใจในถ้อยคำสนทนาของพวกเขาอยู่

                    ยุพาเงยหน้าจากแฟ้มคนไข้เมื่อสองแพทย์หนุ่มสาวเข้าไปในห้องเรียบร้อยก่อนทำปากขมุบขมิบพร้อมกับคิ้วโก่งที่ขมวดเข้าหากัน

                    “อะไรของแกไอ้กันต์ มาแตะเนื้อต้องตัวฉันแบบนี้เดี๋ยวแฟนคลับก็พาลเกลียดฉันมากกว่าเดิมหรอก” พิมพ์ชนกแกล้งเอ็ดรุ่นน้องพร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานโดยหมอกันต์ตามมานั่งแบบหมิ่นๆ บนโต๊ะและหันหน้าไปทางหญิงสาว

                    “เฮ้อ ! เลิกพูดทีเถอะเจ๊แค่นี้ผมก็เก๊กจนเมื่อยแล้ว” หมอหนุ่มใช้หลังมือปาดไปตามแนวกรามของตัวเองก่อนเชิดหน้าซึ่งเป็นท่าทางที่บ่งบอกถึงอาการไม่สบอารมณ์นักแต่อีกคนกลับรู้สึกพอใจที่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา เพราะนอกจากหมอหนุ่มจะเป็นรุ่นน้องแล้วยังเป็นเหมือนน้องชายที่สนิทสนมกับเธอมากคนหนึ่งในจำนวนน้อยคนที่แพทย์หญิงพิมพ์ชนกจะไว้เนื้อเชื่อใจได้ด้วยบุคลิกที่นิ่งเฉยของเธอจึงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเข้าถึงได้ยาก

                    “มัวปิดตัวเองอยู่แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีความสุขเสียทีหละ”

                    “นี่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเจ๊นะเนี่ย ตั้งแต่มีแฟนเป็นตำรวจรู้สึกจะปลงชีวิตขึ้นเยอะนะ” หมอกันต์จีบปากจีบคอตอบกลับ

                    “ก็ชีวิตคนมันสั้นนี่นา แกไม่เห็นแม่ฉันเหรอใครจะคิดว่าคนอย่างแม่จะเข้าวัดได้” หมอสาวกอดอกขณะที่สั่งสอนรุ่นน้องไปด้วย

                    “ผมก็อยากทำตามใจตัวเองนะเจ๊ แต่กลัวว่าป๊ากับม๊าจะได้เข้าวัดแบบถาวรมากกว่า หรือไม่ก็คงเป็นผมเสียเอง”

                    “รอให้เจอคนที่ใช่ซะก่อนเถอะต่อให้มีระเบิดเป็นร้อยลูกแกก็ไม่หวั่น แล้วก็จะเข้าใจความหมายของคำว่าคุ้มที่กล้าเสี่ยง”

                    “โอ้ว ต้องยอมรับว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งเปลี่ยนไปมากจริงๆ” หมอกันต์ปรบมือสองสามทีพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนลุกขึ้นยืนและกระแอมกระไอ พิมพ์ชนกยิ้มอย่างหมั่นไส้ขณะที่มองตามหมอหนุ่มรูปหล่อ

                    “รีบเคลียร์งานแล้วเก็บข้าวของเตรียมตัวไปฮันนีมูนเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องของผมหรอกแค่เจ๊ลงจากคานได้ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว”

                    “ไอ้น้องบ้า !” พิมพ์ชนกพึมพำตามหลังหมอหนุ่มที่รีบเดินตรงแน่วออกจากห้องไปทันทีเมื่อพูดจบ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ตามแบบฉบับของเธอและรอยยิ้มนั้นค่อยๆ กว้างขึ้นเมื่อเธอนึกไปถึงชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีอิทธิพลกับหัวใจของเธอเหลือเกิน ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นโดยที่เธอเองยังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำแต่เธอพร้อมจะรับเอาไว้อย่างยินยอมพร้อมใจ

     

                      หนุ่มสาวสองคู่พร้อมด้วยหนึ่งผู้อาวุโสและหนึ่งสาวใหญ่เดินทางด้วยรถตู้ของแม่อวนมาถึงไร่ภูธรก่อนเวลาอาหารเที่ยงเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นจึงมีเวลาแค่เก็บข้าวของเข้าห้องพักบนบ้านใหญ่ก่อนลงมาที่โต๊ะอาหาร แม้บรรยากาศภายในไร่จะแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามแต่เจ้าของที่นี่กลับมีบุคลิกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเพราะนายแม่แห่งไร่ภูธรนั้นเป็นบุคคลที่ใครต่อใครต่างก็รู้กันดีถึงความเจ้าระเบียบและตรงต่อเวลาเป็นที่สุด

