คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : แผนสกัดดาวรุ่ง
เหล่าพยาบาลสาวสองสามนางกำลังยืนห้อมล้อมคุณหมอหนุ่มรูปหล่อซึ่งจะมาทำหน้าที่แทนแพทย์หญิงพิมพ์ชนกในระหว่างที่เธอลาหยุดเป็นเวลาห้าวัน
นับว่าเป็นการลาพักผ่อนที่นานที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงานสำหรับเธอเลยก็ว่าได้
แต่เป็นเรื่องน่าดีใจสำหรับนางพยาบาลสาวๆ ที่จะได้ทำงานร่วมกับคุณหมอหนุ่มบ่อยขึ้น
มีเพียงพยาบาลสาวอย่างยุพาที่ไม่ได้ให้ความสนใจคุณหมอหนุ่มเหมือนคนอื่นเพราะเธอไม่นิยมผู้ชายในสไตล์นี้เท่าไหร่
คงเพราะชีวิตที่ผ่านมามีเพียงพี่ชายที่เป็นเหมือนทุกอย่างสำหรับเธอ
ยุพาจึงฝังใจกับผู้ชายในอุดมคติว่าต้องมีบุคลิกและนิสัยใจคอคล้ายกันกับยงยุทธ
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกว่าผู้ชายที่อยู่ในใจของเธอเสมอมาจะต้องเป็นผู้กองภวินท์เพียงคนเดียวเท่านั้น
และแม้ว่าเธอจะตระหนักถึงฐานะที่ชายหนุ่มมอบให้ซึ่งไม่เคยพิเศษเกินกว่าน้องสาวแต่เธอยังแอบหวังว่าต้องมีสักวันที่เขาจะใจอ่อนให้กับเธอบ้าง
“ดีใจจังเลยค่ะที่พวกเราจะได้เห็นหน้าหมอกันต์ทุกวัน”
พยาบาลสาวตัวหนาและมีความสูงราวกับผู้ชายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหลมเล็กผิดกับขนาดตัวของเธอ
ส่วนอีกสองสาวก็คอยเป็นลูกคู่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามหมอหนุ่มได้แต่อมยิ้มจนตาหยี
นางพยาบาลวัยกลางคนที่นั่งหน้าโต๊ะคัดกรองกระแอมกระไออย่างนึกหมั่นไส้พวกสาวสมัยใหม่ที่ช่างกล้าหาญกับผู้ชายนัก
หากเป็นพวกเธอสมัยก่อนถึงจะชอบพอแค่ไหนก็ทำได้เพียงส่งสายตามองเท่านั้น
“มีเรื่องน่ายินดีอะไรกันหรือคะ”
เสียงเรียบเฉียบที่ทุกคนต่างคุ้นเคยดังขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจของเหล่าพยาบาลสาว
พวกเธอถึงกับเงียบและยืนตัวเกร็งกันโดยอัตโนมัตินายแพทย์กันต์หันไปมองที่มาของเสียงจึงได้เข้าใจถึงอาการของพวกเธอที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากเมื่อครู่เลยทีเดียว
“ว่ายังไงคะหมอกันต์”
พิมพ์ชนกหันไปทางหมอหนุ่มรุ่นน้องที่ทำหน้าเหรอหรามองไปทางนางพยาบาลทั้งสามที่กำลังส่งสายตาในเชิงขอร้อง
“สาวๆ ดีใจที่หมอพิมพ์จะได้มีเวลาพักผ่อนบ้างหนะครับ”
หมอกันต์ยิ้มตาหยี
“นึกว่าดีใจที่จะไม่ได้เห็นหน้าหมอพิมพ์ตั้งหลายวันเสียอีก”
พิมพ์ชนกแกล้งทำหน้าเขม่นมองทั้งสามสาวที่ยืนตัวลีบ
ส่วนพยาบาลวัยกลางคนได้แต่ยิ้มขำท่าทางของทั้งสามคนที่ต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
“เปล่านะคะคุณหมอ”
นางพยาบาลตัวสูงรีบปฏิเสธจนลิ้นพันพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