                    ปราณปรียารู้สึกอึดอัดอีกครั้งเมื่อได้กลับมานั่งบนโต๊ะอาหารตัวเดิมที่ทำให้เธอเคยพะอืดพะอมกับเมนูกับข้าวจากนายแม่แห่งไร่ภูธรมาก่อน ทั้งเจ้าของบ้านและแขกนั่งคอยอาหารที่ทยอยมาเสริฟบนโต๊ะเรื่อยๆ

                    “แม่อรไม่ตามตาอรุณมาทานข้าวด้วยกันหรือ” แม่อวนเอ่ยถามขึ้น

                    “ช่วงนี้เขายุ่งอยู่ที่ไร่ค่ะคุณแม่มีคณะมาศึกษาดูงานอยู่ไม่ขาด แต่บางกลุ่มก็ทำไร่เราเสียหายไปมากต้องบำรุงรักษากันอยู่ตลอด คงเป็นช่วงเย็นนู่นแหละค่ะถึงจะเจอตาอรุณ อีกอย่างทางไร่จะปรับพื้นที่บางส่วนทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ตาอรุณเขาทุ่มเทมากอรเองก็แทบจะไม่ได้เจอหน้าเขานัก” นางอรทัยอธิบายให้ผู้อาวุโสได้รับทราบ ขณะที่หนุ่มสาวต่างก็นั่งเงียบฟังกันอย่างตั้งใจ

                    “ดีจังเลยนะคะนายแม่ ถ้าทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวคงต้องได้รับความสนใจมากแน่นอนเพราะบรรยากาศที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก” สายสมรร่วมผสมโรงบ้าง นางอรทัยหน้าขรึมลงด้วยนึกไปถึงอนาคตของไร่ภูธรที่ความเงียบคงจะหายไปและมีความวุ่นวายและผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันให้ขวักไขว่ แม้จะนึกหวั่นเช่นนั้นแต่นางก็ไม่อยากที่จะขัดใจหลานชายเพราะเขาให้สัญญาว่าจะควบคุมให้อยู่ในขอบเขตอาณาบริเวณที่กำหนดและอีกอย่างผืนดินแห่งนี้ถือเป็นมรดกของตระกูลทุกคนมีสิทธิ์ร่วมกัน

                    “พี่สมใจถ้าสำรับพร้อมแล้วฉันวานตามแม่ครัวมาทานข้าวด้วยกันหน่อยจ้ะ” นายแม่หันไปบอกแม่บ้านคนสนิท

                    “อ้าว ! เดี๋ยวนี้แม่สมใจไม่ได้ทำกับข้าวแล้วหรือแม่อร” แม่อวนทำหน้าฉงนมองลูกสะใภ้

    “เฉพาะวันนี้เท่านั้นค่ะคุณแม่” นางอรทัยว่าพร้อมกับยิ้มมุมปาก แล้วหันไปพยักหน้ากับนางสมใจซึ่งอีกฝ่ายสีหน้าไม่แช่มชื่นนัก ไม่นานทุกคนจึงเข้าใจเรื่องราวแจ่มแจ้งเมื่อเห็นหน้าแม่ครัวคนใหม่เดินตามหลังนางสมใจออกมา

    “มานั่งตรงนี้แล้วกันหนูยุพาเดี๋ยวป้าจะย้ายไปนั่งข้างคุณแม่ ส่วนตาวินก็มานั่งตรงนี้มา” นายแม่จัดแจงสั่งบุตรชายให้ลุกมานั่งที่ว่างข้างตัวเอง ส่วนนางอรทัยก็ย้ายไปนั่งแทนที่ชายหนุ่ม แม่อวนมองออกว่าเป็นการกระทำที่จงใจจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่านางอรทัยสนับสนุนหญิงสาวคนใดมากกว่ากัน ผู้อาวุโสได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกขัดใจ ปราณปรียาเองถึงกับหน้าซีดกับท่าทีของนายแม่ ส่วนคนกลางอย่างผู้กองภวินท์จำต้องทำตามที่ผู้เป็นมารดาสั่งแม้จะขัดใจก็ตาม เขาเพียงไม่อยากให้บรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อนี้แย่ลงกว่าเดิม

    “เอาหละ เรียบร้อยกันแล้วก็ทานข้าวกันเถอะเลยเวลามามากแล้ว” แม่อวนรีบตัดบทอย่างอึดอัดใจ แต่ก็ต้องปลงให้กับความเอาแต่ใจของลูกสะใภ้ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากเมื่ออดีต ก็เพราะอย่างนี้เองแม่อวนถึงโกรธบุตรชายของตนไม่ลงที่เป็นฝ่ายทิ้งอรทัยไปก่อน

    แม้รสชาติของอาหารจะถูกปากแขกผู้มาเยือน แต่บรรยากาศการรับประทานอาหารกลับดูกระอักกระอ่วนพิกล มีเพียงนางอรทัยกับยุพาที่สรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยได้ตลอดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของนางพยาบาลสาวยุพาในช่วงที่เธอทำงานทางภาคใต้ ผู้กองภวินท์เองก็ถูกลากเข้าไปร่วมในวงสนทนาด้วยเป็นครั้งคราวเพราะเขาไม่ใคร่จะมีปฏิกิริยาตอบกลับเท่าไหร่ เนื่องจากคอยแต่ชำเลืองมองแม่กระต่ายน้อยซึ่งใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วดูซีดลงกว่าเดิมจนเขานึกเป็นห่วงและอยากให้อาหารมื้อนี้จบลงเสียที

    นางสมใจกลับขึ้นมาบนห้องนอนของนายแม่แห่งไร่ภูธรหลังจากที่จัดแจงให้คนงานเก็บกวาดโต๊ะอาหาร หน้าที่ของนางคือดูแลความสะอาดเรียบร้อยห้องของนายแม่เนื่องจากเจ้าของไม่ไว้ใจให้คนงานอื่นเข้ามาในห้อง แม้ว่านางสมใจจะทราบดีว่านางอรทัยมีนิสัยชอบเก็บกวาดทำความสะอาดห้องด้วยตนเองแต่นางก็ต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อยก่อนเสมอเผื่อเหลือเผื่อขาด และอีกอย่างวันนี้นางสมใจนึกอยากหางานทำเพื่อฆ่าเวลาเสียอย่างนั้นเพราะไม่อยากเห็นความเจ้ากี้เจ้าการของนายแม่แห่งไร่ภูธรที่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับนายน้อยของนาง

    ขณะที่นางสมใจปีนเก้าอี้เพื่อเช็ดทำความสะอาดบนหลังตู้ไม้ใบใหญ่ พลันมือของนางสมใจก็ควานไปพบกับวัตถุเย็นเฉียบจนนางต้องกระตุกมือกลับด้วยความตกใจและแปลกใจไปพร้อมกัน แม่บ้านคนสนิทจึงตัดสินใจควานมือกลับขึ้นไปหยิบวัตถุต้องสงสัยอีกครั้ง พอหยิบมาดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนกลางเก่ากลางใหม่สีดำ นางสมใจพลิกหน้าพลิกหลังดูด้วยความสนใจเพราะรู้สึกคุ้นตาเหลือเกินแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกคงต้องถามเจ้าของห้องกระมังถึงจะรู้ความจริงว่าใครแอบเอามาไว้บนหลังตู้สูงขนาดนี้ได้

     

    หลังจากที่แขกของไร่แวะไปเยี่ยมหลานน้อยและคุณแม่มือใหม่ได้สักพักแม่อวนก็ขอตัวเข้าห้องเอนหลังส่วนนายแม่มีประชุมในตัวอำเภอโดยคนงานในไร่ขับรถไปส่งและคอยรับกลับ บรรดาหนุ่มสาวจึงพากันเดินชมวิวทิวทัศน์ภายในไร่ต่อซึ่งหมวดศรุตกับแพทย์หญิงพิมพ์ชนกจับจองจักรยานคนละคันและปั่นไปตามถนนภายในไร่ แวะชมโรงเรือนนั้นบ้างโรงเรือนนี้บ้างราวกับเป็นนักท่องเที่ยวก็ไม่ปานทั้งที่ต่างก็เคยมาพักที่นี่อยู่หลายวันแต่ช่วงนั้นไม่ได้มีเวลาออกสำรวจสถานที่สักเท่าไหร่ จึงเหลือสายสมร ปราณปรียา ผู้กองภวินท์และยุพาที่ยังไม่รู้จะไปไหนเลยหลบแสงแดดยามบ่ายมาที่ศาลาไม้บริเวณสวนหย่อมของบ้านใหญ่นั่นเอง