หมอกันต์จึงดึงความสนใจของพิมพ์ชนกด้วยการชวนคุยระหว่างที่เดินไปยังห้องตรวจ
“ได้ไปพักผ่อนทั้งทีอย่าลืมของฝากผมนะครับ”
“อือ
ไม่รู้ว่าที่ไร่ภูธรจะมีอะไรที่เหมาะจะเป็นของฝากสำหรับหมอกันต์หรือเปล่าน้า”
หมอสาวแกล้งเย้ารุ่นน้องเล่น หมอกันต์กรอกตาบนก่อนรุนหลังพิมพ์ชนกเข้าไปในห้องตรวจเพื่อจะได้คุยกันถนัดขึ้น
โดยทั้งสองไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนสนใจในถ้อยคำสนทนาของพวกเขาอยู่
ยุพาเงยหน้าจากแฟ้มคนไข้เมื่อสองแพทย์หนุ่มสาวเข้าไปในห้องเรียบร้อยก่อนทำปากขมุบขมิบพร้อมกับคิ้วโก่งที่ขมวดเข้าหากัน
“อะไรของแกไอ้กันต์
มาแตะเนื้อต้องตัวฉันแบบนี้เดี๋ยวแฟนคลับก็พาลเกลียดฉันมากกว่าเดิมหรอก”
พิมพ์ชนกแกล้งเอ็ดรุ่นน้องพร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานโดยหมอกันต์ตามมานั่งแบบหมิ่นๆ
บนโต๊ะและหันหน้าไปทางหญิงสาว
“เฮ้อ ! เลิกพูดทีเถอะเจ๊แค่นี้ผมก็เก๊กจนเมื่อยแล้ว”
หมอหนุ่มใช้หลังมือปาดไปตามแนวกรามของตัวเองก่อนเชิดหน้าซึ่งเป็นท่าทางที่บ่งบอกถึงอาการไม่สบอารมณ์นักแต่อีกคนกลับรู้สึกพอใจที่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
เพราะนอกจากหมอหนุ่มจะเป็นรุ่นน้องแล้วยังเป็นเหมือนน้องชายที่สนิทสนมกับเธอมากคนหนึ่งในจำนวนน้อยคนที่แพทย์หญิงพิมพ์ชนกจะไว้เนื้อเชื่อใจได้ด้วยบุคลิกที่นิ่งเฉยของเธอจึงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเข้าถึงได้ยาก
“มัวปิดตัวเองอยู่แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีความสุขเสียทีหละ”
“นี่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเจ๊นะเนี่ย
ตั้งแต่มีแฟนเป็นตำรวจรู้สึกจะปลงชีวิตขึ้นเยอะนะ” หมอกันต์จีบปากจีบคอตอบกลับ
“ก็ชีวิตคนมันสั้นนี่นา
แกไม่เห็นแม่ฉันเหรอใครจะคิดว่าคนอย่างแม่จะเข้าวัดได้”
หมอสาวกอดอกขณะที่สั่งสอนรุ่นน้องไปด้วย
“ผมก็อยากทำตามใจตัวเองนะเจ๊
แต่กลัวว่าป๊ากับม๊าจะได้เข้าวัดแบบถาวรมากกว่า หรือไม่ก็คงเป็นผมเสียเอง”
“รอให้เจอคนที่ใช่ซะก่อนเถอะต่อให้มีระเบิดเป็นร้อยลูกแกก็ไม่หวั่น
แล้วก็จะเข้าใจความหมายของคำว่าคุ้มที่กล้าเสี่ยง”
“โอ้ว
ต้องยอมรับว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งเปลี่ยนไปมากจริงๆ” หมอกันต์ปรบมือสองสามทีพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนลุกขึ้นยืนและกระแอมกระไอ
พิมพ์ชนกยิ้มอย่างหมั่นไส้ขณะที่มองตามหมอหนุ่มรูปหล่อ
“รีบเคลียร์งานแล้วเก็บข้าวของเตรียมตัวไปฮันนีมูนเถอะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องของผมหรอกแค่เจ๊ลงจากคานได้ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว”
“ไอ้น้องบ้า !”
พิมพ์ชนกพึมพำตามหลังหมอหนุ่มที่รีบเดินตรงแน่วออกจากห้องไปทันทีเมื่อพูดจบ
ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ตามแบบฉบับของเธอและรอยยิ้มนั้นค่อยๆ
กว้างขึ้นเมื่อเธอนึกไปถึงชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีอิทธิพลกับหัวใจของเธอเหลือเกิน
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นโดยที่เธอเองยังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำแต่เธอพร้อมจะรับเอาไว้อย่างยินยอมพร้อมใจ
หนุ่มสาวสองคู่พร้อมด้วยหนึ่งผู้อาวุโสและหนึ่งสาวใหญ่เดินทางด้วยรถตู้ของแม่อวนมาถึงไร่ภูธรก่อนเวลาอาหารเที่ยงเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นจึงมีเวลาแค่เก็บข้าวของเข้าห้องพักบนบ้านใหญ่ก่อนลงมาที่โต๊ะอาหาร
แม้บรรยากาศภายในไร่จะแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามแต่เจ้าของที่นี่กลับมีบุคลิกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเพราะนายแม่แห่งไร่ภูธรนั้นเป็นบุคคลที่ใครต่อใครต่างก็รู้กันดีถึงความเจ้าระเบียบและตรงต่อเวลาเป็นที่สุด
ปราณปรียารู้สึกอึดอัดอีกครั้งเมื่อได้กลับมานั่งบนโต๊ะอาหารตัวเดิมที่ทำให้เธอเคยพะอืดพะอมกับเมนูกับข้าวจากนายแม่แห่งไร่ภูธรมาก่อน
ทั้งเจ้าของบ้านและแขกนั่งคอยอาหารที่ทยอยมาเสริฟบนโต๊ะเรื่อยๆ
“แม่อรไม่ตามตาอรุณมาทานข้าวด้วยกันหรือ”
แม่อวนเอ่ยถามขึ้น
“ช่วงนี้เขายุ่งอยู่ที่ไร่ค่ะคุณแม่มีคณะมาศึกษาดูงานอยู่ไม่ขาด
แต่บางกลุ่มก็ทำไร่เราเสียหายไปมากต้องบำรุงรักษากันอยู่ตลอด
คงเป็นช่วงเย็นนู่นแหละค่ะถึงจะเจอตาอรุณ อีกอย่างทางไร่จะปรับพื้นที่บางส่วนทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ตาอรุณเขาทุ่มเทมากอรเองก็แทบจะไม่ได้เจอหน้าเขานัก”
นางอรทัยอธิบายให้ผู้อาวุโสได้รับทราบ
ขณะที่หนุ่มสาวต่างก็นั่งเงียบฟังกันอย่างตั้งใจ
“ดีจังเลยนะคะนายแม่ ถ้าทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวคงต้องได้รับความสนใจมากแน่นอนเพราะบรรยากาศที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก”
สายสมรร่วมผสมโรงบ้าง นางอรทัยหน้าขรึมลงด้วยนึกไปถึงอนาคตของไร่ภูธรที่ความเงียบคงจะหายไปและมีความวุ่นวายและผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันให้ขวักไขว่
แม้จะนึกหวั่นเช่นนั้นแต่นางก็ไม่อยากที่จะขัดใจหลานชายเพราะเขาให้สัญญาว่าจะควบคุมให้อยู่ในขอบเขตอาณาบริเวณที่กำหนดและอีกอย่างผืนดินแห่งนี้ถือเป็นมรดกของตระกูลทุกคนมีสิทธิ์ร่วมกัน