    “เดี๋ยวยุพายกของว่างมาให้ทานกันดีกว่านะคะ เมื่อเช้ายุพากับคุณป้าทำข้าวต้มมัด กับข้าวต้มผัดไว้เยอะเลยค่ะ”พยาบาลสาวรีบเสนอแนะและไม่วายกล่าวถึงความสนิทสนมกับเจ้าของบ้าน ผู้กองภวินท์สะกิดแขนอวบของสายสมรพร้อมกับขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่างซึ่งดูเหมือนว่าสาวใหญ่จะเข้าใจความหมายเสียด้วย ปราณปรียามองท่าทางของทั้งสองอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

    “พี่หมอนไปช่วยนะคะ” สายสมรรีบขันอาสาและลุกตามยุพาไปทันที

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่หมอนนั่งรอที่นี่ดีกว่ายุพาไปเดี๋ยวเดียวค่ะ” ยุพาขัดขึ้นเพราะไม่อยากปล่อยให้สองหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังครั้นจะใช้ให้แขกไปหยิบของก็ใช่ที่

    “ให้พี่หมอนไปช่วยถือเถอะค่ะ อีกอย่างพี่หมอนอยากเข้าห้องน้ำด้วยยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหนคงต้องรบกวนน้องยุพาไปส่ง” สายสมรทำท่ายืนบิดไปมาพร้อมกับทำหน้าเหยเกจนพยาบาลสาวต้องจำใจรีบพาสาวอวบไปปลดทุกข์เสียก่อนจะเรี่ยราดแถวนี้

    พอคล้อยหลังสองสาวผู้กองภวินท์ลุกยืนและเดินตรงไปขว้าแขนของปราณปรียาให้ลุกขึ้นตามเขาอย่างรวดเร็ว

    “ทำอะไรคะ” ปราณปรียาทำตาโตพร้อมกับหันหน้าหันหลังกลัวว่าจะมีใครมาเห็นการกระทำของผู้กองสุดห่ามเข้า

    “ไปจากที่นี่กัน” เขาบอกพร้อมกับจูงแขนเธอให้เดินตามโดยไม่ได้อธิบายไปมากกว่านั้น

    “เอ้า ! แล้วพี่หมอนกับคุณยุพาหละคะ”

    “ก็ช่างเขาสิ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบและตั้งหน้าตั้งตาพาปราณปรียาเดินลัดเลาะสวนไปตามทางเล็กๆ ซึ่งเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาไปไหนแต่หญิงสาวกลับให้ความร่วมมือโดยดีคงเพราะบรรยากาศแสนอึดอัดทั้งวันที่เธอได้รับกระมัง บางทีการกระทำแปลกๆ ของผู้กองภวินท์ก็ทำให้เธอคลายความตึงเครียดลงมาได้บ้าง

    สองหนุ่มสาวต่างเงียบมาตลอดทางมีเพียงสองมือที่เกาะกุมกันอย่างเหนียวแน่นสื่อสารแทนถ้อยคำมากมาย จนกระทั่งเขาพาเธอมาโผล่ที่สนามโล่งมองขึ้นไปบนเนินเขามีกระท่อมไม้หลังเล็กตั้งเด่นอยู่ เธอจำได้ว่าเคยเห็นตอนที่มาเข้าค่ายกับเด็กๆ ผู้กองภวินท์หันมาส่งยิ้มหวานให้ก่อนจูงมือเธอเดินตรงไปยังกระท่อมน้อยหลังนั้น

    “นี่ใช่ไหมคะกระท่อมของคุณ”

    “ฮื้อ !” ชายหนุ่มหยุดเดินพร้อมกับหันมาทำหน้าดุ ปราณปรียาเลิกคิ้วกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของผู้กองหนุ่มและโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็ดีดนิ้วแข็งแรงเข้าที่หน้าผากมนหนึ่งที

    “โอ๊ย ! เจ็บนะคนบ้ามาดีดหน้าผากฉันทำไมเนี่ย” ปราณปรียาถอยห่างจากคนชอบใช้กำลังพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ผู้กองภวินท์ใช้สองมือประคองใบหน้าเรียวเล็กบังคับให้หันมาทางเขาก่อนเลื่อนมือไปบิดหูสองข้างของปราณปรียาเป็นการลงโทษ หญิงสาวได้แต่กุมข้อมือทั้งสองของเขาไว้แน่น

    “สอนไม่จำเลยนะ อย่างนี้ต้องทำโทษทบต้นทบดอกพร้อมกันเลยดีไหม ฮึ”

    “นี่ ฉันชักโมโหแล้วนะเอะอะคุณก็เอาแต่ทำร้ายร่างกายตลอด ทีคุณทำผิดฉันยังไม่เคยทำร้ายคุณเลย”