“พี่สมใจถ้าสำรับพร้อมแล้วฉันวานตามแม่ครัวมาทานข้าวด้วยกันหน่อยจ้ะ”
นายแม่หันไปบอกแม่บ้านคนสนิท
“อ้าว ! เดี๋ยวนี้แม่สมใจไม่ได้ทำกับข้าวแล้วหรือแม่อร”
แม่อวนทำหน้าฉงนมองลูกสะใภ้
“เฉพาะวันนี้เท่านั้นค่ะคุณแม่”
นางอรทัยว่าพร้อมกับยิ้มมุมปาก แล้วหันไปพยักหน้ากับนางสมใจซึ่งอีกฝ่ายสีหน้าไม่แช่มชื่นนัก
ไม่นานทุกคนจึงเข้าใจเรื่องราวแจ่มแจ้งเมื่อเห็นหน้าแม่ครัวคนใหม่เดินตามหลังนางสมใจออกมา
“มานั่งตรงนี้แล้วกันหนูยุพาเดี๋ยวป้าจะย้ายไปนั่งข้างคุณแม่
ส่วนตาวินก็มานั่งตรงนี้มา” นายแม่จัดแจงสั่งบุตรชายให้ลุกมานั่งที่ว่างข้างตัวเอง
ส่วนนางอรทัยก็ย้ายไปนั่งแทนที่ชายหนุ่ม
แม่อวนมองออกว่าเป็นการกระทำที่จงใจจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่านางอรทัยสนับสนุนหญิงสาวคนใดมากกว่ากัน
ผู้อาวุโสได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกขัดใจ ปราณปรียาเองถึงกับหน้าซีดกับท่าทีของนายแม่
ส่วนคนกลางอย่างผู้กองภวินท์จำต้องทำตามที่ผู้เป็นมารดาสั่งแม้จะขัดใจก็ตาม
เขาเพียงไม่อยากให้บรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อนี้แย่ลงกว่าเดิม
“เอาหละ เรียบร้อยกันแล้วก็ทานข้าวกันเถอะเลยเวลามามากแล้ว”
แม่อวนรีบตัดบทอย่างอึดอัดใจ แต่ก็ต้องปลงให้กับความเอาแต่ใจของลูกสะใภ้ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากเมื่ออดีต
ก็เพราะอย่างนี้เองแม่อวนถึงโกรธบุตรชายของตนไม่ลงที่เป็นฝ่ายทิ้งอรทัยไปก่อน
แม้รสชาติของอาหารจะถูกปากแขกผู้มาเยือน
แต่บรรยากาศการรับประทานอาหารกลับดูกระอักกระอ่วนพิกล
มีเพียงนางอรทัยกับยุพาที่สรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยได้ตลอดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของนางพยาบาลสาวยุพาในช่วงที่เธอทำงานทางภาคใต้
ผู้กองภวินท์เองก็ถูกลากเข้าไปร่วมในวงสนทนาด้วยเป็นครั้งคราวเพราะเขาไม่ใคร่จะมีปฏิกิริยาตอบกลับเท่าไหร่
เนื่องจากคอยแต่ชำเลืองมองแม่กระต่ายน้อยซึ่งใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วดูซีดลงกว่าเดิมจนเขานึกเป็นห่วงและอยากให้อาหารมื้อนี้จบลงเสียที
นางสมใจกลับขึ้นมาบนห้องนอนของนายแม่แห่งไร่ภูธรหลังจากที่จัดแจงให้คนงานเก็บกวาดโต๊ะอาหาร
หน้าที่ของนางคือดูแลความสะอาดเรียบร้อยห้องของนายแม่เนื่องจากเจ้าของไม่ไว้ใจให้คนงานอื่นเข้ามาในห้อง
แม้ว่านางสมใจจะทราบดีว่านางอรทัยมีนิสัยชอบเก็บกวาดทำความสะอาดห้องด้วยตนเองแต่นางก็ต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อยก่อนเสมอเผื่อเหลือเผื่อขาด