    “ตอนไหนว่ามาซิ” ชายหนุ่มแกล้งแนบหน้าผากกว้างเข้ากับหน้าผากมนส่งผลให้แม่กระต่ายน้อยขนลุกขนพองไปทั้งตัว ได้แต่ยกสองมือขึ้นกุมหน้าตัวเอง

    “ไม่รู้ ไม่พูด” ปราณปรียาตอบเสียงอู้อี้ในลำคอ

    “ก็แสดงว่าไม่มี แล้วรู้ไหมว่าเราทำอะไรผิด” ชายหนุ่มรีบท้วง ปราณปรียานึกถึงความผิดของตัวเองได้รำไรเมื่อสรรพนามที่เขาใช้กับเธอเปลี่ยนไป ไม่สิเธอพลาดอย่างแรง แย่แล้วกระต่ายเอ๋ย ชายหนุ่มแกะมือของเธอออกช้าๆ แม้เจ้าตัวจะขัดขืนแต่ก็สู้แรงไม่ไหวจึงทำได้เพียงหลับตาปี๋อย่างยอมจำนน เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดคลอเคลียบริเวณใบหน้าแต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ปราณปรียาค่อยๆ หรี่ตาขึ้นดูทีละข้างจึงเห็นว่าผู้กองภวินท์จอมข่มขู่ยืนกอดอกยิ้มเผล่มองดูเธออย่างสบายอารมณ์

     

    ยุพาเดินวนไปวนมาหน้าห้องน้ำอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะเธอนึกห่วงว่าการที่เธอหายหน้ามานานจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้กองภวินท์กับปราณปรียาได้อยู่กันตามลำพัง เสียงกดชักโครกดังขึ้นเป็นครั้งที่ห้าถ้าเธอนับไม่ผิด

    “เป็นยังไงบ้างคะพี่หมอน” ยุพาตะโกนถามสาวอวบที่หายหน้าเข้าไปในห้องน้ำเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วจนป่านนี้ก็ยังไม่ออกมา

    “ยังไม่ดีเลยค่า พี่หมอนยังรู้สึกปวดท้องปู๊ดๆ อยู่เลยค่ะ น้องยุพาอย่าเพิ่งไปไหนนะคะพี่หมอนกลัวจะเป็นลมไปหนะค่ะ” สายสมรตะโกนออกมาน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มทีจนยุพาชักใจไม่ดี

    “พี่หมอนออกมาเถอะค่ะ ยุพาจะได้หายาให้ทานลุกไหวไหมคะ”

    “ขอพี่อีกสักรอบเถอะนะคะ ยังเหมือนจะมาอีกเลยค่ะพี่กลัวจะทำเลอะเทอะข้างนอก” สายสมรตอบด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรงเช่นเดิม

    “ก็ได้ค่ะ ถ้าคราวนี้พี่หมอนไม่ออกมายุพาจะไปตามผู้กองมางัดประตูแล้วนะคะ” ยุพาทำหน้าตาเซ็งจัดกับความดื้อรั้นของสาวอวบ คนอะไรถ่ายหนักขนาดนั้นยังไม่ยอมออกจากห้องน้ำหายาทานอีก ครั้นจะเดินหนีไปเสียก็คงดูใจร้ายไอ้ครั้นจะเรียกคนมาช่วยเธอก็ไม่เห็นคนงานในบ้านสักคนแม้กระทั่งแม่บ้านอย่างนางสมใจก็ไม่รู้ว่าหายหน้าไปอยู่ไหน ยุพาจึงได้แต่เดินกลับไปกลับมาหน้าห้องน้ำอย่างกระวนกระวายใจต่อไป

    ในขณะที่สายสมรเองก็กำลังส่งไลน์หาใครคนหนึ่งอยู่โดยเจ้าหล่อนนั่งอยู่บนชักโครกและเครื่องแต่งกายยังอยู่ครบหาได้คล้ายกับคนท้องเสียแต่อย่างใด

    (โอเคหรือยังคะ พี่หมอนไม่ไหวแล้วนะคะ)

    สักพักมีข้อความตอบกลับจากผู้กองภวินท์เป็นรูปสติ๊กเกอร์ยิ้มตาตี่พร้อมกับชูคำว่าโอเคเป็นภาษาอังกฤษอยู่บนหัว สายสมรพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับรำพึงกับตัวเองเสียงแผ่ว

    “ปิดจ๊อบได้นังหมอน”

    *************************************************************************************


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×