และอีกอย่างวันนี้นางสมใจนึกอยากหางานทำเพื่อฆ่าเวลาเสียอย่างนั้นเพราะไม่อยากเห็นความเจ้ากี้เจ้าการของนายแม่แห่งไร่ภูธรที่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับนายน้อยของนาง
ขณะที่นางสมใจปีนเก้าอี้เพื่อเช็ดทำความสะอาดบนหลังตู้ไม้ใบใหญ่
พลันมือของนางสมใจก็ควานไปพบกับวัตถุเย็นเฉียบจนนางต้องกระตุกมือกลับด้วยความตกใจและแปลกใจไปพร้อมกัน
แม่บ้านคนสนิทจึงตัดสินใจควานมือกลับขึ้นไปหยิบวัตถุต้องสงสัยอีกครั้ง
พอหยิบมาดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนกลางเก่ากลางใหม่สีดำ
นางสมใจพลิกหน้าพลิกหลังดูด้วยความสนใจเพราะรู้สึกคุ้นตาเหลือเกินแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกคงต้องถามเจ้าของห้องกระมังถึงจะรู้ความจริงว่าใครแอบเอามาไว้บนหลังตู้สูงขนาดนี้ได้
หลังจากที่แขกของไร่แวะไปเยี่ยมหลานน้อยและคุณแม่มือใหม่ได้สักพักแม่อวนก็ขอตัวเข้าห้องเอนหลังส่วนนายแม่มีประชุมในตัวอำเภอโดยคนงานในไร่ขับรถไปส่งและคอยรับกลับ
บรรดาหนุ่มสาวจึงพากันเดินชมวิวทิวทัศน์ภายในไร่ต่อซึ่งหมวดศรุตกับแพทย์หญิงพิมพ์ชนกจับจองจักรยานคนละคันและปั่นไปตามถนนภายในไร่
แวะชมโรงเรือนนั้นบ้างโรงเรือนนี้บ้างราวกับเป็นนักท่องเที่ยวก็ไม่ปานทั้งที่ต่างก็เคยมาพักที่นี่อยู่หลายวันแต่ช่วงนั้นไม่ได้มีเวลาออกสำรวจสถานที่สักเท่าไหร่
จึงเหลือสายสมร ปราณปรียา ผู้กองภวินท์และยุพาที่ยังไม่รู้จะไปไหนเลยหลบแสงแดดยามบ่ายมาที่ศาลาไม้บริเวณสวนหย่อมของบ้านใหญ่นั่นเอง
“เดี๋ยวยุพายกของว่างมาให้ทานกันดีกว่านะคะ
เมื่อเช้ายุพากับคุณป้าทำข้าวต้มมัด กับข้าวต้มผัดไว้เยอะเลยค่ะ”พยาบาลสาวรีบเสนอแนะและไม่วายกล่าวถึงความสนิทสนมกับเจ้าของบ้าน
ผู้กองภวินท์สะกิดแขนอวบของสายสมรพร้อมกับขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่างซึ่งดูเหมือนว่าสาวใหญ่จะเข้าใจความหมายเสียด้วย
ปราณปรียามองท่าทางของทั้งสองอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“พี่หมอนไปช่วยนะคะ” สายสมรรีบขันอาสาและลุกตามยุพาไปทันที
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
พี่หมอนนั่งรอที่นี่ดีกว่ายุพาไปเดี๋ยวเดียวค่ะ”
ยุพาขัดขึ้นเพราะไม่อยากปล่อยให้สองหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังครั้นจะใช้ให้แขกไปหยิบของก็ใช่ที่
“ให้พี่หมอนไปช่วยถือเถอะค่ะ
อีกอย่างพี่หมอนอยากเข้าห้องน้ำด้วยยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหนคงต้องรบกวนน้องยุพาไปส่ง”
สายสมรทำท่ายืนบิดไปมาพร้อมกับทำหน้าเหยเกจนพยาบาลสาวต้องจำใจรีบพาสาวอวบไปปลดทุกข์เสียก่อนจะเรี่ยราดแถวนี้
พอคล้อยหลังสองสาวผู้กองภวินท์ลุกยืนและเดินตรงไปขว้าแขนของปราณปรียาให้ลุกขึ้นตามเขาอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรคะ” ปราณปรียาทำตาโตพร้อมกับหันหน้าหันหลังกลัวว่าจะมีใครมาเห็นการกระทำของผู้กองสุดห่ามเข้า
“ไปจากที่นี่กัน” เขาบอกพร้อมกับจูงแขนเธอให้เดินตามโดยไม่ได้อธิบายไปมากกว่านั้น
“เอ้า ! แล้วพี่หมอนกับคุณยุพาหละคะ”
“ก็ช่างเขาสิ”
ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบและตั้งหน้าตั้งตาพาปราณปรียาเดินลัดเลาะสวนไปตามทางเล็กๆ
ซึ่งเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาไปไหนแต่หญิงสาวกลับให้ความร่วมมือโดยดีคงเพราะบรรยากาศแสนอึดอัดทั้งวันที่เธอได้รับกระมัง
บางทีการกระทำแปลกๆ ของผู้กองภวินท์ก็ทำให้เธอคลายความตึงเครียดลงมาได้บ้าง
สองหนุ่มสาวต่างเงียบมาตลอดทางมีเพียงสองมือที่เกาะกุมกันอย่างเหนียวแน่นสื่อสารแทนถ้อยคำมากมาย
จนกระทั่งเขาพาเธอมาโผล่ที่สนามโล่งมองขึ้นไปบนเนินเขามีกระท่อมไม้หลังเล็กตั้งเด่นอยู่
เธอจำได้ว่าเคยเห็นตอนที่มาเข้าค่ายกับเด็กๆ
ผู้กองภวินท์หันมาส่งยิ้มหวานให้ก่อนจูงมือเธอเดินตรงไปยังกระท่อมน้อยหลังนั้น
“นี่ใช่ไหมคะกระท่อมของคุณ”
“ฮื้อ !”
ชายหนุ่มหยุดเดินพร้อมกับหันมาทำหน้าดุ
ปราณปรียาเลิกคิ้วกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของผู้กองหนุ่มและโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็ดีดนิ้วแข็งแรงเข้าที่หน้าผากมนหนึ่งที
“โอ๊ย ! เจ็บนะคนบ้ามาดีดหน้าผากฉันทำไมเนี่ย”
ปราณปรียาถอยห่างจากคนชอบใช้กำลังพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
ผู้กองภวินท์ใช้สองมือประคองใบหน้าเรียวเล็กบังคับให้หันมาทางเขาก่อนเลื่อนมือไปบิดหูสองข้างของปราณปรียาเป็นการลงโทษ
หญิงสาวได้แต่กุมข้อมือทั้งสองของเขาไว้แน่น
“สอนไม่จำเลยนะ อย่างนี้ต้องทำโทษทบต้นทบดอกพร้อมกันเลยดีไหม
ฮึ”
“นี่
ฉันชักโมโหแล้วนะเอะอะคุณก็เอาแต่ทำร้ายร่างกายตลอด
ทีคุณทำผิดฉันยังไม่เคยทำร้ายคุณเลย”
“ตอนไหนว่ามาซิ”
ชายหนุ่มแกล้งแนบหน้าผากกว้างเข้ากับหน้าผากมนส่งผลให้แม่กระต่ายน้อยขนลุกขนพองไปทั้งตัว
ได้แต่ยกสองมือขึ้นกุมหน้าตัวเอง
“ไม่รู้ ไม่พูด” ปราณปรียาตอบเสียงอู้อี้ในลำคอ
“ก็แสดงว่าไม่มี แล้วรู้ไหมว่าเราทำอะไรผิด”
ชายหนุ่มรีบท้วง
ปราณปรียานึกถึงความผิดของตัวเองได้รำไรเมื่อสรรพนามที่เขาใช้กับเธอเปลี่ยนไป
ไม่สิเธอพลาดอย่างแรง แย่แล้วกระต่ายเอ๋ย ชายหนุ่มแกะมือของเธอออกช้าๆ
แม้เจ้าตัวจะขัดขืนแต่ก็สู้แรงไม่ไหวจึงทำได้เพียงหลับตาปี๋อย่างยอมจำนน
เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ
ที่เป่ารดคลอเคลียบริเวณใบหน้าแต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ปราณปรียาค่อยๆ
หรี่ตาขึ้นดูทีละข้างจึงเห็นว่าผู้กองภวินท์จอมข่มขู่ยืนกอดอกยิ้มเผล่มองดูเธออย่างสบายอารมณ์
ยุพาเดินวนไปวนมาหน้าห้องน้ำอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เพราะเธอนึกห่วงว่าการที่เธอหายหน้ามานานจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้กองภวินท์กับปราณปรียาได้อยู่กันตามลำพัง
เสียงกดชักโครกดังขึ้นเป็นครั้งที่ห้าถ้าเธอนับไม่ผิด
“เป็นยังไงบ้างคะพี่หมอน”
ยุพาตะโกนถามสาวอวบที่หายหน้าเข้าไปในห้องน้ำเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วจนป่านนี้ก็ยังไม่ออกมา
“ยังไม่ดีเลยค่า พี่หมอนยังรู้สึกปวดท้องปู๊ดๆ
อยู่เลยค่ะ น้องยุพาอย่าเพิ่งไปไหนนะคะพี่หมอนกลัวจะเป็นลมไปหนะค่ะ”
สายสมรตะโกนออกมาน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มทีจนยุพาชักใจไม่ดี
“พี่หมอนออกมาเถอะค่ะ ยุพาจะได้หายาให้ทานลุกไหวไหมคะ”
“ขอพี่อีกสักรอบเถอะนะคะ
ยังเหมือนจะมาอีกเลยค่ะพี่กลัวจะทำเลอะเทอะข้างนอก”
สายสมรตอบด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรงเช่นเดิม
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคราวนี้พี่หมอนไม่ออกมายุพาจะไปตามผู้กองมางัดประตูแล้วนะคะ”
ยุพาทำหน้าตาเซ็งจัดกับความดื้อรั้นของสาวอวบ คนอะไรถ่ายหนักขนาดนั้นยังไม่ยอมออกจากห้องน้ำหายาทานอีก
ครั้นจะเดินหนีไปเสียก็คงดูใจร้ายไอ้ครั้นจะเรียกคนมาช่วยเธอก็ไม่เห็นคนงานในบ้านสักคนแม้กระทั่งแม่บ้านอย่างนางสมใจก็ไม่รู้ว่าหายหน้าไปอยู่ไหน
ยุพาจึงได้แต่เดินกลับไปกลับมาหน้าห้องน้ำอย่างกระวนกระวายใจต่อไป
ในขณะที่สายสมรเองก็กำลังส่งไลน์หาใครคนหนึ่งอยู่โดยเจ้าหล่อนนั่งอยู่บนชักโครกและเครื่องแต่งกายยังอยู่ครบหาได้คล้ายกับคนท้องเสียแต่อย่างใด
(โอเคหรือยังคะ พี่หมอนไม่ไหวแล้วนะคะ)
สักพักมีข้อความตอบกลับจากผู้กองภวินท์เป็นรูปสติ๊กเกอร์ยิ้มตาตี่พร้อมกับชูคำว่าโอเคเป็นภาษาอังกฤษอยู่บนหัว
สายสมรพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับรำพึงกับตัวเองเสียงแผ่ว
“ปิดจ๊อบได้นังหมอน”
*************************************************************************************
ความคิดเห็น